“เตรียมอาหารรับแขกเรียบร้อยแล้วใช่ไหมแม่สา” บัวสายแต่งตัวเต็มทั้งผ้าซิ่นลายสวยสีชมพูกลีบบัวและเสื้อแขนยาวลูกไม้ปิดจนถึงคอ เดินเข้ามาดูแลความเรียบร้อนที่เรือนรับรองห้องใหญ่
“จะแม่”สารภีที่แต่งตัวไม่ได้ต่างไปจากคนเป็นแม่ ดูรายการอาหารบนโต๊ะรับประทานอาหารตัวใหญ่เสร็จก็รีบเดินปรี่เข้ามาพยักหน้าบอกถึงความพร้อมกับบัวสาย
“นี่เค้ามากันเยอะเหรอถึงได้ให้ฉันเตรียมไว้ซะเยอะขนาดนั้น” เธอหันไปมองเหล่าอาหารบนโต๊ะรับประทานอาหารอีกครั้งด้วยสายตาแปลกใจ เพราะรู้ว่าครอบครัวของหทัยรัตน์มีเพียงแค่สามีและลูกชายเท่านั้น แต่อาหารที่อยู่บนโต๊ะน่าจะทานได้สิบกว่าคนเลย
“มากันสองครอบครัวบ้านคุณดลกับคุณพล”
“ตื่นเต้นเหมือนกันนะแม่” สีหน้าของสารภีแสดงออกถึงอาการแปลกใจอีกรอบ เพราะไม่คิดว่าตระกูลของคิรินก้องสกุลจะให้เกียรติในการมาสู่ขอแม่หม้ายลูกติดอย่างหลานเธอขนาดนี้
“ยัยเพลงถูกสู่ขอฉันก็ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่ แต่ถ้าแกถูกสู่ขอฉันตื่นเต้นแน่” บัวสายเอ่ยออกมาพร้อมมีรอยยิ้มอ่อนที่มุมปาก
“แม่นี่ก็พูดเล่นไปเรื่อย”
“ฉันก็อยากให้มีคนมาขอแกจริงๆ นะ วันหน้าถ้าฉันไม่อยู่จะได้หมดห่วง”
“พูดอะไรมาเป็นมงคลเลย นั่นท่าจะมากันแล้ว หลานแม่วิ่งแจ้นไปหน้าบ้านแล้วนั่น” สารภีรีบคว้าแขนคนเป็นแม่หมับ ก่อนจะส่ายหน้าน้อยๆ เอ่ยเน้นเขี้ยวเน้นฟัน เพราะพักหลังมานี้เห็นแม่ของเธอพูดเรื่องความเป็นความตายอยู่บ่อยๆซึ่งเธอก็ไม่ได้อยากนึกถึงเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่
หลังจากบัวสายและสารภีดูความเรียบร้อยที่ห้องรับรองได้พักใหญ่ รถตู้คันหรูสีดำสองคันก็ขับเข้ามาจอดที่หน้าเรือนรับรองเล็ก โดยที่ขณะนี้มีบัวสายและสารภีรวมถึงเพลงขวัญยืนรออยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะคุณป้า” หทัยรัตน์ลงจากรถมาพร้อมสามีได้ก็รีบยกมือไหว้บัวสายด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“สบายดีนะครับคุณป้า” ดนัยเจอกับบัวสายครั้งล่าสุดก็เมื่องานศพของแม่เขา ครั้งนั้นยุ่งจนไม่ได้มีเวลาไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันเลย เขาเห็นว่าบัวสายผอมซูบลงไปมากจึงเอ่ยทักถามด้วยสีหน้าที่เป็นห่วงเป็นใย
“ป้าสบายดี” แม้คำตอบจะไม่ตรงกับที่เป็นอยู่นัก แต่ก็ตอบตามมารยาทเพื่อที่จะไม่ให้เสียบรรยากาศดีๆ
“สวัสดีค่ะคุณป้า” ปิ่นมณียกมือไหว้บัวสายพร้อมกับสามี ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับเพลงขวัญ สาวแว่นตัวเล็กหน้าจิ้มลิ้มอยู่ในชุดเดรสเสื้อแขนยาวกระโปรงสีเหนือเข่าสีขาวดูตอนนี้เธอจะมีเนื้อมีหนังกว่าแต่ก่อนหน่อย
“สวัสดีทุกคนค่ะ” เพลงขวัญเห็นทุกคนลงมาจากรถจนครบ สายตาของเธอจับจ้องไปที่เหนือตะวันครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาหลบสายตาเธอและยืนนิ่งด้วยสีหน้าไม่ได้ยินดีกับการมาที่นี่ เธอจึงหันมาสนใจและยกมือไหว้ทุกคนที่เพิ่งมาถึง
“เป็นยังไงสบายดีใช่ไหมหนูเพลง” ปิ่นมณีเดินเข้ามาโอบไหล่เพลงขวัญ เพราะเธอเรียนมาด้วยกันกับนับดาวลูกสาวคนเล็ก แถมยังเข้ามาทำงานในโรงแรมของเธอก่อนที่จะตั้งท้อง จึงเอ็นดูหญิงสาวราวกับลูกสาวอีกคน
“ค่ะคุณน้า คุณน้าสบายดีนะคะ”
“จะ”
“เพลง คิดถึงจังเลย” นับดาวรีบเข้ามาสวมกอดเพลงขวัญ เพราะตั้งแต่เพลงขวัญกลับมาอยู่ที่รีสอร์ทเธอก็รู้สึกเหงาไปมาก เพราะไม่มีใครทำงานเข้ากับเธอและเข้าใจเธอได้เท่าเพลงขวัญเลยสักคน
“คิดถึงเหมือนกัน”
“เจ้าแฝดล่ะ” นับดาวผละออกจากตัวเพลงขวัญได้ ก็สอดส่ายสายตามองหาเด็กชายตัวอ้วนกลมทั้งสองแต่ก็ไม่ยักจะเห็นว่าอยู่แถวนี้
“ไปโรงเรียนน่ะ”
“อ่อใช่ วันนี้วันธรรมดานี่นา” แอบทำหน้าเสียดาย เพราะกะว่ามาถึงแล้วจะได้อุ้มหลานๆ เลย
“เชิญทุกคนเข้าไปคุยข้างในกันเถอะค่ะ” สารภีไม่รอให้ทุกคนทักทายกันที่ตรงนี้นาน จึงรีบผายมือเชิญไปที่เรือนรับรองใหญ่ ไปนั่งคุยกันที่โต๊ะรับประทานอาหารกันจะดีกว่า
ในระยะเวลาที่ผู้ใหญ่คุยตกลงกันเรื่องสินสอดทองหมั้น ว่าที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวก็เอาแต่นั่งเงียบ เพลงขวัญมีรอยยิ้มอ่อนเปรยให้เหล่าผู้ใหญ่น้อยๆ อยู่แทบจะตลอดเวลา แต่สีหน้าของเหนือตะวันดูหมดอาลัยตายอยากจนทุกคนมองออก แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกมาในระหว่างที่นั่งร่วมโต๊ะอาหาร
“ฉันว่าจะพักอยู่ที่นี่สักสองสามคืนจะได้หรือเปล่าคะคุณป้า”
“จะพักนานกว่านั้นก็ได้ ป้าเตรียมบ้านหลังใหญ่เอาไว้ให้สองหลัง ขาดเหลืออะไรก็บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ขอบคุณค่ะ”
หทัยรัตน์นัดกับทางบ้านของปิ่นมณีเอาไว้แล้วว่าจะอยู่ที่นี่สองสามคืน เพราะต้องการให้ว่าที่บ่าวสาวได้มีเวลาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นด้วย แม้ครอบครัวของบัวสายและแม่สามีของเธอจะสนิทชิดเชื้อกันมานาน แต่เพลงขวัญและเหนือตะวันยังไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่นัก
บัวสายจัดบ้านพักไว้ให้สองครอบครัวกะว่าจะให้อยู่ครอบครัวละหลัง แต่คนวัยหนุ่มสาวตัดสินใจว่าจะให้ผู้ใหญ่อยู่รวมกันไปเลยหนึ่งหลัง ส่วนพวกเขาจะอยู่กันอีกหลัง เผื่อว่ามีปาร์ตี้หรือพูดคุยอะไรตามประสาคนหนุ่มสาวจะได้ไม่รบกวนผู้ใหญ่
เข้าเวลาบ่ายดนัยกับหทัยรัตน์ก็ออกมานั่งกินลมชมวิวอยู่ชานระเบียงหลังบ้านที่สร้างเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมไม่ใหญ่มากนักยื่นออกนอกตัวบ้าน ที่ระเบียงมีโต๊ะกลมเล็กและเก้าอี้สองตัววางเอาไว้นั่งชมวิวลำธารเล็กที่ไหลผ่าน
“ที่นี่บรรยากาศดีเหมือนกันนะ ไม่ได้มาเสียนานทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมเลย” ดนัยยังจำได้ว่าสมัยสิบกว่าปีก่อนที่เขามาที่นี่ ทุกอย่างเป็นแบบเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มีแค่สิ่งปลูกสร้างของรีสอร์ทที่ดูเก่าลงไปเท่านั้น
“คุณดูซิคะว่าเราจะรีโนเวทอะไรที่นี่ได้บ้าง”
“หืม” ดนัยที่กำลังยกแก้วชาขึ้นมาหมายจะจิบ แต่ยังไม่ถึงปากเขาก็ต้องวางแก้วลงกับโต๊ะกลมข้างตัว เพราะรับรู้ได้ถึงเรื่องอะไรบางอย่างที่ภรรยาตนยังไม่ได้บอก
“ฉันรับปากหนูเพลงไว้แล้วค่ะ ว่าถ้ายอมมาเป็นสะใภ้ฉันจะช่วยเหลือที่นี่ไม่ให้ถูกยึด แล้วก็จะปรับปรุงที่นี่ให้ดีขึ้นด้วยค่ะ”
“ผมว่าแล้วว่าทำไมหนูเพลงถึงได้ยอมรับปากคุณง่ายๆ นี่ตาเหนือรู้เรื่องรึเปล่า”
“ไม่ได้บอกค่ะ”
“งั้นก็อย่าให้รู้ ไม่อย่างงั้นก็คงจะตั้งแง่กับหนูเพลงอีก”
“ค่ะ” หทัยรัตน์ย้ำกับคนที่รู้เรื่องข้อแลกเปลี่ยนของเธอกับเพลงขวัญว่าห้ามให้รู้ถึงหูเหนือตะวันเด็ดขาดตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว คนอย่างเธอทำอะไรรอบคอบเสมอ
ดนัยส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะหันไปมองทิวทัศน์เบื้องหน้าต่อ เขาก็ตะหงิดใจอยู่แต่แรกแล้วว่าทำไมเพลงขวัญถึงได้ยอมตกลงที่จะแต่งงานกับเหนือตะวันง่ายๆ ทั้งที่ไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อน
ตอนนี้เขาก็พอจะมองออกว่าลูกชายนั้นไม่ชอบใจในการคลุมถุงชนไปแล้วร้อยเปอร์เซ็น หากมารู้ว่าว่าที่เจ้าสาวยอมแต่งกับเขาเพราะเงินก้อนโตคงได้ตั้งแง่อคติกับเพลงขวัญอีกแน่
“เพลงไม่คุยด้วยแล้วค่ะ คุ้กกี้พี่เหนือเพลงก็ไม่ทำให้แล้วด้วย” เธอถอดถุงมือและหมายจะเดินออกไปจากในครัวแต่ก็ถูกคนตัวโตรั้งข้อมือเอาไว้ก่อน“อ้าวเพลง แต่พี่หิวมากเลยนะ แล้วก็อยากกินคุ้กกี้ผักฝีมือเพลงมากด้วย แต่ถ้าเพลงไม่ทำให้พี่ก็ไม่รบกวนก็ได้” เขาเอ่ยเสียงอู้อี้พลางตีสีหน้าน่าสงสาร“เพลงทำให้ก็ได้ค่ะ แต่ขอเถอะนะคะอย่าพูดถึงพ่อเด็กๆ แบบนี้อีก”“ก็ได้ ก็ได้”“ถอนคำพูดด้วยค่ะที่บอกว่าขอให้เค้าไม่ตายดี เพลงไม่ได้อยากให้เค้าตาย”“โอเค ขอให้คนๆ นั้นอายุมั่นขวัญยืน พอใจยัง”“ค่ะ” เพลงขวัญยอมใจอ่อนกลับไปปั้นคุ้กกี้ต่อจนได้เหนือตะวันได้แต่ยืนกอดอกอมยิ้ม เพราะเห็นอยู่กับตาได้ยินกับหูว่าเพลงขวัญยังคงปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา เขานับถือหัวใจของเธอเลยที่รักคนอื่นโดยที่ไม่วังอะไรตอบแทนได้จริงๆ แต่เขาก็อยากจะแกล้งเธอต่อให้สมกับที่เธอทำให้เขาดูเป็นคนบาปทิ้งลูกทิ้งเมียในวันหยุดยาวของเดือนหทัยรัตน์เลือกที่จะพาครอบครัวของเธอขับเรือยอร์ชมาพักผ่อนที่เกาะส่วนตัว ที่อยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทย ทุกคนมาถึงเกาะเล็กๆ ที่มีธรรมชาติรายล้อมอุดมสมบูรณ์ในช่วงบ่ายของวันเด็กชายทั้งสองเหยียบหาดทรายได้ก็วิ่งโล่เป็นจับปูใส่กร
“เอ่อ”“แถมลูกของเพลงตอนนี้ยังหน้าเหมือนแกมากๆ ด้วย”เหนือตะวันเริ่มพูดอะไรไม่ออก เขานึกย้อนไปถึงเรื่องพ่อของลูกเพลงขวัญ ไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของผู้ชายคนนั้น เพราะหญิงสาวไม่เคยปริปากบอกใคร และเธอก็ไม่ยอมให้ใครพูดถึงพ่อของลูกไปในทางที่ไม่ดีด้วย หรือว่าสิ่งที่ตุลภัทรคิดน่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ปักใจเชื่อไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นอยู่ดี“เพลงเขียนหนังสือเล่มนี้ตอนไหน”“คุณสืบบอกว่าเป็นเล่มแรกที่เธอเขียนแล้วส่งให้พิจารณาประมาณสามปีที่แล้ว”“แกว่าพระเอกที่เพลงเขียนจะเป็นฉันจริงๆ หรือเปล่าวะ”“ใจฉันเชื่อไปแล้ว80เปอร์เซ็น จะเชื่อ100เปอร์เซ็นเลยถ้าแกตรวจดีเอ็นเอลูกของเพลงแล้วปรากฎว่าเป็นลูกแก”“ถ้าปลื้มกับเปรมเป็นลูกฉันจริง เหมือนเพลงทำให้ฉันเป็นคนบาปโดยไม่รู้ตัวเลย”“ในหนังสือเขียนว่านางเอกไม่ได้ตั้งใจท้อง เธอกินยาคุมฉุกเฉินแล้ว แต่ก็น่าจะไม่ได้ผล แล้วเธอก็รักพระเอกเกินกว่าจะเอาภาระบอกให้พระเอกหนักใจ”“ฉันขอเอาหนังสือไปอ่านได้ไหม”“เอาไปสิ”เหนือตะวันนึกถึงไปถึงตอนที่เพลงขวัญชอบตามใจเขาทุกอย่าง และไม่ยอมให้เขาพูดไม่ดีถึงพ่อของเด็กๆ ถ้าเขาเป็นพ่อเด็กๆ จริงก็น่าเคืองหญิงสาวอยู่เหมือนกัน ที่ทำให้เข
“แม่ก็นึกว่าสาวที่ไหนมาหาตาเหนือ” หทัยรัตน์เดินยิ้มกรุ้มกริ่มเข้ามาในห้องทำงานของลูกชาย คราแรกได้ยินพนักงานคุยกันว่ามีผู้หญิงมาหาประธานหนุ่ม เธอคิดว่าเป็นคาริน่าจึงรีบเข้ามาดู แต่ก็ใจชื้นเมื่อเห็นหน้าลูกสะใภ้ของตัวเอง“คุณแม่สวัสดีค่ะ เพลงเอาขนมมาให้พี่เหนือน่ะค่ะ” หญิงสาวรีบละมือจากเอกสารมายกมือสวัสดีผู้ใหญ่ที่เพิ่งเข้ามา“แล้วของแม่ล่ะมีหรือเปล่า”“เอ่อ เพลงไม่รู้ว่าคุณแม่เข้าบริษัทด้วยค่ะ” สาวเจ้ายิ้มหน้าแหย“ล้อเล่นจะ แม่ไม่กวนแล้วตามสบายนะ” หทัยรัตน์มาเร็วไปเร็วเพราะไม่อยากรบกวนเวลาของสามีภรรยา ยิ่งเห็นหน้าของเหนือตะวันไม่ได้มีความทุกข์ใจหลังจากผ่านข่าวการเปิดตัวแฟนใหม่ของคาริน่าแค่นี้เธอก็สบายใจมากแล้วเหนือตะวันส่ายหัวน้อยๆ หลังจากที่แม่ของเขาเดินออกไป ที่แม่ตนมาไวไปไวขนาดนี้ไม่วายต้องการเข้ามาจับผิดเขาแน่นอนวันเวลาของความสุขพ้นผ่านไปนานร่วมสามเดือน เหนือตะวันมีความสุขขึ้นทุกวันเมื่อได้มีเพลงขวัญอยู่ใกล้ๆ จนตอนนี้หญิงสาวก็ขโมยหัวใจของชายหนุ่มไปครองได้โดยที่ตัวของเธอก็ไม่รู้เนื้อรู้ตัวเหนือตะวันพยายามทำดีเอาอกเอาใจเพลงขวัญทุกครั้งที่ทำได้ แต่ก็ยังไม่เคยกล้าเผยความในใจเพราะคิดว
“เป็นใครกันนะ” เหนือตะวันนอนก่ายหน้าผากมองเพดานห้องผ่านแสงสลัวของโคมไฟ เขาอยากรู้จริงๆ ว่าพ่อของเด็กๆ เป็นใคร ทำไมเพลงขวัญถึงได้ดูรักและออกตัวปกป้องคนที่ใจจืดใจดำทิ้งลูกทิ้งเมียได้ขนาดนี้“หื้ม..” เขาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า นึกสงสารเด็กชายทั้งสองลึกๆ หากเขาได้เป็นพ่อคนจะไม่กระทำทิ้งๆ ขว้างๆ ปัดความรับผิดชอบให้ฝ่ายหญิงอยู่ฝ่ายเดียวแน่เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ไม่สดใสสำหรับเหนือตะวันนัก ถึงจะเป็นวันทำงานวันแรกของสัปดาห์เขาก็ไม่มีกระจิตกระใจทำงานเพราะเห็นข่าวของแฟนสาวตัวเองประกาศเปิดตัวคบกับนักธุรกิจชื่อดังชาวอังกฤษ“มันเรื่องอะไรกันรีน่า ทำไมข่าวออกไปแบบนั้น” เหนือตะวันละจากงานมาหาคาริน่าถึงที่บ้านอีกครั้ง เพื่อถามหาความจริงจากปากของเธอโดยที่ไม่เชื่อข่าวไปก่อน“แล้วทีคุณไปแต่งงานจดทะเบียนกับผู้หญิงคนอื่นไม่บอกรีน่าล่ะคะ” ดาราสาวเอ่ยตอบเสียงห้วนมีสีหน้าท่าทีไม่สนใจคนที่เข้ามาหา เพราะตอนนี้เธอได้ตกลงคบหากับนักธุรกิจรุ่นใหญ่ที่น่าจะทำให้เธอสบายกว่าการคบกับเหนือตะวันได้หลายเท่าชายหนุ่มชาวาบไปทั้งตัว เพราะเข้าใจได้จากคำตอบของหญิงสาวว่าเรื่องราวมันเป็นจริงตามข่าวที่ออกมา หากเปิดตัวคบกันในเวลา
“ก็เมื่อวานฉันอุตส่าห์วางยาคุณเหนือจนจะเข้าได้เข้าเข็มกันอยู่แล้ว ยัยหทัยรัตน์พาคนมาลากลูกชายกลับไป แถมยังขู่ฉันว่าถ้าไม่เลิกยุ่งกับลูกชายนางจะแฉให้ฉันอยู่ในวางการไม่ได้ เพราะนางบอกว่านางรู้เรื่องที่ฉันไปมั่วผู้ชายอยู่ที่ต่างประเทศ”“โอ้โห งั้นแกก็เลิกยุ่งกับคุณเหนือเด็ดขาดเลย เพราะความฝันที่แกจะได้เป็นสะใภ้บ้านนั้นคงเป็นไปไม่ได้แล้ว แถมถ้าถูกแฉจะหมดอนาคตในวงการอีก” ว่าแล้ว เอวารินคิดเอาไว้ไม่มีผิดว่าเรื่องผู้ชายที่คาริน่าชอบไปพัวพันจะสร้างปัญหาให้ตัวเองสักวัน“ถ้าเค้ามาก็ไล่เค้ากลับไปด้วยแล้วกัน ฉันขอตัวก่อน พอดีมีนัด”“แกนี่มันจริงๆ”เอวารินส่ายหัวและมีสีหน้าอ่อนใจกับคาริน่า ที่โยนปัญหาของตัวเองมาให้เธอจนได้เพลงขวัญเดินวนไปวนมาที่ห้องนั่งเล่นอยู่หลายรอบ ขณะที่ยุพินพาลูกๆ ของเธอไปอาบน้ำหลังจากทานมื้อเย็นเรียบร้อย“เป็นอะไรหรือเปล่านะ” เธอเห็นว่าตั้งแต่เหนือตะวันกลับมาจากข้างนอกก็เอาแต่นั่งเครียดอยู่ที่หลังบ้านตลอดเวลาตอนนี้รู้สึกกล้าๆ กลัวๆ ว่าจะเข้าไปคุยกับเขาดีหรือไม่เพราะยังไม่กล้าสู้หน้าเขาจากเหตุการณ์เมื่อคืน แต่หัวใจของเธอก็เป็นห่วงชายหนุ่มเสียเหลือเกินจนสุดท้ายก็ต้องเดินเข้า
เหนือตะวันเริ่มวาดมือเลื้อยกอดคนตัวเล็กและพลิกตัวของเธอให้นอนอยู่ใต้ร่าง เขาทาบทับกดคนตัวเล็กกับเตียงนุ่มก่อนจะเริ่มจูบตอบรับกับเธอริมฝีปากหนากดประสานกับปากของหญิงสาวแน่นขึ้น ก่อนจะเริ่มแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากเล็ก จนเพลงขวัญรู้สึกขาดลมหายใจเป็นห้วงๆ เพราะรสจูบดูดดื่มของเหนือตะวันเสมือนทำให้ตัวเธอรู้สึกถูกกลืนกินแทบจะตลอดเวลาเขาดูดดึงลิ้นเรียวเล็กเล่น เร็วแรงขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับเริ่มหายใจถี่มีเสียงฟึดฟัด มือหนาตอนนี้ทำหน้าที่ลูบไล้ไปทั่วชุดคลุมสีหวานก่อนจะดึงเชือกผูกที่กลางหน้าท้องของเพลงขวัญออกชายหนุ่มเริ่มไล่สัมผัสความอุ่นจากหน้าท้องน้อยขึ้นไปที่อกอวบอิ่มนุ่มนิ่มชูชัน จนคนใต้ร่างเริ่มแอ่นสะท้านเมื่อมือหนาบดขยำอยู่กับอกของเธอไปพร้อมๆกับลีลาการจูบที่เร่าร้อนขึ้นเรื่อยๆเวลานานสองนานที่ริมฝีปากนุ่มของทั้งสองคลอเคลียกันไม่ห่างรวมถึงมือไม้ของเหนือตะวันก็ปัดป่ายทั่วเนื้อตัวนุ่มนิ่มไม่หยุดจนอารมณ์วาบหวามของทั้งคู่เริ่มพลุ่งพล่านเต็มที่ ชายหนุ่มสลัดบอกเซอร์ตัวจิ๋วทิ้งก่อนจะแทรกขาแกร่งกับกลางขาเรียวทั้งสองและอัดบดเบียดตัวตนยักษ์ใหญ่ถูไถส่งเข้าไปในช่องทางรักอันคับแคบ“อะ..อื้ออ..” เสี