เคยได้ยินสุภาษิตโบราณ (ที่ซ่งจื่อหานเพิ่งจะบัญญัติขึ้นเองสด ๆ ร้อน ๆ) ที่ว่า...ยิ่งจ้องโทรศัพท์ด้วยจิตอธิษฐานแรงกล้าเท่าไหร่ มันก็ยิ่งไม่ยอมดังสักแอะไหม? บอกเลยว่า...ไม่จริงเลยสักนิด! เพราะโทรศัพท์มือถือของซ่งจื่อหานคนนี้ มันดังไม่หยุดหย่อนมาตั้งแต่ไก่โห่! แต่คนเดียว! คนเดียวในจักรวาล! ที่เธออยากให้โทรหาใจจะขาด...กลับเงียบหายเข้ากลีบเมฆไปเลย!
สายแรกที่ถล่มเข้ามาคือจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตเจ้ากรรมนายเวร ที่พยายามจะเกลี้ยกล่อม (หรือขู่เข็ญ?) ให้เธอเปลี่ยนแพ็กเกจใหม่ให้ได้ ซ่งจื่อหานเลยยื่นข้อเสนอสุดปังกลับไปว่า ‘จะเปลี่ยนให้ก็ได้นะ...ถ้าพวกคุณกล้าสัญญาว่าจะคิดค่าบริการแค่เดือนละไม่กี่หยวนไปอีกสิบปี แถมยังต้องแถมทีวีจอแบน 50 นิ้วเครื่องใหม่เอี่ยมให้เป็นของกำนัลด้วยนะ’ ผลลัพธ์น่ะเหรอ พนักงานสาวเสียงหวานในตอนแรก ถึงกับสบถคำหยาบที่เธอฟังไม่ทัน ใส่หูเธอก่อนจะกดวางสายดังปัง! สะใจเล็ก ๆ!
สายต่อมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน...คลินิกทำฟันเจ้าประจำนั่นเอง พนักงานต้อนรับเสียงใสราวกับนางฟ้าโทรมาแจ้งเตือน ด้วยน้ำเสียงที่เหมือนกำลังจะบอกว่าเธอทำผิดกฎหมายร้ายแรง ว่าเธอพลาดนัดตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูนสองครั้งล่าสุด และจะต้องรีบเข้าไปให้คุณหมอคนเก่งจัดการโดยด่วน! ฝันไปเถอะค่ะคุณหมอ ไม่ใช่เร็ว ๆ นี้อย่างแน่นอน! ครั้งล่าสุดที่เธอหลวมตัวไปขูดหินปูนน่ะเหรอ กลับต้องเจอค่าอุดฟันเพิ่มมาอีกหลายซี่ ป่านนี้ยังผ่อนจ่ายบิลไม่หมดเลย ขอบใจจริง ๆ นะ ไอ้ค่าประกันสุขภาพแสนแพงที่ไม่ได้ช่วยอะไรเล้ยยยย
และแน่นอนที่สุด สายที่ไม่เคยพลาดเลยสักเทศกาล...คุณย่าสุดที่รักของเธอนั่นเอง ที่โทรมาไถ่ถามแกมบังคับ ว่าเมื่อไหร่จะยอมสละโสด แต่งงานมีลูกมีเต้าให้ท่านได้อุ้มเหลนอุ้มหลานกับเขาสักที เธอเลยแกล้งบอกให้ท่านลองไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะแถวบ้านดู เผื่อจะได้เห็นเด็ก ๆ วิ่งเล่นกันให้ชื่นใจบ้าง แต่ดูเหมือนท่านจะไม่ขำด้วยสักนิด
สรุปคือ...ใช่! วันนี้เธอได้รับสายโทรศัพท์เยอะมาก เยอะจนหูแทบจะไหม้ แต่...แต่ก็ไม่มีสักสายจากฉู่เฮ่าชวน ผู้ชายที่เธออยากจะได้ยินเสียงทุ้มนุ่มของเขามากที่สุดในสามโลก
ฉู่เฮ่าชวน...พี่ชายคนโตสุดหล่อจนวัวตายควายล้มของฉู่ลี่เหยียนเพื่อนซี้สุดที่รักของเธอ ซ่งจื่อหานรู้จักเขามาตั้งแต่สมัยยังใส่ชุดนักเรียน และก็แอบปิ๊งเขาหัวปักหัวปำมาตั้งแต่อายุสิบขวบ ส่วนเขาน่ะเหรอ ตอนนั้นก็ปาเข้าไปสิบหกแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยมองเธอเลยสักนิด ไม่เคยชายตาแล เธอเป็นได้แค่เพื่อนสนิทสุดซี้ของน้องสาวจอมน่ารำคาญของเขามาโดยตลอด
อืม...ก็เกือบจะตลอดนั่นแหละนะ...ถ้าไม่นับคืนนั้น...
มันเคยมีอยู่ครั้งหนึ่ง...แค่ครั้งเดียวเท่านั้น...ที่เธอเป็นมากกว่านั้น ครั้งหนึ่งที่เราสองคนมีความทรงจำลับสุดยอดร่วมกัน ซึ่งเธอย้อนกลับไปนึกถึงมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกวัน...ทุกคืน...นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะกล้าเอ่ยปากพูดคุยกับเขาได้เลย ไม่เลยสักนิดเดียว โชคดีแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ที่เขายังอุตส่าห์ยอมพูดคุยกับเธออยู่บ้างหลังจากเรื่องราวในคืนนั้น และความลับสุดยอดนั้นก็มีเพียงเธอกับเขาสองคนเท่านั้นที่ล่วงรู้
เธอไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ฉู่ลี่เหยียนฟังในตอนนั้น...ทั้งที่เพื่อนคนนี้คือเพื่อนสนิทที่สุดในชีวิตของเธอ เธออยากจะบอกใจจะขาด อยากจะเล่าให้ฟังทุกรายละเอียด แต่จะให้บอกเรื่องแบบนั้นกับใครสักคนได้อย่างไรกันล่ะ จะให้บอกเพื่อนสนิทสุดที่รักได้อย่างไรว่าพี่ชายสุดหล่อของเพื่อนดันพูดจาถูกเผง และเธอก็คือตัวอิทธิพลร้ายกาจที่ไม่มีใครอยากจะให้เข้าใกล้ลูกหลานตัวเองเลยแม้แต่น้อย เธอควรจะจุดธูปขอบคุณสวรรค์ด้วยซ้ำไปที่ฉู่เฮ่าชวนไม่เคยแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้ เดาว่าเขาเองก็คงจะอับอายขายขี้หน้าไม่แพ้กัน หรือไม่ก็ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่างที่เธอไม่อาจจะหยั่งรู้ได้ มันไม่ใช่เรื่องที่จะมาป่าวประกาศให้ชาวบ้านชาวช่องได้รับรู้กันได้ง่าๆ อยู่แล้ว
‘นี่ ๆ ลี่เหยียน...จะบอกอะไรให้นะ ฉันน่ะ...แอบไปนอนกับเพื่อนสนิทเธอมา จริง ๆ แล้ว...จะว่าไป...ฉันก็เป็นคนพรากพรหมจรรย์ของเธอเองนั่นแหละ!’
เขาไม่ได้พูดแบบนั้นออกมาหรอก และเธอก็ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับฉู่ลี่เหยียนเช่นกัน
แล้วจะให้บอกเพื่อนได้อย่างไรกัน ว่าเธอแอบย่องเข้าไปในห้องนอนของพี่ชายเพื่อนด้วยความหวังอันเต็มเปี่ยมว่าจะยั่วยวนเขาให้สำเร็จ จะให้บอกเพื่อนได้อย่างไรว่าพวกเธอสองคนได้ร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนดูดดื่ม และมันก็คือค่ำคืนที่ดีที่สุด สุดยอดที่สุด ในชีวิตของเธอเลยทีเดียว เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าจะเริ่มต้นเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟังยังไงดี แล้วหลังจากนั้น เธอก็รู้สึกผิดบาปเกินกว่าจะกล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมา แต่ในที่สุด ตอนนี้เพื่อนรักของเธอก็รู้ความจริงทั้งหมดแล้ว และบอกตามตรงเลยนะว่ามันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเลยสักนิดเดียว ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าคนเดียวที่เธอจะต้องเปิดอกคุยกันอย่างจริงจังเกี่ยวกับเรื่องราวในคืนนั้น...ก็คือผู้ชายคนเดียวในโลกที่ไม่ต้องการจะข้องแวะอะไรกับเธออีกเลยนั่นเอง
“จื่อหาน! ยัยตัวแสบ! เธอไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเนี่ย!” เสียงแหลมปรี๊ดของฉู่ลี่เหยียนตะโกนลั่นบ้านขณะที่เจ้าตัวเดินสับขาเข้ามาในคอนโดราวกับพายุทอร์นาโด
“ฉันอยู่นี่! ในห้องนั่งเล่นนี่แหละ!” เธอตะโกนตอบกลับไปสุดเสียง ก่อนจะลดระดับเสียงลงจนเกือบจะเป็นเสียงกระซิบ “ว่าแต่...ทำไมพวกเราจะต้องมาตะโกนคุยกันให้ชาวบ้านเขาแตกตื่นด้วยเนี่ยหา”
“ฉันมีไอเดียสุดบรรเจิดเลิศสะแมนแตนมาบอกเธอ!” ดวงตาของฉู่ลี่เหยียนเป็นประกายวิบวับราวกับเจอขุมทรัพย์โจรสลัดขณะที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาในห้องนั่งเล่น เธอปรบมือแปะ ๆ อย่างตื่นเต้นแล้วก็เริ่มเต้นดุ๊กดิ๊กไปมารอบ ๆ ห้อง พลางส่งยิ้มกว้างเสียจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่ ความกระตือรือร้นต่อความคิดสุดบรรเจิดของตัวเองนั้นมันช่างเอ่อล้นออกมาจนปิดไม่มิด
“ไอเดีย...อะไรของเธอยะ” ซ่งจื่อหานหรี่ตามองเพื่อนรักที่ในที่สุดก็ยอมหยุดนิ่งอยู่กับที่เสียที หลังจากที่เต้นเป็นเจ้าเข้าจนเธอเริ่มจะเวียนหัว
“ก็ไปแอบส่องโซเชียลมีเดียมายังไงล่ะ แถมแม่นั่นก็ยังมีบล็อกส่วนตัวที่เขียนเล่าเรื่องราวชีวิตของตัวเองด้วยนะ แล้วก็ยังมีรูปของเจ้าโฟรโด แฮมสเตอร์สุดที่รักของหล่อน กับเจ้าแบล็กกี้ หมาคู่ใจของหล่อนเต็มไปหมดเลย”“เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าหมาของหล่อนน่ะมันสีดำ”“ใช่เลย เป๊ะเลย” ซ่งจื่อหานพยักหน้ารับแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา “ใครกันนะช่างมีความคิดสร้างสรรค์ตั้งชื่อหมาดำว่าแบล็กกี้เนี่ย”“ช่างไม่มีความคิดสร้างสรรค์เอาเสียเลยจริง ๆด้วย” ฉู่ลี่เหยียนส่ายหน้าอย่างเห็นด้วย “คนแบบนี้จะต้องถูกกำจัดออกไปให้พ้นทาง เธอสิถึงจะเหมาะสมกับพี่เฮ่าชวนมากกว่าตั้งเยอะ”“พูดก็พูดเถอะนะ ฉันก็ยังสงสัยอยู่ดีว่าพี่เฮ่าชวนเขาจะคิดแบบนั้นกับฉันจริง ๆ รึเปล่าน่ะสิ”“พี่เฮ่าชวนก็แค่ตาไม่ถึงเองต่างหากล่ะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนที่โทรศัพท์ในมือของเธอจะส่งเสียงเตือนขึ้นมา “อุ๊ย! พี่เฮ่าชวนนี่นา...เขาส่งข้อความมาบอกว่าอีกประมาณชั่วโมงหนึ่งเขาจะมาถึงที่นี่แล้วนะ”“หา! แล้วฉันจะรีบไปใส่อะไรดีล่ะทีนี้ แล้วพี่เฮ่าชวนเขารู้ไหมว่าฉันจะอยู่ที่นี่ด้วยน่ะ”“ก็รู้สิยะ! ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเธอจะไปอยู่ที่ไหนได้อีกล่ะ!”“
“โอ๊ยตายแล้ว! จื่อหาน!” ซ่งจื่อหานส่ายหน้าให้กับตัวเองเบา ๆ ที่เผลอหลุดปากเรื่องนั้นออกไป “เธอน่ะไม่ควรรู้เรื่องนั้นไม่ใช่เหรอ จำได้ไหม” เธอแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นมาเล่นกับปอยผมของตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนอยู่ครู่หนึ่! ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง “แล้ว...แล้วนายกู้หยุนเฟิงคิดจริง ๆ เหรอว่าพี่เฮ่าชวนชอบฉันน่ะ”ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มกว้างออกมาในทันที “ใช่สิ ถึงแม้ว่าเขาจะคิดว่าพี่เฮ่าหรานกับกู้เทียนอี้ก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจเธออยู่เหมือนกันก็เถอะนะ อ้อ แล้วก็ยังมีนายผู้ชายคนนั้นอีกคนหนึ่งไงล่ะ ที่ชื่ออะไรนะ...”“ใครคือที่ชื่ออะไรนะ”“ก็นายเจเจยังไงล่ะ ไอ้คนที่พยายามจะมาแจกขนมจีบเธอในสนามตลอดเวลานั่นแหละ”“อ๋อ...ไอ้คนที่ตัวสูง ๆ แล้วก็จมูกดูเบี้ยว ๆ หน่อยนั่นน่ะเหรอ” ซ่งจื่อหานทำหน้าแหย ๆ “ฉันสาบานได้เลยนะว่าไอ้หมอนั่นมันพยายามจะมาแต๊ะอั๋งฉันอย่างชัดเจนเลยล่ะ”ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะลั่นออกมาอย่างขบขัน “ใช่ ๆ คนนั้นแหละ ไอ้หมอนั่นมันก็พยายามจะทำแบบนั้นกับฉันเหมือนกันนะ แล้วกู้หยุนเฟิงก็เลยแอบเอาข้อศอกไปกระแทกใส่เข้าให้ทีหนึ่งน่ะสิ”“โอ้โห! กู้หยุนเฟิงนี่มันสุดยอดไปเลย!” ซ่งจื่อหา
“โอ๊ย...ปวดกล้ามเนื้อไปหมดเลย โดยเฉพาะน่องเนี่ย ทำไมฉันถึงได้เดี้ยงขนาดนี้นะ ไม่ได้ฟิตเลยจริง ๆ” ซ่งจื่อหานครางเสียงโหยพลางใช้มือนวดเฟ้นกล้ามเนื้อที่ยังคงตึงเปรี๊ยะราวกับจะฉีกออกจากกัน“ฉันก็เหมือนกัน สงสัยเราคงต้องเริ่มเข้ายิมออกกำลังกายกันอย่างจริงจังแล้วละมั้ง” ฉู่ลี่เหยียนทำหน้าเบ้เหมือนเพิ่งกินยาขมเข้าไป“อี๋...แค่คิดก็เหนื่อยจะตายแล้ว” ซ่งจื่อหานยู่หน้าใส่เพื่อนรัก“เหอะน่า ก็แค่เข้าฟิตเนส วิ่งเหยาะ ๆ บนลู่สักหน่อย แล้วบางทีเราอาจจะไปหาที่ซ้อมตีแบดกัน ที่สวนสาธารณะก็น่าจะดีนะ” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างมุ่งมั่น พลางพยักหน้ากับตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง“จะไปซ้อมทำไมกันยะ”“ก็จะได้ซ้อมให้มันเก่ง ๆ ไง ฉันอยากให้คราวหน้าพวกเราไปถึงสนามแล้วก็เล่นให้มันเทพไปเลย เราต้องทำให้พี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงเห็นว่าพวกเราไม่ใช่พวกไก่อ่อนหัดเล่นกีฬาไม่เป็น”“เออ...นั่นสิ” ซ่งจื่อหานพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเสียไม่ได้“ใช่แล้ว เราต้องแสดงให้พวกผู้ชายพวกนั้นได้เห็นไปเลยว่าผู้หญิงอย่างพวกเราก็เล่นกีฬาเก่งได้เหมือนกัน” ฉู่ลี่เหยียนพูดอย่างฮึกเหิมราวกับกำลังจะไปออกรบซ่งจื่อหานถอนหายใจออกมาเบา ๆ พลางเหยียดขาที่ยั
“ได้เลยสิครั! จื่อหานคุณสามารถมาที่ฟิตเนสของผมเมื่อไหร่ก็ได้เลยนะครับ ผมน่ะเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสามโลกเลยนะจะบอกให้” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกว้างมาให้เธออย่างเป็นมิตร“ขอบคุณมากเลยค่!” ซ่งจื่อหานมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย นี่มันไม่ใช่ส่วนหนึ่งของแผนการเลยนะ! เธอเคยคิดว่ากู้เทียนอี้ก็แค่ทำดีกับเธอไปตามมารยาทเท่านั้น แต่ตอนนี้เธอไม่แน่ใจแล้ว หรือว่าเขากำลังจะจีบเธอจริง ๆ กันแน่นะ“ผมว่ามันคงจะสนุกมากแน่ ๆเลยนะครับ แล้วพวกเราก็จะได้มีโอกาสมาคุยเรื่องนี้กันต่อ โดยที่ไม่มีเสียงนกหวีดน่ารำคาญมาเป่าไล่ใส่พวกเราด้วยยังไงล่ะครับ” เขาขยิบตาให้เธออย่างมีเลศนัย“คุยเรื่องอะไรกันต่ออย่างนั้นเหรอ” ดวงตาคมกริบของฉู่เฮ่าชวนหรี่ลง แล้วก็ก้าวเข้ามาหาพวกเธออย่างรวดเร็ว“ก็จื่อหานเธอกำลังจะบอกผมถึงสิ่งที่เธออยากจะทำจริง ๆ ยังไงล่ะครับ” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้าง ดูเหมือนจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าฉู่เฮ่าชวนกำลังดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์มากนัก“เธออยากจะเป็นแคสติ้งเอเจนต์ให้กับพวกนักแสดงในรายการเรียลลิตี้โชว์ยังไงล่ะ” ฉู่เฮ่าชวนเหลือบมองมาที่ซ่งจื่อหานขณะที่พูด“แล้ว...แล้วพี่เฮ่าชวนรู้ได้ยังไง
“ผมดีใจมากเลยนะครับที่คุณได้มาอยู่ทีมเดียวกับผม” กู้เทียนอี้ยิ้มกว้างให้เธอขณะที่ยืนอยู่ที่สุดปลายคอร์ต หอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน“ฉันก็รเหมือนกันค่ะ” ซ่งจื่อหานส่งยิ้มตอบกลับไปแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ หัวใจของเธอเต้นระรัวไม่เป็นส่ำจากการวิ่งทั้งหมด และเธอก็แค่อยากจะทรุดตัวลงนั่งแผ่หลาอยู่บนพื้นเสียเดี๋ยวนี้เลย“ทีมฝั่งโน้นเขาดูจะจริงจังกับเกมเกินไปหน่อยนะว่าไหมครับ” เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ และก็มองดูฉู่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงกำลังตีลูกโต้กันไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าพี่เฮ่าชวนกับกู้หยุนเฟิงไปอยู่ทีมเดียวกันได้ยังไงกันน่ะ” เธอหัวเราะออกมาอย่างอ่อนแรง “มันดูไม่ค่อยจะยุติธรรมเลยนะว่าไหมคะ ถึงแม้ว่าฉันจะดีใจมากที่ไม่ได้ไปอยู่ทีมเดียวกับใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้นก็ตามที”“น่าสงสารลี่เหยียนนะครับเนี่ย” กู้เทียนอี้ส่งยิ้มกริ่มมาให พวกเขาสองคนมองดูขณะที่ฉู่ลี่เหยียนกำลังตะโกนใส่ชายหนุ่มทั้งสองคนให้ช่วยส่งลูกมาให้เธอบ้างเธอหัวเราะออกมาเบาๆ “นั่นสิคะ คุณว่าพวกเราควรจะรีบวิ่งเข้าไปช่วยเธอรับลูกบ้างไหมคะ”เขาส่ายหน้าไปมาช้า ๆ “อืม...ผมว่ายังก่อนจะดีกว่านะครับ ดูเหมือนว่าคุณยังจะต้อ
บางครั้ง...คนเราก็รู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อม ๆ กัน สับสนงุนงงจนสมองไม่อาจจะประมวลผลได้ว่าควรจะให้ร่างกายแสดงความรู้สึกใดออกมากันแน่การได้เห็นฉู่เฮ่าชวนในชุดกางเกงขาสั้นสีดำสนิทและเสื้อยืดสีขาวรัดรูปที่ขับเน้นมัดกล้ามเป็นลอนสวย กำลังยืนยืดเส้นยืดสายอยู่ในคอร์ตแบดมินตันในบ่ายวันนั้น ก็เป็นหนึ่งในช่วงเวลาเหล่านั้นสำหรับซ่งจื่อหาน หัวใจของเธอราวกับถูกกระแทกอย่างจังจนจุก อารมณ์มากมายหลากหลายประดังประเดเข้ามาจนหญิงสาวแทบจะตั้งรับไม่ทันโอ๊ย...หล่อ...หล่ออะไรเบอร์นี้! อยากจะร้องไห้เพราะความหล่อของเขา หรือจะหัวเราะให้กับความบ้าผู้ชายของตัวเองดีนะ!“จื่อหาน! ยืนบื้อทำอะไรอยู่ยะ!” ฉู่ลี่เหยียนผลักหลังเพื่อนรักเบา ๆ ขณะที่เธอหยุดนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่กลางคอร์ต“พี่เฮ่าชวน...” ซ่งจื่อหานพึมพำเสียงอ่อนขณะที่เข่าเริ่มจะอ่อนแรงลงอย่างไม่มีสาเหตุ หัวใจเธอเต้นรัวเป็นจังหวะสามช่า และใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาดื้อ ๆ“เธอกำลัง ‘ทำ’ พี่เฮ่าชวนอยู่หรือไง ฮ่า ๆ นี่เธอโอเคดีอยู่ไหมเนี่ยจื่อหาน” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยล้อเลียนเพื่อนรักแล้วก็หัวเราะคิกคักออกมา ทั้งขำทั้งเป็นห่วงในอาการของเพื่อน“ฉัน.