2
ต้องตาต้องใจ
สัญญาเช่าซื้อสัมปทานหนังสืออนุญาตผ่านทางฉบับนี้ มีขึ้นเพื่อรับรองว่าตระกูลเย่ได้เช่าสัมปทานเส้นทางการขนส่งสินค้าของตระกูลเกา โดยมีระยะเวลาสามปี และจะมีส่วนแบ่งแก่ตระกูลเกาเป็นสองในสิบส่วนของกำไรจากการค้าขายทุกครั้ง หากตระกูลเย่ผิดสัญญานี้จะถูกยกเลิกสัญญาเช่าสัมปทานโดยไม่ต้องบอกกล่าวล่วงหน้า และอาจถูกบังคับให้จ่ายค่าผิดสัญญา
เย่ป๋อหรานอ่านเนื้อหาสัญญาที่ถูกเกาม่านอี้ร่างไว้ตั้งแต่ตอนอยู่ในภัตตาคาร เธอแสร้งบอกว่ามันคือหนังสือสัญญาที่คุณพ่อได้เคยขอรับรองกับจอมพลเอาไว้ แค่เพียงเติมแซ่ของผู้ที่ต้องการเช่าสัมปทานก็เป็นอันสมบรูณ์
“คุณพ่อมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าคะ หากไม่คุณพ่อไม่สบายใจไม่ต้องทำก็ได้นะคะ ส่วนของสัญญาแนบท้ายนี้ดิฉันก็คิดว่ามันออกจะโหดไปเสียหน่อย แต่จะทำอย่างไรได้นี่เป็นเรื่องที่คุณพ่อตัดสินใจกับท่านจอมพล เพราะทางนี้เองก็ต้องแบ่งกำไรให้ท่านจอมพลเช่นกันน่ะค่ะ ดิฉันเลยทำอะไรไม่ได้”
“มีสิ่งใดต้องไม่สบายใจกัน เป็นสัญญาย่อมต้องมีส่วนแบ่ง อย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน”
ด้วยกลัวว่าเธอจะยกเลิกเย่ป๋อหรานจึงรีบลงชื่อบนสัญญาสัมปทานอย่างรวดเร็ว เธอใช้ชื่อจอมพลคอยกดดันจนเขาไม่มีเวลาคิดทบทวนเรื่องอื่น อีกทั้งเธอยังบอกว่าลูกชายเห็นด้วย แบบนี้เขาจึงคิดว่าทิ้งโอกาสไปไม่ได้
เกาม่านอี้ลงชื่อบนสัญญาเช่นเดียวกันแล้วยื่นหนังสืออนุญาตให้เย่ป๋อหราน ส่วนตัวเธอเองเก็บสัญญาสัมปทานเอาไว้ พอลงชื่อตกลงกันได้ก็รีบกลับบ้านตระกูลเย่ เธอยังต้องไปมีเรื่องกับเย่หมิงอวี่และฉินรั่วหนานที่ตระกูลเย่อีก
“สวัสดีค่ะคุณแม่ ยังไม่ทานอาหารหรือคะ”
“ฉันจะกินไม่กินมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ว่างมากนักหรือไง แล้วนี่อาเสวียนไปไหน ทำไมถึงไม่กลับมาด้วย”
ฉินรั่วหนานไม่รู้ว่าลูกชายถูกยิงจึงเอ่ยถามสะใภ้ที่ไปข้างนอกด้วยกัน หากรู้ว่าลูกชายถูกยิงคนรักลูกเช่นเธอคงเป็นลมล้มพับไปอย่างแน่นอน ฉะนั้นเธอควร...
“พี่หมิงเสวียนถูกคนร้ายยิงที่หน้าสำนักงานค่ะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”
เรื่องอะไรเธอจะต้องห่วงสุขภาพผู้หญิงร้ายกาจอย่างแม่สามี ฉินรั่วหนานพอได้ยินก็เบิกตาโตยกมือขึ้นทาบหน้าอกด้านซ้าย ตกใจมากเมื่อได้รับรู้เรื่องราวก่อนหน้านี้จากปากสะใภ้ ครู่เดียวก็เป็นลมล้มพับไปตามที่เธอคิดเอาไว้
“เธอพาคุณแม่กลับไปพักผ่อนที่ห้องแล้วดูแลคุณแม่ด้วย”
“ค่ะคุณนายน้อย”
สาวรับใช้สองคนช่วยกันประคองฉินรั่วหนานไปที่ห้องนอน ส่วนตัวเธอก็รีบขึ้นห้อง เธอยังต้องวางแผนช่วยให้ผู้หญิงคนนั้นได้เข้าบ้านอย่างสะดวกอีกด้วย ดูไปแล้วคงอีกไม่นานแต่อย่างไรก็ต้องรอคนที่ได้ไหว้วานผู้บัญชาการมณฑลช่วยค้นหาก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงยากจะจัดการ
ฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ท่านผู้บัญชาการจางแล้ว...
อากาศร้อนอบอ้าวทำให้คนเจ็บรู้สึกเหนียวตัวไม่น้อย เขานึกอยากจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนอน แต่กลับถูกห้ามไม่ให้แผลโดนน้ำ จึงทำได้เพียงนั่งขมวดคิ้วอยู่บนเตียง
“คุณเย่ ต้องการอะไรหรือเปล่าคะ สีหน้าคุณไม่ดีเท่าไร”
“ผมแค่รู้สึกว่าอากาศร้อนไปหน่อย อยากจะอาบน้ำแต่แผลนี่ห้ามโดนน้ำ”
อี้จินเฉิงยิ้มย่องในใจ นี่ก็คือหนึ่งในโอกาสที่สวรรค์ประทานให้เธอ หญิงสาวแสร้งทำหน้าเป็นกังวลแทน ครุ่นคิดสักครู่จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน
“เอาอย่างนี้ไหมคะ หากคุณเย่ไม่รังเกียจ ดิฉันจะเช็ดตัวให้”
“จะเป็นการรบกวนคุณอี้หรือเปล่าครับ”
“ไม่หรอกค่ะ อย่างไรหน้าที่ดิฉันก็คือการดูแลคนเจ็บอยู่แล้ว อย่างนั้นคุณเย่รอสักครู่นะคะ ดิฉันจะไปเตรียมอุปกรณ์”
ไม่นานเธอก็เดินกลับมาพร้อมอ่างใส่น้ำและผ้าขนหนูขนาดกลาง ผ้าขนหนูบิดหมาดถูกลูบไล้ไปบนแผงอกกำยำ เช็ดตัวให้เขาอยู่เกือบสิบห้านาทีเธอก็หันไปวางผ้าขนหนูไว้บนอ่างเล็ก จากนั้นหันมาหาคนที่เปลือยอกอยู่ข้าง ๆ
“ดิฉันใส่เสื้อให้นะคะ”
“ขอบคุณครับ”
พอใส่เสื้อให้เขาเสร็จอี้จินเฉิงก็หันหลังกลับไป ตั้งใจจะเอาอ่างไปเก็บแต่ขณะที่หันกลับไปก็เหยียบเท้าตนเองจนเกือบจะล้ม ถ้าไม่ใช่เพราะได้เย่หมิงเสวียนช่วยดึงเอาไว้เธอคงล้มหน้ากระแทกพื้นไปแล้ว
เธอทิ้งตัวล้มลงบนร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่ม เธออาศัยโอกาสนี้แนบริมฝีปากตนเองชิดมุมริมฝีปากของเขา แสร้งทำเป็นเรื่องบังเอิญ ครู่เดียวก็ดีดตัวออกจากร่างกายเขา ทิ้งไว้เพียงความอุ่นร้อนที่ทาบทับไปก่อนหน้านี้ ใบหน้าขาวเนียนเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อรีบหันหนี
“ขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่เป็นไรครับ คุณอี้ไม่ได้ตั้งใจผมเองก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ ต้องขอบคุณคุณอี้ด้วยซ้ำที่ช่วยเช็ดตัวให้ผมและดูแลผมเป็นอย่างดี”
“มันเป็นหน้าที่ของดิฉัน คุณเย่ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ”
“แค่หน้าที่หรือครับ”
น้ำเสียงทุ้มถามอย่างอ่อนโยนแต่แววตากลับแฝงไว้ด้วยความรู้สึกบางอย่าง ซึ่งเขากับเธอรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันคือความรู้สึกอะไรเพียงแต่ไม่ได้พูดออกมาก็เท่านั้น แผนการของเธอดำเนินไปได้อย่างดีและแนบเนียน พอเขาว่าจบเธอก็แอบอมยิ้มแล้วถืออ่างเดินออกจากห้องไป
“ผู้บัญชาการต้องการให้ทำอะไรอีกหรือเปล่าครับ”
“ไม่ต้องแค่นี้ก็พอ”
“อย่างนั้นพวกเราขอตัวก่อน”
เมื่อเห็นว่าเจ้านายไม่มีเรื่องให้เรียกใช้รองผู้บัญชาอย่างเขาจึงปลีกตัวออกไปจากหน้าห้องพักในโรงพยาบาล เขาตั้งใจจะมาดูว่าเจ้าบ่าวของเกาม่านอี้เป็นคนอย่างไร แต่เพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่าผู้ชายแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอแม้แต่นิดเดียว
“พ่อนะพ่อ ผู้ชายแบบนี้ก็ยังอุตส่าห์ให้ม่านม่านแต่งด้วยได้”
เกาม่านอี้เสียพ่อแม่ไปตั้งแต่สิบเอ็ดขวบ หลังจากนั้นพ่อเขาก็คอยดูแลเธอมาโดยตลอด เรียกว่าทั้งคู่โตมาด้วยกันเลยก็ว่าได้เ ขาเองก็นึกอยากโทษพ่อที่ปล่อยให้เธอแต่งงานแต่คิด ๆ ดูแล้วคงเป็นความต้องการของเธอเองมากกว่า
หากเธอรักผู้ชายคนนั้นจริง ๆ เขาที่มีฐานะไม่ต่างจากพี่ชายก็ควรช่วยเธอ จางอวี้เจินคิดว่าตนเองจะช่วยให้ชีวิตแต่งงานของเธอราบรื่นได้อย่างไรดี หรือเขาควรใช้ตนเองแยกผู้หญิงคนนี้ให้ห่างจากสามีเกาม่านอี้
ระหว่างที่ยืนคิดอยู่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ ทำไมเธอถึงไม่ยอมมาเฝ้าสามีตนเอง ทั้งที่ตามนิสัยขี้เกรงอกเกรงใจ ใจอ่อน ยอมคนแบบเธอไม่น่าจะยอมปล่อยให้สามีนอนเจ็บอยู่คนเดียวที่โรงพยาบาลได้เลย เธอแปลกไปจนเขานึกสงสัยว่าเธอใช่เด็กสาวที่โตมากับเขาคนนั้นหรือเปล่า
ออกไปไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็เดินกลับมา ทำตัวราวกับเป็นภรรยาของเขาเสียเอง
“ขอโทษครับ”
“คุณ...”
ระหว่างที่หญิงสาวเดินกลับจางอวี้เจินก็เดินไปตรงหน้าจนชนเข้ากับร่างเพรียวบางของเธออย่างจัง อี้จินเฉิงขมวดคิ้วเงยหน้ามองคนชนเธอยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปก็ต้องเงียบปากไว้เมื่อเห็นใบหน้าคนชน
ใบหน้าหล่อเหลา เข้มดุ น่าเกรงขามตรงหน้าทำเธอพูดไม่ออก จำต้องยืนเงียบอยู่อย่างนั้น
“ฉันคงไม่ได้ทำเธอเจ็บใช่ไหม”
แม้จะเป็นคำพูดทั่วไปแต่ด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากของเขาทำให้เธอใจเต้นไปชั่วขณะ หรือเธอควรเปลี่ยนเป้าหมายกลับมาเป็นเขาคนนี้
“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่ได้บาดเจ็บ อย่างไรก็ต้องขอโทษผู้บัญชาการด้วยนะคะ”
“หากไม่เป็นไรฉันขอตัวก่อน”
จางอวี้เจินจากไปพร้อมรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนเห็นต้องหวั่นไหวเพราะเขาไม่เคยยิ้มให้ใครมาก่อน ไม่มากก็น้อยคนเห็นย่อมคิดเข้าข้างตนเองเป็นเมื่อเขายิ้มให้แบบนี้
16บทส่งท้ายระหว่างที่คนสองคนกำลังยืนกอดกันอยู่ ทหารคนสนิทก็พุ่งเข้ามาโดยไม่ทันได้ดูสถานการณ์ก่อน ทำเอาผู้บัญชาการคิ้วกระตุก เจียงจื่อหยวนนึกอยากจะเอาหัวโขกพนังให้รู้แล้วรู้รอดไป เขายังไม่ชินกับการมีนายหญิงในบ้านจึงค่อนข้างลืมตัวแต่เรื่องนี้จะโทษเขาก็ไม่ได้เพราะเรื่องที่เขานำมารายงานเร่งด่วน“นายอยากถูกลงโทษสักครั้งสินะจื่อหยวน”“พี่อวี้เจินอย่าดุนักสิคะ รองเจียงเข้ามาแบบนี้ต้องมีธุระแน่ ๆ”“ว่ามา”“เจอตัวอี้จินเฉิงแล้วครับ”“ที่ไหน”“ในเขตอาคารสำนักงานเก่าตระกูลเย่ครับ”“ม่านม่านเธออยู่ที่นี่ พี่ไปดูเอง”“ค่ะ”จางอวี้เจินพูดจบก็เดินนำออกไป คิดว่าคงไปจัดการอี้จินเฉิงแน่ ๆ หลังตระกูลเย่ถูกจับ อี้จินเฉิงที่ไม่ได้รู้เรื่องราวการค้าของเถื่อนเหล่านั้นถูกปล่อยตัวไป แต่เพราะข่าวลือมากมายภายนอกทำให้เธอไม่มีที่ไปอีก จะกลับไปโรงพยาบาลก็ไม่ได้ เป้าหมา
16บทส่งท้ายเกาม่านอี้นั่งอยู่ที่เก้าอี้บ้านพักผู้บัญชาการ ช่วงนี้มีบางอย่างให้เธอคิดอย่างหนัก ไม่เข้าใจว่าทำไมมาถึงขนาดนี้แล้วยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ใจหนึ่งเธอก็อยากหลุดไปจากนิยาย แต่อีกใจกลับคิดว่าถ้าไม่ได้เจอผู้บัญชาการสุดโหดของเธออีกจะทำอย่างไรตอนนี้เธอเลยไม่กล้าอยู่ตามลำพังกับเขา เพราะในนิยายจบลงที่พระเอกบอกรักเธอ และเธอก็บอกรักเขากลับ กลัวว่าถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเขาบังเอิญพูดมันออกมาเธอจะต้องจากไปทั้งที่ไม่ได้บอกความรู้สึกจริง ๆ“ม่านม่าน เธอมาทำอะไรตรงนี้”“เอ่อ พี่อวี้เจิน พี่ทำงานเสร็จแล้วหรอคะ”“ไม่รู้ว่าพี่คิดไปเองหรือเปล่า แต่พี่คิดว่าช่วงนี้เธอกำลังหลบหน้าพี่”“ฉันเปล่านะคะ ก็แค่มีเรื่องให้คิดมากก็เท่านั้น”“ถ้าเธอคิดมากเรื่องความรู้สึกของพี่ก็ไม่เป็นไร เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับพี่ พี่ก็จะไม่บังคับให้เธอต้องลำบากใจ”พูดแค่ประโยคเดียวคนโหดก็ทำท่าจะเดินจาก เขาไม่เป็นไรแ
15งานเลี้ยง“เย่หมิงเสวียนปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”“แกคิดว่าฉันโง่หรือไงจางอวี้เจิน พวกแกหลอกฉันกับพ่อมาที่นี่ก็เพื่อจัดการตระกูลเย่”“ใครจะจัดการแกได้ ถ้าแกไม่ทำชั่วก่อน คิดว่าอาละวาดที่นี่แล้วจะหนีไปได้หรือไง”จางอวี้เจินพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง พยายามบังคับตนเองไม่ให้ตื่นตระหนกหรือลนลานจนเย่หมิงเสวียนรู้ว่าเขากลัวมากแค่ไหนในตอนนี้ ไม่ว่าจะต้องออกรบหรือทำภารกิจแบบไหนเขาไม่เคยนึกกลัว มีแค่ตอนนี้ตอนเห็นปากกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงลำคอระหงของเกาม่านอี้เรือนร่างบอบบางพยายามคิดหาทางหนีให้กับตนเองขณะถูกจับตัวอยู่ พลางคิดถึงเส้นเรื่องหลักของนิยาย อย่างที่คิดเรื่องไหนต้องเกิดก็ต้องเกิด ตอนใกล้จบของนิยายมีการปะทะกันระหว่างพระเอกและพระรอง ซึ่งตอนนั้นพระรองถูกยิงตาวย เธอจะไม่ยอมให้จางอวี้เจินต้องบาดเจ็บหรือเป็นอะไรไปเพราะคนสารเลวอย่างเย่หมิงเสวียนแน่นอน“พ่อถอย”จางอวี้เจินหันไปบอกจอมพลจางซีหลิงให้สั่งทหารรอ
14คนของฉันเกาม่านอี้ตอบพลางยื่นหนังสือสัญญานั้นให้เขาอีกครั้ง แต่แรกเขาไม่ได้สนใจหนังสือนี่เพราะมัวแต่ห่วงแผลตามร่างกายเธอ พอเธอยื่นให้อีกครั้งจึงหยิบมาดู หนังสือลงนามสัญญาค้าขายของตระกูลเย่กับพวกญี่ปุ่น ก่อนหน้านี้ไม่มีหลักฐานชัดเจนจึงเอาผิดพวกนั้นไม่ได้ เขาไม่อยากได้ชื่อว่าโหดเหี้ยม รังแกคนไม่มีอำนาจเลยตั้งใจหาหลักฐานมาตลอด“อย่างนั้นม่านม่านพักผ่อนเถอะ พี่จะออกไปสั่งงานจื่อหยวนสักหน่อย”“ได้ค่ะ ขอบคุณพี่อวี้เจินที่ยอมร่วมมือกับฉัน”“พูดอะไรอย่างนั้น ม่านม่านขอพี่ต้องยินดีอยู่แล้ว”คุยกันเสร็จชายหนุ่มก็ออกมาจากห้องของเธอ รีบถือหนังสือสัญญาไปยังห้องทำงาน ก่อนหน้านี้เขาใจร้อนเพราะรู้สึกโกรธที่เธอถูกคนอื่นรังแกจึงวู่วามเกือบฆ่าเย่หมิงเสวียน โชคดีได้เกาม่านอี้เตือนสติไว้ แต่ตอนนี้เขามีเหตุผลเพียงพอจะจัดการคนสารเลวคนนั้น“จื่อหยวน”“ผู้บัญชาการ มีเรื่องรายงานครับ”
15งานเลี้ยงโถงโรงแรมกลางเมืองถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยงามใหญ่โต เหมาะกับตำแหน่งจอมพลของเจ้าของงานอย่างยิ่ง วันนี้เป็นวันเกิดของจอมพล แขกมากมายถูกเชิญมาร่วมงานและทุกคนที่ได้รับเชิญก็ไม่มีใครไม่กล้ามาร่วมงาน“สวัสดีครับท่านจอมพล”เย่ป๋อหรานเอ่ยทักจอมพลกลางงานเลี้ยงฉลองวันเกิด จอมพลหันมายิ้มพูดคุยกับเขาสักครู่ เพื่อไม่ให้ดูเสียมารยาทและหักหน้าเขาในตอนนี้“สวัสดีคุณเย่ วันนี้มากับลูกชายหรือครับ”“นี่เย่หมิงเสวียนลูกชายคนเดียวของผม”“สวัสดีครับ ท่านจอมพลนี่เป็นของขวัญให้ท่านครับ”“ขอบคุณมาก เชิญตามสบายนะ ผมขอตัวไปดูแขกคนอื่นสักหน่อย”เจ้าของงานรับของขวัญมาแล้วยื่นให้ทหารคนสนิทข้างกาย ไม่ได้เปิดดูในทันที จากนั้นจึงขอตัวออกไปดูแขกคนอื่นที่เริ่มทยอยเข้ามาในงานบ้างแล้วปกติจอมพลจะไม่จัดงานเลี้ยงรับรองหรืองานฉลองอะไร แต่ครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญที่ถูกขอให้จัด ผู้คนจึงมาร่วมงานกันม
14คนของฉันเช้ามืดของวันต่อมาเกาม่านอี้และหลู่ปินปินเตรียมกระเป๋ามาวางไว้ใกล้ประตูเผื่อหยิบได้สะดวก พอเตรียมของเสร็จก็นั่งรอให้ฟ้าสว่างช่วงสายของวันคนบ้านนั้นต้องรีบมาเอาเรื่องเธออีกแน่“เกาม่านอี้ ออกมาเดี๋ยวนี้!”นั่นอย่างไร! เสียงโหวกเหวกด้านนอกที่เธอรอมาเสียตั้งนาน หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะเปิดประตูเรือนเดินออกมา ท่าทางนิ่งสงบต่างจากเมื่อวานทำให้อี้จินเฉิงนึกโมโห แต่พอมองดูเธอดี ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นมากส่วนที่โผล่พ้นร่างกายของเกาม่านอี้มีแต่รอยฟกช้ำ แม้แต่ใบหน้าสวยยังบวมขึ้นเพราะถูกตีด้วยแรงของผู้ชาย หากจางอวี้เจินมาเห็นเธอในสภาพนี้ตระกูลเย่คงถูกฆ่าล้างตระกูลแน่ ๆ“เธอกล้ามากนะเกาม่านอี้ที่ทำร้ายฉัน”เย่หมิงเสวียนพูดเสียงเข้ม ก่อนจะก้าวมายืนตรงหน้าเธอ ผู้ชายคนนี้ช่างกล้าพูดเหลือเกินตัวเองถูกตีนิดหน่อยดันทำเป็นเรื่องใหญ่ แต่เรื่องที่ตีคนอื่นกลับไม่พูดถึงแม้แต่ครึ่งคำ“แล้วคุณไม่ทำร้าย