เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเขาพูดครั้งเดียวยาวๆเช่นนี้ หลี่เฟิ่งเซียนพูดไม่ออกได้แต่นิ่งฟัง
“ที่ท่านย่าไม่ชอบข้า นั่นก็เพราะนางรักเจ้ามาก อยากให้เจ้าได้แต่งงานกับผู้ที่จะดูแลเจ้าได้ ผู้ที่จะสามารถแบกตระกูลหลี่ไว้บนบ่า แต่เจ้ากลับคว้าเอาใครไม่รู้เช่นข้ามาแต่งงาน ทั้งอัปลักษณ์ ทั้งพิการ นางเพียงกลัวว่าภายภาคหน้าเจ้าจะลำบาก หากว่าท่านแม่ทัพไม่อยู่แล้ว” ลู่มู่เฉินเข้าใจความคิดของท่านย่าเป็นอย่างดี และไม่โทษผู้ใดที่เขามีชีวิตเช่นนี้
“แต่ว่า..เจ้าจะเจ็บมือหากอยู่ในที่เย็นๆ” นางยังคงเป็นห่วงเขา แม้จะเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาพูด
“ไม่ต้องห่วง ข้ามีกล่องเข็มของเจ้าช่วยชีวิตแล้ว เวลาที่รู้สึกเจ็บ ข้าสามารถฝังเข็มที่มือบรรเทาความเจ็บได้” เขาตอบอย่างอ่อนโยน
“เจ้า พูดจริงหรือ เจ้าย้ายไปอยู่ในห้องดีๆก็ได้ จวนของข้าสามารถดูแลเจ้าได้ ไม่จำเป็นต้องประหยัดเพียงนั้น เจ้า ..ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนยังดื้อดึง คำพูดท้ายๆนางไม่กล้าสบตาเขาเพราะความเขินอาย จึงก้มหน้าลงบิดมือไปมา
“อย่าเหลวไหล ถึงจวนของเจ้าจะมีเงินมากมาย แต่ก็ต้องรู้จักรักษา และหามาเพิ่ม พรุ่งนี้เจ้าควรไปขอโทษท่านย่าด้วย เข้าใจหรือไม่” เขาสั่งสอน
“อือ” นางพยักหน้ายอมรับความผิด
ลู่มู่เฉินรู้สึกเอ็นดูอย่างยิ่ง อยากจะเดินไปใกล้ๆและลูบหัวปลอบนางอย่างอ่อนโยน แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อวาน เขาจึงเดินออกไปจากห้องนั้นทันที หากอยู่นาน เขาอาจเดินเข้าไปกอดนางจริงๆ
ยามที่หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกว่าห้องนี้ช่างเงียบนัก เงยหน้าขึ้นมองไปรอบห้องก็ไม่เห็นสามีของนางแล้ว นี่ตกลงว่าเขาจะไม่นอนกับนางจริงๆใช่หรือไม่ นางพูดเรื่องหญิงสาวในชุดขาวที่เอารถม้ามารับเขาทุกวันไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะแก้ตัวเรื่องนี้หรือ
คืนนี้เขายังดุนางไปมากมายด้วย เขาไม่ชอบนางจริงๆใช่หรือไม่ ใช่แล้วเขายังเลี่ยงคำตอบเรื่องที่นางทิ้งความอับอายบอกเขาไปตามตรงว่านางไม่รังเกียจเขา แต่เขากลับไม่เอ่ยถึงสักคำ เขายังพร่ำพูดเรื่องที่นางไม่รู้จักทำมาหากิน เรื่องที่นางอกตัญญูด้วย เขาไม่คิดจะอยู่กับนางแล้วสินะ!!
หลี่เฟิ่งเซียนคิดไปไกล
เช้าวันต่อมา หลี่เฟิ่งเซียนรีบออกไปดักรอรถม้าคันนั้น แต่ลู่มู่เฉินกลับนั่งรถม้าของจวนโดยมีพ่อบ้านไปส่งเสียอย่างนั้น นางบอกเขาเรื่องที่นางรู้ว่าเขาแอบนัดพบหญิงสาวในชุดขาว เขาเป็นห่วงว่านางจะไปทำอะไรหญิงผู้นั้นจึงเปลี่ยนแผนเพื่อปกป้องชู้รักของเขาหรือ!!!!
หลี่เฟิ่งเซียนทำอย่างไรไม่ได้ สุดท้ายก็กลับมาร้องไห้ ฟ้องทุกอย่างกับท่านย่า ยังยอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมาว่านางเป็นหลานอกตัญญู ท่านย่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เดินไปหยิบดาบจะฆ่าลู่มู่เฉิน แต่หลี่เฟิ่งเซียนกลับหยุดร้องไห้และปกป้องเขาแทน
หลี่เฟิ่งเซียนไม่กล้าเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาท่านย่าอีก พูดกับยู่ยี่นางก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของสามีภรรยา ทั้งยังบ่นกลับจนน่ารำคาญ หลี่เฟิ่งเซียนจึงหนีไปปรึกษากับอาหงผู้ที่ออกตัวว่าเชี่ยวชาญการเอาใจผู้ชายที่สุด แต่เพราะอาหงต้องฝึกมารยาททั้งวัน หลี่เฟิ่งเซียนจึงรอจนใกล้เย็น
เมื่ออาหงว่างแล้ว สิ่งที่อาหงสอนให้แก่หลี่เฟิ่งเซียนนั้น ทำให้นางอ้าปากค้างแล้วค้างอีก แต่ละสิ่งที่อาหงพูด
"เจ้าหมายความว่า เมื่อเขาแข็งตัวแล้ว ข้าต้องยัดมันเข้าไปในตัวของข้าหรือ" หลี่เฟิ่งเซียนตัวแข็งทื่อ นางนึกว่านางเป็นผู้เชี่ยวชาญการเกี้ยวบุรุษ กลับกลายเป็นว่านางไม่เข้าใจสักอย่าง
"ใส่เข้าตรงไหน" นางถามอีกครั้ง หัวใจสั่นๆพิกล
"จะให้ข้า จับของข้าหรือจับของเจ้า" อาหงถาม
"จับ ..จับอะไร" หลี่เฟิ่งเซียนถามกลับ
"ก็ผลท้อตรงหว่างขาอย่างไรเล่า"
หลี่เฟิ่งเซียนอ้าปากค้างเป็นครั้งที่เก้าร้อย
"ขะ ขะ ของเจ้า" นางพูดติดขัด
"หึ ฮ่าๆๆ ดูท่าทางของเจ้า จะให้ข้าเปิดกระโปรงให้เจ้าดูหรือ เฮอะ เจ้าต้องไปคลำดูของตัวเอง เรื่องเช่นนี้จะให้เปิดให้ผู้อื่นดู ถึงข้าจะเคยอยู่ร้านน้ำชา แต่ก็ยังมียางอายอยู่บ้าง" อาหงว่า
"เชอะ คราวก่อนเจ้ายังนั่งอ้าให้ข้าดูอยู่เลย ตอนนี้ทำเป็นมียางอาย" หลี่เฟิ่งเซียนบ่น
"ข้าล้อเล่น เพียงอยากเห็นท่าทางของคุณหนูใหญ่ผู้ไร้เดียงสาเท่านั้น น่ารักดี ทำให้ผู้คนอยากกลั่นแกล้งเท่านั้นเอง ที่จริงแล้วข้าวาดให้ดูจะเห็นชัดกว่า" อาหงพูดและเริ่มเตรียมหมึก พู่กัน กระดาษ
นางอธิบายไปด้วย ทำมือประกอบไปด้วย บางครั้งก็ลูบตามตัวเพื่อทำให้คุณหนูใหญ่เห็นภาพชัดขึ้น อาหงเรียบเรียงขั้นตอนว่า
"อันดับแรกต้องกอดจูบลูบคลำ หากต้องการให้อีกฝ่ายชูชัน" พูดถึงตรงนี้อาหงก็ชูกำปั้นออกมาข้างหนึ่ง และดันนิ้วกลางออกมา ใช้มืออีกข้างลูบคลำไปมา รูดขึ้นรูดลง มีลูบเบาๆแถวกำปั้นด้วย
"เจ้าจำเป็นต้องจับส่วนถุงทองคำของเขาด้วย มันจะยิ่งทำให้เขาคลั่งมากขึ้น" อาหงว่า
"เจ้านี่จะอยู่ตรงหว่างขา มีช่วงเวลาที่มันหลับอยู่ และช่วงเวลาที่จะใช้งาน มันถึงจะตื่นขึ้นหรือ ไม่จำเป็นต้องเป็นคนรักมันก็ตื่นได้หมดใช่หรือไม่" หลี่เฟิ่งเซียนชี้ไปที่กำปั้นของอาหงที่มีนิ้วกลางตั้งอยู่
"ใช่แล้ว แต่หากเจ้าทำให้เขาภูมิใจมากพอ เขาจะเอ็นดูเจ้ามากขึ้น" อาหงยืนยัน
หลี่เฟิ่งเซียนมองอาหงอธิบายและนึกถึงเมื่อตอนที่ลู่มู่เฉินยังนอนหลับไม่ได้สติ นางเป็นคนเช็ดตัวให้เขา แน่นอนว่าย่อมเช็ดทุกซอกทุกส่วนบนร่างกายของเขา นางพอจะเข้าใจได้ว่าอะไรคือถุงทองคำและอะไรคือนิ้วกลางบนกำปั้นของอาหง เพราะนางเคยเห็นร่างกายของเขามาแล้ว
“ข้ามีคำถามที่ไม่เข้าใจอยู่อีกเล็กน้อย ..” หลี่เฟิ่งเซียนถามเรื่องที่นางกังวล
“เรื่องอันใด” อาหงถาม ในมือยังคงวาดบางสิ่งลงไปในกระดาษอย่างต่อเนื่อง
“หากว่า เมื่อถึงเวลานั้น เขาชูชันแล้ว แต่ร่างกายของข้าเผลอฉี่ออกมาไม่รู้ตัว ข้าควรทำเช่นไร ข้าไม่อยากให้เขาเห็นเรื่องน่าอายเช่นนี้”
“ห๊ะ!! โตป่านนี้ท่านยังฉี่ใส่ที่นอนอีกหรือ” อาหงเงยหน้ามองทันทีด้วยความตกใจ
“ข้าเป็นผู้ชายเหตุใดจะมองไม่ออกว่าเขาหวั่นไหวกับท่านแทบแย่ แต่พยายามเก็บอาการ ข้าไม่รู้ว่าท่านกับเขาผิดใจอันใดกัน แต่ลองพูดคุยกับเขาตรงๆ เขาย่อมต้องเข้าใจท่านอยู่แล้ว” จ้าวเหลียงให้คำแนะนำหลี่เฟิ่งเซียนหัวใจระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางทำเรื่องเลวร้ายไปมากมายเช่นนั้น ยังจะมีเรื่องเข้าใจผิดอันใดอีก แต่หากเป็นดั่งที่จ้าวเหลียงพูดจริง นางควรทำเช่นไรดี อยากลองพูดคุยจริงจังกับเขาสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าหากเขาตอบว่าชื่นชอบหญิงในชุดขาวผู้นั้น นางควรทำอย่างไร แต่หากเขาชอบนางอย่างที่จ้าวเหลียงพูดจริงๆ และนางปล่อยไปเช่นนี้ ดีแล้วแน่หรือ“ข้าต้องไปก่อนนะ” พูดแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็เดินออกจากห้องพักของจ้าวเหลียงทันที อยากรีบไปหาสามีของตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องนางไปรอเขาที่หน้าประตูจวน เพียงไม่นานก็เห็นรถม้ากำลังใกล้เข้ามา นางรอจนกระทั่งรถม้าจอด เขาเปิดประตูออกมา นางคล้ายว่าไม่ได้เห็นเขามาหลายวันมาก คิดถึงเขาจนอยากวิ่งเข้าไปกอด แต่นางไม่กล้าหลี่เฟิ่งเซียนพบว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นกัน คล้ายว่าเขาจะขมวดคิ้วและทำหน้าโกรธ จู่ๆ นางก็กลัวที่จะเข้าไปหาเขา จึงเลือกที่จะหนีออกมาอย่างรวดเร็วลู่มู่เฉินรู้สึกเจ็
หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกไปจากห้องนานแล้ว แต่เขายังคงนั่งมองมือซ้ายของเขา เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่วันนั้นตัดสินใจหักมือข้างนั้น คิดอีกที หากเขาไม่ทำเช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมามีความสุขเช่นนี้ได้ แต่ความสุขเช่นนี้ดีแน่แล้วหรือ เขาคิดกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นทั้งคืน บ่าวชายที่มาช่วยเขาเช็ดตัว เขาก็จำหน้าไม่ได้หลังจากเรื่องวันนั้น หลี่เฟิ่งเซียนก็หลบหน้าเขา แต่มีหยวนหยวนส่งน้ำแกงปลาและน้ำแกงไก่มาให้เขาทุกเช้า เขาเองแม้จะเริ่มคิดถึงนางมากแต่ไม่กล้าไปหานางที่ห้อง เพราะความอับอายที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกจู่โจมอย่างสิ้นท่า ไร้การต่อต้านแม้นางจะพูดว่านางเป็นคนผิด แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ หากวันนั้นเขาไม่ยินยอมจริงๆ นางตัวเล็กเพียงนั้นจะถึงขั้นขืนใจเขาได้หรือ เขาประเมินความต้องการของเขาผิดไป ไม่นึกว่าจะต้องการนางมากถึงขั้นขาดสติ ปล่อยให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้นต่อมาลู่มู่เฉินยังได้ยินพ่อบ้านพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะจู่ๆ หลี่เฟิ่งเซียนก็กลับไปเที่ยวหอเข่อซินอีกแล้ว ท่านพ่อบ้านขอให้เขาช่วยพูดกับคุณหนูใหญ่ว่าไม่ควรไปเที่ยวสถานที่เช่นนั้นอีกเพราะนางแต่งงานแล้วแต่เมื่อเขาเดินไปถึงหน้า
หลี่เฟิ่งเซียนหันไปมองแท่งหยกที่นางกำไม่มิดนั้น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ตัดสินใจยกก้นขึ้นและจับท่อนหยกร้อนของเขาถูไปมา ยามนี้ผลท้อของนางเต็มไปด้วยน้ำแห่งความสุขแล้ว‘เพียงลูบคลำเจ้านี่ ข้าก็สามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้แล้วหรือ’ นางสงสัย จำได้อาหงบอกว่าเช่นนี้นางจะเจ็บน้อยลงลู่มู่เฉินรู้ทันทีว่านางคิดจะทำอะไร ถึงเขาจะอยากให้นางทำ และต้องการมากเพียงใด แต่มโนสำนึกของเขาและความตั้งใจของเขายังคงทำให้เขามีแรงจะดึงสติกลับมาได้“อย่า อย่าทำเช่นนี้” เขาขอร้องอย่างร้อนรน“เจ้าไม่อยากเสียใจภายหลังหรอกนะ เชื่อข้าเถิด เฟิ่งเอ๋อร์” เขาอ้อนวอนนาง แต่หลี่เฟิ่งเซียนใช้มือข้างหนึ่งยันเขาไว้ บังคับไม่ให้เขาลุกขึ้นหนีไปไหน มืออีกข้างของนางก็จับแท่งหยกร้อนนั่นถูไปมาที่ร่องกลีบดอกไม้ของนาง ก่อนที่นางจะออกแรงดันตัวเองลงไป หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกได้ถึงความดุดันของท่อนหยางร้อนลวกของเขาที่กำลังดุนดันเข้าไปในร่องกลีบดอกท้อ“พอแล้ว ขอร้อง อย่าทำเช่นนี้ อย่า” เสียงต่ำแหบพร่าของเขาขอร้องให้นางหยุด ในขณะที่อีกใจหนึ่งของเขากำลังรอให้นางดันตัวลงมากอดรัดเอ็นอุ่นนั้นไว้ เพียงแค่นางถูไถโลมเล้าเคล้าคลึงไปมา ความนุ่มลื่
เขาพลิกตัวอยากจะกระโดดหนีลงไปด้านล่าง แต่เพียงแค่เขาเอียงตัวนางก็ใช้เท้าเล็กๆของนางเหยียบลงมาที่ไหล่ของเขา ดันให้เขาพลิกตัวประชันหน้ากับนางตรงๆ เขาอยากมีแรงมากกว่านี้เพื่อดันเท้านั้นให้หลุด น่าเสียดายที่วันนี้เขาอ่อนแอมากกว่าทุกที เขายังได้รับบาดเจ็บจากการทดลองยาอยู่ และภาพภรรยาตัวเปลือยเปล่า งดงามจนเขาตกตะลึง ลืมว่าต้องหนีสองมือถูกมัดไว้พ่ายหลัง ยิ่งดันให้ช่วงสะโพกแอ่นขึ้น ท่อนหยกร้อนของเขาชูชันแสดงตัวอย่างกับต้องการบอกให้นางรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร มันชูชันสูงใหญ่ดั่งเสาค้ำสวรรค์ก็ไม่ปาน หลี่เฟิ่งเซียนตาโต จ้องมองหัวใจสั่นไหว ลู่มู่เฉินงอขาและพยายามหนีบเจ้านั่นเอาไว้ แต่ยามนี้มันขยายใหญ่จนปิดไม่มิด ภาพที่นางอ้าขาเหยียบไหล่เขาเอาไว้ แม้งดงามจนเขาถอนสายตาไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง อย่างไรเขาก็ไม่อาจรับตัวเองได้ เขาอ้าปากเพื่อหายใจ หลับตาแน่นเพื่อลดทอนความอับอายในใจหลี่เฟิ่งเซียนมองดูเจ้าสิ่งนั้นแล้วตกใจไม่น้อย ในใจนางนึกถึงตอนเขาป่วยและนางเช็ดตัวให้เขา มันยังเล็กมากเท่านิ้วเท้าหัวแม่โป้ง แต่ยามนี้มันชูชันจนแทบจะใหญ่เท่าข้อมือของนาง! หลี่เฟิ่งเซียนเริ่มหายใจไม
แต่ครั้งเข้าไปในห้องของตัวเองและเห็นพวกรูปต่างๆ ที่อาหงวาดขึ้นเพื่อการเรียนรู้เหล่านั้น ในใจนางเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง เพราะหญิงแพศยานั่น!!...พวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว!! มิน่าเขาถึงได้เชี่ยวชาญมาก เพียงจูบก็ทำให้นางสามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้ เขาอาจจะเคยทำกับผู้อื่นมาก่อน เขาถึงทำเช่นนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ นางยอมไม่ได้ นางต้องรีบรวบหัวรวบหางเขา!! ทนรอให้เขายินยอมด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว!!หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปถึงหน้าห้องของเขา เห็นว่าด้านในยังมีแสงไฟอยู่ นางผลักประตูเข้าไปไม่บอกกล่าวไม่เคาะประตู“เจ้า เจ้าเข้ามาได้อย่างไร” ลู่มู่เฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขากำลังใส่เสื้อผ้า นางก็ผลีผลามเข้ามา เขาตกใจ รีบร้อนใส่เสื้อให้เรียบร้อย แต่เชือกผูกเอวอยู่บนโต๊ะ เขายืนอยู่ใกล้เตียงนอน จึงทำได้เพียงใช้มือจับสาบเสื้อคลุมตัวยาวเอาไว้หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย แผนในใจของนางผุดขึ้นมาเป็นร้อยแผน คำพูดของอาหงดังก้องอยู่ในหู‘หากเจ้าทำให้เขาภูมิใจมากพอ เขาจะเอ็นดูเจ้ามากขึ้น’นางหันไปปิดประตูลงกลอน ยังเดินไปปิดหน้าต่างที่เขาแง้มเอาไว้รับลมด้วย“เจ้า เจ้า
เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ