แต่ครั้งเข้าไปในห้องของตัวเองและเห็นพวกรูปต่างๆ ที่อาหงวาดขึ้นเพื่อการเรียนรู้เหล่านั้น ในใจนางเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง เพราะหญิงแพศยานั่น!!...พวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว!! มิน่าเขาถึงได้เชี่ยวชาญมาก เพียงจูบก็ทำให้นางสามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้ เขาอาจจะเคยทำกับผู้อื่นมาก่อน เขาถึงทำเช่นนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ นางยอมไม่ได้ นางต้องรีบรวบหัวรวบหางเขา!! ทนรอให้เขายินยอมด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว!!
หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปถึงหน้าห้องของเขา เห็นว่าด้านในยังมีแสงไฟอยู่ นางผลักประตูเข้าไปไม่บอกกล่าวไม่เคาะประตู
“เจ้า เจ้าเข้ามาได้อย่างไร” ลู่มู่เฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขากำลังใส่เสื้อผ้า นางก็ผลีผลามเข้ามา เขาตกใจ รีบร้อนใส่เสื้อให้เรียบร้อย แต่เชือกผูกเอวอยู่บนโต๊ะ เขายืนอยู่ใกล้เตียงนอน จึงทำได้เพียงใช้มือจับสาบเสื้อคลุมตัวยาวเอาไว้
หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย แผนในใจของนางผุดขึ้นมาเป็นร้อยแผน คำพูดของอาหงดังก้องอยู่ในหู
‘หากเจ้าทำให้เขาภูมิใจมากพอ เขาจะเอ็นดูเจ้ามากขึ้น’
นางหันไปปิดประตูลงกลอน ยังเดินไปปิดหน้าต่างที่เขาแง้มเอาไว้รับลมด้วย
“เจ้า เจ้าปิดหน้าต่างทำไม” เขาเสียงสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
“ข้ากลัวว่าเจ้าจะหนาวและต้องเจ็บมืออีก” นางบอก
“ต้องลงกลอนประตูด้วยหรือ”
“...” นางไม่ตอบแต่หันมาจ้องตาเขา
“มาหาข้ามีอะไร” เขาก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาแรงกล้าของนาง
“ข้าเป็นภรรยา มาหาสามีไม่ได้หรือ”
“ได้ ย่อมได้ แค่ไม่จำเป็นต้องลงกลอนแน่นหนาเพียงนี้” เสียงของเขาเบาลง เบาลง
“อืม” นางตอบสั้นๆ ยังคงจ้องมองเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ก่อนจะหันมองเชือกผูกเอวของเขา นางหยิบขึ้นมาและค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขาทีละก้าว ทีละก้าว เพราะอาหงบอกไว้ว่าต้องช้าๆ ถึงจะดูยั่วยวน
ลู่มู่เฉินรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง ยิ่งนางเดินมาใกล้มากขึ้นมากขึ้น หัวใจของเขาก็ทำท่าจะแตกสลายมากขึ้น
“อือ ..” หลี่เฟิ่งเซียนยื่นเชือกผูกเอวให้เขา เขาอยากจะก่นด่าตัวเอง เมื่อครู่ตอนอาบน้ำเสร็จไม่ควรเดินไปที่เตียงเพื่อสูดกลิ่นของนางเลยจริงๆ
“อืม” เขายื่นมือซ้ายสั่นๆ ไปรับ เพราะมือขวาที่ใช้การได้ต้องจับสาบเสื้อไว้
แต่นางไม่ได้วางเชือกไว้บนมือของเขา กลับจับมือของเขาและบิดไปด้านหลัง เขารู้สึกเจ็บตึงที่หัวไหล่ นางคงเรียนรู้ท่าทางโจมตีพวกนี้มาจากกองทัพ แต่เขาไม่แน่ใจว่านางต้องการสิ่งใด
“เจ้าจะทำอะไร” เขาถาม ตกใจเล็กน้อย ความตื่นเต้นก่อนหน้านี้หายหมด เขานึกว่านางจะจู่โจมเขาถึงได้ปิดประตูลงกลอน แต่ไม่นึกว่านางจะหักแขนของเขา!!
นางบิดมือของเขาอีก เขาเจ็บมาก ต้องเอียงตัวจนหลังแอ่น
“โอ๊ย! เจ้าเบามือหน่อย ข้าเจ็บจริงนะ” เขาเริ่มร้อนรนจริงๆ แล้ว จึงลืมตัวยกมือขวาขึ้นเพื่อบอกนางที่ยืนอยู่หลังของเขาว่าเขายอมแล้ว
หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าแผนได้ผล รีบคว้ามือของเขาอีกข้างมาใช้เชือกผูกเอวของเขา มัดมือทั้งสองด้วยกันด้านหลัง ตอนนี้เขาไม่แน่ใจแล้วว่านางต้องการสิ่งใด นางมัดมือเขาเสร็จก็พยายามผลักให้เขาหันหน้ามามองนาง แต่ตอนนี้ด้านหน้าของเขาเปิดอ้า อย่างไรเขาก็ไม่มีทางหันไปเด็ดขาด!
นางเห็นว่าเขาไม่ยอมหันมา จึงกอดเขาจากด้านหลังเสียเลย ลู่มู่เฉินสะดุ้งตกใจกับอ้อมกอดกะทันหันของนาง
“เจ้า..เจ้า” เขาพูดสิ่งใดไม่ออก
“เจ้าผอมลงใช่หรือไม่ ตั้งแต่กลับมาอยู่ที่จวน ข้าไม่ได้ดูแลเจ้าเลย ไม่ส่งอาหารบำรุง ไม่หาเสื้อผ้าดีๆ ให้เจ้าใส่ ไม่มีเงินให้เจ้าใช้ เจ้าจึงไม่ได้สนใจข้าแล้วใช่หรือไม่” นางส่งเสียงออดอ้อน ตัดพ้อด่าตัวเอง
“ไม่ใช่เช่นนั้น” เขารู้สึกถูกเข็มแทงเข้าที่หัวใจยามเมื่อได้ยินเสียงน่าสงสารเช่นนั้นของนาง อยากดึงนางมากอดปลอบอย่างอ่อนโยน ติดก็เพียงแต่นางมัดมือเขาเอาไว้ และเขายามนี้ไม่มีสิ่งใดปกปิดด้านหน้า บางสิ่งกำลังแข็งตัวและเริ่มชูชัน
หลี่เฟิ่งเซียนปล่อยมือจากเขาและเริ่มถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ระหว่างถอดก็พูดกับเขาไปด้วย
“เจ้าไม่ต้องห่วง วันนี้ข้าจะปรนนิบัติเจ้าเอง ข้าจะดูแลเจ้า ทำให้เจ้ามีความสุข”
คำพูดพวกนั้นชวนให้คิดไปไกล เขาก็ยังพยายามไม่คิดมาก แต่ทันทีที่ลู่มู่เฉินเห็นว่านางโยนเสื้อผ้าของนางลงบนพื้นทีละชิ้นทีละชิ้น หัวใจที่หยุดลั่นกลองรบไปเมื่อครู่ ยามนี้กลับมาส่งเสียงอีกครั้ง นางตั้งใจจะจู่โจมเขาจริงๆ สินะ!!
“เจ้า เจ้า ถอดเสื้อผ้าทำไม” เสียงเขาสั่นพร่าอย่างชัดเจน เขาต้องอ้าปากสูดลมเพื่อควบคุมตัวเอง เขาบอกให้ตัวเองรีบหนีไปจากตรงนั้น อย่างน้อยอยู่ให้ห่างนางมากขึ้น คิดแล้วแต่ขากลับก้าวไม่ออก
สุดท้ายเมื่อนางโยนตู้โตวสีแดงสดลงพื้น มันเรียกให้เขามีสติวิ่งหนี แต่เขาเพียงก้าวเท้าไม่ถึงหนึ่งก้าวก็ถูกนางผลักจนเขาล้มไปที่เตียง ไหล่ของเขากระแทกแต่เขาไม่รู้สึกเจ็บ เพราะความรู้สึกทั้งหมดของเขาอยู่ที่มือน้อยๆ ที่กำลังจับตัวเขาพลิก เขาดิ้นรนแต่นางกลับทิ้งตัวลงมากอดเขา ทับเขาเอาไว้ทั้งนอนคว่ำอยู่เช่นนั้น
“เจ้ารังเกียจข้าหรือ” นางถามเสียงน้อยใจ ริมฝีปากแทบจะแนบชิดอยู่ที่หูของเขา เขาตัวสั่นเทาเพราะความอ่อนนุ่มที่แนบอยู่บนหลัง
“ไม่ใช่ ไม่ใช่เช่นนั้น” เสียงของเขาแหบสั่นจนแทบจะกลายเป็นกระซิบ เขาพยายามกลืนน้ำลายเพื่อให้คอที่แห้งผากรู้สึกดีขึ้น
นางจูบลงมาที่ปลายหูของเขา เลียนแบบสิ่งที่เขาทำวันนั้น แม้นางจะยังไม่กล้าขนาดใช้ลิ้นเลียและขบกัดเช่นที่เขาทำ แต่เพียงสัมผัสแผ่วเบาก็เพียงพอจะทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก
“อย่า อย่าทำเช่นนี้” เขาขอร้องทั้งที่รู้สึกดีมาก เขาต้องการให้นางหยุด แต่ร่างกายที่รู้สึกดีกำลังเรียกร้องให้นางทำมากขึ้น มโนสำนึกของเขากำลังตบตีกันจนเขาคิดสิ่งใดไม่ออก แน่นิ่งตัวสั่นเล็กน้อยเพราะความเสียวซ่าน
หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขาตัวสั่นกลัวขอร้องอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร นางจึงเบามือลง ค่อยๆ ดันตัวขึ้น ไม่แน่ใจว่าต้องทำอย่างไรต่อไป
‘สัมผัสและลูบไล้’ เสียงของอาหงนำทางความคิดของหลี่เฟิ่งเซียน
นางค่อยๆ ลูบไปตามหัวไหล่ดึงเสื้อของเขาออกจนเปิดไปทั้งไหล่ของเขา นางเห็นว่าแผลถลอกมีเต็มไปหมด นางไม่กล้าแตะมือลงไปกลัวว่าเขาจะเจ็บ แต่เขากลับเข้าใจว่านางเกิดกลัวแผลพวกนั้นหรือไม่ก็รังเกียจ นางจึงชะงักไป เขาถอนหายใจยาวๆ ควบคุมตัวเอง
“ปล่อยข้าเถิด เจ้าจะได้ไม่ต้องมองดูแผลน่ากลัวพวกนั้น” เสียงของเขายังสั่นเครืออยู่เล็กน้อย
แต่นางกลับลุกขึ้นและดึงเสื้อตัวยาวของเขาที่ปกปิดท่อนล่างให้เปิดออก ก่อนจะจับมับเข้าที่ก้นขาวๆ ของเขา ลู่มู่เฉินอ้าปากตกใจ ยังไม่ทันคิดอะไรได้นางก็ล้วงมือเข้าไปด้านล่าง ตรงระหว่างขา!!! ตรงที่เจ้าสิ่งนั้นกำลังขยายตัว นางเพียงแตะไปที่ถุงทองคำนิดเดียว เขาก็รู้สึกว่าไม่อาจทนให้นางทำเช่นนั้นได้อีก!!!
“ข้าเป็นผู้ชายเหตุใดจะมองไม่ออกว่าเขาหวั่นไหวกับท่านแทบแย่ แต่พยายามเก็บอาการ ข้าไม่รู้ว่าท่านกับเขาผิดใจอันใดกัน แต่ลองพูดคุยกับเขาตรงๆ เขาย่อมต้องเข้าใจท่านอยู่แล้ว” จ้าวเหลียงให้คำแนะนำหลี่เฟิ่งเซียนหัวใจระส่ำไม่เป็นจังหวะ นางทำเรื่องเลวร้ายไปมากมายเช่นนั้น ยังจะมีเรื่องเข้าใจผิดอันใดอีก แต่หากเป็นดั่งที่จ้าวเหลียงพูดจริง นางควรทำเช่นไรดี อยากลองพูดคุยจริงจังกับเขาสักครั้ง แต่ก็กลัวว่าหากเขาตอบว่าชื่นชอบหญิงในชุดขาวผู้นั้น นางควรทำอย่างไร แต่หากเขาชอบนางอย่างที่จ้าวเหลียงพูดจริงๆ และนางปล่อยไปเช่นนี้ ดีแล้วแน่หรือ“ข้าต้องไปก่อนนะ” พูดแล้วหลี่เฟิ่งเซียนก็เดินออกจากห้องพักของจ้าวเหลียงทันที อยากรีบไปหาสามีของตัวเองเพื่อพูดคุยให้รู้เรื่องนางไปรอเขาที่หน้าประตูจวน เพียงไม่นานก็เห็นรถม้ากำลังใกล้เข้ามา นางรอจนกระทั่งรถม้าจอด เขาเปิดประตูออกมา นางคล้ายว่าไม่ได้เห็นเขามาหลายวันมาก คิดถึงเขาจนอยากวิ่งเข้าไปกอด แต่นางไม่กล้าหลี่เฟิ่งเซียนพบว่าเขากำลังมองมาที่นางเช่นกัน คล้ายว่าเขาจะขมวดคิ้วและทำหน้าโกรธ จู่ๆ นางก็กลัวที่จะเข้าไปหาเขา จึงเลือกที่จะหนีออกมาอย่างรวดเร็วลู่มู่เฉินรู้สึกเจ็
หลี่เฟิ่งเซียนเดินออกไปจากห้องนานแล้ว แต่เขายังคงนั่งมองมือซ้ายของเขา เขาเริ่มรู้สึกเสียใจที่วันนั้นตัดสินใจหักมือข้างนั้น คิดอีกที หากเขาไม่ทำเช่นนั้นคงไม่สามารถรอดมามีความสุขเช่นนี้ได้ แต่ความสุขเช่นนี้ดีแน่แล้วหรือ เขาคิดกลับไปกลับมาอยู่เช่นนั้นทั้งคืน บ่าวชายที่มาช่วยเขาเช็ดตัว เขาก็จำหน้าไม่ได้หลังจากเรื่องวันนั้น หลี่เฟิ่งเซียนก็หลบหน้าเขา แต่มีหยวนหยวนส่งน้ำแกงปลาและน้ำแกงไก่มาให้เขาทุกเช้า เขาเองแม้จะเริ่มคิดถึงนางมากแต่ไม่กล้าไปหานางที่ห้อง เพราะความอับอายที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งต้องถูกจู่โจมอย่างสิ้นท่า ไร้การต่อต้านแม้นางจะพูดว่านางเป็นคนผิด แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ หากวันนั้นเขาไม่ยินยอมจริงๆ นางตัวเล็กเพียงนั้นจะถึงขั้นขืนใจเขาได้หรือ เขาประเมินความต้องการของเขาผิดไป ไม่นึกว่าจะต้องการนางมากถึงขั้นขาดสติ ปล่อยให้เรื่องราวเช่นนั้นเกิดขึ้นต่อมาลู่มู่เฉินยังได้ยินพ่อบ้านพูดว่านายหญิงผู้เฒ่าร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูก เพราะจู่ๆ หลี่เฟิ่งเซียนก็กลับไปเที่ยวหอเข่อซินอีกแล้ว ท่านพ่อบ้านขอให้เขาช่วยพูดกับคุณหนูใหญ่ว่าไม่ควรไปเที่ยวสถานที่เช่นนั้นอีกเพราะนางแต่งงานแล้วแต่เมื่อเขาเดินไปถึงหน้า
หลี่เฟิ่งเซียนหันไปมองแท่งหยกที่นางกำไม่มิดนั้น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ตัดสินใจยกก้นขึ้นและจับท่อนหยกร้อนของเขาถูไปมา ยามนี้ผลท้อของนางเต็มไปด้วยน้ำแห่งความสุขแล้ว‘เพียงลูบคลำเจ้านี่ ข้าก็สามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้แล้วหรือ’ นางสงสัย จำได้อาหงบอกว่าเช่นนี้นางจะเจ็บน้อยลงลู่มู่เฉินรู้ทันทีว่านางคิดจะทำอะไร ถึงเขาจะอยากให้นางทำ และต้องการมากเพียงใด แต่มโนสำนึกของเขาและความตั้งใจของเขายังคงทำให้เขามีแรงจะดึงสติกลับมาได้“อย่า อย่าทำเช่นนี้” เขาขอร้องอย่างร้อนรน“เจ้าไม่อยากเสียใจภายหลังหรอกนะ เชื่อข้าเถิด เฟิ่งเอ๋อร์” เขาอ้อนวอนนาง แต่หลี่เฟิ่งเซียนใช้มือข้างหนึ่งยันเขาไว้ บังคับไม่ให้เขาลุกขึ้นหนีไปไหน มืออีกข้างของนางก็จับแท่งหยกร้อนนั่นถูไปมาที่ร่องกลีบดอกไม้ของนาง ก่อนที่นางจะออกแรงดันตัวเองลงไป หลี่เฟิ่งเซียนรู้สึกได้ถึงความดุดันของท่อนหยางร้อนลวกของเขาที่กำลังดุนดันเข้าไปในร่องกลีบดอกท้อ“พอแล้ว ขอร้อง อย่าทำเช่นนี้ อย่า” เสียงต่ำแหบพร่าของเขาขอร้องให้นางหยุด ในขณะที่อีกใจหนึ่งของเขากำลังรอให้นางดันตัวลงมากอดรัดเอ็นอุ่นนั้นไว้ เพียงแค่นางถูไถโลมเล้าเคล้าคลึงไปมา ความนุ่มลื่
เขาพลิกตัวอยากจะกระโดดหนีลงไปด้านล่าง แต่เพียงแค่เขาเอียงตัวนางก็ใช้เท้าเล็กๆของนางเหยียบลงมาที่ไหล่ของเขา ดันให้เขาพลิกตัวประชันหน้ากับนางตรงๆ เขาอยากมีแรงมากกว่านี้เพื่อดันเท้านั้นให้หลุด น่าเสียดายที่วันนี้เขาอ่อนแอมากกว่าทุกที เขายังได้รับบาดเจ็บจากการทดลองยาอยู่ และภาพภรรยาตัวเปลือยเปล่า งดงามจนเขาตกตะลึง ลืมว่าต้องหนีสองมือถูกมัดไว้พ่ายหลัง ยิ่งดันให้ช่วงสะโพกแอ่นขึ้น ท่อนหยกร้อนของเขาชูชันแสดงตัวอย่างกับต้องการบอกให้นางรู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร มันชูชันสูงใหญ่ดั่งเสาค้ำสวรรค์ก็ไม่ปาน หลี่เฟิ่งเซียนตาโต จ้องมองหัวใจสั่นไหว ลู่มู่เฉินงอขาและพยายามหนีบเจ้านั่นเอาไว้ แต่ยามนี้มันขยายใหญ่จนปิดไม่มิด ภาพที่นางอ้าขาเหยียบไหล่เขาเอาไว้ แม้งดงามจนเขาถอนสายตาไม่ได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาในฐานะบุรุษผู้หนึ่ง อย่างไรเขาก็ไม่อาจรับตัวเองได้ เขาอ้าปากเพื่อหายใจ หลับตาแน่นเพื่อลดทอนความอับอายในใจหลี่เฟิ่งเซียนมองดูเจ้าสิ่งนั้นแล้วตกใจไม่น้อย ในใจนางนึกถึงตอนเขาป่วยและนางเช็ดตัวให้เขา มันยังเล็กมากเท่านิ้วเท้าหัวแม่โป้ง แต่ยามนี้มันชูชันจนแทบจะใหญ่เท่าข้อมือของนาง! หลี่เฟิ่งเซียนเริ่มหายใจไม
แต่ครั้งเข้าไปในห้องของตัวเองและเห็นพวกรูปต่างๆ ที่อาหงวาดขึ้นเพื่อการเรียนรู้เหล่านั้น ในใจนางเกิดความรู้สึกหึงหวงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเข้าหอกับนาง เพราะหญิงแพศยานั่น!!...พวกเขาไปถึงไหนกันแล้ว!! มิน่าเขาถึงได้เชี่ยวชาญมาก เพียงจูบก็ทำให้นางสามารถหลั่งน้ำแห่งความสุขได้ เขาอาจจะเคยทำกับผู้อื่นมาก่อน เขาถึงทำเช่นนั้นได้อย่างเชี่ยวชาญ นางยอมไม่ได้ นางต้องรีบรวบหัวรวบหางเขา!! ทนรอให้เขายินยอมด้วยตัวเองไม่ได้แล้ว!!หลี่เฟิ่งเซียนวิ่งไปถึงหน้าห้องของเขา เห็นว่าด้านในยังมีแสงไฟอยู่ นางผลักประตูเข้าไปไม่บอกกล่าวไม่เคาะประตู“เจ้า เจ้าเข้ามาได้อย่างไร” ลู่มู่เฉินเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขากำลังใส่เสื้อผ้า นางก็ผลีผลามเข้ามา เขาตกใจ รีบร้อนใส่เสื้อให้เรียบร้อย แต่เชือกผูกเอวอยู่บนโต๊ะ เขายืนอยู่ใกล้เตียงนอน จึงทำได้เพียงใช้มือจับสาบเสื้อคลุมตัวยาวเอาไว้หลี่เฟิ่งเซียนเห็นว่าเขายังแต่งตัวไม่เรียบร้อย แผนในใจของนางผุดขึ้นมาเป็นร้อยแผน คำพูดของอาหงดังก้องอยู่ในหู‘หากเจ้าทำให้เขาภูมิใจมากพอ เขาจะเอ็นดูเจ้ามากขึ้น’นางหันไปปิดประตูลงกลอน ยังเดินไปปิดหน้าต่างที่เขาแง้มเอาไว้รับลมด้วย“เจ้า เจ้า
เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ