เราเชื่อว่าการทำให้ฉาก 'แตะต้อง' ได้ไม่ใช่แค่เรื่องของการซูมเข้ามือหรือแสงที่สวย แต่เป็นการจัดวางองค์ประกอบภาพให้คนดูอยากยื่นมือไปสัมผัส สิ่งที่ดึงฉันเข้ามากที่สุดมักเป็นรายละเอียดเล็กๆ: พื้นผิวของไม้ที่สึก สีที่ซีดจางบริเวณขอบผ้า ไอระเหยลอยขึ้นจากแก้วชา ฉากใน 'Spirited Away' ที่ตัวละครนั่งบนรถไฟกลางน้ำทำให้ฉันรู้สึกถึงความเงียบและความหนาแน่นของอากาศ เพราะกรอบภาพกว้าง เส้นขอบฟ้าลึก และแสงนุ่มที่ตกกระทบผิวน้ำ — ทุกอย่างชวนให้สัมผัสแบบเงียบๆ
มุมกล้องและระยะช็อตมีพลังมากกว่าที่คิด การใช้ช็อตใกล้จับรายละเอียดมือที่จับด้ามประแจ หรือช็อตที่มีระยะชัดตื้นทำให้พื้นหลังเบลอจนเนื้อสัมผัสของวัตถุเด่นขึ้น เสียงแบบ Foley ที่แม่นยำ เติมความรู้สึกสัมผัสได้อีกชั้น สีโทนอุ่นทำให้วัตถุดูอ่อนนุ่ม ขณะที่สีโทนเย็นชวนให้ผิวสัมผัสดูแข็งและไกล การจัดองค์ประกอบภาพแบบมีชั้น (layering) ทำให้เกิดความลึกจนสมองตีความว่าเราสามารถ
เอื้อมไปแตะได้จริงๆ ฉันชอบสังเกตการใช้กรอบธรรมชาติอย่างหน้าต่างหรือประตู เพื่อวางวัตถุให้เห็นเป็นชั้น ๆ — มันสร้างความอยากสัมผัสขึ้นมาเอง
เมื่อคิดในเชิงผู้ชม ประสบการณ์ที่จับต้องได้มักผสมกันทั้งภาพ เสียง จังหวะตัดต่อ และการเคลื่อนไหวของกล้อง ฉากที่ทำให้ฉันอยากแตะมักเป็นฉากที่ไม่รีบร้อน ให้เวลาสำหรับสายตาและหัวใจได้สำรวจ แล้วความทรงจำเกี่ยวกับสัมผัสเหล่านั้นจะค้างอยู่ นี่แหละคือเวทมนตร์ของภาพยนตร์ที่ทำให้ฉากไม่ใช่แค่เห็น แต่รู้สึกได้ด้วยตัวเอง