คาเลบสาบานได้เลยว่าเห็นเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกล้ำกลืนคำพูดและโทสะที่สาดเข้ามาราวกับห่ากระสุนลงไปเฮือกใหญ่ เธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะคงสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เดือดตาม หญิงสาวที่ตะโกนอยู่นั้นชื่อ แมรี่ คาร์เตอร์ เป็นแม่ของเบลินดา คาร์เตอร์ ประธานสภานักเรียนและหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนรัฐบาล ลูกสาวของเธอสอบติดวิทยาลัยเดียวกับอเล็กซิส และตอนนี้ คุณนายคาร์เตอร์กำลังเบี่ยงประเด็น ไม่ว่าลูกสาวของเธอจะเคยอยู่ที่นั่นหรือไม่ ความจริงก็คือ หากลูกสาวของเธอเป็นแขกในงานนั้นก็เป็นเหตุผลที่ตำรวจจับเด็กสาวเอาไว้ แต่ก็นะ ทุกคนก็อยากจะช่วยลูกตัวเองกันทั้งนั้น
“เราคุมตัวลูกสาวของคุณเพื่อสืบสวนค่ะ คุณนายคาร์เตอร์ ลูกสาวของคุณรายงานพวกเราว่า มีการกระทำที่บ่งบอกว่าเข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามรัฐบัญญัติปี 2966 พวกเราภูมิใจที่เธอทำหน้าที่พลเมืองที่ดี แต่ตามกฎหมาย เรายังต้องสอบสวนเธอเพื่อขอข้อมูลและสืบหาความจริงอีก โปรดเข้าใจพวกเราด้วยค่ะ ขอให้คุณใจเย็น ๆ แล้วนั่งรอนะคะ”
คาเลบและเจสซี่มองหน้ากันทันที พวกเขาบังเอิญทราบตัวการของเรื่องยุ่ง ๆ นี้แล้วสิ
“แล้วทำไมถึงจับลูกฉันไว้ในคุก!”
ผู้ปกครองทั้งหมดลุกขึ้นยืนอย่างเหลืออด ทั้งหมดจ้องหญิงสาวอย่างโกรธเคือง โดยเฉพาะคุณมิลเลอร์ พ่อของเวด “หยุดโวยวายได้แล้ว! เอาล่ะครับทุกท่าน ทีนี้เรารู้กันสักทีว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องวุ่นในวันนี้ คุณนายคาร์เตอร์ ลูกสาวของคุณโกหกคำโตเลยทีเดียว แถมยังทำให้พวกเราลำบากกันทั้งหมด"
คุณนายคาร์เตอร์จ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจ ผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตที่มัดเป็นมวยอยู่ข้างท้ายทอยหลุดลุ่ยเมื่อเธอหันซ้ายหันขวา มองหน้าแต่ละคน หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น ไม่แยแสสายตาคนอื่น “ประทานโทษนะคะ ลูกสาวของฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”
นายมิลเลอร์เปลี่ยนสายตาจากโกรธเคืองเป็นเหยียดหยามทันที “งั้นคุณควรทราบไว้นะครับ ว่าพวกเขากำลังถ่ายวิดีโอแกล้งเพื่อนกันอยู่ มันเป็นมายากล ผมมองพวกเขาอยู่ตลอด ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงบ้าบออะไรนั่นสักหน่อย ไม่ใช่แม้แต่กลุ่มต้องสงสัยด้วยซ้ำ ลูกคุณปากมากแล้วยังโง่อีก!”
“นี่คุณกล้าดียังไง!”
“ลูกสาวคุณโกหก” พวกผู้ปกครองที่อยู่ข้างคุณมิลเลอร์เริ่มตะโกนใส่หญิงสาว แต่ละคนต่างมีอารมณ์เดือดกันทั้งนั้น เมื่อคุณมิลเลอร์เห็นว่ามีหลายคนสนับสนุนเขา จึงไม่ยอมหยุดโจมตีคู่กรณีง่าย ๆ เขาโพล่งความคิดแย่ ๆ หนึ่งขึ้นมา “รู้แล้ว ลูกสาวคุณก็เข้าชิงทุนเหมือนกันนี่นา เธอคงอยากจะป้ายสีลูกชายผมสินะ ใช่สิ ผมแน่ใจว่าเพราะเหตุผลนี้แน่ ๆ” พลันเขาหันมาสบตากับคาเลบพอดี “เธอป้ายสีลูกสาวของคุณหมอด้วยนะครับ”
คาเลบอยากหายตัวไปเดี๋ยวนั้น เขาโกรธแมรี่ คาร์เตอร์หรือไม่ แน่นอนสิว่าโกรธมาก แต่การที่พวกเขามานั่งทะเลาะกับคาร์เตอร์ไม่เป็นผลดีต่อเด็ก ๆ เอาเสียเลย ตรงกันข้าม มันอาจจะทำให้เรื่องแย่ลงมากขึ้นไปอีก
ทว่าคุณนายเจสเซ่นส์ แม่ของออสโล่ยกมือขึ้น “ลูกชายของฉันก็ด้วยค่ะ ลูกสาวคุณจงใจแกล้งลูกชายฉันชัด ๆ” เธอคิดไม่เหมือนคาเลบ เธอขอเข้าร่วมสงครามน้ำลายนี้
คาเลบเหลือบมองเจสซี่ น่าแปลกใจที่ลูกชายหัวร้อนกลับยังคงสงบนิ่ง ไม่มีท่าทางโกรธเคือง สายตาของเขาจับตามองคนทั้งหมดแล้วรับฟังคนทะเลาะกันอย่างประเมินสถานการณ์ ริมฝีปากเผยอรอยยิ้มน้อย ๆเหมือนพอใจกับสถานการณ์ตรงหน้า
“ลูกคิดว่าไง เจสซี่”
“อย่ายุ่งกับพวกเขาเลยพ่อ นั่งเฉย ๆ ดีกว่า” เขากระซิบเตือนคาเลบ ทั้งที่ปกติแล้ว คำพูดนี้ควรเป็นฝ่ายคาเลบที่พูดเตือนเขามากกว่า “กฎหมายนี้ให้อำนาจกับพวกตำรวจเต็มที่ ถ้าเราเชื่อฟัง ทำตัวเรียบร้อย ก็จะดูดีในสายตาเจ้าหน้าที่ แถมยังเป็นประโยชน์กับอเล็กซ์ด้วย” เขาอธิบาย
“ตอนนี้ ผมแน่ใจแล้วว่าน้องจะปลอดภัย ไม่ต้องกังวลนะครับพ่อ มันชัดเหลือเกินว่าเด็กสาวคนนั้นโกหกคำโต พวกเขาจะตรวจสอบข้อมูลของอเล็กซ์ ผลการเรียนเอย ประวัติการรักษาพยาบาลเอย แล้วพอพวกเขาไม่พบสิ่งผิดปกติ บวกกับเมื่อเบลินดาสารภาพ ก็เป็นปัญหาของพวกเธอแล้ว ไม่เกี่ยวกับน้อง”
คาเลบหลบตาลูกชาย ผู้เป็นพ่อหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่ได้โล่งใจเหมือนกับเจสซี่ การตรวจสอบประวัติการรักษา นี่แหละปัญหาใหญ่ เขานึกถึงแมรี่ สตีเว่น พยาบาลที่บันทึกข้อมูลเท็จให้กับเด็ก ๆ ถ้าพวกเขาสืบสวนถึงขั้นตอนนี้ แมรี่กับอเล็กซิสแย่แน่ ๆ หากถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มต้องสงสัยว่าจะเป็นกลุ่มเสี่ยงก็ไม่ได้เบาไปกว่าถูกตัดสินว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรอก
เขาเห็นภาพทะเลสีดำอันมืดมัว...ได้โปรดเถิดพระผู้เป็นเจ้า ปกป้องลูกสาวของลูกด้วย อย่าให้เธอจมหายไปในทะเลนั้นเลย
“พวกเขาแค่อ่านข้อมูลใช่ไหม” เขาถามลูกชายอีกครั้ง อยากให้ตัวเองแน่ใจว่าฝันร้ายจะไม่มีวันเป็นจริง สองพ่อลูกเดินหนีออกห่างจากสงครามอารมณ์ระหว่างนางคาร์เตอร์ นายมิลเลอร์ และผู้ปกครองคนอื่นเพื่อถกเถียงเรื่องของอเล็กซิสได้สะดวก
“ผมไม่แน่ใจนัก แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงอย่างที่คิดไว้ตอนแรก ถ้าเบลินดาสารภาพความจริง เราคงรับน้องกลับบ้านได้ภายในพรุ่งนี้ แต่เมื่อไหร่ ผมไม่แน่ใจ อาจจะตอนบ่าย หรือไม่ก็ช่วงเย็น”
คาเลบกอดคอลูกชาย พวกผู้ปกครองเริ่มถกเถียงกันรุนแรงมากขึ้น แต่เพราะทั้งสองถูกเรียกตัวให้เข้าไปหาลูกสาวได้ก่อน จึงเป็นโอกาสดีที่จะหนีออกจากฉากนั้น
เจ้าหน้าที่พาพวกเขาไปยังห้องเยี่ยมผู้ต้องขัง ห้องเยี่ยมค่อนข้างเล็กกะทัดรัด มีเพียงโต๊ะหนึ่งตัวกับเก้าอี้อีกสาม อเล็กซิสนั่งรออยู่แล้ว หน้าตาสะลึมสะลือเหมือนคนไม่ได้หลับไม่ได้นอน เมื่อเธอเห็นทั้งสองก็ลุกขึ้นยืนทันที แต่เพราะแขนถูกกุญแจมือล็อกเข้ากับโต๊ะ เธอจึงหงายหลังล้มลงไปกับเก้าอี้ หัวใจของเขาฟีบลงเมื่อเห็นแบบนี้ อเล็กซิสยิ้มให้ทั้งสองอย่างเหนื่อยอ่อน
“หนูขอโทษนะคะที่รบกวนพ่อกับพี่ แถมยังปลุกเวลานี้อีก”
“อย่าห่วงพวกเราเลย เธอเป็นไงบ้าง ได้นอนบ้างหรือยัง” เจสซี่ถาม เห็นชัด ๆ ว่าเขาเป็นห่วงน้องสาวมาก
อเล็กซิสสั่นหัว “นอนไม่ได้เลย พวกเขาจับพวกเราขังรวมไว้ในห้องขัง มีคนเยอะมากอยู่อัดกันเป็นปลากระป๋อง แล้วพวกเราก็คุยกันตลอดเวลา ตอนแรกพวกเรารู้สึกกลัวนะ อย่างเปปเปอร์กับเกรต้าร้องไห้ตั้งแต่ถูกจับจนถึงตอนนี้ ดูสิ ไหล่หนูเปียกหมดเลย เกิดเรื่องแบบนี้ ใครจะหลับลง ทุกคนมัวแต่ถกเถียงกันว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบได้”
อาคุสะถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ“อะไรอีก” อเล็กซ์ถาม“อเล็กซิสเป็นกลุ่มเสี่ยง” เขาตอบ “นายก็รู้ว่าพลังชีวิตของกลุ่มเสี่ยงมากกว่าคนปกติทั่วไป ยิ่งพวกเขาเป็นแฝด แถมยังเป็นแฝดที่เกิดจากแฝดพิเศษ สิ่งที่พวกเราเห็นอาจเป็นตัวพิสูจน์ อย่างน้อยตาเฒ่าทรอยก็ทำสำเร็จอยู่บ้าง ฉันคิดว่าพวกเขาพิเศษกว่ากลุ่มเสี่ยงอย่างพวกเราอีกนะ”ตอนนี้หัวของเขามึนตึบตามอาคุสะไม่ทัน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านสีหน้าออกจึงอธิบายต่อ “ร่างต้นแบบของลูก้าและเจมม่าเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มแรก ฝาแฝดที่มีพลังพิเศษ ร่างโคลนก็มีพลังพิเศษ ลูก ๆ ของพวกเขา...ไมเคิลก็มีพลังพิเศษ ตอนนี้เราก็เห็นแล้วว่าอเล็กซิสมี เป็นไปได้ไหมว่าถ้าพ่อแม่เป็นกลุ่มเสี่ยง ลูกก็จะเป็นกลุ่มเสี่ยงเหมือนกัน แล้วความที่พวกเขาเป็นแฝด จึงมีพลังเชื่อมเข้าหากัน เกื้อหนุนกัน”อาคุสะวางมือบนไหล่อเล็กซ์แล้วตบเบา ๆ “มันเป็นสัญญาณที่ดี เธอไม่ตายง่าย ๆ หรอก”อเล็กซ์ยืนนิ่งแต่ดวงตากวาดมองรอบ ๆ อเล็กซิสไม่ใช่คนเดียวที่บาดเจ็บ ยังมีคนเจ็บ บ้างมีแผลเล็กน้อย บ้างบาดแผลฉกรรจ์ เมื่อนั้นจึงตบหน้า
ความเงียบเปรียบดั่งมีดคมเสียบแทงเข้าไปในหัวใจ หากเพียงคนที่บาดเจ็บเป็นเขาแทน เขายอมแลกทุกอย่าง อเล็กซ์ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อมองทุกคนตายไปต่อหน้าต่อตา คนเหล่านี้ช่วยชีวิตเขาได้สำเร็จทุกครั้ง ไม่ว่าจะแม่ เบน และอเล็กซิส แต่เหตุใดเขาไม่เคยช่วยชีวิตใครได้เลย ไม่มีแม้แต่โอกาสได้ช่วย“อเล็กซ์!” ไมเคิลกระชากแขน เขาหันไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม“ไม่!” เขาตวาดใส่หน้า หากไมเคิลจะแย่งไปก็ทำได้ แรงของอีกฝ่ายมีมากกว่าและอเล็กซ์ก็ไม่เหลือพลังโต้กลับ แต่เพราะมีอเล็กซิส ไมเคิลจึงทำได้เพียงอ้อนวอน“ปล่อย ฉันจะช่วยเธอ!”“ไม่!” เขาตะโกนใส่หน้าเด็กหนุ่ม “ทุกครั้งที่ฉันปล่อยมือ เธอก็ห่างฉันไปทุกที...” ก้อนสะอื้นจุกในคอ เขาไม่อาจโต้ตอบได้อีกกล้ามเนื้อบนหน้าไมเคิลกระตุก เขาโกรธ โกรธมาก แต่ก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ “นี่พี่สาวฉัน ฝาแฝดของฉัน ปล่อยตัวเธอ ฉันอาจช่วยเธอได้ เมื่อกี้...”“ก็ทำสิ!” เขาดึงแขนเด็กสาวกลับ จ้องดวงตาสีฟ้าที่คล้ายกับของอเล็กซิสหากแต่สีนั้นอ่อนกว่า “ช่วยชีว
ไมเคิลไม่มีหลุมพราง และอเล็กซ์กลัวว่าอเล็กซิสจะไป พวกเขามีสายใยบางอย่างที่น่ากลัว หลังจากผ่านด่านทดลอง จากคนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนสนิท ไมเคิลเกาะติดอเล็กซิสแจทั้งที่ก่อนหน้าไม่ยอมเข้าสังคม อเล็กซ์ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเกลียดชังหนุ่มผมเงินมากขนาดนั้น อเล็กซ์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าหากถึงเวลานั้นจริง ๆ วันที่เธอเลือกไมเคิล เขารู้ว่าตัวเองคงทำใจไม่ได้ สู้ตัดใจแต่ตอนนี้ยังดีเสียกว่าเขาปล่อยมือเธอมันกลายเป็นความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจจนถึงตอนนี้ ทั้งที่แทบเป็นบ้าเมื่อเธอหายไป แต่กลับโกรธแทบตายที่ไมเคิลเจอเธอ ทำไมต้องหมอนี้ด้วย(วะ) ไอ้หัวเงินดูแลเธอตลอด อเล็กซ์ใช้เวลาอันมีค่าไปกับการปฏิเสธความรู้สึกตนเอง ใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์เพื่อโกรธและเกลียด เพื่อตอบสนองความกลัวและขลาดเขลาด้วยการเดินออกจากแสงสว่างนั้น จนเมื่อไมเคิลบอกว่าเธอกำลังจะตาย มันไม่ต่างอะไรจากวันที่อเล็กซิสบอกว่าเบนไม่กลับมา และวันที่เบนเดินมาบอกว่าแม่ไปแล้ว ความกลัวพัฒนาจนความรู้สึกมากมายงอกเงย โมโห หึงหวง โกรธ เกลียด สุดท้ายอารมณ์ทั้งหมดก็มาลงที่ตัวเอง เขาเกลียดตัวเองที่สุดยามเห็นอเล็กซิสทรมานไม่ว่
สองครั้งที่อเล็กซ์เผชิญหน้ากับความตาย เหมือนหลับไปตื่นหนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นคนที่เขารักก็จากไป ครั้งแรกคือแม่ และครั้งที่สองคือเบน เคยคิดว่าตัวเองชินชากับความตาย แต่ไม่เลย เขาไม่พร้อมเจอครั้งที่สามอเล็กซานเดอร์ โวลคอฟอาจถูกกำหนดให้อยู่เพียงลำพังและตายโดยลำพัง แต่สุดท้ายเขาก็ยังหายใจอยู่ช่วงแรกที่เขาพบเธอ เคยคิดว่ามันอาจเป็นแค่อารมณ์อ่อนไหว เขายังยี่สิบต้น ๆ และเธอก็อ่อนกว่าไม่กี่ปี รูปร่างหน้าตาสวยงามที่เหมือนเดินออกมาจากนิตยสาร นิสัยใจคอที่ทำให้คนหลงรักได้ไม่ยาก มันก็แค่นั้น แต่นานวันเข้า กลับกลายเป็นว่าเธอเหมือนแสงสว่างดวงน้อยที่มักอยู่ในสายตาเสมอ วันที่เขารู้ว่าเบนจะไม่มีวันกลับมา วันที่มืดมนที่สุดจนอเล็กซ์อยากหายไปจากโลกนี้ อเล็กซิสกลับอยู่เป็นแสงอันอบอุ่นปลอบโยนจนการมีชีวิตดูมีความหมายมากขึ้นก็ไม่ยากเท่าไรนักกับการมีชีวิตในโลกที่เขาไม่รู้จักมันเริ่มต้นมาจากวันนั้น...ในท้องฟ้าจำลอง แม้มองเห็นเพียงแผ่นหลังก็ยังรู้สึกถึงดวงจิตที่แตกสลายย่อยยับอยู่ภายใน ชั่ววูบหนึ่งเขาเห็นเงาของแม่ซ้อนทับ ดวงตาคู่งามแสนเศร้าและปลงตกในคราวเดียวกัน ประหนึ่งร่างของเ
บราวน์ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า วาร์กเนอร์เป็นหัวหน้าทีมคนก่อน“ครับ” เขาตอบสั้น ๆ แต่นัยน์ตาจับจ้องที่ดวงหน้าผู้ถาม สีหน้าของเดวิสดูซีดลงเล็กน้อย นัยน์ตาหม่นแสงลงคล้ายกับไม่สบายใจ เขาไม่แน่ใจนักว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองไปถึงขั้นไหน แต่คงมากพอที่จะให้วาร์กเนอร์พยายามหาข้อมูลไปประเคนชายหนุ่มคนนี้ได้งี่เง่า โดยเฉพาะวาร์กเนอร์ที่ดันผันตัวจากไฟเป็นหิ่งห้อย“พวกเราตกใจนิดหน่อยว่าอาจมีปัญหาอะไรหรือไม่...” ดูเหมือนเขาพยายามจะหาเหตุผลเพื่อไม่ให้ตัวเองดูผิดปกตินัก นายน้อยโวลคอฟคลี่ยิ้มน้อย ๆ “...หรือมีข้อตกลงที่ฝ่ายคุณไม่พอใจเป็นต้น”“ไม่หรอกครับ” บราวน์ตอบทันที “ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพียงแต่คุณวาร์กเนอร์ถูกย้ายไปประจำตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกว่า ทีแรกผมกังวลที่ต้องมาประสานงานต่อ แต่อย่างที่เห็น ทุกอย่างเรียบร้อยดี อีกอย่างการโยกย้ายก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจเบื้องบน มัน...ค่อนข้างจะเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ...” เขาวางมือลงบนโต๊ะ “...งานตรงนี้หรอกครับ”ในห้องเงียบไปสักพัก เค
ปัญหาไม่ใช่เนื้อหางานหรือรูปแบบของงานแต่อย่างใด แต่มันคือเหตุใดต้องเป็นเขาระแคะระคาย? ก็อาจเป็นไปได้ แต่อย่างที่บราวน์สรุปไปก่อนหน้า เมื่อไม่ลงมือก็แปลว่าขาดหลักฐาน เมื่อไม่จัดการก็แปลว่ายังต้องการอยู่ดังนั้นหากบราวน์จะรู้สึกเสียวสันหลังนิดหน่อยก็ไม่แปลกนัก การประสานงานกับคนภายนอก ทั้งยังต้องระมัดระวังข้อมูลไม่ให้รั่วไหล ยิ่งบราวน์ตงิดใจว่าถูกจับตามอง หากแม้เขาระวังตัวเพียงใด แต่คนใต้อำนาจเกิดสะเพร่าขึ้นมาโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อย่างไรเสียเขาก็ต้องโดน...ก็นะ ถ้านี่ไม่ใช่กับดักขอเถอะ อย่างน้อยให้ส่งของก่อนสักพัก เคย์ซี่เข้ามาเสิร์ฟกาแฟ เมื่อเธอหันหลัง บราวน์อดไม่ได้เหลือบมองบั้นท้ายกลมกลึง กระโปรงของเธอยาวพอดีเข่า แต่เพราะมันรัดรูปจนเห็นเป็นทรงสวย...ผลของการสควอทสินะ เขาสังเกตเรียวขาที่มีเส้นกล้ามเนื้อบ่งบอกว่าออกกำลังกายอย่านอกเรื่อง เขาส่ายหัว อย่างไรก็เป็นผู้ชาย มองนิดมองหน่อยไม่เป็นไรแต่อย่าทำให้สมาธิเสียก็เท่านั้น เขายักไหล่ให้ตัวเองแล้วมองข่าวบนจอโทรทัศน์“...กองทัพส่งกำลังเสริมเข้าต้านฝ่ายก่อกา