ทำไมรัชทายาทไปนานเหลือเกิน มีเสียงต่อสู้กันอย่างหนักแล้วทำไมเงียบลงแบบนี้ ไวท์ไม่รู้ตัวเลยว่ารถม้ากำลังเคลื่อนตัวไปทางอื่นเนื่องจากโดยภาพมายาหลอกว่ายังอยู่ที่เดิม แผนการนี้ตอนแรกจงใจจะทำลายความน่าเชื่อถือของเชื้อพระวงศ์แต่ขุนนางอย่างเขาก็คิดได้ว่ายังมีมนุษย์ที่เป็นตัวแปรสำคัญในครั้งนี้อยู่
กลิ่นหวานชวนกลืนกินนั้นยังคงติดตราติดตรึงใจตั้งแต่ครั้งที่เจอในงานเลี้ยงเมื่อไม่กี่วันก่อน อยากลองเห็นหน้าชัดๆ สักครั้งว่ามีดีแค่ไหนกัน ทำไมใครต่อใครถึงได้ออกโรงปกป้องกันนัก ทั้งจักรพรรดิ จักรพรรดินี รัชทายาท องค์ชายแฝด แบบนี้มันไม่ธรรมดาแล้ว จะสืบออกนอกหน้าก็ไม่ได้ เส้นสายของจักรพรรดินีมีทั่วอาณาจักร
"คนที่คุณชายอยากพบ เดินทางมาถึงแล้วขอรับ" ชาร์ทีบอกพลางผายมือไปทางรถม้าที่กำลังเคลื่อนตัวเข้าคฤหาสน์ตระกูลสวิต ถือเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลที่เป็นเชื้อพระวงศ์ วิธีการที่ใช้เลือกผู้นำแต่ละสมัยจะไม่เหมือนกัน สมัยขององค์จักรพรรดิจะเลือกจากผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นผู้นำ โดยผ่านการต่อสู้มาอย่างหนักหลากหลายรูปแบบเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่ง
ทุกหนึ่งร้อยปีจะมีการจัดการแข่งขันเพื่อช่วงชิงความเป็นหนึ่งของจักรวรรดิ แวมไพร์คนนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นขุนนาง เชื้อพระวงศ์ สามัญชน เจ้าชาย หรือแม้กระทั่งรัชทายาท ทุกคนจำเป็นจะต้องเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด
แบกรับความหวังของตระกูลตนเอง เดินหน้าเข้าสู่สนามเพื่อนองเลือดและบอกว่าใครกันแน่ที่แข็งแกร่งที่สุด กติกาคือแข่งกันสามวันสามคืนไม่มีหยุดพัก ใช้กีฬาทุกประเภทของมนุษย์เข้าวัดระดับใครยังคงสามารถกลับมายังจุดเริ่มต้นได้ถือว่าผ่านขั้นแรก
ขั้นต่อมาเป็นการแข่งทางปัญญา ข้อสอบทั้งแบบของมนุษย์และแวมไพร์จะถูกนำมารวมกันทุกวิชา มีเวลาสอบทั้งหมด7วัน จะต้องทำทุกอย่างที่จะหาคำตอบมาให้ได้ ผู้สอบไม่มีสิทธิกลับบ้านหรือทำอะไรทั้งนั้น หากจะเข้าห้องน้ำจะมีกรรมการคุมสอบที่เป็นเพศเดียวกันเฝ้าแบบระยะประชิดไม่ให้คลาดสายตา ป้องกันการโกงทุกชนิด
ขั้นสุดท้ายการแข่งขันทางเวทย์มนตร์ ระยะเวลาสอบ30วัน คู่แข่งจะเป็นแบบการพบกันทุกชนชั้นวรรณะ ไม่เกี่ยงระดับ โดยจะถูกเลือกให้แข่งดังนี้ สามัญชน ขุนนาง (บารอน ไวเคาน์ เอิรล์ มาร์ควิส ดยุค) เชื้อพระวงศ์ (เอิรล์ มาร์ควิส ดยุค) และกษัตริย์ ทำการต่อสู้กันจนกว่าอีกฝ่ายจะมีสภาพที่ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก
ซึ่งแวมไพร์ที่มีความเสี่ยงที่จะตายสูงคือกษัตริย์ที่มีเหล่ารัชทายาทในปีนั้นๆ เข้าร่วมต่อสู้ เนื่องจากจะต้องต่อสู้ในวรรณะหนึ่งมากกว่าหนึ่งคน หมายความว่าวรรณะกษัตริย์จะต้องสู้ถึงสองคน ถือว่าเสียเปรียบเป็นอย่างมากแต่ถ้าหากเทียบถึงการศึกษาที่ได้รับมากกว่าคนอื่นนั้นสมควรยิ่งนักที่จะต้องสู้ครั้งละสองคนและรบถึงสองครั้ง
ผู้นำจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งมากกว่าแวมไพร์คนอื่นหลายเท่า และรัชทายาทบีเลอ คีย์ ก็พิสูจน์ให้เห็นด้วยตาของประชาชนทุกวรรณะแล้วว่าแข็งแกร่ง เพียบพร้อมไปทุกด้าน สามารถเอาชนะได้ทุกรายการโดยไม่มีการแพ้แม้แต่นัดเดียว ทั้งที่ความจริงแล้วทุกวรรณะสามารถแพ้ได้สามครั้งถึงจะถูกปรับออกจากการแข่งขัน นับว่าเป็นแวมไพร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของยุคก็ว่าได้
แต่สิ่งที่สวิตไม่เข้าใจคือทำไมคนที่สมบูรณ์แบบนั้นต้องไปปกป้องมนุษย์เพียงคนเดียว ไม่สมเหตุสมผลกันเลยสักนิด ฐานะ ความเหมาะสม ไม่มีอะไรเทียบได้เลย เรื่องนี้เขาไม่มีทางยอมรับได้ ถึงคำทำนายจะออกมาแล้วว่าคู่ครองของรัชทายาทจะเป็นคนต่างเผ่าพันธ์ แต่มดมด หมาป่า หรืออะไรก็ได้ที่มีพลังกำลัง ความสามารถ ไม่ใช่มนุษย์ที่ไม่มีอะไรเลยแบบนี้
แกร๊ก!
"ยินดีต้อนรับสู่วังสวิตขอรับ คุณชายริค" ชาร์ทีเอ่ยทักทายด้วยคำสุภาพแต่เหมือนจะไม่มีอะไรตอบกลับมาเลยสักนิด มีเพียงสีหน้างงงวยของคนหน้าหวานเท่านั้น แต่กลิ่นเลือดหอมหวานชวนให้ลากมากินนั้นรุนแรงเสียจริง องค์รัชทายาทมีความอดทนสูงมาก ของหวานอยู่ตรงหน้าแต่กลับไม่ลิ้มลองสักหยด
"ที่นี่ที่ไหนเหรอ ข้าจำได้ว่าท่านพี่บอกห้ามเปิดประตูรถม้าให้ใคร" ในเมื่อไม่มีทางเลือกผมเองก็ต้องพูดภาษาของที่นี่เพื่อปรับตัวเหมือนกัน แปลว่ามีเบื้องหลังอะไรเกี่ยวกับการมาลอบทำร้ายรถม้าคนนี้แน่ พวกมันต้องการอะไร
"เจ้าคือคุณชายริค ไวท์ ลูกชายบุญธรรมของดยุคริค ชาร์คใช่หรือไม่" เทรเลอร์ตัดสินใจถามอย่างไม่เป็นมิตรออกไปเพื่อดูท่าทีของอีกฝ่ายว่าจะตอบกลับเช่นไร
"แล้วท่านล่ะเป็นใคร ดูจากการวางท่าแล้วคงจะเป็นแวมไพร์ที่มีอำนาจไม่ใช่น้อย" คิดผิดแล้วที่จะมาสังเกตคนอย่างผม ถึงที่นี่ผมจะไม่รู้จักอะไรมากมายแต่หลักจิตวิทยาแบบนี้ที่โลกมนุษย์มีสอนนะ ที่นี่สอนอะไรไม่สำคัญมันสำคัญที่ว่าจะเอาความรู้ที่มีในโลกมนุษย์มาใช้กับที่นี่ได้ยังไงต่างหากล่ะ
"หึ เข้ามาก่อนสิ" การตอบสนองคาดเดาได้ยากนัก ไม่รู้เลยว่าภักดีต่อรัชทายาทหรือหวังจะลอบทำร้าย แบบนี้ถึงกลายเป็นคนดังข้ามคืน ไม่สบอารมณ์เลยสักนิดเดียว ข้าไม่มีทางยอมก้มหัวให้กับว่าที่จักรพรรดินีคนใหม่ที่เป็นมนุษย์เด็ดขาด
"จะรับอะไรดีขอรับคุณชาย"
"ของข้าเหมือนเดิมนะ ชาร์ที"
"ไม่ขอรับ พอดีที่บ้านสอนว่าอย่าเสี่ยงกินของคนแปลกหน้า หน้าแปลก สิ่งมีชีวิตที่แปลกด้วย" ไหนเมื่อลองหยั่งเชิงกันแบบนี้ ก็เล่นสงครามไปบ้างก็คงไม่มีปัญหาอะไรหรอก ยิ่งดูเป็นพวกเลือดร้อนแบบนี้มีหวังขาดสติแน่นอน
การยั่วโมโหได้ผลดีเกินคาดไม่ถึงนาทีคอของร่างสูงโปร่งถูกบีบจากมือของคุณชายคนโตของตระกูลทันที กล้ามากที่ท้าทายกันซึ่งหน้าแบบนี้ ไม่เคยเจอใครลองดีแบบนี้มานานแล้ว อยากรู้เหมือนกันว่ามนุษย์ของจักรวรรดิกับมนุษย์ที่ไม่มีใครรู้จัก ฝั่งไหนจะมีความอดทนได้มากกว่ากัน คอขาวเริ่มมีรอยแดงจากการถูกบีบอย่างแรง จิตใจอำมหิต แววตาวาวโรจน์ที่เคยเห็นแต่ในละครกลับมาเห็นที่นี่ตอนนี้ ช่างน่าประทับใจเสียจริง ถ้าผมกลับโลกปัจจุบันได้อยากเป็นนักเขียน รับรองเลยว่าบรรยายได้ราวกับตาเห็นเพราะเห็นมากับตาตัวเอง
ท่าทีไม่เกรงกลัว แววตาเมินเฉยนี่มันอะไรกัน มนุษย์คนนี้ไปอยู่ที่ไหนมาถึงมีท่าทีแบบนี้ ไม่ใช่แบบที่ข้าคาดหวังเอาไว้ ปล่อยดีกว่าขืนทำแรงกว่านี้มีหวังตายคามือจริงๆ เขาจงใจเหวี่ยงร่างสูงโปร่งให้กระเด็นไปอีกทางแต่ดูเหมือนว่าจะสามารถหมุนตัวกลับมานั่งตามปกติได้ แปลว่ามีฝีมือไม่น้อยเลยช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก เรียกเสียงปรบมือจากเทรเลอร์ได้ทันที จากแววตาดูถูกกลายมาเป็นชื่นชม สมแล้วที่เป็นคนที่รัชทายาทหวงแหน
"เจ้านี่มันช่างน่าสนใจจริงๆ " เทรเลอร์บอกจากใจไม่มีอะไรเจือปนในคำพูด ทำให้อีกฝ่ายวางใจได้นิดหน่อย
"ถ้าท่านพูดแบบนั้นจริงๆ ก็ขอบคุณครับ ผมอยากกลับไปหารัชทายาท"
"ป่านนี้ตามหาข้าไปทั่วแล้ว" สภาพอากาศไม่เป็นใจแบบนี้เกรงว่าจะมาพลังของรัชทายาทมากกว่าการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาล แต่เขาไม่มีข้อมูลอะไรมากมายขนาดนั้น การจะรู้อะไรมากกว่าต้องเข้าห้องสมุดให้ได้ก่อน ความรู้ประวัติศาสตร์ของที่นี่ไม่สามารถหามาทดแทนได้ในโลกมนุษย์
"ไม่ ข้าจะส่งจดหมายให้รัชทายาทมารับเจ้าแทน"
"ทำแบบนี้แปลว่าอยากเจอรัชทายาทเพราะว่าไม่ค่อยได้เจอกัน แวมไพร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีอายุยืนยาวจึงไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเวลาเยี่ยงมนุษย์"
"เจ้ารู้มากเกินไปแล้วนะ เป็นเด็กที่ไหนเนี่ย"
"ตอบไปแล้วจะรู้จักหรือเปล่า ท่านเอาเวลาไปคิดทบทวนให้ดีเถอะ"
"พูดเหมือนรู้ดีไปทุกอย่าง อย่ามาอวดดีไปหน่อยเลย"
"สิ่งมีชีวิตที่มีช่วงเวลาแค่แก้เหงาให้กับเผ่าพันธ์ของข้า ไม่มีสิทธิมาสอนข้า"
"การพูดจาดูถูกก็ไม่ใช่สิ่งที่เผ่าพันธ์มีชีวิตยืนยาวควรทำเช่นกัน"
ตระกูลสวิตถือเป็นตระกูลที่มีความทะเยอทะยานสูงกว่าตระกูลอื่น แต่โชคดีที่ผู้นำคนปัจจุบันมีนิสัยเฉื่อยชาไม่ได้ต้องการสิ่งใด แถมยังจงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิมากที่สุด เรียกได้ว่ายอมถวายตัวรับใช้จนตัวตายโดยไม่หวั่นเกรง นับเป็นตระกูลที่ได้รับความไว้วางใจมากที่สุดในขณะนี้
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"ชามาแล้วขอรับ"
"มาได้จังหวะนะ ชาร์ที"
"แน่นอนขอรับ"
"ว่าแต่ตำแหน่งคุณชายริคในตอนนี้ยังไม่เป็นทางการสินะขอรับ จะได้รับยศเมื่อไหร่หรือ" ชาร์ทีได้โอกาสลองภูมิคนตรงหน้าบ้าง
"ตามกำหนดที่ท่านจักรพรรดินี รัชทายาทเป็นคนกำหนดทั้งหมด ข้ายังไม่รู้เรื่องอันใดเลย" ภาษามันโอเคดีหรือยัง พยายามทำให้มันโบราณที่สุดแล้ว ถ้าจะโบราณมากกว่านี้สมองต้องเบลอแน่เลย
ทหารในคฤหาสน์ทั้งวังออกตามหาริคตั้งแต่เกิดเรื่องจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่พบร่องรอยว่าอยู่ที่ไหน เหตุการณ์เพิ่งเกิดได้ไม่นานแต่การค้นหาช่างยากเย็นนัก รถม้าทั้งคันคนทั้งคนมันจะหายไปได้ยังไง ถ้าไม่มีใครพาไป หรือว่า.....
"รัชทายาทพะยะค่ะ พวกหม่อมฉันยังค้นหาไม่พบเลย"
"จะทำยังไงกันต่อดี ให้แจ้งเรื่องไปทางวังหลวงไหมพะยะค่ะ"
"ข้าส่งจดหมายลับไปหาท่านแม่แล้ว ตอนนี้ข้าว่าพอจะรู้แล้วว่ากระรอกน้อยอยู่ที่ไหน"
"ที่ไหนพะยะค่ะ"
"วังที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุที่สุดก็คือวังสวิต ไปวังสวิตกัน" จู่ๆ ก็มีนกบินเข้ามาในห้องทำงานเหมือนรู้งาน เนื้อความในจดหมายมีไม่มากนักแต่ได้ใจความ เขาคิดไม่ผิดจริงๆ จีนอยู่กับตระกูลสวิต ถือเป็นตระกูลที่น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว ทำไมถึงมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถ้าเป็นดยุคไม่น่าเป็นไปได้นอกจากคุณชายคนโตเท่านั้น นิสัยดื้อรั้นไม่ฟังใคร ไม่เห็นหัวใครนี่ช่างเหมือนบรรพบุรุพที่ปัจจุบันเป็นผู้อาวุโสยิ่งนัก
"เตรียมตัวเดินทางไปคฤหาสน์ตระกูลสวิต"
"ขอรับ"
“ไม่มีปัญหาครับ ผมเป็นคู่ของพี่ เรื่องแค่นี้ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ได้เสมอ” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางยิ้มหวาน“ถ้างั้นมานั่งใกล้ข้าหน่อยสิ”“ครับ”ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้อย่างว่าง่ายและปลดกระดุมเสื้อออกให้เห็นลำคอขาวจะได้สามารถดื่มได้อย่างถนัด คีย์ไม่คิดว่าจะได้รับความร่วมมือง่ายดายเช่นนี้มาก่อน อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่ว่าเขาไม่อยากให้มันเป็นเพียงการให้เลือดเท่านั้นมือทั้งสองประคองใบหน้าหวานให้มาใกล้ชิดรับสัมผัสจากริมฝีปาก ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดพันกันไปมาอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน แต่เหมือนริมฝีปากของอีกฝ่ายจะเผลอไปโดนเขี้ยวเข้าโดนไม่รู้ตัว ทำให้กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วรสจูบ เขาไม่ปล่อยให้เลือดที่ไหลออกมาเสียเปล่าจึงดูดดึงริมฝีปากล่างที่มีรอยเลือดไหลออกมาอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม อาจจะเป็นเพราะเริ่มเคยชินกับรสเลือดที่มีพลังมหาศาลของเทพกับมังกรอยู่ด้วยกัน ทำให้ไ
“เรื่องอื่นเดี๋ยวไปพูดคุยกันที่เมืองหลวง หลังจากทำงานเสร็จวันนี้จะต้องเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงได้แล้ว ใกล้จะได้เวลาวันเกิดของไวท์”“พะยะค่ะ รัชทายาท”“แล้วข้าล่ะ รัชทายาท”“ท่านเป็นอาจารย์ของไวท์ ก็ไปเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงสิแต่กลับไปตระกูลของตนเองก่อนแล้วค่อยเข้าเมืองหลวงมาใหม่”“พะยะค่ะ รัชทายาท”เขาเฝ้ามองเด็กคนนี้ตั้งแต่ได้รับหน้าที่ของนายหญิงที่ปกครองดินแดนแห่งนี้มา พบว่ามีความสามารถในการทำงานและการปรับตัวสูงมาก รวมถึงการฝึกซ้อมที่เห็นประจำในช่วงตื่นนอนขึ้นมานั้น เหมือนทำเป็นประจำมากกว่าจำใจทำเสียอีก“จะทะลุแล้วครับ มีอะไรหรือเปล่า” จ้องขนาดนี้เหมือนจะกินข้าวไม่ลงเลย มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า“ทำไมสวยขนาดนี้”“ว่ายังไงนะครับ” ใบหน้าหวานแดงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำชม รีบตักอาหารเข้าปากแถมไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายด้วย
“แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกคือแม้แต่รัชทายาทเองก็โดนแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ถึงจะตามหายังไงมันก็จะเหมือนเดิมเพราะคนที่อยากเป็นใหญ่มีอยู่มาก จึงจะเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งให้มากขึ้นยังไงล่ะ ลูกศิษย์ของข้า” เอิรล์ฟาร์ดอนบอกพลางทำท่าครุ่นคิดเรื่องราวทั้งหมดไปด้วย“เล่ามาให้ละเอียดเลยดีกว่า เอิรล์ฟาร์ดอน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาขัดการซักถามและต้องการคำตอบที่ละเอียดกว่านี้เขาใช้พลังของตนเองในการบังคับให้อีกคนเปิดปากพูดออกมามากกว่าเดิม รังสีของแวมไพร์สูงศักดิ์ออกมาเป็นจำนวนมากทีเดียว แต่ว่าถ้านับตามอายุขัยกันแล้ว อายุขัยของเอิรล์ฟาร์ดอนนั้นมากกว่าจึงไม่ได้รู้สึกตกใจกับพลังแบบนี้สักเท่าไหร่นัก แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังแหย่เด็กเล่นเสียมากกว่า“พะยะค่ะ รัชทายาท” รัชทายาทพยายามระงับอารมณ์เอาไว้เพราะขุนนางตรงหน้าไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย แถมยังทำท่าเหมือนสนุกอยู่ด้วย แบบนี้ยิ่งน่าโมโหเข้าไปใหญ่“ระหว่างทางกลับมายังพระราชวัง เหมือนมีคนจงใจจะลอบสังหารลูกศิษย์ของข้า แล้วพวกข้ารับใช้สังเ
แต่จำเป็นต้องเข้าไปเรียนในโรงเรียนของจักรวรรดิทางเชื้อพระวงศ์ให้เป็นเรื่องราวเพื่อเข้ารับการทดสอบเหมือนกับคนอื่นที่ผ่านมา มันเป็นบททดสอบที่ยากแต่ทุกคนก็จำเป็นต้องผ่านไปด้วยกันให้ได้“วันนี้ออกไปซื้ออุปกรณ์สำหรับการเรียนเพิ่มกันเถอะขอรับ” เอิรล์ฟาร์ดอนชวน“ไปสิ จะได้ดูหนังสือด้วยว่าจะซื้ออะไรดี”“ข้าจะไปเตรียมรถม้าให้ขอรับ” เฟลิกซ์บอกพลางเดินออกไปล่วงหน้าเขาเดินออกมาให้คำสั่งแก่คัสซัสให้เตรียมรถม้าและให้คลาวน์ออกเดินทางไปพร้อมกัน รวมถึงตัวของเขาเองก็จะไปด้วยเช่นกัน แต่ทว่า...“ไม่ให้คำสั่งแก่ข้างั้นหรือ เอิรล์ทอม” เอิรล์สตุฟเฟลถามด้วยความสงสัย“ข้าเห็นว่าเป็นเพียงการออกไปซื้อของเท่านั้น แล้วมีผู้ติดตามคนสนิทออกไปสองคนกับอัศวินประจำวังอีกสองสามคนน่าจะเพียงพอแล้ว เพราะทางฝั่งของเอิรล์ฟาร์ดอนน่าจะมีเช่นกัน”“แต่การไปหลายคน...”“ท่านไวท์สั่งให้พ
“วันเกิดของผมมันคือสัปดาห์หน้าแล้วนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางยิ้มหวานเพราะว่าเขาไม่ได้บอกวันเกิดของตนเองมาก่อน ยังไงก็น่าจะมีแต่คนตกใจกันแน่นอน“เจ้าว่ายังไงนะ! สัปดาห์หน้างั้นหรือ!” มือหนาทุบโต๊ะด้วยความตกใจ ใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ คิดว่าอีกสักสองสามเดือนจะถึงเสียอีก ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดทันทีหลังจากได้ยินคำตอบ“ผมส่งเอกสารแจ้งวันเกิดไปพร้อมกับการทำงานแล้ว น่าจะมีประกาศออกมาเร็ว ๆ นี้ครับ”“ทำไมเจ้าทำอะไรไม่ปรึกษาข้าก่อน” เสียงทุ้มต่ำถอนหายใจออกเบา ๆ พยายามระงับอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้“ยังไงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ จะช้าหรือเร็วพวกเขาจะต้องออกมาเคลื่อนไหวและหาทางกำจัดผมไปให้พ้นทางอย่างแน่นอน การประกาศวันเกิดออกมาครั้งนี้จะทำให้เริ่มคิดถึงจำนวนผู้ต้องสงสัยลดลงไปกว่าครึ่ง คนที่ให้ความสนใจกับวันเกิดจนเกินงามมีโอกาสสูงที่จะไม่หวังดี”“ข้าคิดว่าคนที่เงียบต่างหากที่ไม่อยากเปิดเผยตัว
“ข้าจะถามเพียงคำถามเดียว หากใดจึงได้เลือกที่จะรับใช้รัชทายาท เพราะเหตุใด แล้วหลังจากนี้ตั้งใจจะทำอันใดต่อไป” คำถามเดียวที่ยาวขนาดนี้ น่าจะเหมือนสามคำถามมากกว่า ทุกคนคิดในใจและพากันมองหน้าด้วยสายตาแบบเดียวกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา“ข้ามาเพราะมีคำสั่งจากท่านไวท์ขอรับ หากได้รับการอนุญาตจะมาคอยรับใช้และดูแลรัชทายาทขอรับ”“ข้าเลือกมาด้วยตัวเอง เพราะอยากกลับมารับใช้องค์รัชทายาทครั้นเก่าก่อน และจะคอยรับใช้ตลอดอายุขัย”หลังจากคำตอบของทั้งสองแล้ว ใบหน้าหวานใช้เวลาคิดไตร่ตรองอยู่นานจนทำให้ทุกคนในห้องต่างพากันลุ้นไปด้วยว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง เพราะเป็นคำถามที่ค่อนข้างตอบยากทีเดียว“ทั้งสองคนจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาดูแลพวกเราที่บนตำหนักแต่จะมีเจ้านายคนละคนกัน เจ้าที่ตอบเพราะว่าข้าเป็นคนสั่งจงมาทำงานกับข้า ส่วนเจ้าอีกคนข้าจะให้มาคอยดูแลรับใช้รัชทายาท ส่วนเรื่องตำแหน่ง...ข้าจะตัดสินใจอีกครั้ง บอกชื่อมาสิ”“ทำไมกระรอกน้อยถึงให้ค