รถยนต์คันหรูวิ่งเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นที่กว่า 130 กว่าไร่ ในจังหวัดขอนแก่น ขายาวก้าวลงหลังจากที่ประตูรถเปิดขึ้น ธีภพลูกชายคนกลางของวิฑูรย์ก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ พลางยืนล้วงมือเข้าไปในกางเกงใบหน้าคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อย ที่เห็นรถยุโรปคันหรูจอดอยู่ที่ช่องจอดของน้องชาย
“ทำไมรอบนี้เจ้าสามมันมาถึงก่อนว่ะ” ปกติน้องชายตัวร้ายของเขาจะมาถึงบ้านเป็นคนสุดท้ายในทุกครั้งที่พ่อเรียกประชุมเหตุด่วน
เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นมาถึงบ้านเป็นคนสุดท้ายก็รีบเดินเข้าบ้านก็เจอเข้ากับเอกภพพี่ชายคนโตของบ้านนั่งอยู่ข้างผู้เป็นพ่อ
“สวัสดีครับคุณพ่อ” ธีภพที่มาถึงคนสุดท้าย ไตรภพนั่งรอด้วยท่าทางหงุดหงิด
“นัดไม่เป็นเวลานะสองปล่อยให้คนอื่นรอ” ผู้เป็นพี่พูดขึ้นเสียงราบเรียบใบหน้าหล่อจมูกโด่งเสมองทางธีภพ
“นั่นสิพี่สอง มาช้านะรอบนี้” ผู้เป็นน้องได้ทีขี่แพะไล่
“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะเจ้าสาม ปกติแกมาช้าตลอด”
“ก็รอบนี้พี่ช้านะ รอบที่แล้วไม่นับ”
“อย่ามัวแต่ทะเลาะกันเลย” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นด้วยท่าทางเคร่งเครียดปรามลูกๆที่อายุอานามยี่สิบสามสิบกันแล้วยังทะเลาะกันเหมือนเด็ก
“มาถึงแล้วก็รีบมานั่งได้แล้ว พ่อมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไรครับพ่อ” ไตรภพถามออกไปอย่างคนอยากรู้เพราะปกติแล้วน้อยครั้งนักที่พ่อจะเรียกรวมตัวลูกทั้ง 3 คน นอกจากว่าพวกเขาจะมารวมตัวกันเองโดยไม่ได้นัดหมาย ที่จะกลับมาเจอกันที่บ้านหลังใหญ่โดยบังเอิญเพราะปกติก็นอนอยู่ที่โรงงานของตัวเอง จะได้สะดวกในการทำงาน แต่รอบนี้แปลกๆที่วิฑูรย์นั้นให้ลูกทั้งสามมารวมตัวกันเฉพาะกิจ
“พี่รีบๆมานั่งสิ” ไตรภพเรียกพี่คนรองอีกครั้ง ธีภพรีบเดินเข้ามานั่งข้างๆน้องชาย
“หรือว่านายรู้เรื่องวะ นายถึงอยากให้ฉันรีบๆมานั่ง”
“ไม่รู้ พี่สองก็รีบนั่งสิ พ่อจะได้บอกว่าเรื่องอะไรลีลาอยู่นั่นแหละ” ไตรภพที่เริ่มหงุดหงิดกับท่าทางของพี่คนรองที่มาช้าแล้วยังหาเรื่องทะเลาะกับเขาด้วยท่าทางไม่ยอมคน
“คุณแม่โทรมา” คำพูดที่ชวนให้ลูกชายทั้งสามคนขนลุกซู่
“เดี๋ยวคุณแม่ก็จะมาถึงแล้ว” ไตรภพอ้าปากค้างทำตาปริบๆแล้วมองหน้าทุกคนในบ้านไปทีละคน เมื่อได้ยินข่าวว่าผู้เป็นยายจะมาหาที่บ้านเพราะปกติคุณหญิงอรอนงค์จะโทรหาหรือสั่งให้พวกเขาขึ้นกรุงเทพฯมากกว่า
“ขนแขนผมตั้งชันเลยพ่อ” ไตรภพพูดติดตลกพร้อมยกแขนให้พวกพี่ๆดู จนธีภพรำคาญในท่าทางยียวนของไตรภพแล้วตีแขนเข้าให้
“เพลี้ยะ”
“โอ๊ย ตีผมทำไมเนี่ย”
“มัวพูดเล่นอยู่นั่นแหละไอ้สาม” พี่คนรองพูดขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิด
“อ๋อ!! ที่เรียกมาก็คือให้มาต้อนรับคุณยายใช่ไหม แหม!! นึกว่ามีเรื่องอะไรทำเหมือนมีเรื่องใหญ่ไปได้ก็แค่คุณยายมา” ไตรภพที่พูดเอาฮาอีกครั้งจนผู้เป็นพ่อมองหน้าลูกชายจอมเจ้าชู้ที่ยังไม่รู้ตัวว่ากำลังจะตกที่นั่งลำบาก
“คอยดูเถอะเจ้าสาม เดี๋ยวแกจะตลกไม่ออก” วิฑูรย์ที่รู้สึกกังวลแทนลูกๆ เสียงรถก็แล่นเข้ามาในบ้าน
“นั่นไงพ่อ คุณยายมาแล้วเดี๋ยวผมขอไปต้อนรับคุณยายก่อนนะ” ไตรภพลุกขึ้นจากโซฟาแล้วกำลังเดินออกไปจากห้องนั่งเล่น
“เอ่อ!! เดี๋ยวแกจะอารมณ์ดีไม่ออกไตรภพ” เสียงพี่ชายคนรองพูดขึ้นอีกครั้งไตรภพหันหน้าไปมองธีพบด้วยความไม่เข้าใจ
“พี่สองจะอารมณ์เสียทำไมล่ะหรือว่าพี่สองกำลังนอนกกสาวอยู่พอพ่อเรียกให้มาต้อนรับคุณยายก็เลยเสียอารมณ์”
“พูดดีเข้าไปเถอะเจ้าสามเดี๋ยวแกจะได้รู้ว่านรกมีจริง” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้น
“นรกอะไร พี่หนึ่งทำไมพวกพี่พูดเหมือนมีลับลมคมใน”
“ไม่มีใครคิดจะออกไปต้อนรับฉันเลยเหรอ” ผู้เป็นยายเดินเข้ามาในบ้านพร้อมผู้ช่วยที่ปกติคอยดูแลรับใช้คุณหญิงอรอนงค์
“คุณยายครับจะมาทำไมไม่บอกผมล่ะครับ ผมจะได้ไปรับ” ไตรภพรีบเดินไปพยุงคุณหญิงอรอนงค์อย่างเอาอกเอาใจ
“หลานคงไปรับยายแหละตาสาม ถ้าให้ยายรอหลานยายคงจะรอเก้อแล้วล่ะ”
“ทำไมคุณยายพูดแบบนั้นล่ะครับ ผมเนี่ยรักคุณยายจะตาย” หลานชายคนเล็กเอนศีรษะพิงไหล่มนของผู้เป็นยายอย่างออดอ้อนเหมือนตอนเด็กๆ
“นี่ขนาดหลานรักยายนะ ยายยังไม่เคยเห็นหลานย่างกรายไปหายายเลย นี่ก็ 3 ปีดีดักแล้วให้ยายเหงารอทางอยู่คนเดียว”
“แหม!! ก็สามเพิ่งจะเรียนจบได้ไม่นานนี้ครับคุณยาย อีกทั้งสามก็ยังวุ่นๆอยู่นะครับ เพราะว่าสามเริ่มจะทำโปรเจ็คใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม”
“ที่ใหญ่กว่าเดิม คืออะไรล่ะตาสาม”
“ก็สามเปิดรีสอร์ตใหม่ไงครับคุณยาย คุณยายอยากจะไปพักรีสอร์ตของสามไหมครับ”
“เปิดรีสอร์ตไว้เพื่อพาสาวๆเข้าไปมั่วสิ”
“แหม! คุณยายก็อย่าพูดแบบนี้สิครับ พูดแบบนี้เหมือนกับสามเป็นคนไม่ดีเลยนะครับ”
“ยายรู้หรอกน่าว่าสามเป็นผู้ชายเจ้าชู้”
“เอาเถอะครับคุณยายมาเหนื่อยๆไปนั่งก่อนดีกว่า ผมจะนวดให้คุณยายเอง” ธีภพที่หันมามองหน้าไตรภพที่คอยพะเน้าพะนอเอาใจผู้เป็นยายจนเขารู้สึกหมั่นไส้ ไตรภพที่หันไปเห็นหน้าของธีภพ
“อะไรล่ะพี่สองมองหน้าผมแบบนี้หมายความว่ายังไง อิจฉาที่ผมเป็นหลานรักคุณยายล่ะสิ” ผู้เป็นน้องยักไหล่ให้ธีภพด้วยท่าทางยียวน
“ฉันไม่ได้อิจฉานายหรอก นายอยากเป็นนายก็เป็นไปเถอะไอ้สาม”
“เอาล่ะๆ พอพวกแกกลับมาบ้าน ฉันก็เริ่มจะปวดหัวแล้ว” ผู้เป็นพ่อปรามขึ้นอีกครั้ง
“เชิญครับคุณแม่” วิฑูรย์รีบเชิญให้แม่ยายนั่งเพราะกลัวว่าอรอนงค์จะเป็นลมไปเสียก่อน
“ฉันนึกว่าแกจะไม่เชิญฉันนั่งซะแล้ว” แม่ของภรรยาผู้ล่วงลับพูดขึ้นด้วยท่าทางไม่พอใจ
“เอาล่ะ ที่ฉันมาวันนี้ฉันก็อยากจะมาคุยเรื่องนั้น”
“เรื่องอะไรเหรอครับคุณยายหรือว่าเรื่องมรดก ผมรับได้เต็มที่เลยนะครับ” ไตรภพทำท่าทางตื่นเต้นเพราะเขารู้ว่ายายเขานั้นเป็นเจ้าของที่ดินไม่น้อยในกรุงเทพฯและเป็นเจ้าของตลาดสดใหญ่ตั้งสามแห่งให้เช่า
“เรื่องนั้นน่ะ ฉันไม่ต้องการจะคุยเพราะฉันก็ยังแข็งแรงอยู่” ไตรภพที่สะอึกและอ้าปากเหวอ ทำท่าทางเสียดาย
“แหม! คุณยายครับผมรู้หรอกนะว่าคุณยายก็ยังแข็งแรงแต่ถ้าคุณยายจะแบ่งให้ผมสักนิดสักหน่อยก่อนก็ได้นี่ครับ” หลานชายคนเล็กพูดพลางหัวเราะ
“ฉันแบ่งแน่แต่มีข้อแม้”
“ข้อแม้อะไรเหรอครับจะให้ผมไปอยู่ที่กรุงเทพฯ ผมไม่ไปนะครับ” ไตรภพที่สะบัดหน้าไปมา
“ยายไม่ได้จะบังคับพวกหลานไปอยู่กับยายหรอก เอาเป็นว่าพร้อมที่จะคุยหรือยัง” ผู้เป็นยายพูดขึ้น เอกภพพยักหน้าเพราะเขาก็พอรู้เรื่องจากผู้เป็นพ่อมาแล้ว
“ยายได้เคยหมายมั่นปั้นมือหลานของคุณหญิงไว้คนหนึ่งเธอเป็นเด็กดีและยายอยากจะให้หนึ่งแต่งงานกับหลานสาวของเพื่อนยาย หนึ่งจะว่ายังไงลูก” เอกภพหันไปมองหน้าผู้เป็นพ่อ
“ไม่ต้องมองหน้าพ่อของหลานแล้ว หลานจะว่ายังไงก็ว่ามา”
“คุณยายไปตกลงว่ายังไงครับ”
“ยายก็ตกลงตั้งแต่แม่หลานกำลังท้องอยู่นั่นแหละว่ายายอยากจะให้หลานของยายกับหลานของคุณหญิงได้แต่งงานกัน”
“แต่คุณยายก็ไม่ได้บอกใช่ไหมครับว่าจะต้องเป็นผม” เอกภพถามขึ้นด้วยความใจเย็นอย่างหาทางรอด
“อ้าวๆ พูดแบบนี้ไม่ได้นะพี่หนึ่ง ถ้าพูดแบบนี้พวกผมก็แย่น่ะสิ” ไตรภพรีบพูดขึ้นหลังจากรู้แกวว่าพี่ชายคนโตกำลังจะเอาตัวรอดแล้วโยนขี้กองโตมาให้เขาและธีภพ
“ก็จริงอย่างที่ตาหนึ่งพูดนั่นแหละยายไม่ได้เจาะจงว่าเป็นหลานคนไหน เพราะตอนนั้นเห็นยัยวิมลแม่ของหลานๆกำลังท้องแต่พอคลอดตาหนึ่งออกมาใครจะรู้ล่ะว่าตาหนึ่งคลอดมาได้ไม่กี่ปีก็มีตาสองและตาสามตามหลังมา ยายก็เลยยังไม่ได้คิดว่าจะให้ใครแต่ง แต่ยายได้พูดออกไปแล้วเพราะฉะนั้นยายไม่อยากเสียคำพูดผู้ใหญ่และอยากจะรักษาสัญญา”
“แล้วฝั่งนั้นเขาอยากรักษาสัญญาไหมครับ” เอกภพถามขึ้น
“ก็ทางนั้นเขามาทวงถามสัญญานี่แหละ ยายก็เลยอยากให้พวกหลานใครก็ได้แต่งงานกับหลานสาวของเพื่อนยาย”
“ผมคงต้องขออภัยครับเพราะว่าตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะมีครอบครัว” ธีภพที่นิ่งฟังอยู่นานแล้วตอบขึ้นเสียงเรียบแต่ใบหน้าฉายแววไม่ค่อยพอใจอยู่ในที เมื่อได้ยินพี่คนรองบอกปัดเสียงแข็งไตรภพรีบพูดขึ้นทันที
“แล้วพี่ไม่พร้อมใครจะพร้อม พี่หนึ่งก็เหมือนกันพี่เป็นพี่คนโตพี่ก็ต้องรับผิดชอบสิ ถ้าพี่หนึ่งไม่แต่งก็ต้องเป็นพี่สองแล้วแหละแต่คงไม่ใช่สามแน่นอน” ไตรภพพูดขึ้นอย่างคนเอาตัวรอดเช่นกัน เขาพึ่งจะอายุได้แค่ 26 ปีเอง ถ้าให้แต่งตอนนี้เขาก็ต้องอดสนุกกับชีวิตที่พึ่งจะได้ใช้ไม่นานในการมีสาวๆมารุมล้อม
“นายนั่นแหละเจ้าสาม นายควรที่จะแต่งมากที่สุดเพราะอะไรรู้ไหมนายชอบเรื่องสาวๆ เผื่อว่าจะถูกใจนายก็แต่งงานเลย จะได้ไม่ต้องมัวบ้าเที่ยวผู้หญิงให้เป็นข่าวกระฉ่อนไปทั่วเมือง”
“ถ้าแต่งไปผมก็เบื่อตายสิพี่ ผมเพิ่งจะ 26 เองนะ ถ้าผมแต่งงานตอนนี้กว่าที่ผมจะอายุ 60 ชีวิตทั้งชีวิตผมก็ต้องอยู่กับผู้หญิงคนเดียวจนแก่เลยเหรอ”
“ผมไม่เอาหรอกครับคุณยายให้พี่สองกับพี่หนึ่งเลย ใครจะเอาก็เอาผมไม่เอา” เมื่อผู้เป็นยายเห็นว่าหลานทั้งสามคน ไม่ยอมที่จะทำตามคำสั่งไม่ว่าเธอจะใช้เหตุผลอะไรมาเกลี้ยกล่อมพวกหลานหัวดื้อทั้ง สามก็หาเหตุผลมาโต้แย้งอยู่ตลอด
“เอาเป็นว่าเรามาตกลงกันดีกว่า ตอนนี้ยายก็แก่แล้วยายจะไม่บังคับขืนใจพวกหลานแต่ยายมีข้อแม้ให้หลานทั้งสาม” หลานชายทั้งสามต่างมองหน้ากันไปมาทั้งกะพริบตาปริบๆ เพราะรู้ว่ายายของพวกเขานั้นคงมีแผนการอะไรอีกเป็นแน่
ตอนที่ 30คิดจะถีบหัวส่งผมเลยเหรอ“ไม่ว่าใครที่อยู่ในสถานการณ์นั้นผมก็ห่วงทั้งนั้นแหละ มันเป็นไร่ของผม ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะบ้าดีเดือดวิ่งตามสองคนนั้นเข้าไปในดงอ้อย คุณไม่รู้เหรอว่ามันดึกแล้ว ทั้งมืด ทั้งเปลี่ยวและคุณก็ไม่ชินกับสภาพแวดล้อมแบบนั้น คุณจะวิ่งเข้าไปทำไม ทำไมคุณไม่วิ่งกลับมาที่งานจัดเลี้ยงล่ะ” เขาที่ได้โอกาสก็ดุเธอเข้าทันที“ถ้าฉันวิ่งกลับมาที่งานจัดเลี้ยงก็แปลว่าฉันกลัวพวกเขาสิ” เธอเชิดหน้าขึ้นพร้อมตอบคำถามเขา จนธีภพนั้นอดเหนื่อยใจไม่ได้กับความไม่ยอมคนของเธอ“เห็นไหมล่ะ ความที่คุณไม่กลัวอะไรเลยทำให้คุณต้องตกที่นั่งลำบากแบบนี้ไง” ชายหนุ่มโบ้ยหน้าลงไปที่หัวเข่าของเธอ เพื่อบอกให้เธอนั้นดูผลลับของการไม่ยอมคนที่เธอได้รับมา“ฉันรู้แล้วล่ะน่า ไม่ต้องมาพูดมาก”“เดี๋ยวผมจะพาคุณกลับบ้าน” ตั้งแต่ขึ้นรถมาเธอก็ผล่อยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อมาถึงบ้านธีภพหันไปมองหน้าเธออยู่สักพัก จมูกโด่งรั้นของแม่สาวผู้ดื้อรั้นไม่ยอมคนช่างเข้ากับใบหน้าสวยเฉี่ยวของเธอจริงๆ ขนตางอนเป็
ตอนที่ 29 ความห่วงใยหลังจากที่ทุกคนทานข้าวเสร็จวิฑูรย์ก็เอ่ยขึ้น“ลุงว่าหนูอรควรที่จะไปหาหมอดูนะ ไม่รู้ว่ากระดูกร้าวหรือเปล่า”“ไม่หรอกค่ะ ถ้ากระดูกร้าวอรคงจะปวดมากกว่านี้แล้วคงเดินไม่ได้อรไม่เป็นไรค่ะ ก็แค่อาจจะช้ำในแล้วก็ยังเจ็บแผลอยู่ค่ะ”“ตาหนึ่งพาหนูอรไปเอกซเรย์ดูว่าข้างในกระดูกเป็นอะไรหรือเปล่า พ่อเป็นห่วงน่ะ”“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณลุง”“พอดีวันนี้ผมไม่ว่างนะครับพ่อ ผมต้องเข้าไปคุยเรื่องสำคัญกับคู่ค้านะครับเกี่ยวกับการต่อสัญญาของโรงงานแป้งมันสำปะหลังนะครับ”“อย่างนั้นเหรอ”“ครับ ผมสามารถแวะส่งคุณอรที่โรงพยาบาลได้นะครับ แต่คุณอรอาจจะต้องรอผมนานหน่อยเพราะไม่รู้ว่าผมจะเสร็จตอนไหน” เอกภพที่ส่งยิ้มให้อรรัมภา เธอจึงหันไปหาวิฑูรย์กำลังจะปฏิเสธอีกครั้งเพราะไม่อย่าให้ตัวเองทำให้เอกภพลำบากเพราะเธอ“ไม่เป็นไรหรอกพี่ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ธีภพเสนอตัวขึ้นมาที่จะพาอรรัมภาไปโรงพยาบาล“แกจะไหวเหรอต
ตอนที่ 28กระจ่างเล็กที่รู้ว่าอรรัมภาคงไม่ปล่อยเรื่องกบเป็นแน่“เปล่านะคะ เล็กไม่ได้ทำ”“อรยังพูดไม่จบค่ะ น้าเล็กไม่ได้เป็นคนทำแต่น้าเล็กเป็นคนบงการให้ในมั่นเอากบมาวางไว้บนห้องน้องดา” เล็กเบิกตากว้างด้วยความตกใจเธอไม่คิดเลยว่าอรรัมภาจะรู้เรื่องนี้จริงๆ“หรือว่ามั่นเป็นคนเล่าให้ฟัง” เล็กที่ครุ่นคิดในใจว่าเรื่องนี้หลุดถึงหูของอรรัมภาได้ยังไง“น้าเล็กไม่ต้องคิดให้เหนื่อยหรอกค่ะ อรรู้ว่าน้าเล็กเป็นคนสั่งให้มั่นเอากบมาวางไว้ทั้ง ๆ ที่เราไม่ได้มีเรื่องบาดหมางใจกันมาก่อน แต่ทำไมน้าเล็กถึงอยากจะแกล้งอรคะ ถ้าเอามาไว้ที่ห้องอรก็ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ แต่พอเอาไปไว้ที่ห้องน้องดามันกลายเป็นว่าอรนั้นเป็นผู้ร้ายไงคะ ทุกคนถึงมองว่าอรเป็นคนไม่ดี“ไม่นะคะ คุณวิฑูรย์เล็กไม่ได้สั่งให้เอาไปไว้ห้องคุณดานะคะ เล็กสั่งให้เอาไปไว้ห้องนางร้ายคนนี้ต่างหาก แต่เผอิญไอ้มั่นมันไม่รู้จักคำว่าซ้ายขวาค่ะ มันก็เลยเอาไปไว้ผิดห้อง“เอาไว้ผิดห้อง” วิฑูรย์ทวนคำของเล็กในที่สุดความ
ตอนที่ 27ต้อนคนร้ายจนมุม“จะบ้าเหรอนายพูดอะไรให้มันเป็นไปได้บ้าง ถ้าบอกว่าฉันชอบคุณวรินหรือคุณดาก็ว่าไปอย่าง“อย่านะพี่ ดาเธอออกจะหวานเยิ้มและสวยขนาดนั้นพี่จะมาแย่งผมไม่ได้นะ” ไตรภพที่พูดติดตลก“ระวังดีๆเถอะเจ้าสอง ถ้าพี่หนึ่งมาได้ยินเข้านายจะหัวเราะไม่ออก เลิกทำตัวเจ้าชู้ชีกอได้แล้วนะ”“แหม!! ผมพูดเล่นนิดหน่อยพี่ถึงกับโมโหขนาดนั้นเชียว หรือว่าพี่ชอบดา”“ฉันไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละ” ไตรภพต่อยไหล่ของน้องชายจนเซถลา“อะไรวะ ไอ้พี่บ้าพูดหยอกแค่นี้ทำเป็นโมโหตึงตัง อารมณ์ขี้โมโหนี้ไม่เคยหายเลย” ไตรภพบ่นอุบแต่แล้วเขาก็เดินมุ่งหน้าไปยังชั้นสองของตัวบ้านวริษาที่เปิดประตูออกมาเห็นไตรภพกำลังจะเดินไปเคาะห้องของสิรินดาก็ทักขึ้น“คุณกำลังจะเคาะห้องผิดหรือเปล่าคะ” ไตรภพหยุดมือไว้และหันไปมองวริษา“ทำไมเหรอ”“ก็ฉันคิดว่าคุณน่าที่จะไปเคาะห้องฝั่งปีกซ้ายดูนะคะว่าเธอเป็นยังไงบ้าง”“ไม่ล่ะ ผมไม่อยากไปเจออาการวีนแตก
ตอนที่ 26 ไม่เข้าใจตัวเอง“คุณลุง” อรรัมภาพูดขึ้น วิฑูรย์ยืนกอดอกมองอรรัมภา“หนูอรไปที่นั่นได้ยังไง”“คุณอรไปกับผมครับ” เสียงเปี๊ยกที่เดินตามขึ้นมาเพราะรู้ความผิดของตัวเองและรู้สึกผิดกับอรรัมภาเป็นอย่างมาก เด็กหนุ่มที่ยืนร้องไห้น้ำตาไหล อรรัมภารู้สึกสงสารเขาไม่น้อย“เอ้า! เล่ามาเจ้าเปี๊ยก” ธีภพที่ยืนกอดอกฟังเปี๊ยกเรื่องราวต่างๆให้วิฑูรย์ฟัง จนเขาอดที่จะเป็นใจของอรรัมภาไม่ได้เขาก็ไม่นึกเหมือนกันเมื่อเห็นน้ำตาของเธอเข้าก็ทำให้เขารู้สึกหัวใจวิวสงสารเธอขึ้นมาซะดื้อๆ“น้าเล็กนะครับบอกให้ผมไปเอาโทรศัพท์ของพี่มั่นที่ลืมอยู่ในไร่”“โทรศัพท์อะไรทำไมไม่ไปเอาพรุ่งนี้”“มะ ไม่รู้สิครับ แต่พอผมไปถึงแล้วก้ไม่มีโทรศัพท์จริงๆเลยครับ”“ทำไมแกต้องอึกๆอักๆแกเล่ามาให้หมด แล้วหนูอรไปกับแกได้ยังไง”“ก็น้าเล็กบอกว่าให้ผมไป แต่ผมไม่อยากไปผมกลัวผีนะครับ มันกำลังจะค่ำแล้วน้าเล็กก็เลย เอ่อ บอกว่าให้ผมพาคุณอรไปด้วย”
ตอนที่ 25ไออุ่น“ว้าย” เธอเกือบจะล้มลงไปมือหนาก็คว้าประคองเอวของเธอไว้ หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองรู้สึกเหมือนมีไออุ่นอยู่ข้างๆจนรู้สึกดีขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก“คุณสอง” หญิงสาวเอ่ยชื่อเขาด้วยความตกใจ“ทำไมคุณไม่ขานตอบผม”“ก็ฉันไม่รู้นี่ค่ะ ก็ฉันพยายามฟังแล้วแต่ฉันไม่นึกว่าจะเป็นเสียงคุณจริงๆ”“ไม่นึกว่าจะเป็นเสียงผม”“ค่ะ คือว่าฉันไม่ค่อยได้ยินเสียงและฉันก็กำลังเดินหาทางออกอยู่”“แล้วคุณเข้ามาในไร่ได้ยังไง” หญิงสาวนิ่งไปสักครู่แต่ก็ไม่พูดอะไร“แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า” เขาเห็นเธอคลำที่หัวเข่า“ฉันล้มค่ะเมื่อกี้ ก็เลยเจ็บหัวเข่า”“งั้นก็รีบไปเถอะ” ธีภพที่โอบเอวอรรัมภาออกแล้วหาทางออกจากไร่อ้อย ความอบอุ่นและอ่อนโยนที่อรรัมภาไม่เคยเห็นธีภพแสดงออกมาสักครั้ง“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าฉันอยู่ในนี้” ใบหน้าหล่อก้มลงมาใกล้ใบหน้าสวยจนทั้งคู่สบตากันเข้า“เราหาทางออกไปจากที่นี้ก่อนเถอะ อย่าพึ่งถามมากเลย” ธีภพที่ต