แชร์

บทที่ 49 เรียนรู้การเข้าหอ

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-06-24 23:10:09

“มันก็ไม่ใช่ฉี่เช่นนั้น มันออกมานิดเดียว ไม่ได้เปื้อนผ้าห่ม แต่ก็เปื้อนตามขาด้านใน จับต้องได้ เพราะมันเหนียวๆ ใสๆ” หลี่เฟิ่งเซียนหน้าทั้งร้อนทั้งแดง เรื่องน่าอายเช่นนี้นางไม่เคยพูดกับใคร แต่หากเป็นเช่นคืนนั้นอีก ตอนเขากำลังเข้าหอกับนาง นางไม่รู้ว่าจะรับมือเช่นไร สู้อับอายกับอาหงยังดีเสียกว่า อย่างน้อยนางข่มขู่อาหงได้

“หรือว่า..ที่จริงแล้วข้ากำลังป่วยอยู่” หลี่เฟิ่งเซียนพูดออกไปเมื่อคิดได้บางอย่าง นางเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา

“ห๊ะ! เอ่อ ไม่สิ ไม่ใช่ ให้ข้าถามก่อนเจ้าอย่าเพิ่งโวยวาย....ฉี่ที่เจ้าพูดนั้น มันใสๆ เหนียวเล็กน้อย และออกมาจากผลท้อของเจ้า เจ้า..เจ้าเคย..กับท่านเขยแล้วหรือ” อาหงพยายามสรรหาคำพูดที่ฟังแล้วไม่น่าเกลียดเกินไปมาถาม

“เคยอะไร ข้าไม่เคยสักครั้ง เราสองคนยังไม่เคยเข้าหอ หากเคยไปแล้วข้าจะมานั่งกลุ้มใจเช่นนี้หรือ” หลี่เฟิ่งเซียนตัดพ้อ

“เจ้าไม่เคยแล้วน้ำใสๆ นั่นจะออกมาได้อย่างไรกัน” อาหงขมวดคิ้วแน่น

“ก็นั่นสินะ ข้า ข้ากำลังป่วยใช่หรือไม่” หลี่เฟิ่งเซียนสลดยิ่งนัก

“แล้วน้ำนั่น ไหลมาตอนไหนหรือ” อาหงซักอย่างละเอียด

“ห๋า เอ่อ ก็ ..ก็หลังจากที่เขา ..เขา..เขากัด” หลี่เฟิ่งเซียนอธิบายไม่ถูก

“ห๊า” อาหงเอียงหัวไม่เข้าใจ

“ก็หลังจากที่เขา กอดอุ้มข้าไปนั่งบนตักเขาและกัดปากของข้า และ..และ...” หลี่เฟิ่งเซียนหน้าแดงจัด ยกมือขึ้นมาถูปลายหูไปมา ไม่แน่ใจว่าจะอธิบายความรู้สึกวันนั้นเช่นไรดี เพียงแค่นึกถึงก็รู้สึกราวกับมีหม้อต้มน้ำกำลังเดือดอยู่ในท้องน้อย

“อ๊ายยยยย ดีเช่นนั้นเลย แค่จูบเนี่ยนะ” อาหงร้องออกมา ยืนขึ้นทันที ยกสองมือขึ้นมาปิดแก้มราวกับกำลังเขินอาย

“อะไรคือดีเช่นนั้น” หลี่เฟิ่งเซียนตกใจกับท่าทางของอีกฝ่าย

“ก็จูบอย่างไรเล่า เจ้าหลั่งน้ำใสออกมาหลังจากพวกเจ้าจูบกัน ใช่หรือไม่” อาหงถาม นัยน์ตาเป็นประกายระยิบระยับ ราวกับกำลังได้รับรู้เรื่องราวสุดมหัศจรรย์เกินบรรยาย

“จะว่าอย่างนั้นก็ใช่..” หลี่เฟิ่งเซียนเอียงหัวทบทวนเรื่องราว

“ไม่ต้องกังวล หากเขารู้ว่าเขาเพียงจูบเจ้า ถึงกับทำให้เจ้าหลั่งน้ำใสออกมาได้ เขาคงดีใจจนบรรลุเป็นเซียนเดี๋ยวนั้น” อาหงพูดไป ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ล้อเลียนนางไปด้วย

“ข้าเห็นว่าท่านเขยของเจ้าหน้าตาซื่อๆ ไม่คิดว่าจะมีฝีมือปานนี้ เห็นทีครั้งหน้า ข้าต้องคารวะเขาเสียแล้ว ข้าเป็นคณิกามาหลายปี ยังไม่เคยพบผู้ใดทำให้ข้าหลั่งน้ำใสนี้ได้เลย” อาหงยังพูดต่อ

“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าหมายความว่าอย่างไร แต่ห้ามพูดเรื่องนี้กับเขาเด็ดขาด” หลี่เฟิ่งเซียนพูด กำกระโปรงตัวเองไว้แน่น นางเริ่มไม่เข้าใจความเป็นไปที่อาหงพูดถึงตอนนี้แล้ว

“โธ่เอ๊ยเด็กโง่ เรื่องนี้ก็หมายความว่า เขาทำให้เจ้าพึงพอใจมาก ทำให้ร่างกายของเจ้าสุขสมถึงขั้นหลั่งน้ำพุแห่งความสุขออกมาอย่างไรเล่า” อาหงจีบปากจีบคอ

“อะ! อะไรนะ!!” ถึงคราวหลี่เฟิ่งเซียนยืนขึ้นตกใจบ้าง

“นี่เจ้า อยากจะอวดข้าหรือ” อาหงว่า

“ไม่ใช่เช่นนั้น จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ข้า..ข้าไม่รู้ ข้าต้องทำเช่นไร”

“บอกมู่เฉินของเจ้าไปเสียก็สิ้นเรื่อง”

“ห๊ะ!!!! เขาก็ยังไม่เคยเข้าหอนะ เขาจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร เจ้า เจ้าพูดอะไร” หลี่เฟิ่งเซียนตกตะลึง

“เขาเป็นท่านหมอ จะไม่รู้ได้หรือ”

หลี่เฟิ่งเซียนชะงักค้าง เช่นนั้นเขารู้ แต่ไม่บอกนางหรือ นางมีเรื่องให้ตกใจมากไป จึงนั่งลงและหายใจหอบเหนื่อย

“ข้าล้อเจ้าเล่น ท่าทางของเจ้าตลกดี ไม่ต้องบอกเขาก็ได้” อาหงหัวเราะท่าทางของคุณหนูใหญ่

อาหงยังคงสอนสั่งต่อไป ทั้งเรื่องกลิ่นที่เย้ายวน เรื่องเสื้อผ้า เรื่องความสะอาด หรือกระทั่งความสวยงามของผลท้อชมพู ต้องมีการตัดแต่ง หรือไม่ก็โกนทิ้งให้เหมือนของเด็กน้อยไปเลย

จากนั้นยังสอนเรื่องของท่าทางการร่วมรัก ว่ามีกี่แบบ ผู้ชายชอบส่วนไหนของร่างกายบ้าง หากไม่ต้องการให้เจ็บมากในการเข้าหอครั้งแรกควรทำเช่นไร ทำท่าทางอย่างไร อาหงยังบอกอีกว่าครั้งแรกอย่างไรก็เจ็บ แต่ต่อไปจะดีขึ้น กระทั่งการดูแลรักษาผลท้อให้หอมหวาน อาหารที่จะช่วยบำรุงร่างกายทั้งของฝ่ายชายฝ่ายหญิง คุณหนูใหญ่เรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ

วันเวลาผ่านไปเนิ่นนาน กระทั่งผืนนภาสีดำปกคลุมแล้ว หลี่เฟิ่งเซียนก็ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย สองสาวยังคงพูดคุยกันไม่จบสิ้น เดือดร้อนหยวนหยวนต้องเดินไปเตรียมขนมของว่างให้พวกนาง และคอยเดินจุดโคมตะเกียงให้ความสว่างไสว

ลู่มู่เฉินกลับมาวันนี้ไม่มีผู้ใดคอยเฝ้ารอเขา ถึงเขาจะรู้สึกแปลกๆ บ้าง แต่เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาทิ้งให้นางอยู่คนเดียว หากนางจะโกรธเคืองจนวันนี้ไม่มารอรับเขาก็เป็นเรื่องปกติ

อย่างน้อยเมื่อลู่มู่เฉินกลับมาถึงในห้องนอน ข้าวของสัมภาระของเขายังไม่ถูกนำกลับมาวางที่เดิม ภรรยาของเขายังคงเก็บของพวกนั้นไว้ แม้เขาจะเดือดร้อนบ้างเล็กน้อยแต่ในหัวใจรู้สึกอบอุ่นที่นางยังไม่ตัดรอนเขามากถึงขั้นเอาข้าวของของเขามาทิ้งไว้หน้าเรือนพัก

ในห้องนอนว่างเปล่าของเขามีชุดใหม่ที่ทำจากผ้าฝ้ายอย่างดี เป็นของขวัญจากท่านย่า พ่อบ้านบอกเขาเมื่อครู่ก่อนที่เขาจะเข้ามาแล้ว ยังมีถุงเงินที่ใส่ก้อนเงินเอาไว้มากมาย

ใช่แล้วเขาไม่มีเงินติดตัวสักอีแปะ หลายเดือนมานี้ ตั้งแต่ที่เขาแต่งเข้าจวนแม่ทัพหลี่ เขาก็ไม่ต้องใช้เงิน กินอาหารมื้อใดหากไม่เก็บจากบัญชีของคุณหนูใหญ่ ก็มีพ่อบ้านคอยจ่ายให้ หรือไม่ก็มีคนคอยทำอาหารให้เขาเสมอ

ถึงเขาจะไม่ได้ซื้อสิ่งที่เขาอยากได้ แต่ของจำเป็นจำพวกยาสมุนไพร ขอเพียงเขาเอ่ยปาก ตอนอยู่ที่ชายแดนท่านแม่ทัพก็ซื้อให้ มาอยู่ที่นี่ท่านย่าก็เป็นผู้ซื้อให้ทั้งหมด เขารู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง เขาคิดหลายครั้งว่าจะทำอย่างไรถึงจะหาเงินเป็นของตัวเอง

ไม่นานมานี้เขาได้คุยเรื่องนี้กับท่านหมอหลวงอิ่น ท่านหมอแนะนำให้เขาไปสอบใบประกอบวิชาชีพหมอของเมืองหลวง และเปิดร้านของตัวเอง หรือไม่ก็สอบเข้าไปทำงานรับเงินเดือนกับท่านหมอหลวงอิ่น

ลู่มู่เฉินรู้ดีว่าสุขภาพของตัวเองเป็นอย่างไร เขาไม่มีเวลาทำเรื่องพวกนั้น เขาโยนเรื่องทุกข์ใจทิ้งออกไป เดินไปอาบน้ำล้างตัวและกลับมาเพื่อเข้านอนแต่เมื่อเขาเห็นเตียงหลังนั้นเข้ามาในม่านสายตา...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 50 ภรรยาผู้อื่นยืนอยู่ตรงนี้

    เรื่องราวในคืนนั้น ความหอมหวานที่เขากอดกกนาง รสจูบ ความนุ่มนิ่มนุ่มนวล ทุกอย่างทำให้เขาไม่กล้าเดินไปที่เตียงนั่น แม้บนเตียงนั้นจะเปลี่ยนผ้าปูผ้าห่มใหม่ทั้งหมดแล้วก็ตาม เขายังคงรู้สึกว่ากลิ่นหอมหวานจากตัวนางยังคงติดอยู่ที่จมูก'ตัวเจ้าหอมมาก' คำพูดของหลี่เฟิ่งเซียนลอยมา นางเคยพูดชมเขาเช่นนั้นหลายครั้งแล้ว เขาไม่แน่ใจว่านางได้กลิ่นอันใดทั้งที่บนตัวเขามีแต่กลิ่นยา เขาเองก็อยากจะบอกกับนางว่า 'ตัวเจ้าหอมน่ากินมาก' เพราะบนตัวของนางมีกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายดอกไม้ผสมกลิ่นบางอย่างคล้ายหนิวหน่าย[1] ต้มผสมน้ำผึ้ง เป็นอาหารของชาวอิ่นตู้ที่เขาเคยได้ลิ้มลองเมื่อครั้งยังท่องเที่ยวไปทั่ว มันอร่อยและหอมติดจมูก ดังนั้นเมื่อเขาได้กลิ่นนี้จากตัวนาง เขาจึงรู้สึกน้ำลายสอ อยากจะกลืนกินครั้งแล้วครั้งเล่า เสียดายก็แต่เขาพูดออกไปเช่นนั้นไม่ได้ ในที่สุดลู่มู่เฉินก็ดึงผ้าห่มจากเตียงและลงไปนอนบนพื้นแทน เขาไม่รังเกียจที่จะนอนบนพื้นเพราะเขาเคยนอนในที่ที่ลำบากมากกว่านี้ พื้นแข็งๆที่ทำจากไม้ขัดมันอย่างดี ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการนอนหลับของเขาลู่มู่เฉินนอนหลับด้วยความยากเย็นเพราะมัวแต่คิดถึงนาง ในขณะที่หลี่เฟิ่งเซียนแทบ

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 49 เรียนรู้การเข้าหอ

    “มันก็ไม่ใช่ฉี่เช่นนั้น มันออกมานิดเดียว ไม่ได้เปื้อนผ้าห่ม แต่ก็เปื้อนตามขาด้านใน จับต้องได้ เพราะมันเหนียวๆ ใสๆ” หลี่เฟิ่งเซียนหน้าทั้งร้อนทั้งแดง เรื่องน่าอายเช่นนี้นางไม่เคยพูดกับใคร แต่หากเป็นเช่นคืนนั้นอีก ตอนเขากำลังเข้าหอกับนาง นางไม่รู้ว่าจะรับมือเช่นไร สู้อับอายกับอาหงยังดีเสียกว่า อย่างน้อยนางข่มขู่อาหงได้“หรือว่า..ที่จริงแล้วข้ากำลังป่วยอยู่” หลี่เฟิ่งเซียนพูดออกไปเมื่อคิดได้บางอย่าง นางเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา“ห๊ะ! เอ่อ ไม่สิ ไม่ใช่ ให้ข้าถามก่อนเจ้าอย่าเพิ่งโวยวาย....ฉี่ที่เจ้าพูดนั้น มันใสๆ เหนียวเล็กน้อย และออกมาจากผลท้อของเจ้า เจ้า..เจ้าเคย..กับท่านเขยแล้วหรือ” อาหงพยายามสรรหาคำพูดที่ฟังแล้วไม่น่าเกลียดเกินไปมาถาม“เคยอะไร ข้าไม่เคยสักครั้ง เราสองคนยังไม่เคยเข้าหอ หากเคยไปแล้วข้าจะมานั่งกลุ้มใจเช่นนี้หรือ” หลี่เฟิ่งเซียนตัดพ้อ“เจ้าไม่เคยแล้วน้ำใสๆ นั่นจะออกมาได้อย่างไรกัน” อาหงขมวดคิ้วแน่น“ก็นั่นสินะ ข้า ข้ากำลังป่วยใช่หรือไม่” หลี่เฟิ่งเซียนสลดยิ่งนัก“แล้วน้ำนั่น ไหลมาตอนไหนหรือ” อาหงซักอย่างละเอียด“ห๋า เอ่อ ก็ ..ก็หลังจากที่เขา ..เขา..เขากัด” หลี่เฟิ่งเซียนอธิบาย

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 48 เรียนรู้เรื่องในห้องหอ

    เป็นครั้งแรกที่นางได้ยินเขาพูดครั้งเดียวยาวๆเช่นนี้ หลี่เฟิ่งเซียนพูดไม่ออกได้แต่นิ่งฟัง“ที่ท่านย่าไม่ชอบข้า นั่นก็เพราะนางรักเจ้ามาก อยากให้เจ้าได้แต่งงานกับผู้ที่จะดูแลเจ้าได้ ผู้ที่จะสามารถแบกตระกูลหลี่ไว้บนบ่า แต่เจ้ากลับคว้าเอาใครไม่รู้เช่นข้ามาแต่งงาน ทั้งอัปลักษณ์ ทั้งพิการ นางเพียงกลัวว่าภายภาคหน้าเจ้าจะลำบาก หากว่าท่านแม่ทัพไม่อยู่แล้ว” ลู่มู่เฉินเข้าใจความคิดของท่านย่าเป็นอย่างดี และไม่โทษผู้ใดที่เขามีชีวิตเช่นนี้ “แต่ว่า..เจ้าจะเจ็บมือหากอยู่ในที่เย็นๆ” นางยังคงเป็นห่วงเขา แม้จะเริ่มเข้าใจสิ่งที่เขาพูด“ไม่ต้องห่วง ข้ามีกล่องเข็มของเจ้าช่วยชีวิตแล้ว เวลาที่รู้สึกเจ็บ ข้าสามารถฝังเข็มที่มือบรรเทาความเจ็บได้” เขาตอบอย่างอ่อนโยน“เจ้า พูดจริงหรือ เจ้าย้ายไปอยู่ในห้องดีๆก็ได้ จวนของข้าสามารถดูแลเจ้าได้ ไม่จำเป็นต้องประหยัดเพียงนั้น เจ้า ..ข้าไม่ได้รังเกียจเจ้า” หลี่เฟิ่งเซียนยังดื้อดึง คำพูดท้ายๆนางไม่กล้าสบตาเขาเพราะความเขินอาย จึงก้มหน้าลงบิดมือไปมา“อย่าเหลวไหล ถึงจวนของเจ้าจะมีเงินมากมาย แต่ก็ต้องรู้จักรักษา และหามาเพิ่ม พรุ่งนี้เจ้าควรไปขอโทษท่านย่าด้วย เข้าใจหรือไม่” เข

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 47 ยังไม่หลับ

    “รีบลุกขึ้นมา เจ้าไม่สบายอยู่ เดี๋ยวจะอาการหนักกว่าเก่า” หลี่เฟิ่งเซียนเป็นห่วงสามี“อย่าเหลวไหล ท่านย่าทำโทษเจ้าอยู่ อย่างไรข้าย่อมต้องรับโทษแทนเจ้า เจ้าอย่าทำให้ท่านโกรธอีก” ลู่มู่เฉินดุนาง หลี่เฟิ่งเซียนก็เงียบตามเขาพูด นั่งลงข้างๆเขา“เจ้าไม่ต้องทำเช่นนี้ มีข้ารับโทษแทนเจ้าแล้ว เมื่อวานเจ้าเหนื่อยทั้งคืน หากยังต้องมานั่งคุกเข่าตากอากาศเย็นตอนกลางคืน เจ้าจะไม่สบายได้” เขาพูดอย่างอ่อนโยนกับนางลู่มู่เฉินพูดถึงเรื่องที่นางชกต่อยจนชายชาตินักรบผู้หนึ่งอย่างจ้าวเหลียงต้องนอนรักษาตัวลุกไม่ขึ้น แต่หลี่เฟิ่งเซียนกลับนึกไปถึงเรื่องที่เขาทำให้นางอ่อนระทวยจนไม่มีแม้แต่แรงขยับตัว นางรู้สึกแก้มสองข้างร้อนๆ กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก เพราะมืดแล้ว สาวใช้ที่ยืนรอบๆต่างไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของคุณหนูใหญ่ แต่ไม่ใช่ลู่มู่เฉิน เขารับรู้ถึงความเขินอายของนางได้ คราแรกเขาไม่แน่ใจว่าเหตุใดจู่ๆนางจึงเขินอาย แต่เมื่อนึกย้อนทบทวนคำพูดของตัวเองแล้ว เขารู้สึกกระอักกระอ่วนไม่น้อยในความชวนให้เข้าใจผิดของคำพูดนั้น สองสามีภรรยาโง่งมต่างเขินอายโดยไม่มีผู้ใดรับรู้เพล้ง!! เสียงถ้วยกระเบื้องแตกดังออกมาจากเรือนของ

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 46 คุกเข่า

    หลี่เฟิ่งเซียนรีบร้อนไปรับยู่ยี่กลับมา แต่พอไปถึงที่พักของคนใช้นอกจวน นางก็ได้รับรู้ว่ายู่ยี่ไม่ได้อยู่ในที่พักนี้ ยู่ยี่ถูกบังคับให้ไปเช่าบ้านอยู่ และวันนี้นางก็ต้องไปซักผ้าที่แม่น้ำ หลี่เฟิ่งเซียนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นางยิ่งรู้สึกผิดต่อยู่ยี่ที่พามาลำบากอยู่ในเมืองหลวง หลี่เฟิ่งเซียนสัญญากับตัวเองว่าหากพานางมาได้แล้วจะดูแลนางให้ดีขึ้นเรื่องนี้ หรือเรื่องสามี ทั้งสองเรื่องผิดที่ตัวนาง นางเป็นคนพาพวกเขามาแต่ไม่ดูแลพวกเขา คิดว่าท่านย่ารักนางอย่างไรก็จะดูแลคนของนางให้ดี ที่ไหนได้ท่านย่ากลับเห็นคนไม่เท่ากัน บ่าวก็ยังเป็นบ่าว บ่าวก็ยังแบ่งกันเป็นหลายชั้น สูงต่ำกันไปตามมารยาทที่ได้รับฝึกสอนอีก ส่วนเขยของจวนแม่ทัพอย่างลู่มู่เฉิน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าท่านย่ารังเกียจเขาเพียงใด บังคับให้เขาอยู่ในห้องมืดๆ ผนังไม่ดี ลมเย็นพัดเข้ามาได้ตลอดคืน ผ้าห่มฟู่ปูนอนก็เป็นของเก่า ทั้งที่นางก็บอกไปแล้วว่าเขาป่วยอยู่ในห้องที่มีอากาศเย็นนานๆไม่ได้ นางไม่อาจไม่รับความผิดนี้ นางจะชดเชยให้พวกเขาหลี่เฟิ่งเซียนควบขี่ม้าไปรับยู่ยี่ที่แม่น้ำ ทันทีที่นางเห็นคุณหนูใหญ่ ยู่ยี่ก็ร้องไห้ออกมายกใหญ่ ทั้งด่าทั้งบ่นคุณหนูใหญ่

  • คุณหนูใหญ่ได้สามีอัปลักษณ์   บทที่ 45 นอนในห้องของสามี

    มือเย็นยะเยือกที่ไร้เนื้อหนัง บนหลังมือยังเต็มไปด้วยตุ่มใส เล็บยาวสีแดงน่ากลัว คืบคลานเข้าหาตัวนางทีละเล็กทีละน้อย มือข้างนั้นดึงเสื้อผ้าของนางขาดจนไม่เหลือชิ้นดี หลี่เฟิ่งเซียนตัวแข็งทื่อคล้ายโดนพิษขยับไม่ได้มือที่มีเพียงกระดูกนั้นผลักนางด้วยความแรงชนิดที่นางคิดไม่ถึง ตัวนางล้มลงไปบนกองฟางเปียกชื้น มันทั้งเหม็นทั้งคัน นอกจากกองฟางนั้นแล้วรอบๆ มีแต่สิ่งปฏิกูล นางร้องขอความช่วยเหลือแต่อ้าปากไม่ได้ ทั้งห้องอับชื้นมีเพียงแสงสว่างสายหนึ่งส่องเข้ามาจากด้านบนนางรู้สึกได้ถึงริมฝีปากที่งับเบาๆ แถวปลายคาง ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปตามผิวเนื้อวิ่งตรงไปที่ท้องน้อยของนาง ก่อนจะทำให้ผลท้อชมพูของนางสั่นระริกราวกับโดนไฟลวก สองมือที่มีแต่กระดูกตระกองกอดนาง บีบบังคับให้นางต้องแอ่นอกไปชิดโครงร่างผอมแห้ง ลิ้นชื้นแฉะเลียไปตามคอระหง วกกลับไปดูดริมฝีปากล่างของนางเบาๆ แต่นางยังรู้สึกเจ็บมากหลี่เฟิ่งเซียนกลัวจับใจ แต่ร่างนั้นยังคงกอดกัดนางต่อไป มันกัดริมฝีปากของนางจนเปื่อยก่อนจะผลักนางล้ม ฉีกกระชากตู้โตวของนาง ก่อนจะทาบทับลงไปบนหน้าอก นางรู้สึกถึงยอดถันชมพูที่กำลังเสียดสีกับโครงกระดูก ก่อนที่โครงกระดูกจะโน้มตัว

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status