เช้าวันต่อมาหลังจากที่พวกของอวี้หลันจัดการธุระส่วนตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นคนทั้งหมดก็ได้เตรียมตัวเดินทางไปยังบ้านของท่านตาของหญิงสาวตามที่ได้ตกลงกันเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนนี้
เพื่อไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ซึ่งเมื่อทุกคนพร้อมกันแล้วนั้นพวกของไป๋อวี้หลันก็ได้ออกเดินทางไปยังจวนตระกูลซ่งทันทีด้วยรถม้าที่หวังลู่ไปจ้างมา
ใช้เวลาในการเดินทางอยู่ไม่นานมากเนื่องจากจวนตระกูลซ่งกับจวนของอวี้หลันนั้นอยู่ในทิศตะวันออกเช่นเดียวกันดังนั้นการเดินทางจึงไม่ได้ใช้เวลานานเหมือนตอนที่หญิงสาวออกจากตระกูลไป๋ที่ตั้งอยู่ทิศตะวันตก
ในที่สุดรถม้ารับจ้างที่หญิงสาวนั่งมาก็จอดลงที่ประตูจวนไม้ขนาดใหญ่ที่บ่งบอกได้ถึงฐานะของเจ้าของจวนว่าร่ำรวยมากเพียงใด เพราะเพียงแค่ประตูหน้าจวนยังดูใหญ่โตอลังการถึงเพียงนี้
เมื่อรถม้าจอดสนิทแล้วหวังอู่ก็ทำหน้าที่ไปพูดคุยกับยามเฝ้าประตูจวนไม่นานยามคนดังกล่าวก็รีบวิ่งเข้าไปด้านในทันทีดังนั้นหวังอู่จึงได้เดินมาบอกกล่าวกับคุณหนู
“คุณหนูลงมาได้เลยขอรับ ข้าได้แจ้งให้ยามทราบแล้วว่าท่านมาขอเข้าพบนายท่าน”
“อื้อ…ไปกันเถิดแม่นม เสี่ยวอิง”
หญิงสาวกล่าวจบเสี่ยวอิงก็เป็นคนแรกที่เดินลงจากรถม้าเพื่อช่วยประคองคุณหนูของตนลงจากรถม้าอีกทีหนึ่ง เพียงแค่มือบางขาวเนียนโผล่พ้นออกมาจากรถม้าก็สามารถเรียกความสนใจจากผู้คนรอบ ๆ บริเวณจวนได้เป็นอย่างดี
ผู้คนต่างก็คอยจ้องมองเหล่าเจ้านายในตระกูลซ่งแห่งนี้เพราะทั้งฐานะทางการเมืองหรือแม้แต่ทางการเงินตระกูลซ่งก็เรียกได้ว่ามีชื่อเสียงอย่างมากมาย
ดังนั้นผู้คนมากมายจึงคอยจ้องมองอยู่ตลอดเวลา อย่างครั้งนี้ก็เช่นกันเพียงแค่มีรถม้าที่ดูธรรมดาในตอนแรกมาจอดยังคงไม่สามารถเรียกความสนใจได้มาก
แต่เมื่อหวังอู่ที่เป็นบุรุษหน้าตาดีอยู่ในระดับหนึ่งเดินตรงไปยังยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูก็เรียกสายตาจากเหล่าผู้คนได้แล้ว ยิ่งเมื่อเห็นว่ามีหญิงสาวลงมาจากรถม้าคันนั้นยิ่งเป็นที่จับตามองของผู้คนเป็นจำนวนมาก
เพียงแต่หญิงสาวเองก็ไม่ได้คิดจะใส่ใจ นางยังคงเดินลงมาจากรถม้าด้วยท่าทีสง่างามดุจคุณหนูชนชั้นสูงที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี
ยิ่งเมื่อหญิงสาวเผยโฉมหน้าอันงดงามตัดกับชุดผ้าไหมเนื้อละเอียดสีน้ำเงินเข้มก็ยิ่งส่งเสริมให้อวี้หลันดูสง่างามขึ้นจากเดิมไปอีกขั้น
เมื่อหญิงสาวลงมายืนบนพื้นได้อย่างมั่นคงประตูจวนก็ถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับชายสูงวัยที่มีใบหน้าอ่อนโยนกำลังยืนรอหญิงสาวอยู่ที่หน้าประตูเห็นดังนั้นหวังลู่จึงได้เอ่ยแนะนำให้หญิงสาวรูจัก
“คุณหนูท่านนั้นคือพ่อบ้านหวังขอรับ ท่านเป็นพ่อบ้านผู้ดูแลทุกอย่างในจวนแห่งนี้และท่านยังเป็นพ่อบุญธรรมของข้ากับพี่ใหญ่ด้วย”
“อวี้หลันคารวะท่านลุงหวังเจ้าค่ะ”
จบคำบอกเล่าขององครักษ์หนุ่มอวี้หลันก็เอ่ยทักทายอีกฝ่ายพร้อมทั้งก้มหัวลงเพื่อแสดงการให้เกียรติกับอีกฝ่าย จน หวังจู ถึงกับตั้งรับไม่ทันที่อยู่ ๆ หญิงสาวตรงหน้าได้ทำความเคารพตนที่เป็นเพียงบ่าวในเรือนนี้
แต่ภายในใจของเขาก็รู้สึกเอ็นดูในความมีกิริยาที่สุภาพต่อผู้ใหญ่ของหญิงสาวเป็นอย่างมาก
“คุณหนูโปรดอย่าทำเช่นนี้เลยขอรับ ข้าเป็นเพียงแค่บ่าวในเรือนไม่เหมาะที่คุณหนูจะให้เกียรติข้าถึงเพียงนี้ขอรับ”
พ่อบ้านหวังเอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้าด้วยความหวังดีเพราะถึงอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นถึงหลานสาวของนายท่าซ่งอดีตราชครูจะมาแสดงความนอบน้อมกับบ่าวดูจะไม่เหมาะสมเท่าไหร่
“ปกติข้าเองก็ไม่ได้ให้ความเคารพกับทุกคนหรอกนะเจ้าคะ การที่ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะว่าท่านลุงหวังนั้นเป็นคนสนิทของท่านตาและเป็นผู้ที่คอยดูแลจวนแห่งนี้มาเป็นอย่างดีแถมท่านลุงเองก็ยังเป็นบิดาบุญธรรมของพี่หวังอู่กับหวังลู่อีก ข้าจึงไม่คิดว่าจะแปลกอย่างไรที่จะนับถือท่านลุงเหมือนญาติผู้ใหญ่เจ้าค่ะ”
อวี้หลันเอ่ยบอกด้วยใบหน้าแย้มยิ้มบางเบาเพื่อให้อีกฝ่ายไม่ต้องกังวลมากจนเกินไป
“เช่นนั้นข้าก็แล้วแต่คุณหนูขอรับ แต่ตอนนี้เชิญคุณหนูเข้าไปด้านในจวนก่อนเถิดนายท่านกับฮูหยินได้รอคุณหนูอยู่ที่ห้องรับรองแล้ว”
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นก็รบกวนท่านลุงหวังนำทางแล้ว”
จบคำของหญิงสาวพ่อบ้านหวังก็ได้เดินนำคนทั้งหมดเข้าไปภายในจวนทันทีเพราะในตอนนี้ผู้เป็นนายทั้งสองของเขาก็จะกำลังเดินไปมาเพื่อรอคอยหลานสาวคนเดียวที่ไม่เคยพบหน้าเลยสักครั้ง
จนในที่สุดวันที่ทั้งสองจะได้พบหน้ากับหลานสาวที่เป็นดั่งตัวแทนของบุตรสาวสุดที่รักที่จากไปแล้วจึงได้มีความรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายมาพบพวกตนในวันนี้
และแล้วเวลาแห่งการรอคอยของสองสามีภรรยาก็สิ้นสุดลงเมื่อประตูห้องรับรองถูกเปิดออกพร้อมกับร่างเพรียวบางในชุดสีน้ำเงินเข้ม ได้ก้าวเดินผ่านประตูเข้ามาพร้อมกับผู้ติดตามทั้งสี่
“ท่าน...พี่...”เสียงเอ่ยเรียกของภรรยารองนั้นยิ่งทำให้โทสะของไป๋ฮุ่ยหมิงปะทุขึ้นจนเอ่ยตะคอกอีกฝ่ายด้วยความเกรี้ยวกราด“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าเสีย! เสียแรงที่ข้านั้นรักและเอ็นดูเจ้ามาตลออด แต่เจ้ากลับกล้าหักหลังข้าทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร”“ไม่เพียงแค่หลอกลวงข้าเรื่องหลินเอ๋อร์ แต่เจ้ายังวางยาฮูหยินเอกจนนางต้องตายจากไป เจ้าทำเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกันหา!”คำถามมากมายที่หลุดออกจากปากผู้เป็นสามีนั้นช่างบาดลึกลงไปในจิตใจของเป่าลี่อินเป็นอย่างมาก จริงอยู่ที่ในตอนแรกนางนั้นเข้าหาเขาเพียงเพราะต้องทำตามแผนของบุรุษชั่วช้าผู้นั้น แต่เมื่อได้ใกล้ชิดและได้รับความรัก เอาใจใส่ดูแลจากอีกฝ่ายอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้กับนางจึงทำให้นางเริ่มที่จะหึงหวงและอยากครอบครองไม่อยากให้เขาไปมอบความรักให้กับสตรีอื่น นางจึงได้วางแผนการทุกอย่างเพื่อที่จะใส่ร้ายฮูหยินเอกสตรีอีกหนึ่งคนที่เขารัก ด้วยการใส่ความต่าง ๆ จนในที่สุดนางก็สามารถทำสำเร็จและในขณะที่สตรีผู้นั้นตรอมใจนางจึงใช้โอกาสนี้ให้คนวางยาจนในที่สุดสตรีนางนั้นก็
“ท่านอ๋องเพคะ”อวี้หลันเอ่ยเรียกชายหนุ่มด้วยคำเรียกที่จริงจังจนทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มต้องหันกลับมามองยังหญิงสาวที่ในตอนนี้กำลังยืนจ้องมองมาที่ตนเอง“พี่บอกแล้วใช่หรือไม่ว่าให้เรียกพี่ว่าอย่างไร”ชายหนุ่มเอ่ยบอกพร้อมกับวงแขนแกร่งเองก็คว้าเอาเอวบางเข้ามานั่งลงบนตักของตัวเองอย่างต้องการทำโทษ“พี่ชายท่านหลอกกินเต้าหู้ข้าอีกแล้วนะเจ้าคะ”อวี้หลันเอ็ดชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทีไม่จริงจังนักคล้ายว่านางเองก็เริ่มที่จะชินกับนิสัยมือไวของอีกฝ่ายเสียแล้ว“ก็ใครกันเล่าที่ทำให้พี่ต้องเป็นแบบนี้”ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมกับยื่นใบหน้าหล่อเหลาของตนเองที่ตั้งแต่วันงานเลี้ยงจบลงนางก็ไม่เห็นว่าเขาจะยอมสวมใส่หน้ากากเช่นที่ข่าวลือบอกแม้แต่น้อยเข้ามาใกล้ใบหน้าของหญิงสาวอย่างต้องการหยอกล้ออีกฝ่ายให้เขินอาย“เป็นพี่ชายเองมากกว่าที่คิดมากไปเองเจ้าคะ แต่ก็ช่างเรื่องนั้นก่อนเถิดข้าในตอนนี้ต้องการคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องสมรสพระราชทานที่ฝ่าบาททรงมอบให้เมื่อเช้านี้มากกว่า”หญิงสาวเองก็ไม่ได้คิดที่จะผ
ในที่สุดก็มาถึงสมรสพระราชทานระหว่างชินอ๋องกับคุณหนูซ่งอวี้หลัน งานแต่งงานในครั้งนี้ถึงแม้ว่าจะมีกำหนดการที่กระชั้นชิดไปหน่อยแต่ว่างานทุกอย่างนั้นก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และสมเกียรติของว่าที่พระชายาของชินอ๋อง โดยงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ตำหนักส่วนตัวของชินอ๋องที่ผู้คนรู้จัก เพียงแต่นั้นเป็นแค่ฉากบังหน้าเพราะอวี้หลันได้พูดคุยตกลงกับชายหนุ่มเอาไว้แล้วว่าหลังจากแต่งงานเสร็จตนเองจะไปอยู่ที่จวนข้าง ๆ จวนของนาง ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่คิดที่จะคัดค้าน เพราะเขานั้นตามใจหญิงสาวอยู่แล้ว ขอเพียงนางอยู่แล้วมีความสุขไม่ว่าจะเป็นที่ไหนก็ล้วนแต่ยินดีทั้งสิ้นวันนี้ในเมืองหลวงต่างก็เต็มไปด้วยขบวนเจ้าบ่าวที่ในตอนนี้ร่างสูงสง่างามสวมชุดสีแดงสดนั่งสง่าอยู่บนหลังอาชาสีขาวตัวโปรดกำลังมุ่งหน้าไปยังจวนของว่าที่พระชายาที่เพียงแค่ขบวนสินสอดก็ยาวไปจนแทบจะสุดประตูเมือง ด้วยเกวียนขนหีบกว่าสามร้อยหีบไหนจะมีสิ้นเดิมของเจ้าสาวที่เหล่าท่านตาท่านลุงของนางนั้นมอบให้อีกกว่าสองร้อยกว่าหีบอีกเล่า เรียกได้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ของทั้งสองคนนั้นสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเหล่าชาวบ้านและเหล่าคุณหนูต่าง
ในที่สุดก็มาถึงวันนัดส่งมอบสินค้าของชาวหัวแดงกับกลุ่มของผู้ช่วยเผิงเจียง โดยพวกมันนั้นได้นัดพบกันที่แนวชายป่าใกล้ ๆ กับเมืองท่าที่พวกมันมักจะใช้เป็นจุดนัดพบส่งของกันอยู่บ่อยครั้งนั่นเองซึ่งข่าวเรื่องสถานที่ในการนัดพบของพวกมันนั้นเป็นชินอ๋องที่ส่งหน่วยองครักษ์ลับไปสืบข่าวมาจนได้รู้สถานที่ชัดเจนในครั้งนี้ ดังนั้นในวันนี้กลุ่มของนายท่านซ่งกับบุตรชายจึงได้เดินทางมายังสถานที่นัดพบกันในครั้งนี้กลุ่มของซ่งเฉิงป๋อนั้นทราบถึงกำหนดการจัดส่งสินค้าของพวกมันนั้นคือเวลายามซื่อของวันนี้และในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงกำหนดเวลานัดของพวกมันแล้วเมื่อกลุ่มของซ่งเฉิงป๋อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้วทั้งสามคนพ่อลูกรวมทั้งเหล่าองครักษ์อีกกว่ายี่สิบนายต่างก็ซุ่มอยู่ในที่กำบังอย่างเงียบเชียบไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองกลุ่มก็ได้ยินเสียงของรถม้าหลายคันกำลังวิ่งตรงมายังทิศทางที่พวกเขารออยู่เมื่อรถม้าทั้งสามคันจอสนิทลงที่จุดนัดพบก็เป็นเวลาเดียวกันกับเกวียนวัวของพวกกลุ่มพ่อค้าชาวหัวแดงเองก็มาถึงยังสถานที่นัดหมายเช่นเดียวกันหลังจากที่รถม้าจอดสนิทดีแล้วนั้นไม่นานก็มีบ
“คุณหนูซ่งรับราชโองการ....เนื่องด้วยคุณหนูซ่งอวี้หลันนั้นเป็นสตรีที่มากความสามารถอีกทั้งยังเป็นสตรีที่เพียบพร้อมไปด้วยกิริยามารยาทอ่อนหวานเรียบร้อย จึงประทานสมรสพระราชทานให้แต่งเป็นพระชายาเอกในชินอ๋องจวินซีฮันในอีก 7 วันต่อจากนี้จบราชโองการ.....”จบราชโองการทั่วทั้งจวนต่างก็ตกอยู่ในความเงียบไม่เว้นแต่หญิงสาวเองที่ตั้งตัวไม่ทันว่าตนเองจะต้องแต่งงานให้กับชายหนุ่มในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี่เองในตอนนี้หญิงสาวจึงได้ยังคงก้มหน้าเงียบจนเสี่ยวอิงต้องสะกิดเพื่อให้คุณหนูของตนรีบตอบรับราชโองการโดยไว“หม่อมฉันขอบพระทัยฝ่าบาทขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น ๆ ปี เพคะ”จบคำของหญิงสาวกงกงคนสนิทของฮ่องเต้ก็ยื่นราชโองการสีเหลืองทองมาตรงหน้าของหญิงสาวจากนั้นมือบางจึงได้ยื่นไปรับมาถือไว้พร้อมกับเอ่ยขอบใจกงกงชราตรงหน้า“ลำบากท่านหม่ากงกงแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงเจ้าจงตามไปส่งท่านหม่ากงกงให้ข้าด้วยนะ”ประโยคแรกนั้นหญิงสาวเอ่ยกับกงกงชราตรงหน้าด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลก่อนที่หญิงสาวจะหันไปเอ่ยกำชับกับสาวใช้คนสนิทอีกทั้งยังกำชับให้อีกฝ่ายมอ
ความเงียบยังคงปกคลุมไปทั่วชายป่าที่พวกเขายืนอยู่ หลังจากเอ่ยกับผู้เป็นตาเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้นอวี้หลันจึงได้หันหน้าไปมองยังก็ผิงซานคุนก่อนที่ริมฝีปากบางของนางจะเริ่มเอ่ยวาจาออกมา“นายท่านเผิงกล่าวมาเมื่อครู่นี้ข้าเองก็เห็นด้วยกับพวกท่านนะเจ้าคะ คนทำผิดคิดชั่วย่อมสมควรได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสม แต่ที่ข้าไม่เห็นด้วยก็คงจะเป็นคนที่ต้องโทษคิดกบฏนั้นหาใช่ตระกูลซ่งของข้า แต่เป็นตระกูลเผิงของพวกท่านต่างหากเล่า”“ท่านอย่าได้คิดจะเอ่ยปากแก้ตัวเพราะข้ากับท่านอ๋องนั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ที่พวกท่านมาถึงจนพูดคุยตกลงเกี่ยวกับการค้าในครั้งนี้จนไปถึงการส่งมอบสิ่งของพร้อมกับเงินทองเพื่อแลกเปลี่ยนกันแล้วอย่างไรเล่า”“นี่คงจะเพียงพอที่จะเอาผิดพวกท่านได้แล้วกระมัง แล้วไหนจะยังมีหัวหน้านายกองที่รับสินบนทั้งยังทำงานให้กับท่านมิใช่ให้กับฝ่าบาทเพียงเท่านี้ข้าคิดว่าโทษของตระกูลท่านก็คงจะมีหัวไม่พอให้ประหารชดใช้ความผิดแล้วละ”คำพูดของหญิงสาวทุกคำที่เอ่ยออกมานั้นช่างราวกับคมมีดที่กรีดลึกลงไปสุดขั้วหัวใจของคนฟังยิ่งนัก ไหนจะยังสามารถแจกแจงความผ