แชร์

บทที่ 5 ขายปลา

ผู้เขียน: ปังจัง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-30 23:48:47

ยามอิ๋น (03.00 – 04.59 น.) ลี่หลินรู้สึกตัวงัวเงียตื่นขึ้น มาเพราะเสียงกุกๆ กักๆ ในห้องครัวรบกวนการนอนเป็นอย่างมาก นางอยากข่มตานอนต่อแต่ก็ไม่สามารถหลับลงได้ จึงลุกขึ้นพับผ้าห่มจัดแจงแต่งเสื้อผ้าและทรงผมอีกเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปดูว่าผู้ใดบังอาจลุกขึ้นมาทำครัวแต่เช้ารบกวนการพักผ่อนของนาง

“พี่สะใภ้ ข้าทำท่านตื่นหรือเปล่า ท่านกลับไปนอนต่อเถอะ วันนี้พี่ใหญ่กับพี่รองขึ้นเขาล่าสัตว์แต่เช้า ข้าแค่เข้าครัวมาต้มน้ำอุ่นให้นำขึ้นไปดื่มเพื่อคลายหนาวเท่านั้น”

“ปกติพวกเขาขึ้นเขาล่าสัตว์กันเช้าเพียงนี้เลยหรือ” ลี่หลินนึกสงสัยขยันปานนี้เหตุใดยังขัดสนยากจนกันอยู่อีก

“เป็นบางวันเจ้าค่ะ หากวันใดล่าได้น้อยก็ต้องขึ้นเขาตอนเช้าอีกหน่อยเผื่อได้สัตว์ไปขายในเมืองเพิ่ม เมื่อวานสัตว์ที่ล่าได้มีเพียงไก่ป่า 1 ตัวกับกระต่ายป่า 2 ตัวเท่านั้นที่พอขายได้”

“แล้วปลาหล่ะ ขายได้หรือไม่” เมื่อได้ฟังอ้ายฉิงเล่า ลี่หลินจึงต้องการทราบว่าสามารถนำไปขายด้วยได้หรือไม่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ล่าสัตว์ได้ก็นำไปขายให้เหลาอาหารในเมือง

นางเคยกินปลาตามเหลาอาหารอยู่บ้างแต่ไม่รู้ว่าพวกเขารับซื้อปลามาจากที่ใด หากมีผู้จัดหาให้อยู่แล้วเหลาอาหารจะรับซื้อปลาของชาวบ้านอีกหรือไม่ ตอนแรกลี่หลินต้องการเพียงจับปลาไว้กินและตากแห้งเป็นเสบียงสำหรับฤดูหนาวเท่านั้น หากวันใดล่าสัตว์ไม่ได้ครอบครัวของนางจะขาดเงินกะทันหัน แต่ถ้าสามารถจับปลาไปขายได้ทุกวันก็ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายมากนัก อย่างน้อยยังมีรายรับทุกวัน

“ขายได้เจ้าค่ะแต่ปลาจับยาก ส่วนใหญ่ปลาที่ผู้คนจับได้ล้วนตายแล้วทั้งนั้นจึงขายไม่ได้ราคา แต่หากเป็นปลาสดที่ยังมีชีวิตอยู่ขายได้ราคาดีมาก”

“อย่างนั้นก็ดี ข้าขอล้างหน้าแต่งตัวสักครู่พวกเราไปดูหลุมดักปลาที่ทำไว้กันหากได้เยอะก็แบ่งไปขาย”

ผ่านไปเพียงหนึ่งเค่อ (15) นาที ลี่หลินกับอ้ายฉิงก็เดินทางมาถึงหลุมดักปลาที่ขุดไว้ อ้ายฉิงชะโงกหน้าลงไปดูในหลุมแล้วส่งเสียงกรีดร้องออกมา

“กรี้ดดดดดด พี่สะใภ้ พี่สะใภ้”

“อ๊ายยยยยย อะไร อะไร เจ้าร้องทำไม หรือในหลุมนั้นมีงู กรี้ดดดดดด ข้าไม่ชอบงู ข้ากลัว เจ้าไล่มันไปเดี๋ยวนี้” ลี่หลินวิ่งถอยห่างจากอ้ายฉิงไปเกือบเมตร ชีวิตนี้นางกลัวงูเป็นที่สุด นางจะไม่ยอมเฉียดกายเข้าไปใกล้เด็ดขาด

“เอ่อ ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไม่ใช่ ข้าเพียงตกใจเพราะเห็นปลาในหลุมเยอะมากเท่านั้น แหะแหะ” เมื่อเห็นสีหน้าตกใจและหวาดกลัวสุดขีดของพี่สะใภ้ อ้ายฉิงจึงรีบตอบออกไปด้วยเสียงแหบแห้ง ใบหน้าของนางสลดลงอย่างรู้สึกผิด

“เฮ้อ ข้าตกใจจนหัวใจจะหยุดเต้นอยู่แล้ว เจ้ามันน่าโมโหนักเก็บปลาใส่ถังคนเดียวไปเลย ข้าไม่ทำแล้ว” ลี่หลินยังไม่หายตกใจ นางทำเพียงแค่ส่องไฟจากตะเกียงให้อ้ายฉิงจับปลาใส่ถังเท่านั้น จะหาว่านางใจร้ายไม่ได้ใครใช้ให้อ้ายฉิงทำนางตกใจกลัวจนตัวสั่นกัน เมื่อไม่มีสิ่งใดให้ทำลี่หลินก็สอดส่ายสายตาสำรวจรอบๆ ลำธารอย่างสบายใจ นางตกใจตาโตเมื่อเจอเข้ากับดงผักกูด ลี่หลินชอบกินผักชนิดนี้มากยิ่งนำมาผัดใส่กากหมูหรือใส่ไข่อร่อยจนแทบกลืนลิ้นเลยหล่ะ ครั้งก่อนนางมัวแต่วุ่นวายกับการหาปลาเลยไม่สังเกตเห็น

“อ้ายฉิงเจ้าจับปลาใส่ถังต่อเลย ข้าขอตัวไปเก็บผักกูดก่อน” ลี่หลินรีบตรงไปเก็บผักกูดอย่างหลงใหล

ยอดอ่อนที่กำลังขึ้นมาช่างสดใหม่และอวบอ้วนน่ากินมาก นางเก็บเพลินจนได้มากำใหญ่ พอดีกันกับอ้ายฉิงที่จับปลาในหลุมได้เต็มถังทั้งสองจึงชวนกันกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม

“พี่สะใภ้ใหญ่ หลุมดักปลาของท่านจับปลาได้เยอะมาก วันนี้ต้องขายปลาได้เงินเยอะแน่นอน”

“ของมันแน่อยู่แล้ว ข้าทั้งสวยทั้งฉลาดมีข้าอยู่พวกเจ้าไม่อดตายแน่นอน” ลี่หลินเชิดหน้าขึ้นอย่างภูมิใจ ไม่คิดเลยว่าหลุมดักปลาของนางจะสำเร็จแถมยังได้ผลเกินคาด ความรู้ที่ได้มาจากโลกนั้นช่างดีจริงๆ ถ้าเป็นแบบนี้ลำบากลำบนขนาดไหนก็ผ่านไปได้แน่นอน การเป็นคนมีความรู้มากกว่าผู้อื่นเป็นเรื่องที่ดีมาก

“พี่สะใภ้ ท่านทั้งสวยทั้งฉลาดจริงๆ” อ้ายฉิงกล่าวชมอย่างเอาใจ หากพี่สะใภ้ของนางเป็นแบบนี้ต่อไปครอบครัวคงดีขึ้นไม่น้อย

“เจ้าเอามันหมูสีขาวในถังมาหั่นให้ข้าหน่อย หั่นชิ้นใหญ่นิดหนึ่งนะข้าจะเจียวเอาน้ำมัน ส่วนเครื่องในหมูข้าขอตัวเอาไปล้างในลำธารก่อนอีกเดี๋ยวค่อยกลับมาทำอาหารเช้า”

ลี่หลินล้างไส้หมูและเครื่องในด้วยเกลือในลำธารเสร็จสิ้นยามเหม่า (05.00 – 06.59 น) หยางหนิงเฉิงและหยางอี้เฉินกลับมา ถึงบ้านพอดี วันนี้พวกเขาโชคดีมีไก่ป่ามาติดกับดักถึง 7 ตัว และกระต่ายป่าอีก 8 ตัว ขายทั้งหมดคงได้เงินจำนวนมาก

“พี่ใหญ่พี่รองข้ายังไม่ทำอาหารเลย พวกท่านหิวหรือไม่”

“พวกข้ายังไม่หิว แค่กลับมาเอาไก่กับกระต่ายที่ล่าได้เมื่อวานไปขายรวมกัน” หยางหนิงเฉิงตอบอ้ายฉิงพร้อมกับเดินเข้าไปเอาไก่และกระต่ายในครัว กะต๊ากกก กะต๊าก ไก่กับกระต่ายที่ยังไม่ตายส่งเสียงร้องลั่น พวกมันดิ้นขลุกขลักอยู่ในตะกร้าจนลี่หลินรู้สึกสงสารนางอยากเลี้ยงพวกมันเอาไว้

“เอ่อ ท่าน หยางหนิงเฉิง คือ คือ พอดีข้าอยากขอกระต่ายตัวผู้กับตัวเมียของท่านสัก 2 ตัว ไก่ป่าอีกสัก 3 ตัว ข้าว่าวันนี้พวกท่านจับได้เยอะแล้วแบ่งมาเลี้ยงบ้าง ขุนพวกมันสักหน่อยคงตัวโต กว่านี้มากหากน้ำไปขายก็จะได้เงินมากขึ้นตามไปด้วยดีหรือไม่ อีกอย่างวันนี้ข้ากับอ้ายฉิงจับปลาได้เต็มถัง พวกมันยังมีชีวิตอยู่หากนำไปขายต้องได้เงินเยอะแน่ เงินที่ได้มาคงเพียงพอสำหรับซื้ออาหารอีกหลายวัน” อ้ายฉิงรีบวิ่งไปเอาถังปลาที่นางกับพี่สะใภ้จับได้มาให้หยางหนิงเฉิงดู

เมื่อเห็นท่าทีของภรรยาที่พูดกับตนเองหยางหนิงเฉิงก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่ลี่หลินพูดคุยกับเขาด้วยประโยคแสนยืดยาว หยางหนิงเฉิงได้แต่แอบยิ้มมุมปาก หัวใจของเขากระตุกวูบวาบขึ้นมาแปลกๆ

“ได้ เอาตามเจ้าว่า” หยางหนิงเฉิงจับไก่กับกระต่ายออกมาใส่ตะกร้าตามจำนวนที่ลี่หลินต้องการ แค่นางเอ่ยปากขอเขาก็พร้อมยกให้อยู่แล้วไม่ได้มีปัญหาอันใด

“พี่สะใภ้ ท่านจับปลาพวกนี้กลับมาได้อย่างไร แถมพวกมันยังมีชีวิตอยู่อีกต่างหาก” อี้เฉินไม่ได้สนใจเรื่องที่ต้องแบ่งไก่และกระต่ายไว้ ขุนอีกสักหน่อยแล้วขายได้เงินมากขึ้นก็ดีเหมือนกัน ตอนนี้เขาสนใจปลาที่อยู่ในถังมากกว่า

“พวกเจ้าเอาปลาทั้งหมดนี้ไปขายในเมืองเถอะ ถ้าได้ราคาดีข้าจะสอนวิธีจับพวกมันให้” ลี่หลินตอบคำถามอี้เฉินเมื่อเห็นท่าทางดีใจจนตาเป็นประกายของเขา

“ได้ อย่างนั้นข้ากับอี้เฉินจะเข้าไปขายของในเมืองก่อน ต้องรีบหน่อยเดี๋ยวไม่ทันเกวียนของหมู่บ้าน เสร็จแล้วค่อยกลับมากินข้าวด้วยกัน” ตอนแรกหยางหนิงเฉิงวางแผนจะเดินเท้าเข้าเมืองไปกับอ้ายเฉิน แต่พอมีถังปลามาเพิ่มพวกเขาคงแบกไปไม่ไหว ระยะทางจากหมู่บ้านถึงตำบลใช้เวลาเดินเท้ากว่า 1 ชั่วยาม (1 ชั่วยามเท่ากับ 2 ชั่วโมง) แต่หากเดินทางด้วยเกวียนใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

“ท่านอย่าลืมซื้อ ข้าวสาร เกลือ เครื่องปรุงรส และไหใบเล็กมาให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ” ลี่หลินร้องสั่งตามหลังนางอยากได้เครื่องปรุงเพิ่มและไหสำหรับถนอมอาหาร

เมื่อสองหนุ่มออกจากบ้านกันไปแล้ว ลี่หลินก็หันมาสั่งงาน อ้ายฉิงต่อ นางให้อ้ายฉิงต้มโจ๊กและเจียวมันหมู ส่วนนางใช้เตาไฟอีกเตาเพื่อตุ๋นเครื่องใน ที่ครัวไม่มีซีอิ๊วดำหวานลี่หลินจึงผัดน้ำตาลให้มีสีออกดำแล้วคลุกเคล้ากับเครื่องใน จากนั้นเติมเครื่องเทศที่พอมีไม่กี่อย่างลงไป เติมเกลือเล็กน้อย เติมน้ำและตุ๋นต่อจนเปื่อย

“อ้ายฉิงถ้ามันหมูสีเหลืองทองเจ้าตักขึ้นมาใส่จานเลยนะ ดูไฟหม้อตุ๋นเครื่องในหมูให้ข้าด้วย ข้าจะเดินไปดูดอกไม้ที่ขึ้นอยู่ด้านขวาของบ้านสักหน่อย” การตุ๋นหมูต้องใช้เวลานาน ลี่หลินจึงอยากใช้เวลาเดินสำรวจบ้านเพิ่มอีกสักหน่อย

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ลี่หลินก็เจอดอกกุหลาบป่าสีแดงสดเลื้อยเป็นเถาเกาะตามต้นไม้น้อยใหญ่เต็มไปหมด ลี่หลินได้ยินเสียงหึ่ง หึ่ง อยู่ไม่ไกลนางจึงเดินตามไปดู

รังผึ้งขนาดใหญ่ห้อยโตงเตงบนกิ่งไม้อย่างน่าพิศวง น้ำผึ้งป่ารสชาติหอมอร่อยมาก นางต้องขอให้หนิงเฉิงกับอี้เฉินมาเก็บไปไว้ซะแล้ว

ชายหนุ่มทั้งสองคนนำไก่ กระต่าย และปลา มาขายให้เหลาอาหารหงหลูฝางซึ่งเป็นภัตตาคารอาหารขนาดใหญ่ของเมือง ไก่ 5 ตัว ได้ 13 ชั่ง ราคาชั่งละ 5 อีแปะ กระต่าย 5 ตัว ได้ 9 ชั่ง ราคาชั่งละ 7 อีแปะ ส่วนปลาได้ราคาดีมากเพราะลี่หลินคัดมาแต่ตัวใหญ่ ตัวปลาไม่มีรอยบาดแผลหรือรอยช้ำทำให้ได้ราคาชั่งละ 10 อีแปะ มีจำนวน 30 ชั่ง รวมทั้งหมดเป็นเงินกว่า 410 อีแปะ ทั้งสองคนตาโตกับจำนวนเงินที่ได้มามาก ปกติต้องขายหมูป่าตัวใหญ่เท่านั้นถึงจะได้เงินจำนวนนี้ หลงจู๊ยังบอกอีกว่าหากมีปลาสดอีกให้นำมาขายให้เขาได้

หยางหนิงเฉิงแวะซื้อของตามคำสั่งลี่หลินโดยไม่ขาดตกบกพร่อง เขาซื้อข้าวสารชั้นกลาง 6 ชั่ง ชั่งละ 15 อีแปะ เป็นเงิน 90 อีแปะ เครื่องปรุง เกลือ น้ำตาล ซีอิ๊ว รวมกัน 30 อีแปะ และไหขนาดเล็ก 3 ใบ ราคา 15 อีแปะ แต่ก็ยังเหลือเงินตั้ง 275 อีแปะ ก่อนจะรีบเดินทางกลับบ้าน

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 40 ครอบครัวของเรา(ตอนจบ)

    วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย ในที่สุดเทศกาลขึ้นปีใหม่ที่ทุกคนรอคอยก็เวียนมาถึงอีกครั้ง สมาชิกตัวน้อยของตระกูลหยางตั้งหน้าตั้งตารอวันนี้กันมาก นอกจากอั่งเปาซองสีแดงแล้วพวกยังได้ของเล่นชิ้นใหม่จากท่านอาด้วย“หยางลู่เสียน หยางลี่อิน พวกเจ้าสองคนเลิกก่อกวนแม่ได้หรือไม่” ลี่หลินถอนหายใจยืดยาวครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างเบื่อหน่าย วันนี้มื้อค่ำสำหรับปีใหม่ของนางยังไม่ไปไหนเลย ผู้ช่วยตัวน้อยสองคนเอาแต่แย่งเตรียมอาหารทั้งวัน“ท่านแม่ข้าอยากช่วยนี่ขอรับ” ลูกชายตัวดีตอบกลับเร็วพลันจนลี่หลินท้อใจ“เจ้าพาลี่อินไปช่วยท่านพ่อจัดสถานที่สำหรับปิ้งย่างดีกว่า อยู่กับแม่ในครัวน่าเบื่อจะตาย” ลี่หลินหาข้ออ้างให้ลูกสาวกับลูกชายยอมจากไปแต่โดยดี“จะดีหรือขอรับ” ลู่เสียนมีท่าทีลำบากใจเล็กน้อย“ข้าอยากอยู่กับท่านแม่” ลี่อินปฏิเสธเสียงแข็งอย่างไม่คิด“เฮ้อ พวกเจ้าไม่รู้อะไร ทำงานในสวนสนุกมากนะ ได้วิ่งเล่นจับแมลงด้วย เมื่อเช้าดอกโม่ลี่ฮวาพึ่งผลิบาน หากนำมาจัดใส่แจกันคงส่งกลิ่นหอมไปทั่ว” ลี่หลินหลอกล่อไม่หยุด นางรู้ว่าลูกสาวตัวน้อยชื่นชอบการจัดดอกไม้มากแค่ไหน“ว้าว ข้าอยากไปเล่นในสวนกับท่านพ่อเจ้าค่ะ” ลี่อินอุท

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 39 ความสุข

    “พวกเราเข้านอนกันเถอะดึกมากแล้ว”หยางหนิงเฉิงปลุกลี่หลินให้ตื่นจากภวังค์ เขาถอดเสื้อตัวนอกมาพาดไว้ข้างเตียงเพื่อระบายความร้อนโดยไม่สนใจนางสักนิด“อะ อืม”ลี่หลินเลื่อนลอยไปชั่วขณะ สายตาไม่รักดีของนางเหลือบไปเห็นมัดกล้ามเนื้อวับๆ แวมๆ ที่โผล่พ้นเสื้อตัวในของหยางหนิงเฉิงออกมาพาให้เลือดสูบฉีดทั่วทั้งกาย ลี่หลินพยายามกลืนน้ำลายเหนียวฝืดคอลงไปอย่างยากลำบาก วันนี้หยางหนิงเฉิงวางแผนหลอกล่อนางหรืออย่างไร“หลินเออร์เจ้าไม่สบาย”หยางหนิงเฉิงตกใจมาก เขารีบพุ่งตัวมาประคองใบหน้าของลี่หลินเอาไว้อย่างแผ่วเบา“หะ หะ หืม ข้าสบายดี”ลี่หลินขมวดคิ้วอย่างนึกสงสัย นางไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรสักนิด“สบายดีอะไร จมูกของเจ้ามีเลือดไหลออกมา”หยางหนิงเฉิงใช้ปลายนิ้วเช็ดเลือดบนจมูกลี่หลินเล็กน้อยก่อนหงายมือให้นางดู“ห๊า ละ เลือด ให้ตายเถอะ”ลี่หลินอุทานออกมาอย่างสิ้นหวัง นางเลือดกำเดาไหลเพราะแอบมองกล้ามเนื้อวับๆ แวมๆ ของสามีเนี่ยนะ อยากจะบ้าตาย รู้ถึงไหนอายถึงนั่นเลยเชียว“เจ้ารอก่อน เดี๋ยวข้าไปตามหมอมารักษา”หยางหนิงเฉิงร้อนรน“ไม่ต้อง ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก น้ำลายไม่ไหลออกมาด้วยก็ดีเท่าไหร่แล้ว”ลี่หลินดึงแขนเขาไว้ก่อนปร

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 38 ปล่อยวาง

    “พะ พ่อขอโทษ” นายอำเภอเล่อมู่ขอโทษลี่หลินด้วยน้ำตา ในบรรดาลูกสาวลูกชายของเขาไม่มีใครสามารถพึ่งพาได้เลย หลังจากหมดตัวทุกคนต่างพากันทยอยทิ้งเขา“การให้อภัยท่านเป็นเรื่องยากสำหรับข้า” ลี่หลินเบือนหน้าหนีอีกครั้ง น้ำตาของนางไหลรินออกมาหลังได้ยินคำขอโทษจากคนเป็นพ่อ“เจ้าไม่ให้อภัยพ่อก็ไม่เป็นไร แต่ได้โปรดช่วยเหลือพวกเราสักครั้ง หากไม่มีเงินไปใช้หนี้บ่อนพนันข้ากับนางต้องถูกจับตัดแขนตัดขาเป็นขอทานข้างถนนแน่นอน” นายอำเภอเล่อมู่หันไปมองภรรยาสุดที่รักอย่างเป็นห่วง“เฮอะ ข้าเกลียดนางแทบเข้ากระดูกดำ ทำไมข้าต้องช่วย ท่านพ่อเคยรักข้าบ้างไหมเจ้าคะ เหตุใดถึงกล้าขอร้องออกมาอย่างไม่อาย” ลี่หลินตะโกนเสียงดังอย่างเหลืออด ผู้หญิงคนนี้ทำให้ชีวิตนางกับท่านแม่ต้องตกต่ำ“พะ พ่อ เอ่อ” นายอำเภอเล่อมู่เงียบงันไปพักใหญ่ เขาไม่แน่ใจว่าตนเองรักลี่หลินหรือไม่ ความผูกพันธ์ระหว่างพ่อลูกของเขากับนางมีเพียงน้อยนิด“ข้าขอโทษ ข้าไม่ดีเอง ข้ามันชั่วช้า ข้าไม่เคยทำหน้าที่แม่ให้เจ้าเลยตั้งแต่ฮูหยินใหญ่จากไป เป็นข้าที่ละเลยเจ้าและกีดกันความสัมพันธ์พ่อลูก ข้าเห็นแก่ตัวเองที่ไม่อยากแบ่งปันคนรักกับใคร ท่านแม่ของเจ้าสวยมาก นางเป็

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 37 เผชิญหน้า

    หยางหนิงเฉิงกับหยางอี้เฉินเดินทางเข้าอำเภออยู่หลายเดือนเพื่อเตรียมตัวทำการค้า พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบดูแลหลายอย่างเริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อหน้าร้าน การตกแต่ง การตั้งราคา การหาลูกจ้าง และอื่นๆ อีกมากมายที่ต้องจัดการ ลี่หลินแค่คอยให้คำแนะนำในบางครั้งเท่านั้น อีกไม่กี่วันร้านค้าตระกูลหยางก็พร้อมเปิดให้บริการแล้วหลังจากวางแผนขยายกิจการหยางหนิงเฉิงกับหยางอี้เฉิน ก็เดินทางเข้าออกอำเภอเป็นว่าเล่น พวกเขาต้องเดินทางไปจัดการธุระบ่อยมาก การเดินทางเข้าอำเภอแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานถึงสองวัน ลี่หลินเลยต้องหอบผ้าหอบผ่อนมาช่วยอ้ายฉิงดูแลร้านค้า ในตำบลแทน“พี่สะใภ้ข้าเลือกชุดไหนดีเจ้าคะ” อ้ายฉิงเดินถือเสื้อผ้าเข้ามาในห้องนอนของลี่หลินอย่างต้องการความช่วยเหลือ“อืม ไหนดูซิ” ลี่หลินเพ่งสายตามองเสื้อผ้าหลากหลายแบบตรงหน้าอย่างเคร่งเครียด“ข้าควรใส่สีแดงเข้ม แดงอ่อน แดงทอง หรือแดงอมชมพูดีเจ้าคะ” อ้ายฉิงคาดคั้นเอาคำตอบ นางนั่งเลือกอยู่นานแล้วแต่ยังเลือกไม่ได้สักที“สีแดงอมชมพูเหมาะกับเจ้า ใส่แล้วดูไม่แก่จนเกินไป” ลี่หลินแนะนำ“พี่สะใภ้ตาแหลมนัก ข้าเลือกชุดนี้เจ้าค่ะ” อ้ายฉิงพึงพอใจมาก นางเองก็คิดว่าใส่แล้ว

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 36 ขยายกิจการ

    ร้านค้าตระกูลหยางเติบโตขึ้นทุกวันแบบก้าวกระโดด ตอนนี้ลี่หลินกับครอบครัวกลายเป็นเศรษฐีหน้าใหม่ของตำบลอย่างเป็นทางการแล้ว ครอบครัวหยางร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้ สินค้าส่วนใหญ่ของลี่หลินมีกลุ่มเป้าหมายชัดเจนทำให้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าในความเป็นจริงแล้วการค้าของครอบครัวหยางก็ไม่ได้ราบรื่นเท่าไหร่ พวกเขามีคู่แข่งมากมายและมีปัญหาเข้ามาให้แก้ไขไม่น้อย ทั้งเรื่องการลอกเลียนแบบสินค้า การตัดราคา ข่าวลือ การใส่ร้ายป้ายสี รวมไปถึงเรื่องราวจิปาถะหลายอย่าง พวกเขาสามารถก้าวผ่านปัญหาเหล่านั้นมาได้เพราะทุกคนในครอบครัวช่วยเหลือกันคู่แข่งทางการค้ามีเข้ามาเรื่อยๆ แต่คนพวกก็ไม่สามารถเล่นงานลี่หลินได้เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่นางผลิตเอง ลี่หลินทำการค้าจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำเน้นการพึ่งพาตนเองเป็นหลัก ทำให้คู่แข่งส่วนมากต้องล่าถอยออกไปเพราะยิ่งแข่งขันกับนางเท่าไหร่พวกเขายิ่งขาดทุนกิจการร้านเหล้าผลไม้ (ไวน์) ทำให้ครอบครัวหยางกลายเป็นที่รู้จักในหมู่ขุนนางมากขึ้น ด้วยรสชาติที่แตกต่าง ดื่มง่าย มีระดับมากกว่าเหล้าทั่วไป ขุนนางน้อยใหญ่จึงกลายเป็นลูกค้าประจำอย่างดี นอกจากนี้ยังได้รับความนิยมในการซื้อเป็นของฝากแก่ผู

  • ข้าจะเป็นนางร้ายที่ผู้คนต้องอิจฉา   บทที่ 35 ปัญหาของคนมีเงิน

    “อ้ายฉิงแต่งตัวเสร็จหรือยัง”ลี่หลินตะโกนถามอย่างใจเย็น วันนี้นางกับอ้ายฉิงต้องนำของขวัญปีใหม่ไปเยี่ยมเยียนครอบครัวต้าไห่ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจการของนางทุกคนล้วนได้รับของขวัญชิ้นนี้“เสร็จแล้วเจ้าค่ะพี่สะใภ้”อ้ายฉิงวิ่งลงมาจากชั้นบนของบ้านอย่างรวดเร็ว“รีบไปกันเถอะเสร็จแล้วจะได้เข้าเมืองกัน”ลี่หลินเอ่ยเร่ง วันนี้สองหนุ่มของบ้านต้องเข้าไปดูแลร้านค้ากันก่อนเพื่อให้ลี่หลินกับอ้ายฉิงจัดการธุระ“เจ้าค่ะ ท่านเอาของขวัญมาข้าถือเอง”อ้ายฉิงแย่งตะกร้าของขวัญในมือลี่หลินไปถืออย่างรวดเร็วก่อนเดินนำออกไปทั้งสองคนใช้เวลาเดินเพียงไม่นานก็มาถึงบ้านต้าไห่ ลี่หลินกวาดสายตามองรอบๆ อย่างพิจารณา บ้านของต้าไห่ตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก จากบ้านดินสภาพกลางเก่ากลางใหม่กลายเป็นเรือนสี่ประสานหลังใหญ่สวยงาม อ้ายฉิงเคาะประตูได้ไม่นานก็มีสาวรับใช้อายุน้อยนางหนึ่งออกมาต้อนรับเป็นอย่างดี ลี่หลินกับอ้ายฉิงเดินตามสาวน้อยคนนั้นเข้าไปในเรือนหลังใหญ่ของบ้านอย่างแปลกใจ ว่ากันตามตรงกำไรจากการขายถ่านไม่เยอะเลยเมื่อเทียบกับกิจการทั้งหลายของลี่หลิน แต่ละเดือนนางได้รับผลกำไรประมาณ 30-50 ตำลึงทองเท่านั้น บ้านของต้าไห่เองก็น่าจะ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status