“ถ้ามันทำอะไรแปลกๆ มาบอกพี่”
ดวงตาสีเทาอ่อนที่ฉายแต่ความน่ากลัวออกมา ในตอนนี้ฉันเห็นว่ามันอบอุ่นและอ่อนโยนลง ดวงตาของเขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ หลังจากที่ฉันตีตัวออกห่างจากกลุ่มที่เขาดูแลอยู่ พี่อาเธอร์ไม่เหมือนเดิมเลย ฉันก็ไม่ต่างกัน ตอนนี้เรากลายเป็นเพียงแค่คนที่เคยอยู่กลุ่มเดียวกัน ความรู้สึกชอบที่มีให้เขานั้น มันเป็นแค่อดีตที่ฉันอยากลืม
“ฉันออกมาจากกลุ่มนานแล้ว การที่พี่โผล่มาที่นี่ มันทำให้ฉันใช้ชีวิตลำบากขึ้น อย่ามาหาฉันอีกเลย ฉันไม่ใช่ไวท์คนเดิมแล้วนะ”
ฉันยืดตัวขึ้นจากเก้าอี้ ขยับไปด้านข้างเอื้อมไปคว้ากระเป๋ามาสะพาย ตั้งใจเดินผ่านพี่อาเธอร์ไปเงียบๆ แต่เขาไม่ยอมให้ฉันทำแบบนั้น มือใหญ่เอื้อมมากำท่อนแขน ดึงเข้าหาตัวช้าๆ ลดใบหน้าต่ำลงอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยนะ!”
“ยังโกรธพี่เรื่องนั้นอยู่เหรอ?”
“ไวท์ไม่โกรธหรอก พี่ไม่ผิดอะไรเลย และพี่ก็ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่น ไวท์เข้าใจ ใครๆก็คงมองไวท์เหมือนที่พี่มองนั่นแหละ”
ฉันยิ้ม ประโยคพวกนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งหมดของฉัน ประชดประชัน น้อยเนื้อต่ำใจ เขาเป็นคนแรกที่ฉันนึกว่ามันจะต่าง แต่ก็ไม่ เขาไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นเลย มองฉันที่รูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งมันไม่ผิดที่เขาจะมองฉันแบบนั้น คนที่ผิดมันตัวฉันเอง ที่มองว่าเขาพิเศษกว่าคนอื่น
“ไม่ใช่! พี่ … ไม่ได้มองไวท์แบบนั้น”
ฉันได้ยิน และพอจะรู้ตัวเองดี ว่าเขาไม่ได้มองฉันเหมือนเมื่อก่อนแล้ว แต่มันก็เป็นเพราะฉันอีกนั่นแหละ เขารู้แล้วไงว่าฉันเป็นผู้หญิง ถ้ายังมองว่าฉันเป็นผู้ชายอยู่ ก็คงโดนฉันต่อยหน้าหงายไปแล้วแหละ
“อย่าเสียเวลาในการเปลี่ยนความคิดไวท์เลย ไวท์ไม่กลับไปหรอก ปีนี้พี่ก็จะเรียนจบแล้วด้วย ตั้งใจเรียนดีกว่านะ”
ฉันเตือนพี่อาเธอร์ด้วยความหวังดี คนตัวโตถอยห่างออกไป ถอนหายใจดังๆให้ฉันได้ยินด้วย ฉันเดินออกมาแบบไม่หันกลับไปมอง
ไม่มีเหตุผลอะไรให้ฉันกลับไปเข้าร่วมกลุ่มนั้นอีกแล้ว อีกหนึ่งเหตุผลที่ฉันไม่กลับไป คือฉันได้ยินข่าวลือเรื่องการเลือกหัวหน้ากลุ่มที่จะจัดขึ้นในเร็วๆนี้ ไลน์เนอร์จะได้ขึ้นเป็นผู้นำของกลุ่ม Scorpio กลุ่มคู่อริของกลุ่ม Leo ถ้าฉันกลับเข้าไปร่วมกลุ่มอีกครั้ง ชีวิตต้องชิบหายแน่ๆ
กลุ่มที่ฉันพูดถึง คือ Zodiac เป็นการรวมตัวของนักศึกษาหลากหลายคณะ ที่มีความสามารถ ชื่อเสียง หน้าตา และฐานะที่โดดเด่น โดยมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 12 กลุ่ม ยึดจากราศีที่เกิดเป็นเกณฑ์ในการเข้าร่วม ชื่อเรียกของแต่จะกลุ่ม จะใช้ชื่อของกลุ่มดาวในราศีนั้นๆ เป็นชื่อเรียก แต่ละกลุ่มดาวจะมีหัวหน้าอยู่หนึ่งคน เป็นคนคอยจัดการดูแลคนในกลุ่มของตัวเอง
กลุ่มที่ฉันเคยสังกัด มีชื่อว่า Leo กลุ่มดาวของคนราศีสิงห์ มีพี่อาเธอร์เป็นหัวหน้ากลุ่ม และเขาเป็นหัวหน้ามาสองปีซ้อน ทั้งที่คนอื่นได้เป็นหัวหน้าก็ตอนที่อยู่ปีสี่ทั้งนั้น
พี่อาเธอร์เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเรื่องการชกต่อยมากที่สุดในมหาวิทยาลัย ฉันปลื้มฝีมือการชกต่อยของเขาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่ง ตอนนั้นไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว จนกระทั่งฉันจะขึ้นปีสอง ไนท์ก็มาชวนฉันไปเข้าร่วมกลุ่มจักรราศี ด้วยความที่กลุ่มนี้มีพี่อาเธอร์เป็นหัวหน้า ฉันที่ต้องการอยู่ใกล้ๆคนมีฝีมือจึงเข้าร่วมอย่างไม่ลังเล
พี่อาเธอร์สนิทกับไนท์ มันพลอยทำให้ฉันกับเขาสนิทกันไปด้วย ตอนนั้นฉันยังแต่งตัวคล้ายผู้ชายไปรวมกลุ่ม เขาเลยเข้าใจผิดว่าฉันเป็นผู้ชายเหมือนไนท์ ฉันไม่ต้องการแก้ไขความผิดนั้น เพราะมันเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของฉัน ฉันยังคงใช้ชีวิตอยู่แบบนั้น ส่วนความรู้สึกของฉันที่มีต่อพี่อาเธอร์ มันก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นในทุกๆวัน ฉันเกือบจะเรียกมันว่าความรัก จนกระทั่งบังเอิญได้ยินเขาพูดกับเพื่อน
“ชอบแบบนั้นเหรอ?”
ในขณะที่กำลังจะเดินพ้นมุมตึกของคณะบริหาร เสียงห้วนที่คอยหลอนอยู่ในหูตลอดสองวันก็ดังขึ้น ฉันถอนหายใจเบาๆ อุตส่าห์พูดจาร้ายๆใส่เขา เพื่อทำให้เขาเกลียดฉันแท้ๆ ทำไมชอบมาวอแวนักนะ
“ชอบ!”
ฉันหันกลับไปตอบไลน์เนอร์ คำตอบของฉันทำให้ใบหน้าหล่อเหลานั้นแปลกไป และไม่นานมันก็กลับมาหงุดหงิดเหมือนเดิม เพราะประโยคถัดมาของฉัน “ชอบเสือกเรื่องคนอื่นนะเรา!”
“เหมือนกูเคยเตือนมึงแล้วนะไวท์ ว่าให้พูดกับกูดีๆ”
ร่างสูงในชุดช็อปสีเข้มก้าวมาใกล้จนได้กลิ่นบุหรี่ สองมือที่เคยสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงสแล็คสีดำ ถูกดึงออกมากำรอบลำคอของฉัน แรงบีบไม่ได้ทำให้รอยยิ้มยั่วโมโหหายไป ฉันยังคงยิ้มอย่างนั้นใส่เขา ทั้งๆที่ลมหายใจเริ่มติดขัดแล้ว
“ …! แม่ง! ดื้อชิบหายเลย!”
เป็นไลน์เนอร์ที่ยอมแพ้ไปเอง คนหน้าตาหล่อเหลาเกลี้ยงเกลาขยับไปทำฟึดฟัดอยู่ห่างๆ ปล่อยให้ฉันพ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่เข้าใจ
คำว่าอิหยังวะ ดังขึ้นมาในหัวตลอด มันเป็นอีหยังของมัน ฉันไม่เข้าใจจริงๆ
“ฟังนะไลน์เนอร์!”
ฉันพูดพลางขยับเท้าเดินไปหาคนตัวสูง ที่ราวกับกินเสาไฟฟ้าเข้าไปทั้งต้น เงยหน้ามองความน่าอิจฉาบนใบหน้านั้น เมื่อความสูงมันยังต่างกันอยู่ ฉันก็กำเสื้อของเขาแล้วดึงมันลง ใบหน้าราวกับรูปสลักของเทพเจ้ากรีก อยู่ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจกลิ่นมินต์
“เราไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว แกเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นปี เพราะฉะนั้น อย่าเสือกเรื่องของฉันได้ไหม!”
ฉันยังรู้สึกกลัวตัวตนของไลน์เนอร์อยู่ เขาเป็นคนดังของมหาวิทยาลัย การที่เขามาป้วนเปี้ยนรอบๆตัวฉัน มันจะทำให้ฉันกลายเป็นจุดสนใจมากกว่าเดิม ถึงเขาจะน่ากลัวสุดๆ แต่คงไม่เท่าคนพวกนั้นที่ต้องการฆ่าฉันให้ตาย
ตายที่หมายถึงตายจริงๆ ไม่ใช่การขู่เพื่อให้ฉันกลับอย่างที่ไลน์เนอร์ทำ
“ฉัน ฉันเจอกับผู้หญิงคนนั้นตอนอายุย่างสิบสามปี เราเจอกันโดยบังเอิญ เธอโผล่เข้ามาในตอนที่ฉันกำลังถูกทำร้าย” ผมพยายามพูดเลี่ยงๆ เพราะไม่อยากให้ไวท์นึกภาพตาม ยังไม่อยากให้เธอเกิดความหวาดกลัวขึ้นตอนนี้ แต่เหมือนมันจะไม่เป็นอย่างที่ต้องการ คนที่ผมกอดอยู่กำลังสั่น ผมจึงขยับแขนลงช้อนบั้นท้าย อุ้มไวท์กลับมาที่เตียงนอนสีดำสนิท “…!” “เธอถูกคนที่ทำร้ายฉันจับตัวไว้ เราถูกขังอยู่ด้วยกันนานหลายชั่วโมง ฉันที่หมดหวังว่าจะรอดชีวิตออกไป ได้เธอช่วยให้กำลังใจจนอยากมีชีวิตอยู่ต่อ” ผมเล่าอ้อมๆ กดใบหน้าลงบนไหล่เล็ก พยายามไม่นึกถึงภาพเก่าๆเหล่านั้น แต่มันทำไม่ได้ ความกลัวทำให้ผมกอดไวท์แน่น คนบนตักนิ่ง มีเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ผมได้ยินมันจากเธอ “ฉัน ฉันขอไม่ลงรายละเอียด เพราะฉันไม่อยากให้เธอนึกถึงมัน ฉันไม่อยากให้เธอจำเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น แต่ฉันไม่เคยลืมเธอเลยนะไวท์ ไม่เคยลืมเลย แม้กระทั่งตอนหลับ เธอก็ยังช่วยดึงฉันออกมาจากฝันร้ายเหล่านั้น” “ฮึก! นายจะบอกฉันว่า ฉัน ฉันคือผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม นายจะบอกฉันว่า เด็กคนนั้นที่อยู่กับฉัน ยังไม่ตายงั้นเหรอ นาย นายคือเขาเหรอ” ไวท์ขยับตัวหมุนมาเผ
“ทำอะไรอยู่อะไวท์?!” ตึง! ตึง! เสียงของไลน์เนอร์ดังขึ้นบริเวณหน้าห้อง ไม่นานเสียงวิ่งตึงตังก็ดังขึ้นมา และเพียงไม่นานสมุดบันทึกเล่มนั้นก็หลุดออกไปจากมือ ใบหน้าตกใจของเขา ทำให้ฉันเข้าใจทุกอย่าง เขาไม่ได้ต้องการให้ฉันอ่านมัน เธอคนนั้นที่เขียนไว้ในกระดาษแผ่นแรกไม่ใช่ฉัน แต่มันหมายถึงเธอ เธอที่เหมือนตุ๊กตาของเขา “ฉันจะกลับไปนอนที่บ้าน” ฉันบอกพลางลุกขึ้นจากเตียง เหมือนร่างกายมันจะหมดแรงลงดื้อๆ แต่ก็ฝืนจนยืนได้สำเร็จ คนตรงหน้าฉันเงียบ การที่เขาเงียบ มันทำให้ฉันเริ่มคุมการไหลของน้ำตาไม่ได้ เขาคิดยังไงกับฉันกันแน่ ฉันตัดสินใจถูกแล้วใช่ไหม ที่เลือกคบกับเขา “ … เธอ อ่านถึงไหนแล้ว? ฉันบอกว่าอย่ายุ่งกับของอย่างอื่นไง” เขาถาม จากนั้นก็เริ่มตำหนิสิ่งที่ฉันทำ ฉันกำลังจะอ้าปากบอกเขาว่าเจอมันอยู่ในถุงกระดาษ แต่เสียงมันหายไป และไม่นานริมฝีปากก็เม้มแน่น น้ำตาของฉันไม่มีผลอะไรกับเขาเลย ทั้งๆที่เห็นมันแล้ว เขาทำแค่เพียงมองมันด้วยสายตาเรียบเฉย “ไวท์!” “ฮึก! … ขอ ขอโทษ!” “ไวท์! มันไม่ใช่สิ่งที่เธอควรเห็นหรอก ฉันผิดเองที่ไม่ได้ตรวจดูมันให้ดี” ไลน์เนอร์ก้าวเข้ามาใกล้ ฉันถอยทั
17 : 45 น. หลังจากเรียนคาบสุดท้ายจบ ไลน์เนอร์ก็อาสามาส่งฉันที่คอนโดก่อน เพราะเขามีท่าทีรีบร้อน ฉันจึงไม่อยากทำให้เขาเสียเวลา ปล่อยเขาไปทันทีที่วนรถขึ้นมาถึงชั้นบน คนตัวโตทำหน้าตึง แต่ก็รีบบึ่งรถหรูคันโปรดของเขาออกไป Tru Tru “มีอะไร ลืมอะไรหรือเปล่า?” คนที่เพิ่งจะมาส่งฉัน และยังขับรถไปได้ไม่ไกลโทรกลับมา ไลน์เนอร์ไม่ยอมพูด บอกให้ฉันรู้ว่าเขากำลังใช้สมาธิในการวนรถลงไปข้างล่าง [ คือ … ฉันซื้อชุดนอนมาให้ เธอช่วยใส่ชุดนั้นนอนรอฉันได้ไหม ] “ที่จะพูดมีแค่นี้ ทำไมไม่พูดตอนมาส่งล่ะ” ฉันแตะคีย์การ์ดเข้ากับเครื่องสแกนหน้าทางเข้า ใช้ใบหน้ากดโทรศัพท์ให้มันแนบกับใบหู ใช้มือดันประตูเข้าไป สอดตัวผ่านช่องว่าง จากนั้นก็ใช้มือถือโทรศัพท์อีกครั้ง [ เหอะน่า! ] “อือ ก็ได้ ขับรถระวังนะ” [ อืม ] ไลน์เนอร์เป็นฝ่ายตัดสายไป ฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ ถึงจะเป็นคนรักของเขา ถึงผู้ใหญ่จะยินยอมให้เราคบหากัน แต่ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย คงเพราะไลน์เนอร์เป็นคนแบบนั้น เขาไม่เคยพูดคำว่ารักหรือชอบออกมาดีๆ มันจึงทำให้ฉันเกิดความกังวล ว่าจริงๆแล้ว เขาชอบฉันจริง หรือแค่อยากกันฉันออกจากพี่ชายของเขา
“เสียดายจัง ไม่มีพี่ไวท์อยู่ ข้าวก็ไม่อยากไปเลยอะ ข้าวออกบ้างดีไหมคะ” “แต่นั่นก็เท่ากับว่า ข้าวลดโอกาสของตัวเองลงนะ” “ฮ่าๆ มันยังมีโอกาสเหลือให้ข้าวอยู่เหรอคะ ข้าวรู้สึกว่าตัวเองไม่มีหวังเลย ตั้งแต่การหมั้นถูกยกเลิก พี่เขาก็กลายเป็นคนเข้าถึงยาก ตอนนี้ใครก็เข้าหน้าเขาไม่ติด” ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันเจอกับข้าวหอมตอนเที่ยงทุกวัน และนั่งปรับทุกข์ให้กันฟังไม่ต่างจากตอนนี้ ทุกข์ของฉันมีไม่มาก แต่ความทุกข์ของข้าวหอมกองโตกว่าภูเขา และวันนี้ ดวงตาของเธอเริ่มฉายความอ่อนล้าออกมา มันเหมือนเธออยากจะตัดใจจากพี่อาเธอร์จริงๆ “อ่า ลอง … ลองทำแบบนั้นดูไหมอะ พี่ก็ พี่ก็ตกไลน์เนอร์ได้เพราะทำแบบนั้นกับเขา” กว่าจะพูดจบ ใบหน้าก็ร้อนเหมือนถูกไฟเผา ฉันแนะนำอะไรออกไป แล้วทำไมยัยแว่นนี่ ต้องทำหน้าตาจริงจังขนาดนั้น อย่าบอกนะว่า คิดจะทำตามคำแนะนำของฉันจริงๆ “แบบนั้นคือแบบไหนเหรอ?” “ก็แบบ … มีเซ็กส์ไง มีเซ็กส์ … กรี๊ด! ไอ้บ้า! จะแกล้งทำไมเนี่ย!” การปรากฏตัวของไลน์เนอร์ ทำฉันตกใจจนเกือบจะตกเก้าอี้ โชคดีที่เขาใช้แผ่นอกดันแผ่นหลังฉันไว้ ซ้ำยังใช้สองแขนโอบกอดรอบเอวแน่น เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำค
“บอกไว้เลยนะว่าฉันไม่ใช่ลูกรัก ไม่ได้มีพร้อมเหมือนที่พี่อาเธอร์มี แต่ฉัน …ฉันจะดูแลเธอให้ดีที่สุด” ผมเขินตอนพูดประโยคสุดท้าย คำพูดที่เหมือนคนกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์ มากกว่าจะเป็นการมาฝากตัวกับครอบครัว ทำเอาไวท์หัวเราะคิกคัก “คิกๆ ฉันเตรียมใจตั้งแต่หลงรักคนอย่างนายแล้วแหละไลน์เนอร์ เพราะฉะนั้น อย่าห่วงเลย” “เธอ เข้มแข็งตลอดเลยนะ” ผมชมคนตัวเล็กที่ยังคงยิ้มไม่หุบ ก้าวเดินต่อไปช้าๆ คราวนี้ไม่มีความลังเลอยู่เลย การมาถึงของเราทั้งคู่ ไม่ได้ทำให้สองคนที่นั่งคุยกันอยู่เกิดความแปลกใจ ผมบอกแม่ไว้แล้วว่าจะพาไวท์มาหา ตั้งแต่ยังอยู่ที่มหาวิทยาลัย ส่วนอเล็กซ์ก็คงรู้มันจากแม่อีกที “สวัสดีครับแม่ อเล็กซ์” “สวัสดีค่ะ” “สวัสดีจ๊ะหนูไวท์ ไลน์เนอร์เล่าเรื่องหนูให้แม่ฟังเยอะเลย” แม่รับไหว้ผมกับไวท์ อเล็กซ์พยักหน้ารับเพียงอย่างเดียว จากนั้นก็ปล่อยให้แม่เป็นฝ่ายพูดคุยกับเรา ด้วยความที่แม่อยากจะมีลูกสาวมานาน การที่ผมพาไวท์มา สีหน้าของท่านจึงดูดีมาก ยิ่งตอนที่ไวท์ขยับเข้าไปยืนใกล้ๆท่านเพราะโดนฝ่ามือผมดัน ท่านยิ่งยิ้มไม่หุบ “ตายแล้ว! หน้าหนูไปโดนอะไรมาลูก?” รอยยิ้มของแม่หายไป เมื่อได้เห็
“อ๊ะ! นะ นาย / ชู่ว! เบาเสียงหน่อยสิ ฉันยังไม่อยากถูกคนอื่นจับได้นะ” ผมบอกไวท์ชิดแผ่นหลัง สอบเอวควงความใหญ่โตเข้าออกถี่ขึ้น ความอดทนเริ่มจะถึงขีดจำกัด แต่ก็พยายามยื้อเวลาออกไปอีก เพราะคนที่อยู่ใต้ร่างในท่าโก้งโค้ง ยังไม่ได้แตะขอบสวรรค์ ถ้าเป็นผู้หญิงคนอื่นมีหรือผมจะสนใจ แต่เพราะนี่คือไวท์ ผมอยากทำให้เธอเสร็จด้วย “อึก!” คนตัวเล็กตัดสินใจใช้มือตัวเองช่วยปิดเสียงคราง เห็นแล้วรู้สึกสงสาร ผมจึงเลื่อนมือไปด้านหน้า ดึงมือของไวท์ออกมาจากริมฝีปากของเธอ “อึก อื้อ!” ไวท์ลังเลที่จะใช้มือของผม แต่เพียงไม่นานริมฝีปากหยักสวยก็อ้าออก กดฟันซี่สวยลงบนอุ้งมือ เสียงครางหวานหายไปในทันที ผมสอบเอวถี่ยิบ อีกมือลูบวนบนจุดกระสัน ถี่รัวเป็นจังหวะเดียวกันกับสะโพก ความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วลำกาย ความอ่อนนุ่มบีบรัดตัวแน่น สะโพกเล็กแอ่นขึ้นรับสัมผัสหนักหน่วง ตับ! ตับ! “อึก!” “เสียงดีใช้ได้เลยเนอะ” “อ๊ะ อื้อ!” ผมพูดจาหยอกล้อคนตัวเล็ก เพื่อระงับอารมณ์ที่พวยพุ่งขึ้นสูงจนเกือบจะถึงขีดจำกัด ผมยังอยากแช่ตัวตนอยู่ในความคับแน่น อยากกระแทกให้มันลึกกว่านี้ ถี่กว่านี้ แต่ไวท์เสร็จไปแล้ว ความคับแน่นของเธอ ก