5 Answers
เก็บสถิติคร่าวๆแล้ว ฉันจะบอกแนวทางสำหรับคนที่อยากประหยัดแต่ยังคงคุณภาพชีวิตของฮัสกี้
เลือกอาหารแบบซื้อเป็นถุงใหญ่จากร้านประจำจะตกกิโลกรัมละถูกกว่า, ทำของเล่น DIY จากผ้าเก่าลดค่าใช้จ่ายขนม, กรูมมิ่งบางอย่างทำเองได้ เช่นแปรงขนและตัดเล็บซึ่งลดการไปร้าน ทำให้ต้นทุนต่อเดือนลงมาได้ประมาณ 2,500–4,500 บาท ถ้าตัดพวกประกันหรือฝากเลี้ยงออก
อย่างไรก็ตาม ต้องเผื่อค่าวัคซีนประจำปีและยาป้องกันไว้เสมอ เพราะการประหยัดตอนแรกอาจเจอค่าใช้จ่ายมหาศาลถ้าป้องกันไม่ดี สรุปคือประหยัดได้ แต่ต้องวางแผนล่วงหน้าและมีเงินสำรองฉุกเฉินไว้เสมอ
มาดูภาพรวมแบบเปรียบเทียบระหว่างการเลี้ยงฮัสกี้ในเมืองใหญ่กับชนบทบ้าง ผมเห็นความต่างชัดเจน
ในเมืองใหญ่ (เช่น กรุงเทพฯ) ค่าอาหารอาจสูงกว่าเล็กน้อย แต่ที่เพิ่มชัดคือค่าบริการกรูมมิ่งและค่ารักษาพยาบาลเฉพาะทาง รวมแล้วอาจเพิ่ม 20–50% จากราคาพื้นฐาน บางคลินิกสัตว์แพทย์เฉพาะทางหรือโรงพยาบาลสัตว์มีค่าบริการตรวจและทำหัตถการสูงกว่าในต่างจังหวัดมาก
ในชนบทหรือจังหวัดอื่น ๆ ค่าเทอมพันธุ์ (เช่น ค่าอาบน้ำ หรือกรูม) มักถูกกว่า แต่ข้อจำกัดคืออาจต้องขับรถไกลเพื่อตรวจพิเศษหรือพบสัตวแพทย์เฉพาะทาง ทำให้เกิดค่าเดินทางเพิ่มขึ้น ผมเลยมักคูณค่าเดินทางและเวลาเป็นส่วนหนึ่งของต้นทุน
ถ้ารวมทุกอย่างจริง ๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือ: เมืองใหญ่เตรียม 6,000–12,000 บาท/เดือนเป็นมาตรฐานสบาย ๆ ส่วนในชนบทอาจลงมาเหลือ 4,000–8,000 บาท/เดือน แต่ทั้งสองแบบต้องมีเงินสำรองสำหรับเหตุฉุกเฉินอย่างน้อย 20,000–50,000 บาทสำหรับการผ่าตัดหรือรักษาระยะยาว
ในวัยเกษียณฉันพบว่าการเลี้ยงฮัสกี้มีมุมสงบและค่าใช้จ่ายที่ต่างไปจากคนทำงาน
ฉันไม่ได้ออกไปทำงานทุกวัน จึงลดค่าส่งเทรนนิ่งและค่าส่งฝากเลี้ยงลง แต่เพิ่มการลงทุนไปที่อาหารดี ๆ กับอาหารเสริมบำรุงข้อ (glucosamine) ซึ่งสำคัญเมื่อหมาเริ่มมีอายุมากขึ้น ค่ากระบะทรายหรือผ้าปูรองอาจไม่เยอะ แต่ยาที่ต้องติดตามสำหรับโรคข้อหรือฟันอาจต้องเผื่อประมาณ 300–800 บาท/เดือน
ค่าใช้จ่ายรวมสำหรับสไตล์นี้มักจะอยู่ที่ 3,000–7,000 บาท/เดือนโดยประมาณ โดยที่ผมเน้นการป้องกันและการดูแลประจำมากกว่าการพึ่งพาบริการภายนอก ซึ่งช่วยคุมงบและทำให้ความผูกพันเพิ่มขึ้น
ลองคิดแบบนี้ดู: แยกเป็นค่าเท่าที่จะเกิดซ้ำทุกเดือนกับค่าเฉลี่ยฉุกเฉินที่ควรสะสม
ค่าประจำเดือนที่เกิดซ้ำได้แก่ อาหาร 1,000–3,000 บาท, ยากันหมัด/พยาธิ 300–800 บาท, ค่าวัคซีน/ตรวจสุขภาพเฉลี่ย 150–300 บาท, ของใช้/ของเล่น 200–600 บาท แล้วถ้าต้องการฝากเลี้ยงหรือมีธุระบ่อย ๆ ให้เผื่อค่านายหน้าหรือฝากเลี้ยงอีก 500–1,500 บาทต่อเดือนโดยเฉลี่ย
ผมค่อนข้างเน้นด้านการจัดสรรเก็บฉุกเฉินไว้เผื่อผ่าตัดหรือเจ็บป่วยหนัก ถ้าลงทุนทำประกันสุขภาพสำหรับสัตว์เลี้ยงในประเทศไทย เบี้ยอาจอยู่ที่ 1,000–3,000 บาท/เดือน ขึ้นกับความคุ้มครอง แต่ถ้าไม่มีประกันควรเก็บสำรองอย่างน้อย 500–2,000 บาท/เดือน เพราะเคสฉุกเฉินบางอย่างเช่นผ่าตัดไส้ติ่งหรือบาดเจ็บรุนแรงอาจจ่ายเป็นหมื่นได้ ฉะนั้นโดยรวมถ้าจะอยู่ในกรอบปลอดภัยผมแนะนำงบประมาณ 5,000–10,000 บาท/เดือน ทั้งนี้ถ้าคุณทำการบ้านหาสินค้าราคาส่งหรือคลินิกที่มีแพ็กเกจประจำก็จะลดลงได้
คงต้องบอกว่าสำหรับฮัสกี้ต้นทุนต่อเดือนมันไม่ได้ถูก แต่ก็มีระดับให้เลือกตามไลฟ์สไตล์ของเรา
ผมมองแบบแยกรายการเป็นหลัก ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้น: อาหารคุณภาพดี (ขนาดสุนัข 20–28 กก.) จะกินประมาณ 8–12 กก./เดือน ถ้าเลือกแบรนด์พรีเมียมราคาประมาณ 120–250 บาท/กก. ก็จะตกที่ราว 1,000–3,000 บาทต่อเดือน ส่วนยาป้องกันเห็บหมัดและพยาธิหัวใจรวมๆ ประมาณ 300–1,000 บาท/เดือน ขึ้นกับชนิดและความครอบคลุม
ค่ารักษาพยาบาลประจำปี เช่น วัคซีนและตรวจเลือด ปกติรวมเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่ถ้าเฉลี่ยต่อเดือนจะอยู่ที่ 200–400 บาท แต่ต้องเผื่องบฉุกเฉินหรือการผ่าตัดใหญ่ไว้ด้วย ซึ่งถ้าเก็บเป็นกองทุนฉุกเฉินแนะนำอย่างน้อย 500–2,000 บาท/เดือน (เพราะค่าผ่าตัดหรือรักษาโรครุนแรงอาจทะลุหมื่นถึงหลายหมื่น)
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็มีค่าน้ำค่าไฟ (บ้านร้อนต้องเปิดพัดลมหรือแอร์มากขึ้น ในไทยอาจเพิ่ม 500–2,000 บาท/เดือน), ของเล่น เบาะ ซับฉี่ หรืองานกรูมมิ่งมืออาชีพ (ถ้าไม่ได้ทำเองจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 300–1,200 บาท/ครั้ง แล้วแต่บริการ) สรุปแบบกว้าง ๆ ผมมักจะบอกคนที่สนใจว่างบขั้นต่ำจริงจังราว 3,000–5,000 บาท/เดือน ถ้าเลี้ยงแบบสบาย ๆ พร้อมประกันหรือเก็บฉุกเฉินควรเตรียม 6,000–12,000+ บาทต่อเดือน