บทที่ 11 ของขวัญจากอาจารย์ /1
เผยคังบดกรามดังกรอด หันมาตวาดบุตรชายคนเล็กอย่างอย่างฉุนเฉียว "หุบปาก! หากมิใช่เพราะเจ้าพ่ายแพ้คู่แข่งที่ตบะอ่อนด้อยกว่า จนทำให้ตระกูลเผยขายหน้า! มีหรือพี่ชายของเจ้าจะลงมือ! ต่อไปห้ามพูดถึงเรื่องนี้อีก ตั้งใจฝึกฝนให้มากกว่านี้ เข้าใจหรือไม่!" แม้ว่าความจริงตัวเขารู้สึกอับอาย และเจ็บแค้นไม่น้อยไปกว่าบุตรชาย ทว่าจำเป็นต้องอดกลั้น ฝืนกลืนโทสะทั้งหมดลงท้อง ด้วยเพราะผู้ที่ทำร้ายเผยหลงจนบาดเจ็บสาหัส คือคนของไท่จื่อแห่งตำหนักเทพอนันต์ ที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องไว้หน้าอยู่หลายส่วน ตัวเขาเป็นเพียงเจ้าเมืองจึงมิอาจล่วงเกินอีกฝ่าย ยิ่งคิดยิ่งแค้นใจจนแทบจะกระอักเลือด! ผู้เป็นบิดาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้าวมานั่งยังโต๊ะน้ำชากลางห้อง เอ่ยเรียกบุตรชายที่ยืนก้มหน้าเม้มปากแน่นอยู่ข้างมารดา ซึ่งเวลานี้กำลังได้รับการพัดวีจากสาวใช้หลังจากลมจับไปอีกรอบ "หู่เอ๋อร์มานี่ นั่งลง ข้าอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงที่ประลองชนะเจ้าวันนี้ เป็นใครมาจากไหน ใช่ศิษย์ของสำนักกระบี่จันทราหรือเปล่า" "นะ นาง นางเป็นผู้สมัครอิสระจากข้างนอกขอรับท่านพ่อ ส่วนเรื่องที่นางเป็นใครมาจากไหน ลูกเองก็ไม่ทราบ" เผยหู่เอ่ยตอบบิดาเสียงแผ่ว เรื่องที่เขาพ่ายแพ้ให้กับเด็กที่ไร้สำนัก เผยคังเคาะนิ้วกับโต๊ะ จ้องหน้าบุตรชายด้วยสายตาตำหนิระคนเหยียดหยัน ก่อนเอ่ยสั่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องบุตรชายคนโต "ไปสืบมา ข้าต้องการรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร" “ขอรับ” ตกกลางคืนรวี่เยว่เข้ามาในแดนปราณ เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนางให้ท่านอาจารย์ทั้งสองฟังอย่างละเอียด มหาเทพทั้งสองมองหน้ากัน ทอดถอนใจให้กับโชคชะตาของเด็กหญิง ทั้งที่รู้เห็นอยู่ตลอด แต่มิอาจยื่นมือเข้าไปแทรกแซง อันที่จริงพวกเขาแทบจะทอดเงาลงไปสังหารเผยหลงด้วยตนเอง ทว่ามิอาจกระทำได้เพราะผิดกฎสวรรค์! ช่างขัดใจพวกเขาทั้งสองยิ่งนัก รวี่เยว่มองใบหน้าหล่อเหลาสง่างาม ซึ่งดูเหมือนราบเรียบไร้อารมณ์ ทว่าปีกจมูกของทั้งคู่ดูกระตุกอย่างไรชอบกล รวมถึงแรงกดดันที่เผลอปล่อยออกมา เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าอาจารย์ทั้งสองกำลังขุ่นเคือง นั่นยังไม่นับเสียงฟ้าคำรามในแดนปราณ ณ ตอนนี้ "ท่านอาจารย์อย่าโมโหไปเลยนะเจ้าคะ เดี๋ยวจะเสียสุขภาพเอาได้ รวี่เยว่ไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อย แค่ตกใจมากเท่านั้นเองเจ้าค่ะ" ร่างเล็กฉีกยิ้มน่ารักและลุกขึ้นยืน หมุนตัวไปมาแสดงให้อาจารย์ทั้งสองเห็น ว่านางไม่มีสิ่งใดบุบสลาย วาจาไร้เดียงสาน่าเอ็นดูของลูกศิษย์ตัวน้อย ช่วยบรรเทาความขุ่นเคืองให้มหาเทพทั้งสองได้ในที่สุด "รวี่เยว่น้อย อาจารย์มิอาจปรากฏตัวเพื่อปกป้องเจ้าด้วยตนเอง อาจารย์รู้สึกละอายใจยิ่งนัก…เช่นนั้น อาจารย์ขอมอบหุ่นภูตผู้พิทักษ์ ไว้ให้คอยปกป้องเจ้าแทนก็แล้วกัน" มหาเทพหวงหลงเรียกตุ๊กตาไม้แกะสลักเป็นรูปเด็กไม่มีเพศออกมา ก่อนหยดเลือดสีทองของตนลงไปหนึ่งหยด จากนั้นจึงยื่นให้รวี่เยว่พร้อมแหวนมิติเก็บของ "หุ่นภูตตัวนี้แกะสลักจากกิ่งของต้นท้อสวรรค์แสนปี มีตบะระดับหยวนอิงขั้นกลาง หากจะใช้ก็เพียงเพ่งจิตเรียกมันออกมา เจ้าอยากได้ผู้พิทักษ์เป็นชายหรือหญิงให้อธิษฐานตามที่ต้องการ มันจะเปลี่ยนรูปไปตามสิ่งที่เจ้านึกคิด" ความจริงหุ่นตัวนี้เป็นของสะสมของมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์…อย่างมากเขาก็โดนศรีภรรยาบิดหูอีกรอบ และหูชาอีกหน่อยจากการโดนบ่น โทษฐานที่แอบฉกของสะสมของนางมาโดยที่ไม่เอ่ยขออนุญาตก่อน แต่เพื่อศิษย์รัก หูของเขาทนได้! "ขอบคุณเจ้าค่ะอาจารย์" รวี่เยว่รับมาด้วยความดีใจ นางโขกศีรษะให้มหาเทพหวงหลงหนึ่งที มหาเทพชิงหลงก็ไม่น้อยหน้า เรียกเสื้อเกราะสีเขียวอมฟ้าทอประกายงดงาม ลักษณะเหมือนเกล็ดมังกร แต่กลับนุ่มลื่นมิต่างจากไหมชั้นยอด มหาเทพหวงหลงตาโตเมื่อเห็นว่าสหายรักมอบสิ่งใดให้รวี่เยว่ รีบส่งกระแสจิตไปถามไถ่ในบัดดล 'นี่เจ้ามอบเสื้อเกราะเกล็ดมังกรของตนเองให้นางเลยรึ ไม่กลัวเมียแพ่นกบาลหรืออย่างไร' 'เกราะตัวนี้เป็นคราบที่ข้าลอกไว้เมื่อเกือบแสนปีที่แล้ว นางไม่ว่าข้าหรอก เพราะเอาไปก็ใส่ไม่ได้อยู่ดี เก็บไว้ให้รกตำหนักเปล่าๆ’ มหาเทพชิงหลงยักคิ้วให้สหายขณะกล่าวตอบ "งดงามมากเลยเจ้าค่ะ" รวี่เยว่เป็นเด็กผู้หญิงย่อมชอบของสวยๆงามๆเป็นธรรมดา ใบหน้าเล็กระบายยิ้มจนโค้ง รีบโขกศีรษะให้ท่านอาจารย์คนงามเช่นเดียวกัน "รวี่เยว่น้อย นี่คือเสื้อเกราะทำขึ้นจากเกล็ดมังกร ทนทานต่อพิษกัดกร่อนและอาวุธทุกชนิด ผู้ที่จะสร้างความเสียหายให้มันได้ต้องมีตบะระดับฮว่าเสินขึ้นไปเท่านั้น และในมหาพิภพทงเทียนเหอนี้ มีเพียงสิบกว่าคนเท่านั้นที่มีตบะระดับนี้ และคนพวกนี้ไม่รังแกเด็กให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน" เพราะหากตบะระดับเทพรังแกเด็กน้อย คงถูกได้ประณามไปทั่วมหาพิภพทงเทียนเหอ จนมิอาจสู้หน้าผู้ใดได้อีก ดีไม่ดีอาจถูกสวรรค์ลงทัณฑ์ รวี่เยว่ซาบซึ้งใจในความเมตตาของอาจารย์ทั้งสอง นางระบายยิ้มกว้างทั้งน้ำตา โขกศีรษะให้พวกเขาอีกครั้ง ส่วนเรื่องตัวเลือกระหว่างสำนักหงสาจันทรา และตำหนักเทวาอนธการ มหาเทพทั้งสองบอกนางว่าไม่ต้องรีบ ถึงเวลาโชคชะตาจะนำทางให้นางเอง ตอนนี้ให้ตั้งใจบำเพ็ญและฝึกฝนการหลอมยาไปก่อน รวี่เยว่พยักหน้ารับเป็นไก่จิกข้าวสาร คืนวันประมูลโอสถผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ปรากฏว่าโอสถของนางถูกประมูลไปสูงถึงเม็ดละหนึ่งล้านห้าแสน ผู้ที่ประมูลได้ไปคือขุนนางใหญ่จากราชสำนัก เพื่อนำไปมอบให้องค์ชายที่ประสูติจากกุ้ยเฟย ส่วนโอสถทิพย์สำหร้บใช้เลื่อนระดับ จากตบะเจี๋ยตันขั้นสมบูรณ์เพื่อบรรลุสู่ขั้นหยวนอิง ถูกประมูลไปถึงยี่สิบล้าน ราคานับว่าสูงมากแต่ก็ถือว่าคุ้มค่า และผู้ที่ได้ไปคือบุตรสาวเจ้าสำนักเพลิงจักรพรรดิ หั่วหงเหยา หลังจากหักส่วนแบ่งสามส่วนให้หอโอสถตามข้อตกลง รวี่เยว่ก็ตรงกลับบ้านทันที เรื่องที่นางแอบออกมายามค่ำคืนเช่นนี้ หากแม่นมชุนหรือชุนอิ่งจับได้ มีหวังถูกทั้งสองบ่นจนหูชาเป็นแน่ ถึงแม้จะสั่งให้หุ่นภูตแปลงกายเป็นนาง แสร้งนอนหลับอยู่ในห้องแล้วก็ตามที…แต่รวี่เยว่ก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี หนึ่งเดือนต่อมา รวี่เยว่ตัดสินใจชวนแม่นมและสาวใช้เข้าไปในเมือง เพื่อไปดูร้านที่ปล่อยให้เช่าหรือขายต่อบนถนนย่านการค้า นางบอกทั้งสองว่าต้องการดูที่ทางสำหรับเปิดร้านขายขนม เพราะรู้ว่านี่คือความฝันของชุนอิ่ง "ตอนนี้พวกเรามีเงินมากพอที่เปิดร้านแล้วนะเจ้าคะ ข้าจะขยันหลอมยาออกมาขายเยอะๆ ต่อไปข้าจะดูแลแม่นมและพี่ชุนอิ่งเองเจ้าค่ะ"ตอนพิเศษ 2/2 กระต่ายน้อยของข้า ราวกับสวรรค์เป็นใจ จึงได้ดลบันดาลให้ค่ำคืนนั้น ท้องนภาสีหมึกพร่างพราวไปด้วยหมู่มวลดารา คล้ายช่วยสนับสนุนให้กลยุทธ์มัดใจสาวประสบผลสำเร็จ อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ดวงตาทอประกายระยับ งดงามมิต่างจากดวงดาวบนท้องฟ้า ร่างบางแย้มยิ้มจนตาโค้ง ขณะมานั่งเล่นที่หัวเรือหลังกินมื้อเย็นเสร็จ “องค์ชายใหญ่ ขอบคุณท่านมากนะ ข้ามีความสุขมากเลย ท่านใจดีมากจริงๆ ไม่ได้หน้ายู่เลยสักนิดเดียว” “…” หวงฝู่ฮ่าวอวี่มุมปากกระตุก ‘หน้ายู่อะไรกันอีกกระต่ายน้อยจอมซน’ แต่ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้อ้าปากถาม กระต่ายน้อยจอมซนพลันขยับมือ ปลดหยกสีม่วงเข้มประจำตัวของนาง มอบให้ชายหนุ่มแทนคำขอบคุณเสียก่อน “นี่คือหยกอินทนิลของข้า ข้าขอมอบให้ท่านแทนคำขอบคุณนะหวงฝู่ฮ่าวอวี่ อีกไม่กี่วันข้าก็ต้องกลับภูผาหยินซานแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้มีโอกาสมาเมืองหลวงอีก ข้าต้องคิดถึงท่านมากแน่ๆเลย ฮึก อยู่ที่นู่นไม่มีใครเล่นกับข้าเลย ฮึก ท่านเป็นสหายคนแรกที่ยอมไปเที่ยวกับข้า ฮึก” เสียงของอวี้เหวินอิงเอ๋อร์สั่นเครือเจือสะอื้น ขอบตารื้นน้ำ เด็กสาวดูบอบบางราวตุ๊กตากระเบื้อง ที่หากไม่ระวังก็อาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ ร
ตอนพิเศษ 2/1 กระต่ายน้อยของข้า เมื่อเอ่ยนามองค์หญิงห้า อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ขึ้นมา สิ่งที่ทุกคน ณ ตำหนักเทวาอนธการนึกถึงคือ หน้าตาน่ารักพริ้มเพราราวกระต่ายน้อย นิสัยสดใสร่าเริง ขี้เล่น ดื้อรั้นซุกซน ตามประสาองค์หญิงองค์เล็ก และ… “องค์ชายสามพะย่ะค่ะ รีบแอบเร็วเข้า องค์หญิงห้าหิ้วกล่องใส่อาหารเดินขึ้นบันไดหอตำรามาแล้วพะย่ะค่ะ!” เสียงองครักษ์ส่วนตัวของอวี้เหวินเจาเจวี๋ยดังขึ้นเตือนนายของและศิษย์คนอื่นๆไปในตัว หากไม่อยากเป็นหนูทดลองสูตรยาพิศดารขององค์หญิงห้่า อย่าได้เสี่ยงรับอาหารหรือยาบำรุงร่างกายที่นางปรุงขึ้นเด็ดขาด! บรรดาศิษย์ฝ่ายในที่กำลังรวมตัวแลกเปลี่ยนความรู้กันอยู่ในหอตำรา หรือที่ทุกคนเรียกกันว่า เรือนต้นสนแดง ต่างรีบแยกย้ายกันไปคนละทิศทาง ดูราวผึ้งแตกรังก็มิปาน! เหลือเพียงผู้อาวุโสสองที่เพิ่งเดินเข้าไปหยิบม้วนตำรายังส่วนในของเรือนต้นสนแดง อวี้เหวินอิงเอ๋อร์ก้าวมาหยุดอยู่หน้าประตูทางเข้า หน้าตาบูดบึ้งอมลมแก้มป่องอย่างขัดใจ นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำขนมอบตั้งแต่เช้า ตั้งใจเอามาแบ่งศิษย์คนอื่นๆ ให้ลองชิมกันดูเสียหน่อย แต่เมื่อไม่เห็นเงาใครสักคนร่างบางจึงหมุนตัวเตรียมจากไป ทว่าเผ
ตอนพิเศษ 1/2 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆ ชิงหลง เอ้ย ชิงหลง ในที่สุดเจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน” เสียงหัวเราะเย้ยหยันด้วยความชอบใจของมหาเทพหวงหลงดังขึ้น การได้เห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนเพราะทำสิ่งใดไม่ถูกของสหายรักคือความบันเทิงอย่างหนึ่ง ทว่าคำกล่าวที่ว่า ความสุขนั้นมักสั้นเสมอคือสัจจะธรรมอันแท้จริง ในขณะที่กำลังเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะโดยมีฮั่วฮ่าวหยางนั่งอยู่บนตัก ความอุ่นวาบเปียกชื้นพลันเกิดขึ้น มหาเทพหวงหลงชะงักค้างหลุบตาร่างเล็กบนตักด้วยสายตาเหลือเชื่อ เจ้าตัวน้อยเงยหน้ามองมหาเทพหวงหลง ที่จู่ๆก็หยุดหัวเราะในบัดดลด้วยแววตาใสซื่อกลับมา “คิกๆๆ เอิ๊กๆๆ” เจ้าก้อนแป้งขาวผ่องอวบอัด ระเบิดเสียงหัวเราะชอบใจเลียนแบบบ้าง เผยให้เห็นฟันน้ำนมด้านหน้าสี่ซี่ น่ารักน่าเอ็นดูราวกระต่ายอ้วนตัวน้อย สีหน้ารื่นเริงของมหาเทพหวงหลงก่อนหน้านี้ แปรเปลี่ยนเป็นเหยเกจนดูไม่ได้แทน “อ๊าาาา หยางเอ๋อร์เจ้าจะฉี่ทำไมไม่บอกข้า เมียจ๋าาาา มาเอาหยางเอ๋อร์ไปเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ที” “กร๊ากกกก ฮ่าๆๆๆๆๆ” คราวนี้เป็นมหาเทวีเฟิ่งหนี่ว์ที่ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น “…” มหาเทพทั้งสอง หัวเราะทีหลังดังกว่าเ
ตอนพิเศษ 1/1 เมื่อมหาเทพอยากเลี้ยงเด็ก ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังรวี่เยว่คลอดแฝดมังกรหงส์ มหาเทพทั้งสามคล้ายได้ของเล่นชิ้นใหม่ พวกเขาต่างรอเวลาให้ฮั่วเฮ่อฉีออกไปข้างนอก หรือนอนหลับสนิท จากนั้นถึงจะแอบทอดเงาออกมาเชยชมเจ้าตัวน้อยทั้งสอง หากคืนไหนองค์ไท่จื่อจู๋จี๋กับภรรยานานหน่อย มหาเทพทั้งสามจะขัดใจมาก เพราะคืนนั้นพวกเขามิอาจปรากฏกายออกมาเยี่ยมหลานศิษย์ทั้งสองได้ แต่ก็มีบางครั้งเช่นกัน ที่มหาเทพหวงหลงคิดถึงหลานจนขี้เกียจรอ เขาเลยส่งเมฆนิทราออกมาจากแดนปราณ สะกดจิตฮั่วเฮ่อฉีจนหลับกลางอากาศก็มี บางครั้งชายหนุ่มนั่งกินข้าวเย็นอยู่ดีๆ หัวทิ่มคาโต๊ะก็เกิดขึ้นมาแล้ว ธรรมดาเสียที่ไหนท่านอาจารย์ของรวี่เยว่! คราแรกรวี่เยว่เองก็ตกใจไม่น้อย ทว่าเมื่อทราบความจริง นางถึงกับหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ ท่านอาจารย์ของนางก็มีมุมแสบสันเอาแต่ใจกับเขาเป็นด้วย รวี่เยว่เลยต้องเฉไฉยกข้ออ้างมาบอกสวามีว่า "น้องคิดว่าวันนี้ท่านพี่คงเหนื่อยเกินไปเลยหลับกลางอากาศเจ้าค่ะ" จะให้บอกความจริงว่าโดนมหาเทพเล่นกลก็ไม่ได้เสียด้วย เดี๋ยวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ “มหาเทพวางยาองค์ไท่จื่อเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ เหตุผลเพียงเพราะคิ
บทที่ 69/2 ครอบครัวที่สมบูรณ์ “เสด็จแม่โตแล้ว ไม่ดื้อแล้ว ไม่โดนเสด็จพ่อหวดก้นแน่นอนเพคะเสด็จลุง” เสียงเล็กของฮั่วเยว่ฉีดังขึ้น ร่างเล็กเอื้อมไปกุมมือผู้เป็นลุงเพื่อขอให้เขาอุ้ม ร่างสูงโน้มตัวช้อนเจ้าตัวน้อยขึ้นมา หอมแก้มป่องขาวกลมไปฟอดใหญ่ ฟ้อดดด “จริงรึ?” ฮั่วเยว่ฉีหยักหน้าหงึกๆ “เช่นนั้น ลุงเชื่อเจ้าก็ได้” เช้าวันนี้ ตำหนักหย่งเทียนครึกครื้นเป็นพิเศษ บรรดาแขกเหรื่อคนสำคัญ ที่มาร่วมงานวันเกิดธิดาเทพรวี่เยว่ ต่างหอบหิ้วของฝากมากมายมาให้เจ้าของวันเกิด หวงฝู่ฮ่าวอวี่ที่สมรสกับอวี้เหวินอิงเอ๋อร์ไปเมื่อห้าปีก่อน อุ้มโอรสองค์โตวัยสามหนาวเดินตามชายารัก ที่เลิกล้มความคิดเรื่องการเป็นนักปรุงโอสถ แต่หันมาเอาดีทางด้านค้าขายผ้าและเครื่องประดับแทน องค์หญิงจอมซนเป็นคนมีความคิดสร้างสรรค์ รูปแบบเครื่องประดับและลายผ้าที่นางออกแบบ จึงงดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร เป็นที่นิยมชมชอบของสตรีในเมืองหลวงและเมืองใหญ่หลายเมือง “รวี่เยว่ สุขสันต์วันเกิดนะ พวกเราขอให้เจ้ามีแต่ความสุขในทุกๆวัน” ทักทายเจ้าของวันเกิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตรงไปทำความเคารพองค์ราชาอวี้เหวินเหิง และเชื้อพระวงศ์ของตำหนัก
บทที่ 69/1 ครอบครัวที่สมบูรณ์ เสียงกรีดร้องเบ่งคลอดของรวี่เยว่ที่ดังขึ้นเป็นระยะ บีบรัดหัวใจของฮั่วเฮ่อฉีจนปวดร้าว เขาสงสารชายาจับใจ “หม่าลั่ว ทำไมนานนักล่ะ ทำไมรวี่เยว่ยังไม่คลอดอีก” ร่างสูงมือเย็นเฉียบจากความประหม่าระคนหวาดกลัว สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นเรื่อยๆ สุดหล่อเย่หมิงต้องมาพาร่างสูง ที่เดินไปเดินมาจนทำเขาเวียนหัวไปนั่งลง ก่อนยื่นชาให้ดื่มเพื่อสงบสติอารมณ์ “องค์ไท่จื่อ ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็คลอด อย่าวิตกจนเกินเหตุไป” หนึ่งชั่วยามต่อมา อูแว้ๆๆๆๆ ฮั่วเฮ่อฉีที่นั่งกระสับกระส่าย หายใจไม่คล่องอยู่หน้าห้องคลอด ลุกพรวดทันทีเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้อง “เป็นองค์ชายน้อยเพคะ” เสียงชุนอิ่งดังมาจากห้องคลอด “ลูกชาย ข้าได้ลูกชาย หม่าลั่ว ท่านเย่หมิง อี้หรง ได้ยินหรือไม่ ข้าได้ลูกชาย ฮ่าๆๆๆ” ครึ่งเค่อต่อมา แว้ๆๆ อุแว้ๆๆๆๆ “เป็นองค์หญิงน้อยเพคะ” คราวนี้เป็นเสียงของจวี๋จื่อ เสียงเฮดังขึ้นหน้าห้องอีกครั้ง ฮั่วเฮ่อฉีกระโดดกอดเย่หมิงและหม่าลั่ว ทั้งสามหัวเราะร่าเสียงดัง “ลูกสาว ข้าได้ลูกสาวอีกคน ฮ่าๆๆ ดี ดียิ่ง หม่าลั่วช่วยแจกรางวัลให้ทุกคนในตำหนัก เปิดโรงทานในเมืองหล