มาเล่าแบบแฟนคลับให้ฟังตรงๆ ว่าในมุมมองของคนที่ติดตามทั้งนิยายและเวอร์ชันดัดแปลง มันมีทิศทางที่ค่อนข้างชัดเจนว่าเอพิโสดที่ 1 ของ '
หยดฝนกลิ่นสนิม' ถูกดัดแปลงมาจากเนื้อหาในนิยาย แต่ไม่ใช่การยกมาทั้งหมดแบบเป๊ะ ๆ เหมือนการถ่ายสำเนา พอเปิดฉากมาเราจะเห็นบีทหลัก ๆ ที่คุ้นเคย — บรรยากาศฝนและสนิม กลิ่นอายเหงาของเมือง และแรงขับเคลื่อนของตัวละครหลักที่อยู่เบื้องหลังความทรงจำเหล่านั้น แต่นักเขียนบทเลือกทำให้ฉากบางฉากกระชับขึ้น ตัดประโยคภายในหัวที่ยาว ๆ ออกไป แล้วแทนที่ด้วยภาพซ้อนภาพหรือซาวด์เอฟเฟกต์เพื่อสื่ออารมณ์แทนการบรรยายยืดยาว
โดยรวมแล้วเอพิโสดแรกยังคงรักษาประเด็นสำคัญจากบทต้นของหนังสือไว้ได้ เช่นจังหวะการเปิดตัวตัวเอกกับโลเคชันที่เป็นสัญลักษณ์ การใช้ฝนกับสนิมเป็นเมตาฟอร์ที่วนอยู่รอบ
เรื่อง แต่มุมมองถูกปรับให้เป็นภาพมากขึ้น ฉากย้อนอดีตที่ในหนังสือกินหน้ากระดาษยาว ๆ ถูกกระจายมาเป็นแฟลชในช่วงสั้น ๆ เพื่อคงความลื่นไหลของจังหวะภาพยนตร์ บทสนทนาที่เคยลุ่มลึกในหน้าเล่มบางบรรทัดถูกเขียนขึ้นใหม่ให้กระชับและแฝงนัยมากขึ้น นอกจากนี้มีการรวมตัวละครรองบางตัวเข้าเป็นตัวเดียวกันเพื่อลดจำนวนคนที่ผู้ชมต้องจำในตอนแรก ซึ่งเป็นเทคนิคที่เห็นได้บ่อยในการดัดแปลงนิยายยาวให้เข้ากับเวลาของทีวีซีรีส์
สิ่งที่ชอบเป็นพิเศษคือการเพิ่มฉากภาพยนตร์เล็ก ๆ ที่ในหนังสือเป็นเพียงบรรยาย เช่นมุมกล้องช้า ๆ ที่จับหยดน้ำฝนกระทบผิวสนิมหรือเสียงโลหะเบา ๆ ที่สะท้อนความทรงจำ สิ่งเหล่านี้ช่วยเติมเต็มสิ่งที่หนังสือสื่อด้วยคำได้ดีมาก แต่ก็แลกมาด้วยการลดทอนมิติภายในของตัวละครบางคน หากใครชอบการอ่านจะได้เห็นเนื้อหาเชิงจิตวิทยา ความคิด
ซ่อนเร้น และที่มาของพฤติกรรมตัวละครชัดกว่า ในขณะที่เอพิโสดแรกเลือกจะปล่อยบางคำถามไว้ให้ผู้ชมสงสัยและติดตามต่อไป ความแตกต่างอีกอย่างคือปลายตอนมีการเพิ่มช็อตหรือบทใหม่เพื่อให้เกิดแรงดึงดูดสำหรับการดูต่อ ซึ่งไม่มีในหนังสือต้นฉบับ แต่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมเข้าสู่ตอนต่อ ๆ ไปได้ดี
สรุปสั้น ๆ ว่าเอพิโสดแรกเป็นดัดแปลงที่จงใจรักษาอารมณ์เดิมไว้ แต่ปรับรูปแบบการเล่าให้เหมาะกับสื่อภาพยนตร์มากขึ้น ใครที่หลงใหลในบรรยากาศและเมตาฟอร์ของ 'หยดฝนกลิ่นสนิม' จะรู้สึกว่าเวอร์ชันนี้จับจังหวะและโทนได้ดี แม้จะมีการตัดเนื้อหาเชิงจิตวิทยาไปบ้าง ส่วนตัวรู้สึกว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ลงตัว — ยังคงอยากอ่านนิยายต่อเพื่อเติมช่องว่างที่ภาพยังไม่บอก และก็รอชมว่าตอนต่อ ๆ ไปจะกลับมาดึงเอาความละเอียดของต้นฉบับกลับมามากแค่ไหน