“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะครับ คุณผู้หญิง”
รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความชั่วร้ายแบบนั้นน่ะเป็นเขาไม่ผิดแน่ รันเวย์...เดี๋ยวนี้เจ้าจิ้งจอกเก้าหางแบบเขาหันมาคบค้าสมาคมกับพวกมนุษย์ไร้กำลังแทนแล้วสินะ
“รู้จักกันด้วยเหรอครับ”
คนร่างสูงโปร่งเอ่ยถามคนร่างบางด้วยความสงสัย แต่ในทางกลับกันฉันกลับเมินคำถามพวกนั้นออกไปโดยสิ้นเชิง
“ฉันนึกว่าคุณจะนัดฉันมาคุยเรื่องธุรกิจคนเดียวซะอีก”
“อย่าใจร้ายกับผมนักสิครับ อย่างน้อยๆเราก็รู้จักกันแล้วนะ ยูโร และผมก็สนิทกับอทินมากๆเลยล่ะ”
รันเวย์ส่งรอยยิ้มอย่างสดใสมาให้กับฉันซึ่งมองข้ามเขาไปอีกครั้ง ปีศาจนิสัยเสีย คิดจะปั่นประสาทฉันงั้นเหรอ มันไม่ง่ายแบบนั้นหรอก
“นายก็พูดเกินไป อันที่จริงผมแค่ติดสัญญาจ้างกับเขานิดหน่อยเท่านั้นเอง ถ้ามันทำให้คุณลำบากใจ ผมจะไล่เขากลับไปให้”
“เดี๋ยวสิอทิน! นี่นายจะไม่คิดหน่อยรึไง!?”
ตอบได้ตรงตามข้อมูลที่ฉันได้มาเป๊ะเลย เป็นคนที่มีความรับผิดชอบในตัวเองสูง แม้จะไม่ชอบพบปะกับผู้คน แต่ถ้าเกี่ยวกับเรื่องงานแล้วล่ะก็เขาจะไม่มีทางปฏิเสธมันแน่นอน
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ว่าแต่งานที่ฉันจะว่าจ้างให้คุณช่วยคิดพล็อตโฆษณารถยนต์ของฉัน เป็นอันตกลงนะคะ”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
“ถ้าไม่ติดขัดอะไรช่วยเซ็นต์สัญญาตรงนี้ด้วยนะคะ แล้วก็คุณด้วยรันเวย์”
“มองเห็นผมแล้วเหรอครับ นึกว่าตัวเองจะกลายเป็นอากาศธาตุไปแล้วซะอีก”
“ถึงยังไงคุณก็เป็นผู้จัดการของเขา ฉันไม่สามารถเมินคุณได้ตลอดไปหรอกค่ะ ยังไงก็ช่วยเช็นต์เป็นพยานให้ด้วยนะคะ”
“ถ้าผมไม่ทำล่ะ”
“ฉันจะได้ไปจ้างคนอื่นเป็นผู้จัดการแทน”
ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร อทินก็พูดแทรกทำให้คนร่างสูงไม่ต่างกันนักทำหน้ามุ่ยเล็กน้อยพลางยอมเซ็นต์ในสัญญาของฉันแต่โดยดี
“จริงสิคะ ตอนนี้ก็เที่ยงแล้วด้วย ฉันขออนุญาตเป็นเจ้ามือเองนะคะ”
ฉันส่งยิ้มพิมพ์ใจไปให้กับอทินซึ่งมีท่าทีคิดหนักก่อนจะยอมตกลงปลงใจไปกับฉันด้วย แน่นอนว่า ฉันได้นัดรินคุไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หวังว่าเขาจะทำสำเร็จนะ
“ตรงนั้น พวกของคุณสินะ”
ในระหว่างที่ฉันกำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่งซึ่งได้นัดล่วงหน้ากันไว้แล้ว รันเวย์ก็ได้เดินเข้ามาประชิดร่างของฉันพลางกระซิบที่ข้างหูเบาๆ
“รู้สึกถึงพลังไฟที่รุนแรง คุณแน่ใจใช่ไหม ว่าหมอนั่นจะไม่ฆ่าผม เพราะไม่อย่างนั้นคงต้องมีสงครามเกิดขึ้นกันบ้าง”
“แน่นอน พวกเราเคารพกฎ รู้สึกกลัวขึ้นมางั้นเหรอ คุณจิ้งจอกน้อย”
ฉันแกล้งแซวเขากลับไปทั้งๆแบบนั้น โดยที่คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะแสดงท่าทีออกมาในรูปแบบที่ตรงกันข้ามกันจนรินคุต้องเผลอจ้องตาเขาตาขวาง
“กลัวเจ้าแมวน้อยไม่สนใจมากกว่า”
เขากำลังท้าทายฉันอยู่......
“นี่นาย!”
รินคุยืนขึ้นเต็มสูงทันทีที่เห็นฉันเดินมากับจิ้งจอกเก้าหางร่างจำแลงที่ไหนก็ไม่รู้
“รินคุ! อยู่ๆ นายลุกขึ้นไปชี้หน้าพวกเขาแบบนั้นได้ยังไง ขอโทษแทนรินคุด้วยนะครับ คือว่าเขาโมโหหิวน่ะครับ”
“นี่พวกนาย!”
รินคุโวยวายพวกเพื่อนๆ ในกลุ่มที่พากันจับแขนจับขาของเขาไว้ทั้งสองข้างท่ามกลางกลุ่มเด็กฝึกผู้หญิงซึ่งกำลังมองมาทางนี้ด้วยความสนใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ อีกอย่างฉันกับรินคุเรารู้จักกันดี เชิญนั่งกันตามสบายเลยนะคะ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง”
ฉันส่งยิ้มพิมพ์ใจไปให้กับผู้คนเหล่านั้นตามมารยาท แต่ทว่าพวกเขากลับตอบรับฉันด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเหม่อลอยแทน คงฝึกซ้อมกันลำบากมากสินะ น่าสงสารจริงๆ ....
“รินคุ ทำไมนายไม่เห็นบอกฉันว่ารู้จัก คนสวย คนหล่อมากขนาดนี้ห๊ะ! โถ่ดันนัดมาเจอกันตอนหน้าสดซะได้”
กลุ่มเด็กฝึกผู้หญิงพากันมองตามอทินและรันเวย์ด้วยแววตาหลงใหลสุดๆ ‘อะไรจะหล่อเหลา เย้ายวนขนาดนี้ กระชากใจเกินไปแล้ว ถึงจะเป็นผีก็ต้องหลงแน่ๆ!’
“เอ่อ จะดีเหรอครับ คุณยูโรชวนผมมาทานข้าวกับกลุ่มเด็กฝึกที่กำลังจะเดบิ้วต์แบบนี้....”
อทินเบือนหน้าหนีอย่างขะเขินเล็กน้อย เหมือนว่าเขาจะไม่ถูกกับการเป็นที่สนใจน่ะ แต่ทำยังไงได้ล่ะ ดวงของนายจะต้องได้แฟนเป็นไอดอลเลยนี่นะ ดังนั้นทำใจให้ชินเอาไว้ซะเถอะเพราะฉันคนนี้นี่แหละที่จะทำให้นายมีแฟนเป็นไอดอลคนนั้นให้เอง
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ร้านนี้ฉันจองไว้ล่วงหน้าหมดทั้งร้านแล้ว ส่วนข้างนอกก็ส่งคนมาจับตาดูพวกแอบถ่ายเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีทางหลุดออกไปได้แน่ เว้นแต่ว่าคุณจะหลุดปากบอกไปซะเอง แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกค่ะ ถึงคุณจะหลุดปากออกไปจริงๆ ฉันก็แค่ตามปิดข่าวพวกนั้นทั้งหมดก็พอ”
“เอ้าๆ บรรยากาศตึงเครียดไปหมดแล้ว ผ่อนคลายกันหน่อยดีไหมครับ ผมรันเวย์ ส่วนผู้ชายขี้อายคนนี้ก็อทิน เพื่อนของผมเอง ส่วนผู้หญิงคนนี้ก็คือแฟ-”
ฉันรีบซองแขนใส่เขาทันที ไม่ดูสถานการณ์เอาซะเลยนะ นายจิ้งจอกคลั่งรักตัวนี้นี่
“เพื่อนร่วมธุรกิจค่ะ แล้วก็เป็นเพื่อนของรินคุด้วย ขอบคุณที่ช่วยดูแลเขาเป็นอย่างดีนะคะ”
“ครับ ยินดีครับ ให้ผมช่วยดูแลคุณด้วยก็ หึ่ย! ไหงแกจ้องฉันแบบนั้นล่ะ!”
“จะกินข้าวดีๆไม่ใช่รึไง กินๆ เข้าไปซะสิ! หยุดพร่ำได้แล้ว น่ารำคาญ! เธอก็ด้วยยูโรจะยืนไปจนถึงเมื่อไร มานั่งกับฉันสิ พวกนายไม่ต้อง ไปนั่งกับพวกนั้นไป!”
“ได้ไงล่ะครับ พวกผมเป็นแขกของยูโรน่ะครับ คงปล่อยให้คุณนั่งกับเธอสองคนไม่ได้หรอกครับ”
รอยยิ้มหน้าตายกวนประสาทของรันเวย์ถูกส่งไปให้รินคุที่นั่งตรงข้ามกันฉันให้ย้ายมานั่งเบียดกับพวกเราแทน
“มาเบียดทำไมครับเนี่ย ที่ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ”
“นายต่างหากที่ก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ มานั่งเบียดเพื่อนฉันทำไม”
“เป็นแค่เพื่อนจะคิดมากไปทำไมล่ะครับ”
“เพื่อนสนิทอย่างฉันมีสิทธิคิดแทนได้ว่า จิ้งจอกแบบนายมันอันตราย ออกไปห่างๆดีกว่าน่า หรือว่านายอยากเป็นจิ้งจอกย่างซะแล้วล่ะ”
“น่าสนใจดีนี่ครับ ตัวแทนปีกหักผมก็อยากเห็นเหมือนกันนะ”
“นี่พวกนายหยุดผลักหัวกันซักทีได้ไหม! เอาแบบนี้ก็แล้วกัน พวกนายทั้งคู่นั่งด้วยกัน ฉันกับคุณอทินจะไปนั่งกับพวกเธอแทน”
“เอ๋ ผมด้วยหรอครับ...แต่ว่าผมว่าผมคงไม่เหมาะซักเท่าไร”
“คุณอยากนั่งกับคนที่ไม่รู้จักหรอคะ”
“ไม่ครับ”
“งั้นก็ไปกับฉันค่ะ ฉันรู้จักคุณสัญญาว่าจะไม่ทำให้อึดอัดใจค่ะ”
“เอ่อ...ก็ได้ครับ...”
“ส่วนพวกนาย นั่งทานกันไปสองคนนั่นล่ะ รินคุฉันหวังว่านายจะใจเย็นกว่านี้นะ”
“...ก็ได้...ฉันจะพยายาม”
น่าปวดหัวชะมัด คนรอบตัวของฉันมีแต่พวกงี่เง่ารึไงนะ คนร่างบางกุมขมับเล็กน้อยก่อนจะไปนั่งกับกลุ่มเด็กฝึกผู้หญิงแทน
“ขอนั่งด้วยนะคะ”
“ได้เลยค่ะ คุณยูโรเลี้ยงพวกเรานี่น่า นั่งตรงนี้เลยค่า ส่วนคุณอทินนั่งกับยัยพายอาร์ได้เลยนะคะ”
“ครับ ขอบคุณครับ”
ในที่สุดพวกเขาก็ได้เจอกันแล้ว สำเร็จไปหนึ่งขั้น
“มีอะไรดีๆเกิดขึ้นรึเปล่าคะ คุณยิ้มไม่หยุดเลย”
นี่ฉันกำลังยิ้มอยู่หรอเนี่ย ไม่รู้ตัวเลย
“งั้นเหรอคะ อาจเป็นเพราะงานของฉันกำลังราบรื่นไปได้ด้วยดีน่ะค่ะ”
ฉันยิ้มกลับไปให้กลุ่มเด็กสาวที่เดินออกจากร้านเตรียมจะแยกย้ายกันในขณะที่รินคุและรันเวย์ยังเขม็งกันไม่รู้จักหยุดหย่อน
“นี่รินคุ”
“รู้แล้วน่า ถึงฉันจะไม่ได้ไปนั่งอยู่ตรงนั้น แต่ก็พอรู้ว่าเธอพยายาม...เก่งมาก”
จู่ๆเขาก็เลิกเขม็งกับรันเวย์แล้วเดินมาแปะมือบนศีรษะของฉันแทนพลางยิ้มเก้อๆแบบฉบับเด็กหนุ่มผู้ซึนเดระด้วยรอยแดงจางๆบนใบหน้า
“ทำอะไรของนาย”
“ก็ในละครที่ฉันดูทำแบบนี้เพื่อให้กำลังใจอีกฝ่าย”
“ให้กำลังใจ ฮ่าฮ่าฮ่า เดี๋ยวนี้นายให้กำลังใจศัตรูแล้วหรอเนี่ย”
ฉันแกล้งกระซิบกระซาบข้างหูรินคุก่อนจะถูกรันเวย์ดึงคอเสื้อให้ถอยห่างเขาด้วยท่าทางที่ไม่ชอบใจนัก
“มีอะไรติดหัวคุณก็ไม่รู้ครับ ผมปัดออกให้นะ ที่แท้ก็ความสกปรกนี่เอง”
คนร่างสูงพยายามใช้หน้าเช็ดหน้าสีส้มปัดศีรษะให้กับฉันในขณะที่สายตาของเขาก็จ้องรินคุไม่หยุด
“หนอยแน่ะแก! หาว่าฉันสกปรกงั้นหรอ”
“เฮ้ๆ รินคุ ใจเย็นน่า ได้เวลาซ้อมของพวกเราแล้วนะ ไปกันได้แล้ว ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวพวกเรานะครับ พวกผมจะดูแลรินคุอย่างดีเลยล่ะ ถ้าพวกเราเดบิวต์แล้วก็ช่วยมาเชียร์ด้วยนะครับ!”
“แน่นอนค่ะ ฉันไปเชียร์พวกคุณแน่ๆ”
“เฮ้! เดี๋ยวสิ ฉันยังคุยกับยูโรไม่จบเลยนะ ไอ้เจ้าบ้า! ไอ้จิ้งจอกนั่นก็ด้วย! นี่พวกนายฟังฉันเซ่!!!”
และแล้วรินคุก็ถูกกลุ่มเพื่อนๆลากตัวออกไปที่บริษัทโดยที่เจ้าตัวก็ไม่ได้เต็มใจไปด้วยเท่าไรนัก คิดแล้วก็ตลกดีจังแหะ ตอนที่ใช้ชีวิตเป็นตัวแทนพระเจ้าเขายังดื้อด้านอยู่เลยแท้ๆ แต่พอตอนนี้กลับกลายเป็นคนอ่อนต่อโลกขึ้นมาบ้างแล้ว
“แล้วเจอกันใหม่นะคะ”
“ครับ”
ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี พายอาร์ มีเบอร์ติดต่อกับอทินแล้ว ถึงจะเป็นเพราะเรื่องงานที่ฉันมอบหมายให้เธอมาถ่ายแบบโฆษณาให้กับบริษัทของฉันด้วยก็เถอะ
“อทินนายหน้าแดงใหญ่แล้วนะ”
“เพ้อเจ้อน่า ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ส่วนนายจะไปไหนก็ไป หมดธุระสำหรับวันนี้แล้ว”
“ใจร้ายไล่ผู้จัดการแบบนี้ได้ไง เห็นทีผมต้องกลับบ้านกับคุณแทนแล้วนะครับ”
ฉันมองคนที่พลิกวิกฤติเป็นโอกาสอย่างเคืองๆ นี่เขาจะตามติดชีวิตฉันไปถึงไหน ใช่ว่าฉันจะมองไม่ออก เขากำลังตกหลุมรักร่างกายของฉันสินะ ไม่ก็กำลังปั่นหัวฉันเล่นแบบที่พวกจิ้งจอกชอบทำกัน
“ฉันไม่ชอบจิ้งจอกค่ะ และนี่ก็แค่ร่างจำแลง ถ้าจะล้อเล่นก็พอได้แล้วนะคะ ฉันเองก็มีขีดจำกัดเหมือนกัน ขอตัวก่อน”
“ไม่ได้ล้อเล่นนะ ผมชะ”
ปี้ป!
“จะกลับไหมบ้านน่ะ หรือนายอยากจะนั่งแท็กซี่กลับไปเองก็ตามใจ แต่หยุดตื้อคุณยูโรได้แล้ว”
ฉันที่คิดว่าอทินขับรถออกไปนานแล้ววนรถกลับมาจอดอีกครั้งในขณะที่รันเวย์ค่อยๆ เงียบลงและยอมราวีจากฉันไปอย่างโดยดี
หลังจากแยกย้ายกันมาได้พอสมควร ฉันก็โทรคุยกับบริษัทนำเข้ารถยนต์ที่เทคโอเวอร์มา เพื่อให้พวกเขาได้จัดเตรียมงานและสถานที่ให้ ก่อนจะบังเอิญเดินชนเข้ากับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้ด้วยเท้าเปล่าอย่างไม่คิดชีวิตจนกระทั่งโทรศัพท์ฉันร่วงลงไปกับพื้น
“ช่วยฉันด้วยค่ะ! ช่วยฉันที!”
“เขากำลังตามฉันมา ไม่มีใครยอมเชื่อฉันเลย พวกเขาหาว่าฉันบ้า ฮือๆ ”
...โทรศัพท์พังซะแล้ว...แถมยังมีผู้หญิงแปลกหน้ามาร้องไห้ต่อหน้าอีก
“ไหนล่ะ คนที่คุณบอก?”
“ฮึก...เขาตามฉันมาจริงๆ นะคะ ฉันไม่ได้โกหก ตะ แต่ว่าตอนนี้ไม่อยู่แล้ว เป็นไปได้ยังไง ปกติพวกเขาจะตามมาในทุกๆ ที่”
“นั่นใช่คนแน่หรอ แต่ก่อนอื่นเลย ไปทำแผลที่หัวเข่าคุณก่อนดีกว่าค่ะ”
หมับ!
“คุณจะไปไหนคะ”
“แถวนี้มีร้านสะดวกซื้ออยู่ใกล้ๆ ก็เลยว่าจะไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลให้คุณไง”
“...ไปด้วยได้ไหมคะ”
“ขาคุณเจ็บแบบนี้ นั่งรอเฉยๆ น่าจะดีกว่านะ”
กรี๊ด!
ห่างกันยังไม่ถึง10ก้าว เธอก็รีบวิ่งเข้ามากอดฉันไว้จนต้องหันหลังกลับไปมองด้วยความเอื้อมระอา
“เขามาอีกแล้วค่ะ! พอห่างจากคุณ เขาก็มาหาฉันเลย ฮือๆ ”
“ระยะห่างรักษาไว้หน่อยก็ดีค่ะ เราไม่ได้รู้จักกัน”
“ฮือๆ ”
ร้องไห้อีกแล้ว...สิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยาก
“คุณชื่ออะไร”
“ฉันชื่อ..ฮึก...จีราญาค่ะ”
ปกติฉันไม่ค่อยใส่ใจรายละเอียดเท่าไร ประเด็นก็คือกลิ่นไอความตายมันคละคลุ้งจมูกฉันมาตั้งแต่เมื่อกี้นี้แล้ว สิ่งที่ตามผู้หญิงคนนี้มาก็คือความตายนี่เอง