“เยว่เอ๋อร์ ๆ เจ้านอนนานเกินไปแล้วรีบตื่นขึ้นมาเถิด” เสียงของซูลี่หลินมารดาของซินเยว่ที่ร้องไห้อย่างเจ็บปวด เพราะบุตรสาวอายุสิบหนาวนอนป่วยอยู่บนเตียงเก่าๆ มาหลายวัน ศรีษะของนางมีผ้าพันแผลเอาไว้ ร่างกายบุตรสาวของนางซูบผอมลงมาก
ซูลี่หลินเป็นบุตรสาวของพ่อค้า ที่เดินทางค้าขายระหว่างเมืองอยู่ใกล้ชายแดนทิศบูรพา ได้บังเอิญช่วยเหลือชายผู้หนึ่งไว้ จากการซุ่มโจมตีของคนร้ายระหว่างเดินทาง นางนำเขามารักษาจนอาการบาดเจ็บดีขึ้น และได้รู้ทีหลังว่าชายผู้นั้นคือเสิ่นหมิงเหยียน เขาเป็นขุนนางขั้นสี่อยู่ในสำนักตรวจการ ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของขุนนางตามหัวเมืองต่าง ๆ
บิดาของนางคิดจะให้บุตรสาว แต่งเข้าจวนของเสิ่นหมิงเหยียน เพื่อหวังจะได้ใช้อำนาจของตระกูลเสิ่น ช่วยในด้านการค้าของตนจึงลงมือวางยาปลุกกำหนัด เมื่อใต้เท้าเสิ่นตื่นขึ้นมาเจอลี่หลินอยู่ข้าง ๆ ก็โมโหมาก แต่ด้วยเพราะเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตตน เขาได้บอกบิดาของนางว่าเขาแต่งงานแล้ว จะให้แต่งนางในฐานะฮูหยินคงไม่ได้
แต่จะรับนางในฐานะอนุแทน ลี่หลินที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ได้ ทำได้เพียงก้มหน้ารับชะตากรรมที่ตนไม่ได้ก่อ ต่อมาไม่นานบิดาของนางก็เดินทางไปค้าขาย ถูกโจรป่าดักปล้นและฆ่าปิดปากจนสิ้นชีวิต ทั้งที่ยังไม่ทันได้ใช้อำนาจของลูกเขยจากตระกูลใหญ่ ภายหลังจัดงานศพให้บิดาเรียบร้อยแล้ว เสิ่นหมิงเหยียนก็พาซูลี่หลินเดินทางกลับจวนในเมืองหลวง
เมื่อไปถึงจวนก็ทำให้ฮูหยินเอกฟ่านอี้หราน และอนุอีกสองคนของเสิ่นหมิงเหยียน โกรธแค้นนางเป็นอย่างมาก เพราะเสิ่นหมิงเหยียนได้ให้สัญญาแล้วว่า จะไม่รับอนุอีกถ้าหากนางตั้งครรภ์คลอดบุตรชายให้เขา แล้วที่พาสตรีคนนี้กลับมาด้วยคืออะไร
ยิ่งสามีไม่พูดแก้ตัวอันใด ยิ่งทำให้ฮูหยินเอกเกลียดชังลี่หลินเพิ่มขึ้นไปอีก แรก ๆ นางลงมือกลั่นแกล้งลี่หลินในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แค่ให้ถูกลงโทษโบยสิบไม้ เวลาผ่านไปสองเดือนเสิ่นหมิงเหยียนได้รับภารกิจด่วน เพื่อเดินทางไปตรวจสอบการทุจริตที่หัวเมืองทางใต้
เวลานี้ฮูหยินเอกได้ใส่ร้ายลี่หลินว่า เป็นคนผลักนางล้มจนบาดเจ็บจึงสั่งลงโทษโบยยี่สิบไม้ และขับไล่ให้ไปอยู่เรือนท้ายจวน ทำให้นางรู้สึกดีขึ้นบ้างเล็กน้อย ที่ไล่นางออกไปจากเรือนส่วนหน้า แต่อย่างน้อยลี่หลินก็ยังพอโชคดีอยู่บ้าง ที่มีบ่าวรับใช้อย่างเสี่ยวหลานติดตามมาคอยดูแล
หลังจากที่ต้องมาอยู่เรือนท้ายจวนเพียงหนึ่งเดือนกว่า ลี่หลินก็รู้ตัวว่าตนเองได้ตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้นแค่ครั้งเดียว นางมีความเป็นอยู่ที่เรือนนี้อย่างยากลำบาก อาหารที่ได้รับในแต่ละวัน ล้วนเป็นเศษอาหารที่เหลือทุกครั้ง เพื่อลูกในท้องนางจึงคิดหาทางออก โดยให้เสี่ยวหลานนำสินเดิมที่ติดตัวมาไปขายทีละน้อย เพื่อซื้ออาหารและยาบำรุงครรภ์
“ลูกจ๋าแม่จะอดทนเพื่อเจ้า ฉะนั้นเจ้าต้องเข้มแข็งจนกว่าเราจะได้เจอกันนะ” ลี่หลินลูบไปที่ท้องพร้อมถ้อยคำที่อ่อนโยน
ลี่หลินอยู่ที่เรือนท้ายจวนก็มิได้อยู่เฉย ๆ นางให้เสี่ยวหลานไปซื้อเมล็ดพันธุ์ผักสองสามอย่าง มาปลูกไว้ที่ข้างเรือนเอาไว้ทำอาหารกินเอง และยังรับงานปักผ้ามาทำเพื่อหารายได้เพิ่ม ถ้าจะพึ่งพาสินเดิมไม่ทำอะไรอย่างอื่นก็คงไม่รอด พวกนางต้องกินใช้กันอย่างประหยัด แถมบ่าวรับใช้ในจวนก็ไม่มีใครเคารพนาง มักจะมีหัวหน้าสาวใช้มาสั่งให้นางไปทำงานซักล้างทุกวัน ซึ่งมันแตกต่างกับเรือนใหญ่ส่วนหน้ายิ่งนัก
ฮูหยินเอกที่จัดการส่งลี่หลินไปอยู่เรือนท้ายจวนสำเร็จ ก็รู้สึกมีความสุขรวมถึงอนุทั้งสองก็ยังรู้สึกสะใจ เพราะพวกนางนั้นอิจฉาลี่หลินที่มีใบหน้างดงามมากกว่าพวกนาง ทุกคนล้วนกินอาหารอย่างดีใส่เสื้อผ้าสวย ๆ ราคาแพง โดยเฉพาะบุตรชายคนเดียวของฮูหยินเอก เขาเป็นเด็กที่เอาแต่ใจ อยากได้อะไรก็ต้องได้ห้ามใครขัดใจเด็ดขาด เด็กคนอื่นอายุรุ่นราว
คราวเดียวกัน ก็รู้จักคิดที่จะเรียนรู้ตัวอักษรและท่องบทกวีง่าย ๆ แต่คุณชายของจวนนี้กลับเอาแต่กินและวิ่งเล่นไปวัน ๆเสิ่นหมิงเหยียนเคยพูดกับฮูหยินเอกหลายครั้งว่า ควรจะหาอาจารย์มาสอนบุตรชายได้แล้ว นางก็เอาแต่บอกว่าบุตรชายยังเล็กเกินไป รอให้เขาเติบโตกว่านี้อีกสักหน่อย ค่อยจ้างอาจารย์มาสอนก็ยังไม่สาย เมื่อฮูหยินเอกพูดเช่นนั้นเสิ่นหมิงเหยียนก็ไม่พูดสิ่งใดอีก เพราะเขาไม่ค่อยมีเวลาพักอยู่ที่จวนสักเท่าใด ภารกิจที่ต้องไปตรวจราชการตามหัวเมืองต่าง ๆ ก็ใช้เวลาหลายเดือนในแต่ละครั้ง การดูแลบุตรชายจึงต้องเป็นหน้าที่ของฮูหยินเอก และนางก็เลี้ยงตามใจจนบุตรชายเคยตัว
ณ สวนดอกไม้ข้างเรือนนอนของลี่หลิน เนื่องจากสภาพอากาศมีลมพัดเย็นสบาย ลี่หลินจึงเลือกมานั่งเล่นรับลมอยู่ในศาลากลางสวนดอกไม้ ซึ่งมีสาวใช้อย่างอิ่งจื่อคอยปรนนิบัติอยู่ข้าง ๆ“ฮ้า วันนี้อากาศช่างดีจริง ๆ เจ้าว่าไหมอิงจื่อ” ลี่หลินสูดหายใจลึก ๆ หนึ่งครั้งก่อนพูดกับอิงจื่อด้วยความเบิกบานใจ“วันนี้อากาศดีอย่างที่นายหญิงว่ามาจริง ๆ เจ้าค่ะ” อิงจื่อชอบให้เจ้านายของตนมีสีหน้าสดชื่นมีความสุข มากกว่าทำหน้าอมทุกข์เช่นแต่ก่อน“อืม ใช่แล้วล่ะ อากาศดีเช่นนี้ปูเสื่อนอนเล่นคงจะดีไม่น้อย อิงจื่อเจ้าไปเตรียมชาผลไม้มาให้ข้าสักกาเถิด แล้วก็ของว่างที่ไม่หวานมากมาสักจานก็แล้วกันนะ” ลี่หลินชอบชาผลไม้ของบุตรสาวมาก เพราะมันมีกลิ่นหอมยามยกขึ้นดื่ม“บ่าวจะรีบไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” อิงจื่อก็รีบไปเตรียมชาตามที่นายหญิงสั่งทันที“หลินเอ๋อร์เจ้ากำลังทำอะไรอยู่หรือ?” อี้ซวนเดินเข้าไปใกล้ ๆ ลี่หลินแล้วเอ่ยเรียกลี่หลินอย่างสนิทสนมลี่หลินกำลังจะย่อตัวลงนอนบนเสื่อ จึงหยุดชะงักด้วยความตกใจ เมื่อมีเสียงที่คุ้นเคยทักทายขึ้นจากทางด้านหลังของนาง“อ๊ะ!!” ลี่หลินรีบหันกลับไปมองจึงเสียหลักกำลังจะหงายหลังล้มลง ทันใดนั้นก็มีมื
จนกระทั่งถึงเช้าของอีกวัน ลี่หลินที่ผ่านการร้องไห้มาทั้งคืนก็มีสภาพซีดเซียว ซึ่งเสี่ยวหลานก็มีสภาพไม่ต่างกับกับเจ้านายแม้แต่น้อย“ฮึก ๆ เสี่ยวหลานนางจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เมื่อคืนนางจะหิวไหม จะนอนที่ไหน จะกลัวหรือไม่ ข้าจะทำยังไงดีเล่าเสี่ยวหลาน ฮือ ๆ” ลี่หลินยังคงร้องไห้ที่ยังหาบุตรสาวไม่เจอเสี่ยวหลานมองนายหญิงแล้วก็สงสารจับใจ เมื่อคืนก็เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมกินไม่ยอมนอน เอาแต่โทษตัวเองที่ยอมปล่อยให้คุณหนูไปวิ่งเล่นเพียงลำพัง“ไต้ซือเหลียงฟู่มีจดหมายส่งมาจากปรมาจารย์เฉินขอรับ”ไต้ซือรับจดหมายจากท่านปรมาจารย์จากพระลูกวัด เมื่อเปิดอ่านเนื้อหาข้างในจดหมายแล้ว ก็บอกให้พระลูกวัดที่ไปค้นหาซินเยว่กลับมาลี่หลินได้ยินท่านไต้ซือสั่งการลูกศิษย์เช่นนั้น ก็คิดว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับบุตรสาวของนางหรือไม่ ไต้ซือถึงได้เรียกทุกคนกลับมา“สีกาลี่หลินเจ้าคงต้องออกไปตามหาด้วยตัวเองแล้ว บางทีสายสัมพันธ์แม่ลูกอาจจะทำให้เจ้าหานางพบก็เป็นได้” เมื่อได้ยินไต้ซือบอกมาเช่นนี้ลี่หลินรีบไปตามหาบุตรสาวทันทีก่อนหน้าที่จะเรื่องขึ้นซินเยว่ที่ขอท่านแม่ออกมาวิ่งเล่น “ท่านแม่ เยว่เอ๋อร์ขอไปเล่นตรงนั้นได้หรือไม่เ
ช่วงสายของวันถัดมาจิ้งถงที่มักจะมาหามู่เหวิน เพื่อชวนอีกฝ่ายพูดคุยถึงเรื่องในอดีต เพราะอยากให้สหายของตนหายจากอาการความจำเสื่อม“มู่เหวินเจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่ที่ตัดสินใจเช่นนี้” จิ้งถงเอ่ยถามขึ้นด้วยคาดหวังว่า สหายจะเปลี่ยนใจและตัดสินใจให้ดี ๆ อีกครั้ง“อืม ข้าตัดสินใจดีแล้ว คราวนั้นยามที่ข้าฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ก็ได้สาบานกับตนเองไว้แล้วว่า จะติดตามรับใช้ผู้มีพระคุณไปชั่วชีวิต ซึ่งคนผู้นั้นเป็นเจ้าของเชือกถักเส้นนี้” มู่เหวินยืนยันด้วยความหนักแน่น“เจ้าตัดสินใจเช่นนี้แล้วนายท่านเล่า” จิ้งถงกล่าวถึงอี้ซวนที่เปรียบเสมือนผู้พระคุณ ที่คอยดูแลและฝึกสอนวรยุทธ์ให้กับพวกเขา“ข้าคิดว่าท่านอี้ซวนต้องเข้าใจในเรื่องนี้อย่างแน่นอน” เขาไม่รู้สึกกังวลกับเรื่องที่ตัดสินใจ ถ้าอี้ซวนรู้ว่าคนที่เขาจะไปติดตามรับใช้คือใคร เพราะเขาได้ถามเรื่องผู้มีพระคุณกับเสี่ยวหลาน ก่อนที่จิ้งถงจะมาพบเขาในวันนี้เรียบร้อยแล้วย้อนไปก่อนหน้าที่จิ้งถงจะมาพบมู่เหวินที่เรือนของซินเยว่ เรื่องเจ้าของเชือกถักของผู้มีพระคุณ ถูกหยิบยกขึ้นมาถามเอาความกับเสี่ยวหลานอีกครั้ง“เสี่ยวหลานเจ้าพอจะมีเวลาสักประเดี๋ยวหรือไม่ ข้าขอคุยกับเจ้า
บริเวณด้านหน้าโรงเตี๊ยมที่จัดเตรียมเก้าอี้ไว้ เพื่อแขกคนสำคัญที่เชิญมาร่วมงานในวันนี้ ลี่หลินรู้สึกว่าเก้าอี้ตัวข้าง ๆ ของนางมีคนมานั่งอยู่ก่อนแล้ว จึงยกยิ้มบาง ๆ เพื่อเป็นการทักทายคน ทันทีทีเห็นหน้าคนที่นั่งอยู่นางถึงกับหุบยิ้มแทบไม่ทัน“ที่ว่างมีตั้งเยอะตั้งแยะทำไมไม่เลือกไปนั่ง ท่านจะมานั่งข้าง ๆ ข้าทำไมกัน” ลี่หลินหุบยิ้มแล้วรีบพูดคล้ายประชด“ข้าจะไปนั่งที่อื่นด้วยเหตุใด เพราะตรงนี้เยว่เอ๋อร์นางเป็นคนจัดให้ข้าเอง ถ้าเจ้าอยากจะย้ายไปนั่งที่อื่นเจ้าก็ย้ายไปเองสิ” อี้ซวนตอบกลับลี่หลินอย่างกวน ๆ“เยว่เอ๋อร์ก็จัดที่นั่งตรงนี้ให้ข้า ทำไมข้าจะต้องย้ายไปนั่งที่อื่นตามที่ท่านบอกด้วย ท่านไม่ย้ายข้าก็ไม่ย้ายเหมือนกัน เชอะ” ‘หนอย...เจ้าหัวขโมยนี่ไปสนิทกับบุตรสาวนางตั้งแต่เมื่อใดกัน ถึงได้เรียกชื่ออย่างสนิทสนมเช่นนี้ได้’อี้ซวนเห็นนางทำหน้าแง่งอนก็ชอบอกชอบใจ ไม่ว่านางจะทำสีหน้าแบบไหนก็น่ามองไปหมดลี่หลินเมื่อหันหน้าหลบไปอีกทาง ก็ต้องเจอกับสายตาของเหล่าคุณหนูทั้งหลายที่ยังไม่ออกเรือน พวกนางส่งสายตาร้อนแรงมาทางฝั่งที่นางนั่งอยู่ แต่สายตาเหล่านั้นล้วนถูกส่งมาให้กับบุรุษที่นั่งข้าง ๆ ลี่หลินรีบหัน
หลายวันต่อมาก็ถึงเวลาเปิดร้านค้าวัสดุโถส้วมเสียที ซึ่งกิจการนี้ของซินเยว่เป็นเจ้าแรกของเมืองเหลียงซาน เท่านั้นยังไม่พอนางยังเป็นเจ้าแรกของแคว้นอีกด้วย เงิน เงิน เงิน กำลังจะลอยมาหานางอีกแล้ว“นายหญิงเจ้าขา บ่าวงดงามหรือยังเจ้าคะ” เสี่ยวหลานถามเจ้านายผู้ที่แต่งหน้าให้กับตนเอง“คนงานขายสินค้าคนนี้ช่างงดงามจริง ๆ” ลี่หลินตอบกลับไปด้วยความเอ็นดู“พี่ทั้งสองเตรียมตัวพร้อมหรือยังเจ้าคะ ใกล้จะได้เวลาเปิดงานแล้วเจ้าค่ะ” ซินเยว่เข้ามาดูว่ามารดาของนาง แต่งหน้าทำผมให้อิงจื่อกับเสี่ยวหลานเสร็จหรือยัง“เยว่เอ๋อร์แม่จัดการเสร็จเรียบร้อยพอดี เป็นอย่างไรพวกนางสองคนงดงามหรือไม่” ลี่หลินตอบบุตรสาวพร้อมถามความเห็นของนางอีกคนซินเยว่มองดูแล้วก็พยักหน้าให้กับฝีมือการแต่งหน้าของมารดา ยิ่งนานวันฝีมือของมารดายิ่งเก่งกาจมากขึ้นทุกวัน ช่างเหมาะสมกับตำแหน่งช่างแต่งหน้ามือหนึ่งแห่งเหลียงซานจริง ๆชุดที่เสี่ยวหลานกับอิงจื่อใส่ก็เป็นชุดใหม่ ที่ตัดจากร้านผ้าของจูจื่อฉิง ซินเยว่ถึงกับชมตนเองในใจว่า จัดงานอย่างไรให้ได้ลูกค้าเพิ่ม จากกิจการอีกสามอย่างก่อนหน้านี้ แต่เมื่อหันกลับไปมองเสี่ยวหลานที่หันหน้ามาหานางพอดี ก็ต้
อี้ซวนเห็นมีรายงานอีกหนึ่งฉบับวางอยู่ จึงได้หยิบมาอ่านเนื้อหาข้างใน เพียงครู่ที่ได้อ่านรายงานฉบับนั้นถึงกับหัวเราะในลำคอ ไม่รอช้าเขาหยิบกระดาษขึ้นมาขีดเขียนข้อความลงไป จากนั้นก็ยื่นมันไปทางจิ้งถงทันที“จิ้งถงเจ้านำจดหมายฉบับนี้ส่งไปยังหน่วยอาชาทมิฬ ให้พวกเขานำของขวัญในจดหมายส่งไปจวนตระกูลเสิ่นให้เร็วที่สุด” อี้ซวนคิดแผนการสร้างความร้าวฉานส่งไปเพิ่ม เพื่อเป็นการแก้แค้นให้กับลี่หลิน“รับทราบขอรับนายท่าน”“นายท่านขอรับ ข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องรายงานข้าได้เจอกับมู่เหวินที่เมืองหลวงขอรับ” เทียนฉีรีบรายงานอี้ซวนทันที“เจ้าว่าอะไรนะ!! เจ้าได้เจอมู่เหวินเช่นนั้นหรือ” จิ้งถงตกใจจนเผลอตะโกนเสียงดังออกไป“เจ้ามั่นใจมากน้อยเพียงใด ว่านั่นใช่มู่เหวินตัวจริง” อี้ซวนถามเทียนฉีเพื่อความแน่ใจ“ข้าน้อยมั่นใจเต็มสิบส่วนขอรับ แต่ตอนที่เดินเข้าไปใกล้ ๆ มู่เหวินทำเพียงมองหน้าข้าแล้วก็เดินผ่านไป เมื่อสืบเรื่องของแม่นางลี่หลินเสร็จจะไปตามหาอีกครั้ง ปรากฏว่าเขาหายตัวไปหายังไงก็หาไม่เจอขอรับ”อี้ซวนคิดว่ามู่เหวินตายไปแล้ว จากการที่เขารับภารกิจไปสืบราชการลับ และถูกดักซุ่มโจมตีจากศัตรู ในขณะที่เขากำลังจะสั่งงานจ