เคยสงสัยไหมว่าเรื่องราวของ '
อิเหนา' ที่เรารู้จักผ่านฉบับฉบับร้อยกรองไทยนั้นมีหลักฐานจารึกอะไรยืนยันการเข้ามาสู่แผ่นดินไทยได้บ้าง — คำตอบไม่ได้มาจากข้อความเดียว แต่เป็นการต่อจิ๊กซอว์จากเอกสารจารึก ภาษา และวัตถุทางวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่ชี้แนวทางการเคลื่อนย้ายของนิทานมลายูเข้ามาในสังคมไทย
แหล่งจารึกที่สำคัญคือจารึกที่เป็นตัวอักษรยาวี (Jawi) และอักษรอารบิก-มลายูที่พบได้ในภาคใต้ของไทย ตลอดจนจารึกหรือบันทึกการทูตระหว่างสยามกับรัฐมลายู ซึ่งชี้ชัดว่ามีการสื่อสาร การแลกเปลี่ยนทางการทูต การพาณิชย์ และการเคลื่อนย้ายคนข้ามฟากอย่างต่อเนื่อง เมื่อนักเดินทาง พ่อค้าวาณิช และผู้ถูกกวาดต้อนเข้าเมืองกลุ่มมลายูนำวรรณกรรมลายปี่ลายเรื่องเล่าของตนมาด้วย ก็ทำให้เนื้อหาและตัวแบบนิทานเช่นเรื่องของกษัตริย์
วีรบุรุษ และโศกนาฏกรรมแพร่กระจาย จุดนี้นักวรรณคดีชี้ว่า รูปแบบเรื่องเล่าและตัวละครในคัมภีร์มลายูหลายฉบับคล้ายคลึงกับองค์ประกอบในฉบับร้อยกรองไทยของ 'อิเหนา'
นอกจากจารึกภาษามลายูแล้ว หลักฐานจากคอลโฟนในต้นฉบับใบลานไทยก็มีนัยยะสำคัญ หลายฉบับใบลานหรือสำเนาบทละครที่ระบุชื่อผู้แปล ผู้เรียบเรียง หรือระบุแหล่งที่มาเป็นคำว่า 'ฮิกายะ' และคำว่า 'มลายู' ทำให้นักประวัติศาสตร์วรรณคดีสามารถติดตามสายพันธุ์ของข้อความได้ นี่ยังรวมถึงหลักฐานด้านภาษาและสำนวนในฉบับร้อยกรองไทย — มีคำยืมจากมลายู คาแร็กเตอร์ของบทสนทนา และโครงสร้างเรื่องที่สอดคล้องกับต้นฉบับมลายูแบบฮิกายะ ซึ่งเป็นร่องรอยทางภาษาศาสตร์ที่ยืนยันการถ่ายทอดความคิดและเรื่องเล่า
ภาพจิตรกรรมฝาผนังตามวัด และบทร้องบทร่ายที่บันทึกไว้ในเรือนคำประพันธ์ของคณะละครในราชสำนักก็ทำหน้าที่เป็นจารึกชนิดหนึ่ง เพราะแสดงให้เห็นการนำเสนอเรื่องราวในรูปแบบที่ได้รับอิทธิพลจากวรรณกรรมมลายู สังเกตได้จากฉาก เทศกาล และขนบประเพณีที่ปรากฏในเนื้อเรื่อง ซึ่งไม่ใช่เพียงการยืมพล็อตเท่านั้น แต่เป็นการปรับให้เข้ากับรสนิยมและค่านิยมของสังคมไทยในยุคนั้น ความเชื่อมโยงระหว่างจารึกภาษาต่างชาติ ต้นฉบับใบลาน และงานศิลป์ ทำให้เราสามารถสรุปได้ว่า 'อิเหนา' เข้ามาโดยการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมผ่านช่องทางพาณิชย์ การทูต และการเคลื่อนย้ายของผู้คนในภูมิภาคมาตั้งแต่สมัยอยุธยาและก่อนหน้า
สรุปแล้วหลักฐานจารึกไม่ได้ยืนยันด้วยป้ายหนึ่งป้ายใดเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการผสมผสานของจารึกภาษามลายู คอลโฟนในต้นฉบับไทย ภาษาและสำนวนที่สอดคล้องกัน ความปรากฏของเนื้อหาคล้ายคลึงในศิลปกรรม และบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่ชี้การติดต่อระหว่างรัฐ ความผสมผสานนี้ทำให้ความเชื่อมโยงเป็นไปได้อย่างชัดเจน และทำให้ฉันรู้สึกชอบใจทุกครั้งที่เห็นวรรณกรรมข้ามพรมแดนอย่างงดงามแบบนี้ — มันทำให้เข้าใจว่าเรื่องเล่าหนึ่งเรื่องสามารถเดินทาง ปรับตัว และกลายเป็นสมบัติร่วมของผู้คนได้อย่าง
แท้จริง