เอสเช่ารถจากสนามบินเรียบร้อยก็พาพัดพารัชชาออกจากสนามบิน ในระหว่างทางทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันมากนัก เพราะเอสต้องรีบขับรถเพื่อไปให้ถึงที่หมายโดยเร็ว ส่วนพัดพารัชชาก็ตื่นตาไปกับต้นซากุระที่ออกดอกผลิบานไปทั่วสองข้างถนนเป็นระยะ เธอไม่พลาดที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือเก็บภาพประทับใจเอาไว้ เพราะไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนเธอถึงจะได้มาเที่ยวที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง
“เก็บเมมโมรี่เอาไว้ถ่ายตอนถึงที่พักเราด้วยนะครับ ผมว่าพอถึงที่นั่นคุณพลอยต้องประทับใจกับความสวยงามมากกว่าตามสองข้างทางที่นี่แน่”
“จริงเหรอคะ แล้วที่ที่เราจะไปพักมีอะไรเหรอคะ”
“เดี๋ยวคุณพลอยก็เห็นเองครับ”
“โอเคค่ะ ถ้าคุณเอสเซอร์ไพรซ์ ต้องเป็นที่สวยมากแน่ๆ”
“แน่นอนครับ ผมอยากให้คุณพลอยประทับใจที่สุด”
“เชื่อไหมคะว่าพลอยอยากจะมาที่ญี่ปุ่นมากๆ คิดว่าเก็บเงินเที่ยวต่างประเทศได้ที่แรกที่จะไปก็คือญี่ปุ่น งานที่พลอยได้ทำเป็นงานที่ได้เงินเดือนตามที่ฝันแล้ว ยังได้เที่ยวในที่ที่เคยฝันอยากไปด้วย”
“คุณพลอยไม่เคยได้เที่ยวต่างประเทศเลยเหรอครับ”
“ไม่หรอกค่ะ พลอยไม่ได้มีเงินเที่ยวขนาดนั้น”
“อย่างงั้นผมจะคอยเป่าหูคุณแฮร์ริคให้ส่งคุณพลอยไปต่างประเทศบ่อยๆ นะครับ”
“พลอยไปได้ทุกที่ค่ะ ถ้ามีเพื่อนอย่างคุณเอสไปด้วย”
“เพื่อนเหรอครับ”
“คะ?” ใบหน้าจิ้มลิ้มเริ่มเจื่อนลงดื้อๆ เพราะดูท่าอีกฝ่ายท่าจะตกใจกับสรรพนามที่เธอใช้กับเขา “พลอยขอโทษค่ะ ลืมไปว่าคุณเอสแก่กว่าพลอยหลายปี พลอยให้คุณเอสเป็นพี่ดีกว่าค่ะ”
“ผมเป็นอะไรให้คุณพลอยก็ได้ครับ ถ้าคุณพลอยอยากให้เป็น” เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาทรงเสน่ห์นัยน์ตาสีฟ้าหันมายิ้มให้กับพัดพารัชชาก่อนจะหันกลับไปมองทางด้านหน้า ทว่าเขาก็ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้หญิงสาวที่เขาส่งยิ้มกว้างและเอ่ยพูดด้วยเมื่อครู่ เธอไม่สามารถละสายตาจากเขาได้
“เอ่อ...ค่ะ” พัดพารัชชารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วหน้า คำพูดที่เขาพูดกับเธอเมื่อครู่มันเป็นแค่ความหมายธรรมดาทั่วไปที่เพื่อนร่วมงานดีๆ อย่างเอสอยากจะพูดให้เธอสบายใจ ทว่าคำพูดของเขาดันทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง ทั้งยังรู้สึกขวยเขินอีกฝ่ายขึ้นมาดื้อๆ ทำไมถึงได้เป็นเช่นนี้กัน
“โห สวยที่สุดเลยค่ะ”
ดวงตาคู่สวยเบิกโพลงเป็นประกาย ริมฝีปากบางอ้าค้าง มือทั้งสองยกขึ้นมากอบกุมพวงแก้มของตัวเอง ทั้งรู้สึกตื่นเต้นจนหัวใจเต้นรัว หลังจากเห็นภาพวิวทิวทัศน์ของภูเขาไปชื่อดังของญี่ปุ่นผ่านระเบียงหลังห้องพัก มองลาดต่ำลงมาก็เป็นวิวทะเลสาบที่ตอนนี้กำลังสะท้อนเงาของภูเขาไฟ อีกทั้งรายล้อมทะเลสาปสีครามก็เต็มไปด้วยต้นซากุระที่ผลิดอกบานจนเต็มต้น เมื่อครู่ตอนลงรถเธอก็ตื่นเต้นมากแล้วที่รู้ว่าได้พักใกล้กับที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อ ทว่าเมื่อมามองจากมุมสูงของโรงแรมมันยิ่งทำให้เธอได้เห็นความสวยงามกว้างไกลมากขึ้นไปอีก
“ชอบไหมครับ”
“ชอบมากเลยค่ะคุณเอส พลอยเคนเห็นแต่คนดังๆ มาพักแล้วก็รีวิวที่พักที่นี่ ไม่ได้คิดว่าจะได้มาพักเอง ขอบคุณมากๆ เลยนะคะที่ทำให้พลอยได้มาพักที่นี่ แล้วก็เตือนพลอยให้เก็บเมมโมรี่เอาไว้ถ่ายรูป”
“ครับ คุณพลอยชอบผมก็ดีใจครับ ผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ”
“ค่ะ” สาวเจ้าปิดประตูได้ก็วิ่งไปยังระเบียงหลังห้องเพื่อเก็บภาพบรรยากาศในยามพระอาทิตย์ใกล้ตกดินของภูเขาไฟ เธอถ่ายทั้งภาพถ่ายทั้งวีดิโอส่งให้เพื่อนๆ ได้ดู แม้ในภาพที่ส่งไปจะสวยงามไม่เท่ากับของจริงที่เห็นกับตาเนื้อ แต่เธอก็อยากให้เพื่อนทั้งสองได้เห็นว่าเธอได้มาที่นี่ตามที่เคยฝันเอาไว้แล้ว
พัดพารัชชาชื่นชมกับบรรยากาศภายนอกโรงแรมแล้วจึงรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า คนตัวเล็กในเดรสชุดนอนสีหวานพร้อมเสื้อคลุมล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มได้ก็รีบเฟสไทม์หาเพื่อนๆ ทั้งสองในทันที
“โห สวยมากเลยแก ดีใจกับแกนะที่ได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นซะที บริษัทแกนี่สุดยอดเลยอะ” อทิตยายังคงนั่งเลื่อนดูรูปที่พัดพารัชชาส่งให้ไม่วางตา อิจฉาเพื่อนที่สุดที่ได้ไปเที่ยวที่สวยๆ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ถึงจะไปเพราะเรื่องงาน ทว่าผลพลอยได้ก็คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม
“จริง ฉันล่ะอิจฉา นี่ขนาดให้ไปทำงานยังให้พักที่พักดีๆ ขนาดนี้ ถ้ามีสวัสดิการให้เที่ยวประจำปีจะหาที่ดีแค่ไหน ยัยพลอยน้อยของฉันโชคดีจริงๆ” ดาวลดารู้สึกว่าพัดพารัชชาโชคดีมากไม่ได้ต่างไปจากอทิตยา ทั้งยังดีใจที่ชีวิตของเพื่อนรักเธอตอนนี้เริ่มสดใสและมีความสุขขึ้นเสียที
“ถ้าฉันทำงานได้หลายเดือนกว่านี้จะซื้อตั๋วให้พวกแกมาเที่ยวที่นี่ด้วยกันนะ”
“เพื่อนใจป๋าแบบนี้ฉันเตรียมตัวรอเลย แล้วแกไปกับใคร” ดาวลดาไม่ได้สนใจเรื่องที่จะได้เที่ยวฟรีหรือไม่ ทว่าตอนนี้เธอสงสัยมากกว่าว่าเอสได้ไปกับเพื่อนเธอหรือไม่ ด้วยรู้ว่าไม่ว่าเพื่อนเธอจะไปทำงานที่เมืองไหนในเยอรมันก็จะมีเอสคอยตามติดไปด้วยตลอด
“คุณเอส ฉันอุ่นใจมากๆ เลยที่มีเขามาด้วย”
“เดี๋ยวนะ ใช้คำว่าอุ่นใจ แกคิดไรกับเขารึเปล่า” ดาวลดาโพล่งดังขึ้น หรือเรื่องที่เธอกำลังสงสัยมันจะเป็นจริงอย่างที่คิด
“อะ... อะไร จะคิดอะไรเล่า” พัดพารัชชาหลบสายตาเพื่อนทั้งสอง
“อาการแบบนี้ชัดเลย” ดาวลดาฟันธงได้เลยว่าพัดพารัชชาดูท่าจะชอบเอสนั้นเป็นเรื่องจริง
“รู้ตัวไหมว่าหน้าแดงไปทั้งหน้าแล้วน่ะ” อทิตยาเข้าคู่กับดาวลดาหยอกเพื่อนเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ฉันก็ไม่รู้ว่าคิดอะไรกับเขาไหม”
“ทำไม” เป็นอทิตยาที่โพล่งถามพัดพารัชชา
“ก็ไม่รู้ไง ไม่รู้ก็คืออธิบายไม่ถูกไง”
“แล้วแกอยู่ใกล้เขาใจเต้นแรงรึเปล่า”
“ก็ไม่ค่อยนะ”
“เวลามีเรื่องอะไร ไม่ว่าจะสบายใจหรือไม่สบายใจจะนึกถึงเขาไหม”
“ก็ใช่นะ”
“นั่นไง แกชอบคุณเอส ชอบก็จีบเขาสิ”
“บ้าเหรอ”
“บ้าอะไร แกบอกว่าเขาดีกับแกทุกอย่างแถมไม่มีแฟน จะรออะไรล่ะ”
“ฉันไม่เคยจีบผู้ชาย” พัดพารัชชาส่ายหัวพัลวัน เกิดมายังไม่เคยมีแฟน หรือใกล้ชิดผู้ชายคนไหน แล้วเธอก็ไม่กล้าจะไปจีบผู้ชายก่อนด้วย
“เรื่องจีบผู้ชายเอาไว้ก่อน แต่แกอ้อน แกเอาความรู้สึกของการแอบชอบคนอื่นมาจากไหน” ดาวลดาพุ่งเป้าไปที่อทิตยา ด้วยดูท่าเพื่อนเธอจะรู้จักอาการแอบชอบคนอื่นดีเหลือเกิน
“ก็... มาจากหนังสือ”
“ใช่รึเปล่าน้า...” ดาวลดาเอ่ยถามน้ำเสียงยียวน
“เออ... อย่าสนใจฉันเลยน่า เอาเรื่องพลอยมันก่อน”
“อืม ฉันก็เห็นด้วยกับอ้อนมันนะพลอย ฝรั่งเขาไม่ซีเรียสหรอกเรื่องใครจีบใครก่อน”
“อ้าว แล้วถ้าเขาไม่ชอบฉันล่ะ”
“เขาก็ไม่คิดมากหรอก”
“ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ฉันจะพักผ่อนแล้ว แค่นี้นะ”
พัดพารัชชาเห็นว่าเพื่อนๆ ที่ยุให้เธอไปบอกความรู้สึกกับเอสไม่ได้รับความกดดันอย่างเธอที่ต้องอยู่ใกล้ชายหนุ่มเทบจะตลอดเวลา หากเขารู้สึกเหมือนเธอก็ดีไป แต่หากไม่ก็จะทำให้ทั้งเขาและเธอต่างก็จะมีความอึดอัดใจเกิดขึ้นมาเปล่าๆ เรื่องของความรู้สึกมันทำให้เธอวุ่นวายหัวใจได้มากจริงๆ
และแล้วมื้อกลางวันของทุกคนก็เริ่มขึ้น แฮร์ริคนั่งข้างๆ กับเอริญญาที่อยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารของเด็ก ส่วนพัดพารัชชาก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของสองพ่อลูก บนโต๊ะอาหารตอนนี้ มีแตงกวาผัดใส่กุ้งจานใหญ่ รวมไปถึงต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ปลาทับทิมนึ่งและขาหมูพะโล้ที่ตุ๋นจนเปื่อยยุ่ย ส่วนอาหารของเจ้าตัวกลมก็มีกุ้งต้มตัวใหญ่สองตัวที่คนเป็นแม่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำให้พร้อมกับแตงกวา แครอทและเส้นมักกะโรนีต้มตลอดเวลาของมื้ออาหารไม่มีเวลาไหนที่แฮร์ริคจะไม่มีรอยยิ้ม เขาเก็บภาพทุกอย่างไว้ในความทรงจำอย่างดีในเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันกับพัดพารัชชาและลูก และเขาก็ยิ่งปลื้มใจมากเป็นพิเศษกว่าทุกครั้ง เพราะวันนี้พัดพารัชชาเลือกที่จะทำอาหารให้เขาได้รับประทาน ไม่เหมือนก่อนหน้าที่เขาต้องสั่งมาเอง“อร่อยไหมครับ” เขาหันไปมองลูกสาวที่กำลังใช้ส้อมสีชมพูสวยจิ้มไปที่กุ้งต้มเข้าปากไม่เว้นระยะจนแก้มทั้งสองเต็มไปด้วยอาหารเจ้าก้อนกลมพยายามเคี้ยวอาหารให้หมดปากโดยเร็วตามที่คนเป็นแม่เคยสอน จากนั้นก็ค่อยเปิดปากตอบพ่อของเธอ “หย่อย”“อร่อยค่ะ” พัดพารัชชาต้องคอยสอนทุกครั้งให้ลูก
พัดพารัชชายกนิ้วชี้ป้องปากก่อนจะหันไปยังเปลสีชมพู“ผมขอดูหน้าลูกก่อนได้ไหม” ชายหนุ่มกระซิบกระซาบด้วยสีหน้าตื่นเต้น เพราะตอนนี้เขาอยากจะเห็นหน้าลูกสาวด้วยตาเนื้อและอยากจะสัมผัสลูกใจจะขาด พอๆ กับอยากจะสัมผัสแม่ของลูกเขาเดินเข้าไปมองลูกสาวตัวกลมที่อยู่นอนกอดหมอนข้างปะแป้งจนมีกลิ่นหอมชวนให้น่าฟัด ทว่าแฮร์ริคก็ทำได้แต่ใช้ปลายนิ้วสัมผัสเนื้อนุ่มนิ่มของพวงแก้มย้วยเบามือและไล่สายตามองสำรวจลูกน้อยเงียบๆ จากนั้นเขาก็เริ่มน้ำตาคลอไหลลงมาอาบแก้ม หากเขารู้ว่ามีเจ้าตัวกลมอยู่บนโลกใบนี้ให้เร็วกว่านี้คงจะดีมากๆแฮร์ริคเชยชมผลงานของตัวเองได้ครู่หนึ่งจากนั้นก็เงยหน้าปาดน้ำตาและหันกลับมามองพัดพารัชชา ตอนนี้เขาพร้อมจะคุยกับเธอแล้วพัดพารัชชามองหน้าคนตัวโตที่ดูแปลกไปจากเดิมมากจนจำแทบไม่ได้ เดาไม่ผิดก็คงไม่พ้นความทุกข์ใจที่มันกัดกินเขาเป็นเวลาร่วมสองปี ถึงได้มีสภาพแบบนี้“เราไปคุยกันข้างนอกดีกว่าค่ะ” พัดพารัชชาเดินนำหน้าแฮร์ริคออกห่างจากเปลนอนของเอริญญามาที่ม้านั่งใต้หลังคาชานหน้าบ้านเมื่อนั่งตรงข้ามกันเรียบร้อยแฮร์ริคก็รีบพูดในสิ่งที่เขาอยากจะพูดกับพัดพารัชชาใ
“ใช่ ผมน่าจะเป็นผู้เป็นคนให้เร็วกว่านี้ ถ้าผมนึกตามหาพลอยให้ไวกว่านี้ก็คงได้ดูแลเธอตั้งแต่เธอท้องแล้ว ที่ผมมาหาคุณก็เพราะอยากให้คุณช่วย ผมรักพลอยจริงๆ อยากดูแลเธอ คุณช่วยให้ผมคืนดีกับเธอได้ไหม ผมขอร้องล่ะ” แฮร์ริคไม่คิดสนศักดิ์ศรี เขายอมก้มลงคุกเข่าต่อหน้าอทิตยา เพราะตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการที่สุดคือการได้รับผิดชอบลูกและภรรยาเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผ่านมา“นี่... คุณแฮร์ริค”“เชื่อที่ผมพูดเถอะ”“ลุกขึ้นเถอะ”“ไม่ครับ จนกว่าคุณจะรับปากว่าจะช่วยให้ผมได้คืนดีกับพลอย”“โอ้ย...” อทิตยานั่งกุมขมับหนึบ คำพูดของเขาที่ว่ารู้สึกผิดมันก็น่าเชื่อถืออยู่หรอก ทว่าเธอก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พัดพารัชชาจะต้องการแฮร์ริคหรือเปล่าน่ะสิ ไม่ได้ เรื่องนี้เธอจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ คิดได้ดังนั้นก็รีบต่อสายหาดาวลดาในทันทีและแล้วทุกคนก็ต้องขึ้นเครื่องบินกันมาที่เชียงใหม่เพื่อตรงมายังบ้านของดาวลดา เพราะอทิตยาไม่สามารถตัดสินใจเองคนเดียวได้จริงๆ เรื่องที่จะพาแฮร์ริคไปหาพัดพารัชชาทั้งสี่คนนั่งสุมหัวคุยกันอยู่ที่ใต้ถุนบ้านเรือนไทยของดาวลดา แฮร์ริคพยายามพูดความรู้ส
“อยากให้แกสืบจากทางคนที่แกตามจีบให้หน่อยว่าตอนนี้คุณพลอยเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ช่วยอะไรทั้งนั้นโว้ย แค่ตอนที่คุณอ้อนรู้ว่าฉันเป็นเพื่อนกับเอส แล้วก็หลอกคุณพลอยไปงานนั้นก็โกรธฉันมาจนถึงทุกวันนี้ รู้ไหมฉันส่งดอกไม้พร้อมของแพงๆ ไปง้อแทบทุกวัน เธอก็เอาทิ้งทุกวัน จนเหมือนฉันซื้อของแพงไปให้แม่บ้านในโรงเรียนสอนพิเศษ มัดปมเองก็ต้องแก้ปมเองโว้ย จะสืบก็ไปหาสืบทางอื่น อย่ามายุ่งกับคุณอ้อนของฉัน” ที่เขาอารมณ์ไม่ดีอยู่ตอนนี้ก็เพราะยังตามง้ออทิตยาไม่ได้ง่ายๆ นี่แหละ เอลมาพูดเรื่องนี้ขึ้นก็พาลทำให้เขานึกย้อนไปถึงตอนที่ช่วยแฮร์ริคจนถูกหญิงเมิน“ได้ ถึงแกไม่ช่วย ฉันว่านักสืบของฉันก็มีความสามารถอยู่แล้ว” เอลมาแค่อยากได้คำตอบว่าเฟรดช่วยได้หรือไม่ได้เท่านั้น ทว่าอีกฝ่ายก็ตอบเสียยาว ดูท่าแล้วเฟรดคงยังเคืองแฮร์ริคไม่หายจนถึงทุกวันนี้แน่“แกยังโกรธฉันอยู่เหรอวะเฟรด” แฮร์ริคถามเพื่อนรักไปตามตรง“ไม่ได้โกรธแก คิดว่าถ้าย้อนกลับไปได้ก็ไม่อยากช่วยแกเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าคุณอ้อนจะใจแข็งขนาดนี้”“เพราะเห็นพวกแกแพ้ผู้หญิงใจแข็งแบบนี้ไง ฉันถึงไม่อยากคบใครเป็นตัวเป็นตน” เอลมาเห็นเพื่อน
แฮร์ริคยื่นมือหมายจะประคองใบหน้าหวานที่ซีดเซียวและเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ทว่าสาวเจ้าก็ถอยหลังหนีไม่ยอมให้เขาได้ถูกเนื้อต้องตัว“แผนแก้แค้นของคุณสำเร็จแล้วจะมายุ่งอะไรกับฉันอีก”“การแก้แค้นจบไปแล้ว ตอนนี้มันก็เป็นเรื่องของพลอยกับผม ความรู้สึกที่ผมมีให้พลอย วันเวลาที่เราอยู่ด้วยกันทุกอย่างมันเป็นเรื่องจริง ผมรักพลอยจริงๆ นะ”พัดพารัชชายกมีดพกในมือของเธอจี้คอของตัวเอง ทำเอาสองหนุ่มที่มองมายังเธอหน้าตาตื่นไม่ต่างกัน“เลิกยุ่งกับฉันซะที คุณจะรักฉันจริงหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ฉันเกลียดคุณ เกลียดยิ่งกว่าอะไร ฉันได้ออกมาจากชีวิตสองแม่ลูกนั่น คิดว่าฉันจะได้อิสระที่ฉันอยากได้ แต่คุณก็พาฉันเข้ามาเป็นหมากในเกมการแก้แค้น ชีวิตฉันหลังจากนี้ไม่รู้ว่าสองคนแม่ลูกนั่นจะจ้องล้างจองผลาญฉันอีกรึเปล่า คุณมันเห็นแก่ตัว มายุ่งกับฉันทำไม ฉันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับความแค้นคุณสักนิด”“พลอย” แฮร์ริคพยายามจะเข้าไปหาพัดพารัชชา ทว่ายิ่งเขาเข้าไปใกล้ปลายมีที่อยู่ในมือของหญิงสาวก็เริ่มกินเนื้อของเธอจนเห็นมีเลือดแดงฉานไหลออกมา“อย่าทำแบบนี้พลอย”“อย่ายุ่งกับเธอ” อนนท์เข้ามา
“อีพลอย!” พิมพิรายาได้ยินเช่นนั้นก็โกรธจนมือไม้สั่น จากนั้นก็ปรี่เข้าไปจะทำร้ายพัดพารัชชา ทว่าแฮร์ริคก็มาขวางเอาไว้“ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไงฮะ! แกต้องการอะไร” ปึก ปึก พิมพิรายาลงมือกับพัดพารัชชาไม่ได้เธอก็ฟาดกำปั้นไปที่อกของแฮร์ริคแขวิไลยืนกำหมัดแน่นดูสถานการณ์อย่างเจ็บปวดหัวใจ ไม่น่าเลย เธอควรจะเตือนลูกสาวของเธอก่อนที่จะตกลงแต่งงานกับแฮร์ริค เชื่อได้เลยว่ามันสองคนผัวเมียจะต้องรวมหัวกันทำให้ลูกของเธอเสียใจแน่“คุณรู้เรื่องนี้ใช่ไหมคะคุณเฟรด”เฟรดก้มหน้างุดเมื่อหญิงสาวที่ยืนข้างๆ กำลังมองค้อนเขาด้วยสายตาโกรธเคือง “ผมขอโทษครับ ผมเป็นเพื่อนกับแฮร์ริค”“พลอย” อนนท์แทรกทุกคนเข้ามาหาพัดพารัชชา เพราะรู้ว่าตอนนี้เธอต้องการคนที่อยู่เคียงข้าง“พี่นนท์”“ถ้าพลอยอยากไปจากที่นี่ พี่จะพาไป”“ค่ะ” พัดพารัชชารีบจับมือของอนนท์เอาไว้ เพราะตอนนี้หัวใจของเธอไม่พร้อมรับรู้อะไรตรงนี้ต่อไปแล้ว“มึงจะไปไหนอีพลอย อีลูกเมียน้อย” พิมพิรายาตวาดลั่นตามหลังพัดพารัชชาที่กำลังเดินหนีไปพร้อมอนนท์ เธออยากจะฉีกเนื้อพัดพารัชชาเป็นชิ้นๆ ที่ทำให้เธอ