ยอมรับเลยว่าหนังสือที่คนมักจะยกให้เป็นผลงานยอดนิยมของทัดดาว บุษยา คือ 'ดาวกระจ่าง' นั่นแหละ เพราะเป็นเล่มที่อ่านง่ายแต่ลึกซึ้ง ทั้งพล็อตและภาษาทำให้คนหลายรุ่นสะดุดหัวใจ ได้พูดคุยกันมากที่สุดในวงการอ่านของบ้านเรา เรื่องนี้เล่าถึงการเติบโต ความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนในครอบครัว และการตามหาตัวตนของตัวละครหลักท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของสังคม ทำให้มันเข้าถึงคนอ่านได้กว้างกว่าผลงานอื่นๆ ของนักเขียนท่านนี้
บทร้อยเรียงใน 'ดาวกระจ่าง' ไม่ได้หวือหวาด้วยเหตุการณ์ตื่นเต้น แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็กๆ ที่ทำให้ความเป็นมนุษย์แบกรับความเศร้าและความหวังได้อย่างสมจริง ฉากที่ชอบมากคือช่วงที่ตัวละครหลักเดินกลับบ้านท่ามกลางแสงดาวและคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา ฉากเหล่านั้นไม่ได้ยาว แต่ภาษาที่เรียบง่ายแต่น้ำหนักหนักกลับทำให้ผู้อ่านรู้สึกเหมือนได้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย ความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์ที่เป็นธรรมชาติแบบนี้เป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมคนอ่านทั่วไปและกลุ่มนักวิจารณ์ถึงชื่นชมผลงานเล่มนี้
มุมมองทางสังคมในเรื่องก็เป็นอีกจุดเด่น ทัดดาว บุษยาไม่พยายามสั่งสอนตรงๆ แต่ใช้ชีวิตของตัวละครเป็นกระจกสะท้อนประเด็นที่หลายคนหลีกเลี่ยง เช่น ความคาดหวังของครอบครัว ความขัดแย้งระหว่างรุ่น และช่องว่างระหว่างความฝันกับความเป็นจริง ฉันชอบวิธีที่เธอใส่รายละเอียดเล็กๆ เช่น กลิ่นอาหารในบ้าน เศษฝนบนขอบหน้าต่าง หรือเสียงรถของชุมชน เหล่านี้ช่วยให้เรื่องกลมกล่อมและทำให้ฉากอึดอัดหรืออบอุ่นมีน้ำหนักขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
สุดท้ายแล้วเหตุผลที่ทำให้ 'ดาวกระจ่าง' ยืนอยู่ในฐานะผลงานยอดนิยมไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องหรือภาษาที่สวยงามเท่านั้น แต่มันคือความสามารถในการเชื่อมโยงกับผู้อ่านได้ในระดับอารมณ์ หลายคนเล่าว่าเปิดอ่านแล้วต้องหยุดคิดถึงความสัมพันธ์กับคนรอบตัว บางคนเอาไปคุยในกลุ่มหนังสือ บางคนโยงเข้ากับความทรงจำของตัวเอง นั่นแหละที่ทำให้หนังสือเล่มนี้ยังคงถูกหยิบมาอ่านซ้ำอยู่บ่อยๆ สำหรับฉันแล้ว มันเหมือนหนังสือที่
ปลอบประโลมในวันที่หัวใจอ่อนล้า และยังเตือนให้รู้ว่าความจริงใจเล็กๆ ในชีวิตนั้นมีคุณค่าไม่แพ้ความสำเร็จยิ่งใหญ่เลย