แชร์

บทที่ 0012

ผู้เขียน: หวานใจ
“อุ๊ย!ดับสิๆ คอยดูก็แล้วกันว่าข้าจะจัดการกับนังเด็กคนนี้ยังไง!”

แม่เฒ่าเซี่ยงยังคงสาปแช่งต่อไป

พลังการต่อสู้นั้นน่าทึ่งมาก แต่สองหมัดจะสู้สี่มือได้อย่างไร และเศษเงินอัดในกระเป๋าก็ถูกนางเซี่ยงแย่งเอาไปทั้งหมดแล้ว

โดยที่ซูหวั่นได้เฝ้ามองสถานการณ์นี้ตั้งแต่ต้นจนจบ

นางกระตุกมุมปากขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน โดยที่นึกตลกขึ้นมาในใจว่า คนชั่วก็ต้องให้คนชั่วจัดการกันเองสินะ

ประโยคนี้ช่างสมเหตุสมผลเสียจริงๆ

ในฐานะลูกสะใภ้ นางหลี่ก็ได้เข้าไปช่วยห้ามด้วยเช่นกัน แต่ก็ถูกตบกลับมาสองสามฉาดแทน เดิมทีซูหวั่นก็คิดอยากจะเข้าไปช่วยนาง แต่คิดไปคิดมานางก็หยุดฝีเท้าลง

เพราะเห็นว่าการดับไฟค่อนข้างจะตึงเครียดมากยิ่งกว่า

แม้ว่านางจะจุดไฟ แต่นางก็ไม่อยากจะเผาบ้านให้มอดไหม้ไปหรอกนะ เพราะไม่เช่นนั้นแล้วนาง แม่ และน้องชายจะไปอยู่ที่ไหนได้?

“ปัง!”

หมู่บ้านซีสุ่ยมีขนาดไม่ใหญ่นัก เมื่อมีเพลิงไหม้เกิดขึ้นก็จะมีคนถือถังไม้มาช่วยดับไฟในทันที

เมื่อผลักเปิดประตูไม้ออกมา ทุกคนก็ต้องตกตะลึงกับภาพที่อยู่ด้านใน

และเมื่อหญิงชราคนหนึ่งได้เห็นแม่เฒ่าเซี่ยงที่เสื้อผ้ารุ่งริ่งไปหมดก็ถามขึ้นมาว่า“เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องลุกขึ้นมาตบตีกันแบบนี้ด้วย?”

แม่เฒ่าเซี่ยงรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าของตัวเอง และลุกขึ้นมาจากพื้น“โจรพวกนี้มาแย่งเงินอัดของข้าไป ยังจะเผาบ้านข้าอีก รีบมาช่วยกันดับไฟเร็วเข้า!”

ทุกคนต่างก็รู้สึกแปลกๆ

พวกเขารู้จักกับคนในสกุลเจิ้งดี และนั่นก็เป็นบ้านทางฝั่งสามีน้องสาวของแม่เฒ่าเซี่ยงไม่ใช่เหรอ แล้วญาติที่กินดองกันจะมาแย่งสิ่งของกันได้อย่างไร

ซึ่งซูหวั่นก็ตกตะลึงกับความหน้าหนากว่ากำแพงเมืองของแม่เฒ่าเซี่ยงเป็นอย่างมาก นี่ยังเอาเรื่องการวางเพลิงโยนไปให้พวกสกุลเจิ้งอีกงั้นเหรอ

เพลิงไหม้ไม่ได้ลุกลามมากนัก แต่ควันค่อนข้างมาก จึงดับได้อย่างรวดเร็ว

“ท่านแม่ ท่านแม่ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?”

นางหลี่ส่ายหน้าและมองไปทางซูหวั่น“อาหวั่น ทำไมเจ้าถึงผลีผลามขนาดนี้!”

“ถ้าข้าไม่ทำแบบนี้จะทำให้พวกเขากลัวได้อย่างไรกัน?”แววตาของซูหวั่นสงบนิ่ง“หากข้าไม่ทำแบบนี้ก็คงถูกคนสกุลเจิ้งมัดไปอย่างแน่นอน หรือว่าท่านแม่จะยอมเห็นผลลัพธ์แบบนี้ได้?ท่านแม่ จิตใจที่ดีงามไม่ควรใช้กับคนชั่วนะคะ”

นางหลี่ปิดปากเอาไว้อย่างแน่นหนา

และใบหน้าที่ซีดเซียวนั้นก็มีความอับอายเพิ่มขึ้นมาแล้วในตอนนี้“เป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ทำให้พวกเจ้าต้องอยู่อย่างยากลำบากขนาดนี้”

“ท่านแม่ ข้าไม่เคยถือโทษโกรธท่านแม่เลยนะ”ซูหวั่นถอนหายใจเมื่อรู้ว่านางหลี่คิดมากขึ้นมาอีกแล้ว“ข้าแค่ต้องการบอกท่านแม่ว่า บางเรื่องก็ต้องใช้ไม้แข็งเข้ามาจัดการ ไม่งั้นคนอื่นก็ยังคงคิดว่าท่านแม่ถูกรังแกได้ง่ายๆนะ!”

ขอบตาของนางหลี่แดงระเรื่อ“แม่รู้ดี”

“หลี่เจิ้งมาแล้ว!”

ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นชายหนุ่มหรือเปล่าที่ตะโกนออกมา แต่ทุกคนก็ต่างหลีกทางให้กับเขา หลี่เจิ้งมองไปรอบๆ และก็รับรู้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น

จากนั้นเขาก็มองไปยังแม่เฒ่าเซี่ยงอย่างตึงเครียด“ท่านป้า ข้าให้ท่านเอาเงินไปคืนสกุลเจิ้งแล้วไม่ใช่เหรอ?”

แม่เฒ่าเซี่ยงเบือนหน้าหนี“ข้าคืน ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่คืนสักหน่อย แต่พวกนั้นฉีกหน้าข้าทันทีที่เข้ามา แล้วยังคิดที่จะมัดนังหนูหวั่นไปอีก นังหนูหวั่นโกรธจัดเลยจุดไฟเผาบ้าน แล้วจะให้ข้าทำยังไง!”

มันเป็นการบิดเบือนความจริงที่ยอดเยี่ยมสุดๆ!

นางเซี่ยงบิดปาก แล้วพูดว่า“ท่านพี่ อย่างไงเสียเราก็เป็นพี่น้องกัน ทำไมพี่ถึงได้พูดกลับกลอกแบบนี้!”

“เจ้ายังจำได้อีกเหรอว่าเราเป็นพี่น้องกัน เมื่อครู่ที่ข่วนหน้าข้าทำไมถึงไม่พูดแบบนี้ล่ะ!”

เมื่อเห็นว่าแม่ของตนกำลังจะเสียเปรียบ เจิ้งซื่อหลางก็มาช่วยสมทบว่า“ท่านน้า ถ้าท่านน้าเอาเงินออกมาเสียตั้งแต่ตอนแรก มันก็คงไม่วุ่นวายขนาดนี้หรอก ไม่ยอมยกหลานสาวให้ก็น่าจะพูดเสียเนิ่นๆ ไม่ใช่ว่าข้าจะหาเมียไม่ได้สักหน่อย!”

ถุย!

ทุกคนมองไปยังเจิ้งซื่อหลางด้วยความดูแคลน น้ำหน้าแบบนี้ หากหาได้จริงๆก็คงไม่ต้องรอถึงตอนนี้หรอก

ผู้เห็นเหตุการณ์ส่วนใหญ่ในหมู่บ้านซีสุ่ยต่างก็เอียนเองมาทางแม่เฒ่าเซี่ยงด้วยกันทั้งนั้น

เพราะยังไงเสียทุกคนก็เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน

หลี่เจิ้งมองไปยังซูหวั่นที่กำลังปาดน้ำตาด้วยขอบตาที่แดงก่ำและไม่พูดอะไรออกมา แต่ท่าทางแบบนี้ดูน่าเชื่อถือกว่าคนที่พูดพร่ำอยู่ไม่หยุดมากโข

ซึ่งซูหวั่นก็คงไม่ถึงขั้นที่จะต้องเปิดโปงแม่เฒ่าเซี่ยงออกมา

หลี่เจิ้งหันมามองคนของสกุลเจิ้ง“ในเมื่อพวกเจ้าได้รับเงินอัดไปแล้ว ก็รีบออกจากหมู่บ้านซีสุ่ยไปเถอะ ต่อไปก็อย่าเข้ามาอีก และบ้านตรงที่ถูกเผาไป พวกเข้าก็ชดใช้เป็นเงินสิบอัดก็แล้วกันนะ!”

และเจิ้งซื่อหลางก็ก่นด่าออกมาว่า“เราไม่ใช่คนที่จุดเผาสักหน่อย ทำไมจะต้องชดใช้เงินด้วย”

หลี่เจิ้งกัดฟัน“พวกเจ้าเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ ถ้าเจ้าไม่ชดใช้แล้วใครจะชดใช้ อย่าคิดว่าหมู่บ้านซีสุ่ยจะถูกรังแกได้ง่ายๆนะ ถ้าเจ้าไม่ชดใช้เงินค่าสินไหมก็อย่าหวังว่าจะออกจากหมู่บ้านไปได้!”

ใบหน้าที่เขียวคล้ำของเจิ้งซื่อหลางกลายเป็นขาวซีด

มันช่างน่าโมโหเสียจริง!

นางเซี่ยงรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยาก นางจึงควักเงินสิบอัดออกมาและโยนลงบนพื้น“เอาไปสิ ข้าไม่สนใจที่สับปะรังเคแบบนี้ของพวกเจ้าหรอกนะ!”

เมื่อแม่เฒ่าเซี่ยงเห็นเงิน ดวงตาของนางก็ลุกวาวขึ้นมาทันที

และนางก็คว้าเงินสิบอัดนั้นมาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว

และคนสกุลเจิ้งก็มาอย่างดุดัน และกลับไปอย่างถูกคนเกลียดชัง

หลี่เจิ้งได้พาทุกคนออกไป และพวกผู้หญิงก็เริ่มจับกลุ่มนินทาขึ้นมา“เมื่อครู่พวกเจ้าเห็นหรือเปล่า แม่เฒ่าเซี่ยงถูกดึงทึ้งเสื้อผ้าจนเหลือแต่เสื้อกับกางเกงชั้นในแล้วนะ จุ๊จุ๊——”

แม่เฒ่าเซี่ยงถือเงินอัดแล้วลุกขึ้นมา จากนั้นก็ถลึงตาใส่ซูหวั่นอย่างดุดัน“นังเด็กบ้า เจ้ามาหาข้าเดี๋ยวนี้!”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวชาวนา   บทที่ 0478

    มีกลิ่นที่คุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ได้ปะทะที่ปลายจมูก พร้อมกับลมหนาวที่พัดเอาความเย็นเข้ามา "แม่นางซู" เสียงที่คุ้นเคยทำให้นางตื่นตกใจ นางหันกลับมาและผลักไป๋หลี่ชิงออกไป พร้อมกับพูดด้วยใบหน้าที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็งว่า "ไป๋หลี่ชิง เป็นสุภาพบุรุษบนขื่อคาน มันสนุกมากเลยใช่ไหม?" ไป๋หลี่ชิงถอยห

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวชาวนา   บทที่ 0477

    "ซู่ซู่——" ลมหนาวพัดมากระทบกับใบหน้าของคนทั้งสอง จนรู้สึกเจ็บอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่ริมทางแกว่งไปมาสองสามครั้ง ทำให้หิมะไหลตามใบไม้และตกลงสู่พื้นเสียงดังเปาะแปะ ซึ่งเมื่อตกลงไปในพื้นที่หิมะที่กว้างใหญ่แล้วนั้น มันก็ทำให้รู้สึกหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก พ่อเฒ่าซูพูดคัดค้าน

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวชาวนา   บทที่ 0476

    เมื่อซูเหลียนเฉิงและซูลิ่วหลางเข้ามาในห้อง นางก็เอื้อมมือไปบีบเอวของซูฉางโซว่ อย่างดุเดือด แล้วพูดคำรุนแรงออกมาว่า "เจ้ามีสมองหรือเปล่า ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าต่อต้านบ้านรอง ทำไมไม่ฟังเลยล่ะ?" ซูฉางโซว่ไม่ได้จริงจังกับมัน และพูดด้วยรอยยิ้ม "เมียจ๋า เจ้าจะกลัวเขาไปทำไม แล้วอีกอย่าง พี่รองก็ไม่ไ

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวชาวนา   บทที่ 0475

    เมื่อซูหวั่นได้ยินดังนั้นจึงเดินออกไป หมูถูกแบ่งและแต่ละชิ้นมีขนาดเท่ากัน ขั้นแรกนางโรยเกลือบนเนื้อแต่ละชิ้นแล้วเกลี่ยให้ทั่วเนื้อแต่ละชิ้นแล้วใส่ในขวดเพื่อหมัก หลังจากผ่านไปสองสามวันก็สามารถนำไปแขวนบนฟืนและรมควันได้ หมูและเศษหมูหนักประมาณหนึ่งร้อยกิโลกรัม ซูหวั่นเก็บไว้ยี่สิบห้ากิโลกรัม

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวชาวนา   บทที่ 0474

    แม่เฒ่าเซี่ยงได้ยินนางพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของนางก็อ่อนลง นางกังวลและพูดว่า "ฉางอานอายุมากขึ้นแล้ว เขาควรจะหาภรรยาหลังจากการสอบในฤดูใบไม้ผลิ ตราบใดที่เขามีชื่อเสียงในซิ่วไฉ ผู้หญิงที่สูงศักดิ์พวกนั้น เขาก็เลือกได้ตามใจชอบไม่ใช่หรือ?" นางจางแอบพึมพำอยู่ในใจว่าสตรีผู้สูงศักดิ์ทุกคนต้องการแต่ง

  • ทะลุมิติมาเป็นสาวชาวนา   บทที่ 0473

    ซูซานหลางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ตอนแรกท่านป้าไม่เห็นด้วย แต่ต่อมานางก็ผ่อนคลายเมื่อได้ยินว่าครอบครัวมีวิธีที่จะให้พี่รองกลายเป็นซิ่วไฉได้" ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง รายชื่อที่จะเข้าสอบซิ่วไฉเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก นอกจากนี้ ซูเอ้อหลางยังอยู่ในคุกซึ่งเทียบเท่ากับการสิ้นสุดอาชีพการงานของเข

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status