อเล็กซิสหยุดพูดครู่หนึ่ง ทำหน้าเจ็บปวดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ “แล้วก็เรื่องทุน...ได้ยินว่าคนที่เข้าชิงทุนทุกคนถูกคัดชื่อออกหมดแล้ว” เด็กสาวดูเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่าข้อหาที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ เมื่อเธอเห็นว่าคาเลบและเจสซี่ทำหน้าสงสัยว่าเธอทราบได้อย่างไร อเล็กซิสจึงอธิบายต่อ “ไรอันเป็นคนบอกพวกเราค่ะ พ่อของเขาทำงานที่ซานโบซ่า โพสต์ และก็เป็นผู้ปกครองคนแรกที่มาถึงสถานีตำรวจด้วย ไรอันบอกว่า หนังสือพิมพ์ของวันพรุ่งนี้ ไม่สิ ที่จะออกวันนี้จะลงข่าวว่า พวกเราถูกจับด้วยข้อหาใช้ยาเสพติด และในกลุ่มคนที่ถูกจับ มีเด็กที่เข้าชิงทุนรัฐบาลด้วย ซึ่งชื่อของพวกเขาจะถูกคัดออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิทันที”
คาเลบไม่สนใจเรื่องทุนการศึกษาแล้ว เขาเอาแต่ภาวนาให้ลูกได้รับอิสรภาพมากกว่าสิ่งอื่นใด เพียงแต่เมื่อสังเกตเห็นว่าอเล็กซิสเศร้าใจ เขาเข้าใจดีว่าลูกคงผิดหวังที่ตัวเองถูกถอนชื่อออกด้วยข้อหาเท็จ
“ฉันอยากได้ทุนนะพี่ แล้วจะไม่คิดมากถ้าไม่ได้รับทุน แต่ถ้าหากเป็นเพราะเหตุผลนี้...”
“เบลินดา คาร์เตอร์เป็นคนรายงานตำรวจ” เจสซี่เผย “หวังว่าจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นนะ ถ้าพวกกรรมการ...เอาเป็นว่า ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชื่อของเธอจะกลับไปอยู่ในรายชื่อผู้มีสิทธิอยู่ดี”
เด็กสาวทำหน้างง ค่อนข้างสับสนมากกว่าหงุดหงิด “คาร์เตอร์นะเหรอ จริงเหรอ ทำไมเธอทำแบบนั้นล่ะ”
“พี่ได้ยินพวกเขาเถียงกัน พ่อของเพื่อนเธอ ชื่ออะไรนะ มิลเลอร์น่ะ กล่าวหาว่าเบลินดา
อยากกำจัดคู่แข่ง”“ถ้าเกิดพวกเขารู้ว่าเธอโกหก ฉันก็กลับบ้านได้แล้วใช่ไหม แล้วฉันจะยังมีโอกาสได้ทุนอยู่ใช่ไหม ไม่สิ ไม่น่าหรอกพี่ ฉันไม่คิดว่าทันแล้ว พวกเขาจะประกาศผลตอนเช้านี้แล้ว ไม่ทันแล้วล่ะ แต่จริงเหรอ ฉันไม่เคยคิดว่าคาร์เตอร์จะทำแบบนั้นเลยนะ เธอเป็นคนเถรตรงมาก เท่าที่รู้จัก ไม่น่าใช่คนนิสัยแบบนั้น”
เจสซี่ทำเสียงฮึ่ม ๆ สายตาจิกน้องสาว “พี่อยากให้เธอทำจริง ๆ เพราะพวกเขาจะได้ปล่อยน้องของพี่สักทีไงเล่า”
อเล็กซิสหันมาหาพ่อตัวเอง “พ่อคะ ทำไมเงียบจัง พ่อเป็นอะไรหรือเปล่า หนูทำให้พ่อโกรธหรือคะ หรือพ่อผิดหวังในตัวหนู”
สติของคาเลบไม่ได้จดจ่ออยู่กับลูกสาวตรงหน้า แต่อยู่กับเด็กสาวในความฝันต่างหาก ใบหน้างามพิสุทธิ์ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย เธอบอกลาแล้วจากไป แม้ตอนนี้พวกเขาคิดว่าเธอจะได้รับการปล่อยตัว แต่ลางสังหรณ์ของเขากลับส่งสัญญาณอันไม่พึงประสงค์เหมือนกำลังจะบอกเป็นนัยถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
“พ่อครับ/คะ!” เจสซี่กับอเล็กซิสเรียก
“อ้อ พ่อแค่ไม่ได้นอนเลยตั้งแต่ลูกออกไป” เขาเฉไฉ “แล้วพวกเขาคุมตัวลูกไว้ในไหนนะ”
เด็กทั้งสองมองหน้ากัน เพราะอเล็กซิสเพิ่งบอกเขาไปหยก ๆ
“ในห้องขังค่ะพ่อ มีคนประมาณสิบกว่าคนในห้องเดียวกัน ห้องขังเล็กมาก แต่ไม่แย่มาก คือตอนแรกพวกเราก็กลัวนะคะ แต่ตอนนี้มองเป็นเรื่องตลกไปแล้ว แต่ยังไงก็ยังยากที่จะข่มตาหลับในที่แบบนั้นอยู่ดี พื้นทั้งเย็นและแข็ง หลับไม่ลงหรอก อีกอย่างพวกเราอยากรู้สาเหตุด้วย”
คาเลบส่ายหน้า “มันไม่ใช่เรื่องตลกนะลูกรัก และลูกควรจริงจังกับสถานการณ์มากกว่านี้”
อเล็กซิสก้มหน้า หน้าเสียทันที “ขอโทษค่ะ หนูควรคิดก่อนพูด หนูหมายถึง พวกเราถูกจับกันยกโขยงแบบนี้ ก็เลยไม่มีใครคิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริงจัง หนูรู้จักกฎหมายนี้ดีค่ะพ่อ แต่...เจสซี่ก็เพิ่งบอกว่าเบลินดาแจ้งความเท็จไม่ใช่เหรอคะ”
“มันไม่ใช่ความผิดของน้องสักหน่อย พ่อก็” พี่ชายแก้ตัวแทนน้องสาว เขาจับมือน้องแล้วลูบเบา ๆ “เธอไม่เป็นไรหรอก อย่าหาเรื่องใส่ตัวก็แล้วกัน เขาสั่งอะไรก็ทำ เชื่อพี่ ไม่มีอะไรต้องกังวล”
อเล็กซิสพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“ผมฟ้องคุณและลูกสาวคุณแน่ ๆ ผมฟ้องให้หมด”
“เสียงของคุณมิลเลอร์ พ่อของเพื่อนเธอไง” เจสซี่บอกน้องสาว
“พ่อของเวดนี่เอง”
พวกเขาได้ยินเสียงผู้หญิงตามมาอีก คงเป็นนางคาร์เตอร์
เจสซี่ครุ่นคิดบางสิ่ง ก่อนจะตักเตือนน้องสาว “เออ อีกอย่างนะ บอกเพื่อนของเธอด้วย ให้เตือนพ่อของเขา ไอ้วิธีการขู่พวกเจ้าหน้าที่ ขู่คนอื่นไปทั่วแบบนี้มันไม่ได้ผลหรอก แต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีก บางครั้งพวกเขาอาจไม่พบหลักฐานอะไรก็จริง แต่ก็ยังยัดข้อหาให้เราได้ เธอรู้ใช่ไหม พวกคนนิสัยไม่ดีแต่มีอำนาจอยู่ในมือ คนพวกนี้แต่เดิมก็ไม่มีความยุติธรรมอยู่ในตัว ยิ่งมีอำนาจในมือ นึกจะทำอะไรก็ทำ พวกเราไม่คุ้นเคยกับเจ้าหน้าที่ที่นี่สักคน ควรทำตัวน่ารักเข้าไว้ อย่าเสี่ยงทำอะไรไม่ดี พฤติกรรมแบบนี้รังแต่จะสร้างความเกลียดชัง บอกเพื่อนเธอด้วยนะ จะได้บอกพ่อเขาอีกที”
อเล็กซิสพยักหน้า “แน่นอน ถ้าบอกเขาทันนะ สรุปแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะได้กลับบ้านใช่ไหม”
“ถ้าไม่มีอะไรมากกว่านี้ ก็ได้กลับแน่นอน” เจสซี่ยืนยัน “พ่อก็อย่ากังวลไปเลย”
อเล็กซิสค่อยยิ้มออก “อย่าว่าหนูละกัน ถ้าหากพรุ่งนี้หนูจะนอนทั้งวัน”
คาเลบไม่ตอบ เจสซี่ยืนยันถึงขนาดนี้แล้ว เราควรจะเชื่อในคำพูดของลูก แต่ทำไม...ใจมันสั่นกลัวแบบนี้ คาเลบมองพี่ชายที่กำลังคุยกับน้องสาวด้วยแววตาเลื่อนลอย
มันเป็นแค่ความฝัน คาเลบ แค่ความฝันเท่านั้น
เปล่า ไมเคิลแน่ใจว่าอเล็กซ์ไม่ได้รู้สึกแบบเขา อีกฝ่ายเข้าใจไปอีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ เขาอยากจะพูดกับอเล็กซิสเดี๋ยวนี้ บางที...มันอาจเป็นพลังของเธอ แต่ทำไมอเล็กซ์ไม่รู้สึก หรือเพราะเขายังไม่ได้สู้ เขายังไม่ได้ใช้พลัง แล้วพลังของอเล็กซิสเป็นแบบไหนกันแน่ เพิ่มพลังให้คนอื่นงั้นหรือ หรือปลดล็อกให้อีกฝ่ายรู้จักใช้พลังของตัวเอง“บรรยากาศไม่ดี” อาคุสะพูดขึ้น“กลับไปดูพวกเทสซ่าก่อนกันเถอะ” อเล็กซิสตบไหล่แฟนหนุ่มสองสามทีเพื่อให้เขาออกไปจากตัว “ถ้าพวกมันแห่ไปที่นั่น ทุกคนแย่แน่” ทั้งหมดพยักหน้า เด็กสาวกำลังจะขยับเท้าก็หันมาไมเคิล “ไว้อธิบายว่าเมื่อกี้นายทำอะไร” เธอยกมือตีหน้าผากตัวเองแต่ก่อนจะไปไหนได้ ทั้งหมดได้ยินเสียงกรีดร้อง...*****เทสซ่าไม่เคยยินดีเท่านี้มาก่อนที่ได้เจอพวกบลูในเวลานี้ เธอผล็อยหลับไปเมื่อไรไม่รู้ แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกที ก็มีมนุษย์รูปร่างคล้ายหุ่นยนต์สองตนตรงเข้ามา ทีแรกเธอคิดว่าพวกเขาต้องการจะสังหารฝ่ายต่อต้าน แต่ไม่ใช่แค่นั้น พวกเขามาเพื่อลักพาตัวโคดี้เด็กหนุ่มผมบลอนด์ยังนอน
“หาเองสิวะ” เขาตะโกน ทว่าไม่ทันระวังเพราะมันดาปาอาวุธกลับมา เมื่อหันหน้ากลับไปก็เห็นรอยเท้าเต็มหน้ากระแทกเข้าที่หน้า ร่างของเขากระเด็นกระแทกกำแพงตึก ไมเคิลส่ายหัว มึนไปมันหมด อเล็กซิสวิ่งเข้ามาช่วยพยุงตัวขึ้น“พวกมันไม่บอก อย่าเสียเวลา” เขาได้ยินดังนั้นคิ้วขมวดกันทันที เดี๋ยว... กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งหมดจำต้องรั้งพวกมันให้สู้กับตัวเอง ไม่อย่างนั้นพวกเทสซ่าแย่แน่ เขาไม่รู้ว่ามีกลุ่มอื่นตามหาโคดี้อีกหรือไม่ และถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งไม่สามารถปล่อยให้พวกมันไป พอเห็นเขายืนได้ อเล็กซิสตัดสินใจค่อย ๆ เดินตรงไป มือยังยิงปืนไม่หยุด “เก็บไฟแช็ก” เธอสั่งเขา “ห้ามทำมันหายเด็ดขาด”“อย่าไป” เขาร้อง แต่เธอไม่ฟัง อเล็กซิสหยิบดาบของไมเคิลขึ้นมาอีกข้างแล้วโถมตัวใส่มันแล้วไมเคิลเห็นดังนั้นรีบตะครุบไฟแช็กแล้วจุดมันขึ้น“อเล็กซิส” เขาร้องเมื่อเห็นเธอบ้าบิ่นจะสู้กับมันตัวต่อตัว พลันร่างเธอก็กระเด็นล้มไปทางเรมีที่กำลังรับมือกับอีกตัวคู่กับอาคุสะ อเล็กซ์สบถอะไรบางอย่าง แล้วจัด
เฒ่าทรอยนอนฟุบลงกับพื้นจนหน้าคลุกไปกับหิมะสกปรกบนพื้น ไม่มีใครคิดช่วยให้เขาลุกขึ้นมา และถ้าใครทำแบบนั้น ไมเคิลจะเป็นคนกระชากคอออกมาเอง เด็กหนุ่มยืนพักหอบหายใจ กว่าจะพาทรอยออกมาได้ยากลำบาก หุ่นยนต์ถูกตั้งโปรแกรมให้กำจัดใครก็ตามที่อยู่ในสถานะเจ้าพนักงานของทอยซิตี้ ก่อนหน้านี้ เขาขอให้ฟีบี้รีเซตพวกมันใหม่เป็นหน่วยทหารแทน แต่เพราะเธอยืมพลังมาจากโคดี้ ประสิทธิภาพของมันไม่แน่ไม่นอน เมื่อเซตได้ตัวหนึ่งก็ต้องเซตตัวอื่น เธอไม่สามารถทำได้ทีเดียว พอทำงานซ้ำไปซ้ำมา หญิงสาวก็เริ่มหมดความอดทน ฟีบี้บอกว่าเธอไม่ได้ทำหน้าที่ปกป้องชีวิตเจ้าหน้าที่ แต่เพื่อสานงานของโคดี้และเพื่อปกป้องพวกเราทุกคนต่างหาก ศูนย์กลางของทอยซิตี้คือ เดอะ วาล และถ้าหากเจาะเข้าไปยังศูนย์บัญชาการได้ พวกทหารจะแพ้ราบคาบ นั่นคือสิ่งที่เธอบอก แต่ไมเคิลเข้าใจว่ามันคือการคาดเดามากกว่า และเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้คิดขึ้นเอง แต่มันมาจากลูไมเคิลเดินตรงไปแล้วดึงคอเสื้อทรอยขึ้นมาอีก คราวนี้เขาลากเข้าไปในตึกของเมลิสซ่า ที่พักเก่าของตนกับเรมี ตอนนี้แทบไม่มีใครอยู่ในตึกแล้ว ประชากรในเดอะ วาลบางส่วนที่ไม่อยากต่อสู้ก็อพยพไปยังเขตอื่น เนื่อง
ขณะนั้นริงโก้ตัดสินใจอุ้มเอมอนขึ้นมาคนเดียว เพียซจึงอุ้มเดสซิเรตามมา เบลินดาเห็นพวกเขาเดินตรงมาก็ลุกขึ้น เธอส่งขวดน้ำดื่มให้อย่างรู้งาน ระหว่างนั้นเพียซก็เล่าว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง หลังจากประตูเปิด พวกเขาก็บุกเข้าไปข้างในเพื่อหาตัวเอมอนกับเดสซิเร ทั้งสองถูกจับสวมกุญแจมือ อาวุธโดนยึดหมด แต่เดสซิเรและเอมอนก็ทำให้กำลังพลภายในนั้นปั่นป่วนไปมาก พวกเขาเจอศพทหารหลายราย คงเป็นฝีมือของทั้งสอง ตอนไปถึง หญิงสาวยังพอมีสติจึงเล่าว่า ทั้งคู่พยายามหาห้องควบคุม แต่ภายในมีระบบเชื่อมต่อกับชุดสูทที่เอมอนสวม เพียงย่างก้าวไปในส่วนที่เป็นสำนักงาน หน้ากากจึงถูกปลดออกอัตโนมัติ ทั้งสองจึงต้องสู้และพยายามจะออกมา ทว่าก็สู้จำนวนคนและอาวุธไม่ได้ จากนั้นจึงถูกจับทรมาน อาจเป็นโชคดีในโชคร้ายของเดสซิเรที่ไม่มีแผนอะไรอยู่แล้ว บวกกับพลังพิเศษที่ทำให้พวกนั้นไม่อาจสัมผัสหรือเข้าใกล้ได้มากนัก ส่วนเอมอนนั้นแย่หน่อยเพราะพอรู้แผนของลูคร่าว ๆ แต่ไม่ได้ปริปากออกไปเลย ดังนั้นเขาจึงโดนซ้อมหนักที่สุด“แล้ว...ทำไมพวกเธอมานั่งอยู่ตรงนี้” โอลิแวนถาม “พวกอเล็กซิสล่ะ ฉันได้ยินกว่าทั้งกลุ่มเข้าไปในเขตเธอไม่ใช่หร
ไมเคิลสบตากับเรมี อีกครั้งที่พวกเขาไม่เข้าใจว่าพวกเธอวางแผนอะไรกัน“ฉันต้องการคำอธิบาย ตั้งแต่เช้า พวกเราวุ่นจนไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ยังไม่นับเรื่องที่พวกเธอทำโดยไม่บอกก่อน”ฟีบี้กลอกตา เธอไม่ได้มีท่าทีสำนึกหรืออ่อนข้อลงแบบเทสซ่า แต่กลับยักไหล่ไม่สนใจ แม้บุคลิกหญิงสาวจะเป็นแบบนี้ และปกติก็ไม่มีใครถือสา (ยกเว้นเทสซ่า) แต่เวลานี้ เขาอดฉุนไม่ได้“ทำไมฉันต้องบอกพวกนายด้วย โต ๆ กันแล้ว อีกอย่างก็ใช่ว่าฉันจะรู้ก่อนหน้าอะไรนักหนา ถ้าไม่ใช่เพราะโคดี้ ฉันก็อาจจะนั่งทำหน้าโง่เหมือนพวกนายนี่แหละ” อาคุสะทำเสียงจุ๊ ๆ แล้วส่ายหน้าเป็นเชิงห้ามปรามเรื่องคำพูด เธอยักคอไปมาอย่างกวนประสาท “เฮ้อ เอาเป็นว่าตอนนี้โคดี้ต้องพัก ส่วนฉันก็ยืมพลังเขามาใช้ จะพยายามเปิดไอ้ประตูยักษ์นั่น” พูดจบก็ถูมือ“ฟีบี้...” อเล็กซิสพูดขึ้น “ฉันเดินผ่านศูนย์อนามัย...เห็นศพพยาบาลเต็มไปหมด ยังไม่รวมเจ้าหน้าที่คนอื่นที่ไม่ใช่ทหารอีก...”หญิงสาวเงียบไปเมื่อเจอคำถามนี้ เทสซ่าก็เม้มปากแน่น เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นทั้งสองมองหน้ากันอย่างเข้า
11:45 PM หน้าประตูเขตเครสเตอร์ - เดอะ วาลกระแสไฟฟ้าแผ่กระจายเป็นวงกว้าง มันส่งแรงต้านผลักก้อนคอนกรีตชิ้นโตหล่นกลับลงมบนพื้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ไมเคิลทึ่งที่โคดี้สามารถป้อนชุดคำสั่งพิลึกพิลั่นให้กับหุ่นพิฆาต หรืออันที่จริงคือ ใครจะคิดว่าเขาจะป้อนคำสั่งแบบนั้นในเวลารีบเร่งเช่นนี้ ทุกครึ่งชั่วโมงจะมีหุ่นสองสามตัวเดินกลับมาปาก้อนหินหนักขึ้นไป กำแพงกั้นเขตแน่นหนาจนแม้แต่พวกมันข้ามไปไม่ได้ จึงใช้วิธีนี้เช็กดูว่าระบบรักษาความปลอดภัยของทอยซิตี้สั่นคลอนแล้วหรือยัง จะว่าเป็นเพราะระบบถูกออกแบบมาดีก็ว่าได้ ถ้าหากไม่ใช้เพราะโคดี้มีพลังพิเศษ ไมเคิลไม่เห็นหนทางเลยว่าพวกเขาจะออกไปได้ ต่อให้เครสเตอร์และนอร์ธพังทลายเพียงใด มันก็ยังไม่ลามไปถึงอีกฝั่งที่ถือว่าเป็นศูนย์กลาง และเมื่อนั้น ถ้าหากพวกเขาจะล้างศัตรู ก็อาจปล่อยระเบิดลงมาลูกเดียว แบบที่เคยเกือบล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปเมื่อหลายพันปีก่อนยุคก่อนหายนะ...พี่สาวฝาแฝดเคยเล่าให้เขาฟังเข้าเที่ยงคืนกว่าแล้วหรือ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้น อเล็กซิสจะกินอะไรแล้วหรือยัง เขานั่งนับวันแล้วเหงื่อตก พวกเขาทำปฏิทินเช็กความถี่ว่าอะวีซีจะออกฤ