บทที่ 1.2
การกลับมาของคุณชายใหญ่
“เยี่ยนเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง ยังปวดหัวอยู่หรือไม่”
“ดีขึ้นมาแล้วเจ้าค่ะท่านแม่”
หวังชิงเยี่ยนเอ่ยตอบเสียงแผ่วเบา ซูอวี้หลันหันไปรับถ้วยยาจากสาวใช้คนสนิทแล้วส่งให้ลูกสะใภ้รอง
“ดื่มยาสักหน่อย ท่านหมอซ่งบอกว่ายานี่นอกจากแก้อาการปวดหัวแล้วยังเป็นยาบำรุงสตรีชั้นดี”
หวังชิงเยี่ยนรับถ้วยยาจากมือมารดาสามีมาดื่มโดยไร้ท่าทางอิดออด ไร้ท่าทีดื้อดึง
ซูอวี้หลันยิ้มกว้างมองหญิงสาวบนเตียงด้วยสายตาเอ็นดูรักใคร่ ห้าปีก่อนบุตรชายคนโตของนางเข้ากองทัพ นอกจากจดหมายที่ส่งกลับมาเป็นครั้งคราวแม้แต่เงาของเขามารดาเช่นนางก็ไม่เคยเห็น สองปีก่อนบุตรชายคนรองก็ยังมาล้มป่วยและตายจากไป ชีวิตหญิงม่ายเช่นซูอวี้หลันจึงมีเพียงสะใภ้รองผู้นี้ที่อยู่เคียงข้างคอยดูแลเอาใจราวกับเป็นบุตรีที่คลอดจากครรภ์นาง
“เจ้าต้องพักให้มาก จะได้หายไวๆ เข้าใจหรือไม่”
“เจ้าค่ะ”
มือเรียวของสตรีวัยห้าสิบต้นๆ ลูบไล้เส้นผมนุ่มสลวยอย่างอ่อนโยนก่อนจะประคองหญิงสาวลงนอนแล้วจากไป
หวังชิงเยี่ยนมองตามแผ่นหลังของมารดาสามีด้วยหัวใจที่เต็มตื้น สองปีที่นางแต่งเข้าตระกูลหรานมานี้นับว่าเป็นช่วงชีวิตที่ดีที่สุดของนางจริงๆ เพียงแต่เมื่อวันก่อนนางได้ยินว่าคุณชายใหญ่หรานหมิงอวี้กำลังจะกลับมาแล้ว ในใจที่เคยสงบก็ตื่นกลัวขึ้นมา ผู้คนต่างเล่าลือกันว่าคุณชายใหญ่หรานหมิงอวี้หรือแม่ทัพบูรพาผู้นี้มีนิสัยโหดร้าย ชื่นชอบการสังหารผู้คน ห้าปีที่ผ่านมาใช้ชีวิตในสนามรบ ตวัดดาบสังหารศัตรูปลิดชีวิตผู้คนมากกว่าใบไม้ที่ร่วงหล่นในฤดูใบไม้ร่วง จนผู้คนขนานนามเขาว่า ปีศาจกระหายโลหิต
หวังชิงเยี่ยนเม้มริมฝีปากบาง ตัวนางให้อย่างไรในอดีตก็เป็นเพียงหญิงนางโลมผู้หนึ่ง ย่อมยากจะให้ผู้อื่นยอมรับเป็นน้องสะใภ้ด้วยความยินดี หรือช่วงชีวิตที่ดีงามของนางกำลังจะหมดลงแล้ว และเพราะวกวนคิดเรื่องนี้มาหลายวันสุดท้ายนางจึงได้ล้มป่วยอยู่ถึงเจ็ดวันจึงหายดี
“ฮูหยินน้อยจะไปไหนหรือเจ้าคะ”
สาวใช้ที่มาส่งอาหารกลางวันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม แม้หวังชิงเยี่ยนจะปฏิเสธไม่รับสาวใช้คนสนิทมาคอยปรนนิบัติ แต่ด้วยความรักใคร่เอ็นดูที่ซูอวี้หลันมีต่อนางจึงมักส่งคนมาคอยปรนนิบัติลูกสะใภ้ผู้นี้เสมอ
“ข้าจะเข้าครัวไปทำของว่างให้ท่านแม่สักหน่อย”
นับจากแต่งเข้าตระกูลหราน หวังชิงเยี่ยนก็ทำทุกอย่างเพื่อเอาใจผู้เป็นแม่สามี นานวันเข้าก็กลายเป็นความเคยชิน จากที่ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ นานวันเข้าก็รักและเคารพอีกฝ่ายอย่างจริงใจ
“ขนมฝีมือเยี่ยนเอ๋อร์อร่อยไม่เปลี่ยนจริงๆ”
“ขอเพียงท่านแม่ชอบ เยี่ยนเอ๋อร์ยินดีทำขนมให้ท่านแม่ไปตลอดชีวิตเลยเจ้าค่ะ”
ซูอวี้หลันฟังคำพูดออดอ้อนของหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็อดที่จะยิ้มกว้างไม่ได้
“ช่างเจรจานัก เช่นนั้นก็เอาไปให้อาอวี้ลองชิมสักจาน”
“อาอวี้”
หวังชิงเยี่ยนไม่เคยได้ยินซูอวี้หลันเอ่ยชื่อคนผู้นี้ คิ้วเล็กจึงขมวดมุ่นด้วยความสงสัย หรือมารดาสามีของนางจะรับสุนัขมาเลี้ยงเพิ่มกัน
“ก็พี่สามีของเจ้าอย่างไรเล่า”
แค่กๆ หวังชิงเยี่ยนถึงกับสำลักน้ำลายตนเองจนหน้าแดงก่ำ ซูอวี้หลันลูบหลังบางอย่างเอ็นดูพรางส่งน้ำให้นางอย่างใส่ใจ
“เป็นอะไรไปไม่สบายตรงไหนหรือไม่”
หวังชิงเยี่ยนส่ายหน้าไปมาพร้อมยิ้มแห้ง นางจะบอกอีกฝ่ายได้อย่างไรว่าสาเหตุที่ตนเองสำลักเมื่อครู่เป็นเพราะนางคิดว่าพี่สามีคือสุนัขตัวใหม่ของ
ซูอวี้หลันทว่ายามคิดว่าตนเองต้องไปส่งขนมให้ หรานหมิงอวี้ ผู้เป็นพี่สามี ในใจของหวังชิงเยี่ยนก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมา ดวงตากลมกวาดมองรอบตัวเพื่อหาตัวแทน หากแต่นางไม่ทันเอ่ยปากเลือกคนรอบกายหวังชิงเยี่ยนก็ไร้ผู้คนเสียแล้ว สุดท้ายนางจึงจำใจต้องเดินไปที่เรือนหลังใหญ่ท้ายจวนด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวและใจที่ตื่นตระหนก
หวังชิงเยี่ยนขนกายลุกชันสองขาหนักอึ้ง เพียงเดินผ่านสวนกลางจวนเข้าเขตเรือนใหญ่ด้านหลัง บรรยากาศรอบกายนางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ดอกไม้สดใสถูกแทนที่ด้วยไม้ประดับไร้ดอกอึมครึม เมื่อมาถึงประตูเรือนบุรุษสีหน้าบึ้งตึงเคร่งขรึมสองคนก็ยื่นมือมาขวางนางเอาไว้
“เรือนท่านแม่ทัพ ไม่ได้รับอนุญาตนอกจากฮูหยินใหญ่ใครก็เข้าไม่ได้”
“เอ่อ... ข้ารับคำสั่ง ท่าน... ฮูหยินใหญ่ให้นำของว่างมาส่งคุณชาย เอ่อ... ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ”
หวังชิงเยี่ยนพูดจาติดขัดวกวนด้วยความหวาดหวั่น ยิ่งยามได้สบตาบุรุษสูงใหญ่ตรงหน้าหัวใจของนางก็ยิ่งหวาดกลัว รีบวางตะกร้าในมือลงบนโต๊ะหินหน้าเรือนแล้วหมุนตัวเพื่อจากไปทันที นางรับคำสั่งมาส่งของเมื่อส่งแล้วอีกฝ่ายจะรับหรือไม่ก็ล้วนไม่ใช่เรื่องที่นางต้องใส่ใจ ทว่ายังไม่ทันก้าวเท้าเดินกลับเสียงเข้มดุดันก็ดังออกมาจากในเรือน
“ให้นางเข้ามา”
หัวใจของหวังชิงเยี่ยนคล้ายจะหยุดเต้นขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินประโยคของคนในเรือน รีบหันกลับมาโบกมือส่ายหน้า
“มะ... ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ข้าไม่รบกวนคุณชายดีกว่า ขอตัวก่อนนะเจ้าคะ”
นางยังอยากมีชีวิตที่สงบสุข ย่อมไม่คิดไปวุ่นวายกับปีศาจกระหายโลหิตผู้นี้ เอ่ยปฏิเสธรัวเร็วจบก็รีบสาวเท้าออกเดินในทันที ทว่าหวังชิงเยี่ยนไม่อยากวุ่นวายอีกฝ่ายกลับอยากยุ่งเกี่ยว เสียงดังก้องจึงดังออกมาอีกครั้ง
“หากนางไม่เข้ามาก็สังหารนางทิ้งเสีย”
..........................................
บทสุดท้ายความลับของพี่สะใภ้ NC 18+“เหยียนเอ๋อร์ไม่ว่าภายหน้าจะเป็นเช่นไร ข้าอยากให้เจ้าจำไว้ว่ายังมีพี่ชายหลี่คนนี้ยืนอยู่ข้างเจ้า”เรื่องของเหลียงซินเหยียนกับเซี่ยเฉินซวี่ในวันงานเลี้ยงตระกูลฉินนั้นเป็นที่เล่าลือไปทั้งต้าซางถึงความสัมพันธ์ของพี่สะใภ้น้องสามีตระกูลเซี่ยและสร้างความเสื่อมเสียให้เซี่ยเฉินซวี่ไม่น้อย เพื่อความก้าวหน้ามั่นคงและรักษาเกียรติของตน เซี่ยเฉินซวี่อาจต้องใช้วิธีไล่เหลียงซินเหยียนออกจากจวน และนี่เป็นเรื่องที่เหลียงเหวินหลี่กังวลไม่น้อยทีเดียว“ขอบคุณชายหลี่มากเจ้าค่ะ เหยียนเอ๋อร์จะจดจำไว้”เหลียงเหวินหลี่ส่งยิ้มอบอุ่นให้น้องสาวตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กส่งกำลังใจให้นาง หากแต่ฝ่ามือไม่ทันสัมผัสผิวกายนาง มือเล็กบนโต๊ะก็ถูกผู้อื่นกอบกุมเอาไว้เสียก่อน“น่าเสียดายที่ข้างกายเหยียนเหยียน ไม่มีที่ว่างให้พี่ชายเช่นคุณชายเหลียงแล้ว”น้ำเสียงเข้มงวดดุดันเช่นนี้ไม่ต้องหันไปมองเหลียงซินเหยียนก็รับรู้ได้ในทันทีว่าเป็นผู้ใด ร่างสูงโปร่งนั่งลงบนเก้าอี้หินข้างนาง ขณะที่มือบางถูกเขาจับกุมเอาไว้แน่น เอวเล็กก็ถูกมือหนาโอบกอดกระชับ“คุณชายเซี่ย ท่านควรระวังเรื่องการวางตัวร
บทที่ 5.2สมรสพระราชทานเหลียงซินเหยียนรู้สึกตัวตื่นในยามบ่าย ข้างกายของนางว่างเปล่า สัมผัสบนผ้าปูเตียงนอนที่ไร้ไออุ่นบ่งบอกว่าคนข้างกายจากนางไปนานแล้ว แม้จะรู้ดีว่าเซี่ยเฉินซวี่เป็นที่ปรึกษาขององค์ฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบัน ในเจ็ดวันเขาต้องใช้ชีวิตอยู่ข้างกายพระองค์ถึงห้าวัน แต่ยามที่ตื่นมาพบความเดียวดายตัวนางกลับรู้สึกอ้างว้างและผิดหวังอยู่ลึกๆ ในใจ“ชิงชิง มาช่วยข้าแต่งกายที”สาวใช้คนสนิทเข้ามาประคองผู้เป็นนายลงจากเตียงด้วยสองแก้มที่ร้อนผ่าว นางยังคงจดจำภาพเมื่อยามฟ้าสางที่คุณชายเล็กโอบอุ้มเหลียงซินเหยียนลงจากรถม้าด้วยสภาพไร้สติ บนกายของฮูหยินใหญ่ห่อหุ้มด้วยเสื้อคลุมตัวนอกของคุณชายเล็ก รอยรักมากมายบนลำคอระหงเด่นชัดต่อสายตาผู้คนยามนี้แม้ทั้งสองไม่ป่าวประกาศ แต่ผู้คนทั้งจวนตระกูลเซี่ยต่างก็รับรู้ถึงสถานะความสัมพันธ์ของผู้เป็นนายทั้งสอง“ฮูหยินเจ้าคะ เรื่องของท่านกับคุณชายเล็ก”“ข้าคือพี่สะใภ้ ส่วนเขาคือน้องสามี เจ้ารู้แค่นี้ก็พอ”ตราบในที่เซี่ยเฉินซวี่ไม่เอ่ยปากประกาศสถานะของนางเหลียงซินเหยียนก็ไม่ควรป่าวประกาศเช่นกัน ดังนั้นแม้จะถูกสายตาบ่าวไพร่มองด้วยความสงสัย แต่นางก็ยังคงวางตัวปกติไม่
บทที่ 5.1สมรสพระราชทาน (NC18+)“เหยียนเหยียนเจ้าอาจไม่รู้ว่าสิ่งที่สำคัญในชีวิตของข้า ไม่ใช่อำนาจ ชื่อเสียงเงินทอง แต่เป็นเจ้า... เหลียงซินเหยียน!”เซี่ยเฉินซวี่เอ่ยจบก็จับคนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนรถม้าอันคับแคบ เปิดกระโปรงปลดกางเกงแล้วยกเรียวขาเล็กขึ้นพาดบ่าทั้งสองข้าง แนบริมฝีปากจรดลงบนกลีบบุปผานุ่ม ขยับตวัดลิ้นสากลิ้มเลียระเริงบทรักปลุกเร้าจนเหลียงซินเหยียนต้องขบกรามแน่น สอดส่ายสายตามองไปยังหน้าต่างรถม้า นับว่าโชคดีที่รถม้าของเซี่ยเฉินซวี่ค่อนข้างมิดชิด บดบังสายตาผู้คนด้านนอกได้เป็นอย่างดี“อาซวี่... หยุดก่อน อ่ะ...ซี๊ด!”“เจ้าอยากให้ข้าหยุดจริงหรือ... เหยียนเหยียน”เสียงแหบพร่าเอ่ยถามขณะที่ลิ้นร้อนยังคงตวัดตักตวงดื่มด่ำกับน้ำหวานกลางบุปผาของนางอย่างเร่าร้อน“อ่าส์... อื้ม... อาซวี่”“ว่าอย่างไร อยากให้ข้าหยุดหรือไม่”“ไม่! เจ้าเร็วอีกหน่อย อ่ะ... อื้ม...”เหลียงซินเหยียนร้องครวญเสียงสั่น มือที่ถูกเขาผูกมัดเอาไว้กับโครงรถม้าหมุนจับยึดเศษผ้า ยกตัวแอ่นสะโพกโต้ตอบเมื่อถูกปลายลิ้นร้อนสอดรุกถี่กระชั้นเข้ามาในกายสาวเซี่ยเฉินซวี่ใช้นิ้วยาวขยับช่วยสอดปลุกเร้า กระตุ้นให้นางปลดปล่อยสายน้ำ
บทที่ 4.2สิ่งที่สำคัญ (NC เบาๆ)เซี่ยเฉินซวี่ประคองเหลียงซินเหยียนที่ตัวสั่นสะท้านออกมาจากเรือนเล็ก หางตามองเห็นหญิงชั่วโจวหมิงอวี้พาคุณชายรองฉินและคุณชายใหญ่เกาเข้าไปในเรือนก็ขบกรามแน่น ทว่ายามที่คิดจะก้าวเท้าไปเอาเรื่องคน มือบางก็จับชายเสื้อเขาเอาไว้มั่น“รีบพาข้ากลับจวนที”ท่าทีที่ผิดปกติของเหลียงซินเหยียนทำให้คิ้วหนาขมวดเข้าหากันแน่นก่อนจะขบกรามจนแก้มขึ้นสันเมื่อคาดเดาได้ว่าอาการผิดปกติของเหลียงซินเหยียนเกิดจากอะไร“สตรีต่ำช้า นางกล้าวางยาเจ้าหรือ”“เป็นข้าที่ทำตัวเอง”เสียงหวานเอ่ยอย่างแหบพร่า ทว่ายังไม่ทันได้ก้าวเท้าเดินเสียงทุ้มต่ำของสองบุรุษก็เล็ดลอดออกมาจากเรือนเล็ก อีกทั้งถ้อยคำหยาบโลนต่างๆ ที่สอดประสานกับเสียงครวญต่ำ ก็ทำให้สองขาเรียวสั่นสะท้านก้าวเดินอย่างไร้เรี่ยวแรง ก่อนจะทรุดลงที่โคนไม้ใหญ่“เหยียนเหยียนเจ้าไหวหรือไม่”“อาซวี่ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ้าหาบุรุษให้ข้าสักคน”“พูดเช่นนี้เจ้าอยากให้ข้าสังหารคนหรือไง”เซี่ยเฉินซวี่ได้ยินนางเรียกหาบุรุษอื่นในใจก็เดือดดาลขึ้นมา ทว่าเหลียงซินเหยียนกลับไม่ได้ใส่ใจความขุ่นเคืองของเขาเลยแม้แต่น้อย มือบางกำสาบเสื้อของเขาแน่น เอ่ยเสียงสั่น
คำเตือน เนื้อหามีฉาก3P , เนื้อหามีการกระทำรุนแรง/ใช้กำลัง/บังคับบทที่ 4.1สิ่งสำคัญ“คุณหนูใหญ่โจว คุณหนูเหลียงคนงามของพวกข้าอยู่ที่ใดกัน”คุณชายรองฉินเอ่ยถามเสียงอ้อแอ้พรางถอดเสื้อผ้าของตนเองออก ขณะที่คุณชายใหญ่เกาหันไปจับแขนเล็กของโจวหมิงอวี้กระชากแล้วเอ่ยถามเสียงขุ่น“คิดเล่นตลกกับพวกข้าหรือไง”“โอ๊ย! คุณชายใหญ่เกาข้าเจ็บนะ”โจวหมิงอวี้เอ่ยร้องเสียงสั่น พรางกวาดสายตามองรอบห้องด้วยความตื่นกลัว คุณชายใหญ่เกานั้นมีรสนิยมชื่นชอบความรุนแรงยามเสพสวาท ดังนั้นเมื่อเห็นโจวหมิงอวี้แสดงท่าทางเจ็บปวดกับการกระทำของตนร่างกายของเขาก็ตื่นตัวขึ้นมาในทันที“หรือความจริงแล้วเป็นเจ้าที่อยากเล่นสนุกกับพวกเรา”โจวหมิงอวี้เบิกตากว้างสลัดแขนขยับตัววิ่งหนีไปที่ประตูในทันที หากแต่คุณชายใหญ่เกากลับไม่ยอมให้นางหลุดมือ มือหนาจับเส้นผมยาวของนางดึงรั้งจนร่างเพรียวบางเซถลากลับมาซบอกแกร่ง มือหนาข้างหนึ่งของคุณชายใหญ่เกาดึงรั้งเส้นผมนุ่ม อีกข้างบีบปลายคางเล็กให้นางเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงแหบพร่าที่ข้างใบหูเล็ก“จะทำเป็นตื่นกลัวไปทำไมกัน ไม่ใช่ว่าเจ้าก็เคยสนุกกับพวกเราสองมาแล้ว”โจวหมิงอวี้กลืนน้ำลายฝืด เพราะนา
บทที่ 3.2คืนพิรุณโปรยเซี่ยเฉินซวี่กลับเข้าวังไปเพียงเจ็ดวันเทียบเชิญร่วมงานจิบน้ำชาจากตระกูลฉินก็ถูกส่งมาที่จวนตระกูลเซี่ย เหลียงซินเหยียนที่ยามนี้มีสถานะเป็นฮูหยินใหญ่เพียงหนึ่งเดียวของจวนตระกูลเซี่ยจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงจำต้องไปร่วมงาน หากแต่ยามที่กำลังจะออกจากเรือนนอน ประตูเรือนก็ถูกเปิดออก“ชิงชิง เจ้าอย่าได้ลืมของขวัญที่...”เสียงหวานกลืนหายไปในลำคอเมื่อหันมาสบดวงตาคมที่มองมายังนางด้วยความขุ่นเคืองใจ เหลียงซินเหยียนก้มมองเครื่องแต่งกายของตนเองด้วยอาการประหม่าขึ้นมา“เอ่อ... น้อง... อาซวี่ชุดนี้ของข้ามีปัญหาหรือ”เหลียงซินเหยียนย่อมจดจำได้ดีว่าเซี่ยเฉินซวี่ไม่ชื่นชอบให้นางเรียกเขาด้วยสรรพนามว่า น้องเล็ก ดังนั้นยามที่อยู่ลำพังนางจึงเรียกขานอีกฝ่ายด้วยชื่อของเขาตามที่เซี่ยเฉินซวี่ต้องการ“ดูดีเกินไป”คิ้วเรียวพลันขมวดเข้าหากันแน่น นางไปร่วมงานเลี้ยงย่อมสมควรแต่งกายให้ดูดีมิใช่หรือ“ช่างเถิด วันนี้ห้ามเจ้าห่างจากข้าแม้เพียงก้าวเดียว...”เสียงดุเอ่ยบอกอย่างไม่พอใจนักก่อนจะแบมือยื่นมาเบื้องหน้าเหลียงซินเหยียนมองการกระทำของเขาด้วยความไม่เข้าใจ จนเซี่ยเฉินซวี่ถอนหายใจยาว“พี่สะใภ้ของข้าร่