“อืม…เจ้าไปได้แล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”
ปิงฉางเอ่ยรับก่อนจะเดินออกจากห้องของผู้เป็นนายทันที
“ไม่คิดว่าจะโตเป็นหญิงสาวถึงเพียงนี้แล้ว…..เวลาช่างผ่านไปเร็วจริง ๆ”
ท่ามกลางความเงียบเสียงที่ดูอ่อนโยนของร่างสูงก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบาคล้ายกับสายลมที่ผัดผ่านไป
อีกด้านอวี้หลันกับผู้ติดตามทั้งสี่เองในตอนนี้ก็กำลังทานอาหารเย็นกันอยู่ที่โรงครัวโดยที่หญิงสาวนั้นนั่งทานอยู่ที่โต๊ะทานข้าวส่วนทั้งสี่คนนั้นกลับนั่งทานอยู่บนพื้น
ซึ่งอาหารแต่ละอย่างยังจืดชืดอาหารในวันนี้คนที่ลงมือทำก็คือเสี่ยวอิงกับแม่นมเพียงแต่ว่าผัดผัก แกงจืด หมูทอดที่พวกนางทำมานั้นรสชาติของมันช่างทำให้อวี้หลันหมดความอยากอาหารลงไปในทันที
ในชีวิตก่อนถึงแม้ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่แต่กับการฝึกละสนามรบแต่เรื่องอาหารการกินก็ไม่เคยต้องลำบากแถมในช่วงเรียนในโรงเรียนทหารนั้นเขาก็ยังมีสอนเรื่องการเอาตัวรอดและการทำอาหารมาให้กับนางบ้าง
อย่างน้อย ๆ นางก็มั่นใจว่าฝีมือการทำอาหารของนางคงจะดีกว่าสองคนนี้มากแน่นอน แต่หญิงสาวก็เข้าใจว่าวัตถุดิบและเครื่องปรุงของโลกนี้อาจจะล้าหลังกว่าที่ตนอยู่มากจึงได้ฝืนใจกลืนอาหารเหล่านั้นลงท้องไปในที่สุด
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นหญิงสาวก็เรียกคนทั้งสี่มาพูดคุยกันภายในเรือนของหญิงสาวเพื่อบอกเล่าถึงสิ่งที่นางจะลงมือทำในวันข้างหน้า และเพื่อขอความคิดเห็นกับทั้งสี่คนที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับนางไปอีกยาวนาน
“มากันครบแล้วสินะ ที่ข้าเรียกทุกคนมาเพราะมีเรื่องบอกและเพื่อขอความคิดเห็นของทุกคน ดังนั้นทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นของตนเองให้ข้าฟังได้หลังจากที่ข้าเอ่ยจบ”
“ขอรับ / เจ้าค่ะ”
บ่าวทั้งสี่คนเอ่ยตอบรับโดยพร้อมเพรียง
“เรื่องแรกก็คือข้าคิดว่าจะรื้อจวนหลังนี้ทิ้งแล้วสร้างจวนหลังใหม่ขึ้นมาเพราะข้าได้ตัดสินใจที่จะอยู่ที่แห่งนี้แล้ว ส่วนเรื่องที่สองข้าจะต้องหาเงินเพื่อนำไปสร้างจวนและเอาไว้ใช้จ่ายในจวน พวกท่านคิดว่าข้าจะต้องหาเงินได้จากอะไรบ้าง”
“ส่วนเรื่องที่สาม ข้ามีความคิดที่จะไปฝึกการต่อสู้จากท่านลุงกับท่านตาในระหว่างที่จวนกำลังก่อสร้างหลังจากนั้นค่อยกลับมาเปิดกิจการเป็นของตนเอง หมดแล้วพวกท่านมีความคิดเห็นเช่นไรก็พูดมาได้เลย”
“ในเรื่องแรกนั้นข้าเองก็คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีขอรับ ส่วนเรื่องที่สองนั้นข้าคิดว่าคุณหนูน่าจะลองไปพูดคุยกับนายท่านดู ท่านน่าจะช่วยคุณหนูได้โดยที่คุณหนูไม่จำเป็นต้องลำบากหาเองนะขอรับ”
หวังอู่เอ่ยบอกความคิดของตนเองด้วยสีหน้าเรียบสนิทไม่เปลี่ยนแปลง
“ข้าก็เห็นด้วยกับพี่ใหญ่ขอรับ เพียงแต่เรื่องที่สามนั้นข้าเกรงว่านายท่านอาจจะไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้คุณหนูฝึกฝนการต่อสู้กับท่านแม่ทัพที่ขึ้นชื่อว่าโหดมากขอรับ”
หวังลู่เองก็เอ่ยสนับสนุนความคิดของพี่ชายพร้อมกับพูดแสดงความเห็นเกี่ยวกับข้อที่สามอย่างตรงไปตรงมา
“จริงเจ้าค่ะคุณหนู นมเองก็ไม่อยากจะให้คุณหนูต้องไปลำบากดิ้นรนฝึกฝนเช่นนั้น เพราะการต่อสู้นั้นเป็นเรื่องที่บุรุษเขาทำกันส่วนสตรีอย่างพวกเราก็ฝึกเพียงงานบ้านงานเรือนและเรียนรู้ศาสตร์ทั้งสี่ก็เพียงพอแล้วนะเจ้าค่ะ”
หลิวหวังเองหลังจากได้รู้ความคิดของคุณหนูที่จะไปฝึกการต่อสู้ให้ตนเองเจ็บตัวก็ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งจึงได้เอ่ยแย้งขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยถึงงานสำหรับสตรีให้อีกฝ่ายแทน
“เฮ้อ…แม่นม การมีวิชาไว้ป้องกันตัวเองมันคือเรื่องสำคัญสำหรับข้าเป็นอย่างมากเลยนะ ถ้าเกิดวันใดมีเรื่องเกิดขึ้นกับข้าแล้วพี่องครักษ์ทั้งสองไม่สามารถรับมือกับกลุ่มคนพวกนั้นได้อย่างน้อย ๆ ข้าก็ยังสามารถเอาชีวิตรอดไปได้นะ”
หญิงสาวเอ่ยอธิบายถึงความสำคัญของการมีความรู้ด้านการต่อสู้เอาไว้ป้องกันตนเองให้กับทุกคนได้ฟัง
เมื่อทุกคนได้ฟังเหตุผลของหญิงสาวจบต่างก็คิดคล้อยตามเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะในอดีตหญิงสาวเองก็สร้างศัตรูเอาไว้มาก แต่ที่คนพวกนั้นไม่กล้าลงมือก็เพราะเกรงบารมีของท่านเสนาบดีบิดาของนาง
แต่ในตอนนี้นางกลายเป็นเพียงหญิงสาวธรรมดาเช่นนี้เกรงว่าคนพวกนั้นคงจะไม่ปล่อยให้หญิงสาวได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเป็นแน่
“เช่นนั้นก็เอาตามที่คุณหนูกล่าวมาก็ได้เจ้าค่ะ”
หลิวหวังเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีอ่อนลงหลังจากที่ได้ฟังเหตุผลของคุณหนูของตนเอง
“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปพบท่านตาสักหน่อยดีกว่าไม่ได้เจอท่านเลยสักครั้ง ถือโอกาสนี้ไปยืมเงินท่านน่าจะดีที่สุด”
“0.0!”
จบคำของหญิงสาวทั้งสี่คนต่างก็มีสีหน้าตกตะลึงในความคิดของผู้เป็นนายโดยที่พวกเขาไม่สามารถหาคำไหนมาเอื้อนเอ่ยได้ จึงทำได้เพียงนั่งเงียบอย่างหดหู่อยู่กับพื้น
========================================================
ยัยน้องงง พบท่านตาครั้งแรกก็จะขอยืมเงินซะแล้ว เอ็นดูในความไม่มีเงิน
“ท่าน...พี่...”เสียงเอ่ยเรียกของภรรยารองนั้นยิ่งทำให้โทสะของไป๋ฮุ่ยหมิงปะทุขึ้นจนเอ่ยตะคอกอีกฝ่ายด้วยความเกรี้ยวกราด“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเสีย! เสียแรงที่ข้านั้นรักและเอ็นดูเจ้ามาตลออด แต่เจ้ากลับกล้าหักหลังข้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”“ไม่เพียงแค่หลอกลวงข้าเรื่องหลินเอ๋อร์ แต่เจ้ายังวางยาฮูหยินเอกจนนางต้องตายจากไป เจ้าทำเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันหา!”คำถามมากมายที่หลุดออกจากปากผู้เป็นสามีนั้นช่างบาดลึกลงไปในจิตใจของเป่าลี่อินเป็นอย่างมาก จริงอยู่ที่ในตอนแรกนางนั้นเข้าหาเขาเพียงเพราะต้องทำตามแผนของบุรุษชั่วช้าผู้นั้น แต่เมื่อได้ใกล้ชิดและได้รับความรัก เอาใจใส่ดูแลจากอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้กับนางจึงทำให้นางเริ่มที่จะหึงหวงและอยากครอบครองไม่อยากให้เขาไปมอบความรักให้กับสตรีอื่น นางจึงได้วางแผนการทุกอย่างเพื่อที่จะใส่ร้ายฮูหยินเอกสตรีอีกหนึ่งคนที่เขารัก ด้วยการใส่ความต่าง ๆ จนในที่สุดนางก็สามารถทำสำเร็จและในขณะที่สตรีผู้นั้นตรอมใจนางจึงใช้โอกาสนี้ให้คนวางยาจนในที่สุดสตรีนางนั้นก็
“ท่านอ๋องเพคะ”อวี้หลันเอ่ยเรียกชายหนุ่มด้วยคำเรียกที่จริงจังจนทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มต้องหันกลับมามองยังหญิงสาวที่ในตอนนี้กำลังยืนจ้องมองมาที่ตนเอง“พี่บอกแล้วใช่หรือไม่ว่าให้เรียกพี่ว่าอย่างไร”ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับวงแขนแกร่งเองก็คว้าเอาเอวบางเข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองอย่างต้องการทำโทษ“พี่ชายท่านหลอกกินเต้าหู้ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ”อวี้หลันเอ็ดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีไม่จริงจังนักคล้ายว่านางเองก็เริ่มที่จะชินกับนิสัยมือไวของอีกฝ่ายเสียแล้ว“ก็ใครกันเล่าที่ทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้”ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาของตนเองที่ตั้งแต่วันงานเลี้ยงจบลงนางก็ไม่เห็นว่าเขาจะยอมสวมใส่หน้ากากเช่นที่ข่าวลือบอกแม้แต่น้อยเข้ามาใกล้ใบหน้าของหญิงสาวอย่างต้องการหยอกล้ออีกฝ่ายให้เขินอาย“เป็นพี่ชายเองมากกว่าที่คิดมากไปเองเจ้าคะ แต่ก็ช่างเรื่องนั้นก่อนเถิดข้าในตอนนี้ต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องสมรสพระราชทานที่ฝ่าบาททรงมอบให้เมื่อเช้านี้มากกว่า”หญิงสาวเองก็ไม่ได้คิดที่จะผ
ในที่สุดก็มาถึงสมรสพระราชทานระหว่างชินอ๋องกับคุณหนูซ่งอวี้หลัน งานแต่งงานในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมีกำหนดการที่กระชั้นชิดไปหน่อยแต่ว่างานทุกอย่างนั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติของว่าที่พระชายาของชินอ๋อง โดยงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ตำหนักส่วนตัวของชินอ๋องที่ผู้คนรู้จัก เพียงแต่นั้นเป็นแค่ฉากบังหน้าเพราะอวี้หลันได้พูดคุยตกลงกับชายหนุ่มเอาไว้แล้วว่าหลังจากแต่งงานเสร็จตนเองจะไปอยู่ที่จวนข้าง ๆ จวนของนาง ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่คิดที่จะคัดค้าน เพราะเขานั้นตามใจหญิงสาวอยู่แล้ว ขอเพียงนางอยู่แล้วมีความสุขไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ล้วนแต่ยินดีทั้งสิ้นวันนี้ในเมืองหลวงต่างก็เต็มไปด้วยขบวนเจ้าบ่าวที่ในตอนนี้ร่างสูงสง่างามสวมชุดสีแดงสดนั่งสง่าอยู่บนหลังอาชาสีขาวตัวโปรดกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนของว่าที่พระชายาที่เพียงแค่ขบวนสินสอดก็ยาวไปจนแทบจะสุดประตูเมือง ด้วยเกวียนขนหีบกว่าสามร้อยหีบไหนจะมีสิ้นเดิมของเจ้าสาวที่เหล่าท่านตาท่านลุงของนางนั้นมอบให้อีกกว่าสองร้อยกว่าหีบอีกเล่า เรียกได้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ของทั้งสองคนนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าชาวบ้านและเหล่าคุณหนูต่าง
ในที่สุดก็มาถึงวันนัดส่งมอบสินค้าของชาวหัวแดงกับกลุ่มของผู้ช่วยเผิงเจียง โดยพวกมันนั้นได้นัดพบกันที่แนวชายป่าใกล้ ๆ กับเมืองท่าที่พวกมันมักจะใช้เป็นจุดนัดพบส่งของกันอยู่บ่อยครั้งนั่นเองซึ่งข่าวเรื่องสถานที่ในการนัดพบของพวกมันนั้นเป็นชินอ๋องที่ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปสืบข่าวมาจนได้รู้สถานที่ชัดเจนในครั้งนี้ ดังนั้นในวันนี้กลุ่มของนายท่านซ่งกับบุตรชายจึงได้เดินทางมายังสถานที่นัดพบกันในครั้งนี้กลุ่มของซ่งเฉิงป๋อนั้นทราบถึงกำหนดการจัดส่งสินค้าของพวกมันนั้นคือเวลายามซื่อของวันนี้และในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงกำหนดเวลานัดของพวกมันแล้วเมื่อกลุ่มของซ่งเฉิงป๋อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วทั้งสามคนพ่อลูกรวมทั้งเหล่าองครักษ์อีกกว่ายี่สิบนายต่างก็ซุ่มอยู่ในที่กำบังอย่างเงียบเชียบไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองกลุ่มก็ได้ยินเสียงของรถม้าหลายคันกำลังวิ่งตรงมายังทิศทางที่พวกเขารออยู่เมื่อรถม้าทั้งสามคันจอสนิทลงที่จุดนัดพบก็เป็นเวลาเดียวกันกับเกวียนวัวของพวกกลุ่มพ่อค้าชาวหัวแดงเองก็มาถึงยังสถานที่นัดหมายเช่นเดียวกันหลังจากที่รถม้าจอดสนิทดีแล้วนั้นไม่นานก็มีบ
“คุณหนูซ่งรับราชโองการ....เนื่องด้วยคุณหนูซ่งอวี้หลันนั้นเป็นสตรีที่มากความสามารถอีกทั้งยังเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทอ่อนหวานเรียบร้อย จึงประทานสมรสพระราชทานให้แต่งเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องจวินซีฮันในอีก 7 วันต่อจากนี้จบราชโองการ.....”จบราชโองการทั่วทั้งจวนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบไม่เว้นแต่หญิงสาวเองที่ตั้งตัวไม่ทันว่าตนเองจะต้องแต่งงานให้กับชายหนุ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่เองในตอนนี้หญิงสาวจึงได้ยังคงก้มหน้าเงียบจนเสี่ยวอิงต้องสะกิดเพื่อให้คุณหนูของตนรีบตอบรับราชโองการโดยไว“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี เพคะ”จบคำของหญิงสาวกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ก็ยื่นราชโองการสีเหลืองทองมาตรงหน้าของหญิงสาวจากนั้นมือบางจึงได้ยื่นไปรับมาถือไว้พร้อมกับเอ่ยขอบใจกงกงชราตรงหน้า“ลำบากท่านหม่ากงกงแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงเจ้าจงตามไปส่งท่านหม่ากงกงให้ข้าด้วยนะ”ประโยคแรกนั้นหญิงสาวเอ่ยกับกงกงชราตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่หญิงสาวจะหันไปเอ่ยกำชับกับสาวใช้คนสนิทอีกทั้งยังกำชับให้อีกฝ่ายมอ
ความเงียบยังคงปกคลุมไปทั่วชายป่าที่พวกเขายืนอยู่ หลังจากเอ่ยกับผู้เป็นตาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นอวี้หลันจึงได้หันหน้าไปมองยังก็ผิงซานคุนก่อนที่ริมฝีปากบางของนางจะเริ่มเอ่ยวาจาออกมา“นายท่านเผิงกล่าวมาเมื่อครู่นี้ข้าเองก็เห็นด้วยกับพวกท่านนะเจ้าคะ คนทำผิดคิดชั่วย่อมสมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม แต่ที่ข้าไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นคนที่ต้องโทษคิดกบฏนั้นหาใช่ตระกูลซ่งของข้า แต่เป็นตระกูลเผิงของพวกท่านต่างหากเล่า”“ท่านอย่าได้คิดจะเอ่ยปากแก้ตัวเพราะข้ากับท่านอ๋องนั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่พวกท่านมาถึงจนพูดคุยตกลงเกี่ยวกับการค้าในครั้งนี้จนไปถึงการส่งมอบสิ่งของพร้อมกับเงินทองเพื่อแลกเปลี่ยนกันแล้วอย่างไรเล่า”“นี่คงจะเพียงพอที่จะเอาผิดพวกท่านได้แล้วกระมัง แล้วไหนจะยังมีหัวหน้านายกองที่รับสินบนทั้งยังทำงานให้กับท่านมิใช่ให้กับฝ่าบาทเพียงเท่านี้ข้าคิดว่าโทษของตระกูลท่านก็คงจะมีหัวไม่พอให้ประหารชดใช้ความผิดแล้วละ”คำพูดของหญิงสาวทุกคำที่เอ่ยออกมานั้นช่างราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงไปสุดขั้วหัวใจของคนฟังยิ่งนัก ไหนจะยังสามารถแจกแจงความผ