มีงานหลายชิ้นที่หยิบเอาตัวละครคลาสสิกมาผสมกับตำนานหรือธีมเหนือธรรมชาติ จึงเป็นไปได้สูงว่าชื่อ 'Wild Hunt: Heathcliff' ที่คนพูดถึงอาจไม่ใช่นิยายตีพิมพ์จากสำนักพิมพ์ใหญ่ แต่เป็นงานดัดแปลงหรือแฟนฟิคที่เอา 'Heathcliff' มาจากผลงานคลาสสิกของผู้เขียนหญิงชาวอังกฤษ Emily Brontë ผู้สร้างตัวละครนี้ใน 'Wuthering Heights' ในนวนิยายดั้งเดิม Heathcliff คือชายหนุ่มมีฉากหลังเป็นท้องทุ่งมอสและความรักที่โหมกระหน่ำ ส่วนถ้านำชื่อเขาไปจับกับธีม 'Wild Hunt' ผลลัพธ์มักเป็นการเปลี่ยนโทนจาก
โศกนาฏกรรมความรักไปสู่บรรยากาศลึกลับและคุกคามมากขึ้น
มุมมองของเราเมื่ออ่านหรือจินตนาการถึงเวอร์ชันแบบนี้คือมันมักจะเล่นกับสองแกนหลัก: การแก้แค้นเชิงเหนือธรรมชาติ และการถูกผูกมัดด้วยอดีตที่ไม่ยอมปล่อยให้ไป ตัวพล็อตโดยทั่วไปอาจเล่าเรื่องว่า Heathcliff กลายเป็นผู้นำขบวนล่าสยอง — ไม่ว่าจะโดยคำสาปหรือการรวมพลังจากความโกรธที่ยังคงอยู่บนทุ่ง ทำให้เขาและผู้อยู่รอบตัวถูกลากเข้าสู่วงจรของการทำลายล้างและการ
พยาบาท ท่ามกลางหมอกและเสียงลมพัดผ่านราวกับพยาน
บทสรุปสั้นๆ ที่ฉันชอบจินตนาการคือเรื่องนี้ไม่ใช่แค่การเพิ่มผีหรือความยาวของตอน แต่เป็นการขยายความหมายของการสูญเสียและการยึดติด: Heathcliff ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความรักที่บิดเบี้ยว แต่ในเวอร์ชันนี้ความรักกลายเป็นพลังที่ทำให้ทั้งคนและสถานที่ถูกทำลาย จบแบบปล่อยให้ผู้อ่านค้างคา ไม่ต่างจากต้นฉบับแต่มืดทึบทวีคูณ