หน้าหลัก / โรแมนติก / บรรณาการเย้ารัก / Chapter 7.เหตุผลที่มีชีวิตอยู่

แชร์

Chapter 7.เหตุผลที่มีชีวิตอยู่

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-15 00:38:20

            “อุ้ย! พ่อบ้านก็คิดเช่นเดียวกันหรือนี่”  หญิงสาวทำเป็นไร้เดียงสาขึ้นมาทันทีแล้วกลอกตามองทางฉู่ห่าวหราน “ท่านลองคิดดูเถิด แค่ชื่อตัวเองยังไม่เขียนไม่ได้ มันน่าน้อยใจในโชคชะตามากเพียงใด คนเราเลือกเกิดมิได้ แต่เลือกที่ใฝ่หาความรู้ได้ จะดีเพียงใด ถ้าคนมีความรู้ยอมสละเวลามาสอนเด็กเหล่านี้”

            “แม่นางเหอคิดว่าเด็กเหล่านี้อยากเรียนหนังสือรึ?”  เขาเอ่ยถามเสียงเรียบ จ้องมองนางอย่างค้นหาความจริง  แต่นางกลับฉีกยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกายแล้วหันไปทางเด็กกลุ่มนั้น

            “มีใครอยากเขียนชื่อตัวเองได้บ้าง!”

            “ข้า!”

            “ข้าด้วย!

            “ข้าเป็นผู้หญิง ก็...ก็...อยากเขียนอ่านเป็นนะ”

            เยว่ซินหันกลับมาสบกับฉู่ห่าวหราน “ท่านได้คำตอบแล้วสินะ”

            “ข้าไม่เคยสอนเด็กเล็กๆ ขนาดนี้ แต่ถ้าพวกเขาสนใจ ข้าจะสอนให้วันล่ะหนึ่งชั่วยาม”  ชายหนุ่มเอ่ยเสียงราบเรียบ ทว่าน้ำเสียงของเขาทำให้เด็กๆ โฮ่ร้องดีใจ

            หันซูอ้าปากค้างไม่คิดว่านายท่านจะตกปากรับคำง่ายดายเพียงนี้

            “ข้าสอนเฉพาะคนที่ตั้งใจเรียนเท่านั้น หากผู้ใดไม่ตั้งใจเรียน ข้าจะหยุดการสอนทันที”

            “ได้แน่นนอน” เยว่ซินตอบอย่างรวดเร็ว “พวกเจ้าได้ยินแล้วหรือไม่”

            “อื้มๆ” เด็กๆ พยักหน้าหงึกหงัก

เยว่ซินส่ายหน้าไปมา “เรียกอาจารย์สิ แล้วรีบขอบคุณท่านอาจารย์ฉู่ด้วย”

            “ขอบคุณท่านอาจารย์ฉู่!” 

            เด็กๆ ส่งเสียงพร้อมเพรียง ฉู่ห่าวหรานพยักหน้ารับแล้วหมุนล้อรถให้เคลื่อนออกมา หันซูเข้าไปช่วยเข็นให้ทันที   เยว่ซินมองรถเข็นสภาพเก่าด้วยใช้งานมานานพลางครุ่นคิดในใจจนเผลอกดริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว

            “นายท่าน...” หันซูเรียกเบาๆ เมื่อเข็นรถเข็นออกมาได้ไกลแล้ว

            “ข้าแค่อยากรู้ว่านางจะทำสิ่งใดกันแน่” 

ฉู่ห่าวหรานนึกถึงดวงตาเป็นประกายของนาง นางต่างหากที่เหมือนหัวหน้าเด็กกลุ่มนั้น แต่รอยยิ้มของนางไม่อาจทำให้เขาวางใจได้ว่านางมาที่นี้เพื่อจุดประสงค์ใดกันแน่ 

          เพียงคำบอกเล่าของเด็กๆ ก็ทำให้ผู้ใหญ่บ้านถึงกับหน้าตื่นมาสอบถามความจริง สีหน้าจริงจังใจเปี่ยมด้วยความหวังนั้น ทำเอาหันซู่ถึงกับต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับเหงื่อ

            “วันละหนึ่งชั่วยามเท่านั้น”   ฉู่ห่าวหรานเอ่ยเสียงเรียบ แม้บนใบหน้ามีรอยแผลขนาดใหญ่ แต่ดูเหมือนผู้คนที่นี้จะไม่สนใจอะไรนัก ผิดกับยามที่เขาอยู่เมืองหลวง เขาล้วนต้องพบเจอสายตาเวทนา สงสาร เห็นใจ เศร้าใจ รังเกียจและหวาดกลัว  เขาต้องรับมือกับสายตาเหล่านี้จนใจด้านชา

            “ช่างดีเหลือเกิน เป็นวาสนาของพวกเราโดยแท้”

            “จะเรียนรู้ได้มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับตัวผู้เรียนเอง”

            “เรื่องนั้นพวกเราทราบดีขอรับ”

            “ข้าบอกเด็กๆ ไปแล้ว อีกสองวันมาเตรียมตัวมาเรียนได้”

            “ขอรับ แล้วเรื่องค่าตอบแทน...”

            “เรื่องนั้นข้าไม่...”

“แน่นอนย่อมต้องมีค่าตอบแทน” เยว่ซินรีบพูดแทรกขึ้น นางหันไปขยิบตาให้ฉู่ห่าวหรานก่อนแล้วจึงเอ่ย “ใต้เท้าฉู่เคยสั่งสอนองค์ชายองค์หญิงมาก่อน ยอมไม่ธรรมดาแน่นอน หากแต่รักสันโดษและใช้ชีวิตสมถะ การเงินของใต้เท้าไม่ลำบาก แต่ถ้าไม่คิดเงินเลยก็ดูจะไม่เป็นธรรมต่อนายท่านของเรานัก เอาอย่างนี้ พวกเจ้าหาคนมาซ่อมแซมคฤหาสน์ของนายท่านหน่อยจะเป็นไร  ตรงไหนที่รกก็จัดการเสีย กำแพงที่เป็นช่องก็หาอะไรมาปิดให้มิดชิด  ไม่ต้องรีบร้อน พ่อแม่ของเด็กคนไหนว่างก็มาช่วยกันทำ”

            “ถ้าเป็นเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้  พวกเรายินดีทำขอรับ”

            “เช่นนั้นก็ถือว่าเราเข้าใจตรงกันแล้วนะ” เยว่ซินยิ้มร่า “อ้อ เรื่องเวรยามที่คุยกันไว้ ท่านจัดการเรียบร้อยแล้วรึ”

            “เรียบร้อยแล้ว ผลัดเวรกันดูแล จนกว่าจะมั่นใจว่าหมาป่าไม่กลับมาอีก”

            “ดีแล้ว”

            “เช่นนั้น ข้าขอตัวก่อน จะได้เตรียมตัวส่งเด็กๆ มาเรียนหนังสือกันที่นี่”

            “ค่อยๆ เดินนะ ข้าไม่ไปส่ง”

            ผู้ใหญ่บ้านผงกศีรษะให้นางเล็กน้อย แล้วหันไปประสานมือคารวะฉู่ห่าวหรานแล้วจึงเดินจากไปด้วยใบหน้าเบิกบาน 

            “แม่นางเหอ เหตุใดท่านพูดเช่นนั้น”

            “ประโยคไหน”  นางเลิกคิ้วจ้องหน้าหันซู “ข้าพูดไปตั้งเยอะ”

            “ท่านก็รู้ว่า...”

            “อ้อ! เรื่องที่ท่านฉู่ไม่ลำบากเรื่องเงินนะหรือ?” นางตบหน้าผากตัวเอง “เรื่องแบบนี้มีใครไม่รู้บ้าง ฮ่องเต้พระราชทานสิ่งใด ใต้เท้าปฏิเสธไปหมดสิ้น สกุลฉู่เหลือท่านราชครูเพียงผู้เดียว ยามเดินทางออกจากเมืองหลวง ไม่นำพาบ่าวไพร่ออกมาด้วย พร้อมทั้งจวนเดิมก็ส่งคืนในราชสำนัก  ออกจากเมืองหลวงราวกับผู้เดินทางไปบำเพ็ญเพียร แต่กระนั้น ฮ่องเต้ทรงเมตตา พระราชทานที่ดินบริเวณนี้ให้ ได้ครอบครองภูเขาลูกหนึ่งย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”

            “แม่นางเหอ!” ใบหน้าหันซูกลายเป็นเขียวคล้ำด้วยความโกรธ  นั้นเป็นเรื่องที่ผู้อื่นร่ำลือกันไปเอง แท้จริงแล้ว ฮ่องเต้มิได้พระทัยดีขนาดนั้น ทรงอ้างโน้นอ้างนี้ขับไล่ไสส่งทางอ้อม ต่อให้คนหูหนวกตาบอดยังรู้ว่าเจตนาของพระองค์ต้องการสิ่งใด

            “อ้าวไม่ใช่เรื่องนี้รึ” นางแสร้งทำหน้าครุ่นคิดแล้วเอ่ย “ข้ารู้ว่าท่านฉู่มีความรู้ความสามารถ ไม่เช่นนั้นจะเป็นราชครูได้อย่างไร” หญิงสาวหัวเราะร่า “แต่ท่านจะกอดเก็บความรู้ไว้ทำไมกัน หรือแค่เขียนตำราทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังก็พออย่างนั้นหรือ? ข้าเองก็ไม่ได้ร่ำเรียนเขียนอ่านสูงส่งอะไรนัก แต่เชื่อว่า หากนำความรู้นั้นมาสั่งสอนคนให้เป็นคนยิ่งขึ้น ย่อมดีกว่าความรู้ที่มีบันทึกไว้ในกระดาษ”

            ถ้อยคำของหญิงสาวทำให้ดวงตาคมจับจ้องใบหน้าระบายยิ้มอยู่เสมอ เยว่ซินไม่เคยหลบตาเขาสักครั้ง  ราวกับไม่มีสิ่งใดทำให้หวาดกลัว นางอายุเท่าไหร่กัน สิบหกหรือสิบเจ็ด เหตุใดจึงเหมือนผ่านอะไรมากมาย  สิ่งแวดล้อมแบบใดกันที่ส่งผลให้นางยังคงยิ้มเช่นนี้ได้

            “ข้าจะกลับไปพักผ่อน”  เขาหมุนล้อรถเข็นเพื่อจะกลับที่พัก แต่เยว่ซินกลับกระโดดมาขวางไว้ก่อน

            “นี่เจ้า!”  หันซูหลุดปากตวาดเยว่ซินออกมา

            “ก็บอกให้เรียกข้าว่าเยว่ซิน” นางแลบลิ้นใส่หันซู แล้วหันมายิ้มหวานใส่ชายบนรถเข็น “ท่านก็คิดเหมือนกันใช่ไหม ให้ชาวบ้านมีความรู้ย่อมดีกว่าให้พวกเขาโง่งมแล้วตกเป็นเพียงเบี้ยล่าง มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ความเป็นความตายของประชาชนขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ของเหล่าขุนนาง”

            ดวงตาคมกริบตวัดมอง แม้เพียงวูบเดียว นางก็เห็นได้ถึงเพลิงโทสะในดวงตาของเขา เยว่ซินฉลาดพอที่จะไม่สะกิดแผลในใจเขาไปมากกว่านี้  นางยังคงทำหน้าทะเล้นแล้วเปลี่ยนเรื่อง

            “วันก่อนได้ข้าถลกหนังหมาป่าไว้ให้ท่าน แต่ข้าอ่อนด้อยเรื่องงานเย็บปัก เกรงว่าลงกรรไกรตัดแล้วจะเสียของ ข้าจึงอยากถามว่าท่านอยากได้อะไรเป็นพิเศษหรือไม่”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 46. บทส่งท้าย 2 (จบ)

    “แล้ว...ท่าน...ท่านพี่ชอบข้าตรงไหน ทำไมท่านอยากแต่งงานกับข้า”‘ถามเอาตอนนี้มิช้าไปหน่อยหรือเจ้าลิงน้อย’ฉู่ห่าวหรานคลี่ยิ้มอ่อนโยน “ข้าชอบเวลาที่มีเจ้าอยู่ข้างกาย”แม้มีบิดาเป็นบัณฑิต แต่เยว่ซินไม่ได้ลึกซึ้งกับถ้อยคำที่ต้องคิดสลับซับซ้อน ขณะที่นางคิดทบทวนคำพูดของเขา ปลายนิ้วของชายหนุ่มก็ปลดเปลื้องเสื้อผ้าของนางออกที่ละชิ้น กว่านางจะรู้ตัว บนร่างก็เหลือเพียงเอี๊ยมสีแดงปิดบังบัวตูมคู่งาม“อ๊ะ!” เยว่ซินได้สติรีบยกมือขึ้นปิดทรวงอกแล้วหันหลังให้ เขาไม่เคยฝึกยุทธ์ไม่ใช่หรือ? เหตุใดเปลื้องเสื้อผ้ารวดเร็วถึงเพียงนี้เพราะหันหลังให้ เขาจึงเห็นรอยแผลเป็นสีชมพูจางๆ บนแผ่นหลังของนาง เด็กอายุสิบขวบได้รับบาดแผลขนาดนี้ นางต้องอดทนมากกว่าเขาหลายร้อยหลายพันเท่ากว่าจะผ่านมันมาได้ แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำลายรอยยิ้มหรือเสียงหัวเราะของนางได้เลย นั้นคือสิ่งที่เขาเรียนรู้จากนางฉู่ห่าวหรานโน้มหน้าลงประทับริมฝีปากกับรอยแผลของนางเบาๆ เยว่ซินสะดุ้งแต่ไม่กล้าเอี้ยวตัวกลับมามอง นางลืมไปเสียสนิทใจว่าตนหันหลังให้เขา“แผลอยู่ด้านหลังคงใส่ยาลำบากสินะ” เขาพูดเสียงพร่าชวนให้คนฟังหวั่นไหวพลางแกะสายเอี๊ยมเส้นเล็กด้านหลังขอ

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 45. บทส่งท้าย 1.

    ‘คุณชายฉินฝากบอกคุณหนูว่า เมื่อถึงเวลาขายผลผลิตจะเป็นคนรับซื้อไว้เองขอรับ’ หม่าเจียนอี้รายงานตามที่ฉินเฟยหลงกำชับไว้ ‘เขาจะต้องการไปทำไมเยอะแยะ’ แรกทีเดียวนางไม่เข้าใจนัก แต่หลังจากมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงเดินทางจากไปได้ราวสองเดือน นางได้ข่าวว่าในวังหลวงเกิดก่อกฎบ แต่ครั้งนี้ไม่สูญเสียเท่าที่ผ่านมา เนื่องจากหลายฝ่ายทนพฤติกรรมฮ่องเต้ทรราชไม่ไหว รวมทั้งต้องการโคนล้มอำนาจเสนาบดีฝ่ายซ้าย ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ถึงเวลานี้นางคาดเดาได้แล้วว่าฉินเฟยหลงแท้จริงแล้วเป็นใคร แต่ช่างเถอะ อย่างไรนางอยู่ที่นี่ไกลเมืองหลวงมาก หากไม่เพราะการข่าวของโรงรับจำนำเจิ้งจิงดีเยี่ยม นางคงไม่ต่างจากชาวบ้านทั่วไปที่กว่าจะรู้ข่าวก็ผ่านมานานนับเดือน เพราะความใจลอยคิดเรื่องอื่น ทำให้เยว่ซินเผลอเหยียบชายกระโปรงตนเอง นางเสียจังหวะเล็กน้อย แต่มือข้างหนึ่งยืนมาประคองนางไว้ก่อน “ไหวหรือไม่” น้ำเสียงอ่อนโยนเจือนความห่วงใย ทำให้เยว่ซินรู้ว่ามือที่ประคองนางอยู่คือใคร ทว่านางมองที่พื้นเห็นรองเท้าบุรุษยืนใกล้ม

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 44. เจ้าจะไปไหน

    มู่หงเทียนคืนหยกชิ้นนั้นให้เซียงเริ่นเจิน “หยกชิ้นนี้เป็นหยกลายเมฆที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนประทานให้” ฉินเฟยหลงปรายตามองเล็กน้อยก่อนเผยรอยยิ้ม “เอาเป็นว่า วันข้างหน้า หากพวกเจ้าต้องการล้างมลทินหาคนผิดมาลงโทษ ข้าจะช่วยเจ้าเต็มที่” เซียงเริ่นเจินไม่รู้ว่าที่แท้ฉินเฟยหลงเป็นใคร รู้เพียงว่าเขามีลักษณะโดดเด่นเหนือคนทั่วไป แต่ลึกๆ เขากลับรู้สึกมีความหวัง การเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี แม้เขาเป็นขุนนางแต่ก็คาดหวังเห็นความสุขของชาวบ้านเหนือสิ่งอื่นใด “เอาล่ะ ถึงเวลาแล้ว พวกเราต้องเดินทาง” มู่หงเทียนเอ่ยกับทุกคน แต่สายตาหยุดที่ฉู่ห่าวหราน “ข้าหวังใจว่าเจ้าจะกลับไปช่วยงานอีกครั้ง” ฉู่ห่าวหรานไม่ได้ปากตอบรับ เขาเพียงส่งยิ้มน้อยๆ แล้วประสานมือคารวะ “ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย” หลังจากสิ้นสุดการสนทนา ทั้งหมดออกมาส่งมู่หงเทียน มู่ยี่และฉินเฟยหลงขึ้นรถม้า ทว่ายังมีรถม้าโกโรโกโสคุ้นตารออยู่ไม่ไกล เยว่ซินจำได้ดีว่าเป็นรถม้าของฉู่ห่าวหราน “ทำไมรถม้าของท่านมาอยู่ตรงนี้” “ข้าเองก็ต้องกลับคฤหาสน์เชิงเขาแล้ว” “

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 43. ไขว่คว้าความสุข

    ฉู่ห่าวหรานตื่นจากภวังค์พลิกฝ่ามือหงายขึ้นแล้วประสานมือกับนางแล้วส่งยิ้มอ่อนโยน “ข้าไม่ได้เป็นอะไร เจ้าอย่ากังวลใจไปเลย” ท่าทีสนิทสนมและอาการห่วงใยเต็มเปี่ยมนี้ ทำเอาพ่อและแม่บุญธรรมรวมทั้งฉินเฟยหลง นั่งยิ้มกริ่มแม้แต่หันซูที่เคยไม่ชอบนิสัยไร้มารยาทของนางยังยอมรับว่า ทั้งคู่เหมาะสมกันยิ่ง คู่สวรรค์สร้างเช่นนี้ไม่แต่งงานกันได้อย่างไร เยว่ซินเพิ่งรู้ว่าตกเป็นเป้าสายตาจึงคิดชักมือกลับแต่ฉู่ห่าวหรานบีบมือนางไว้ไม่ยอมปล่อย จะว่าไป นางมีเรี่ยวแรงมากกว่าเขา แต่ทำไม นางไม่สามารถดึงมือตนเองกลับมาได้ การที่เขากุมมือไว้มันรู้สึกดีเหลือเกิน “เด็กโง่” มู่ยี่หัวเราะร่า พอใจที่เห็นว่าที่ลูกเขยใส่ใจลูกสาวบุญธรรมอย่างดี “บุรุษที่ดีเช่นนี้ต้องรีบคว้าไว้สิ ” “พวกท่านไม่เข้าใจ” นางหมายถึงบาดแผลไฟไหม้บนแผ่นหลังของนาง เป็นสามีภรรยา ยามร่วมหอต้องเปลือยกายแล้วเขาเห็นแผลเป็นของนางจะไม่หมดเสน่หาไปหรือ? แม้ฉู่ห่าวหรานยืนยันว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเหล่านี้ แต่นางยังเป็นกังวลอยู่ดี “แผลเป็นของฉู่ห่าวหรานรักษาได้ แผลเป็นของเจ้าก็รักษาได้เช่นก

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 42. พี่เขย

    “ขออภัยแม่นางเหอ ตอนนี้จิตใจของข้าอยู่ที่การดูแลซินเอ๋อร์ คงไม่มีใจไปทำสิ่งอื่นได้” “ซะ...ซิน...ซินเอ๋อร์” เยว่ซินทำตาปริบๆ ไม่คิดว่าเขาจะเรียกนางสนิทสนมอย่างนี้ “คุณชายฉินเรียกเจ้าว่าซินเอ๋อร์ได้แล้วข้าเรียกไม่ได้รึ” ฉู่ห่าวหรานยังคงน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาจ้องเขม็งที่นางทำให้หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าหงุดจนคางแทบชิดอก ท่าทางของเยว่ซินทำให้ฉินเฟยหลงหัวเราะด้วยความพอใจ “เรียกซินเอ๋อร์นั้นเหมาะสมแล้ว” ฉินเฟยหลงพอใจที่เห็นฉู่ห่าวหรานแสดงท่าทีชัดเจนเช่นนี้ ก็คงมีลิงน้อยโง่งมของเขาที่ดูไม่ออกหรือไรว่าอีกฝ่ายมีใจให้นาง “เอาล่ะ ข้ามาเพื่อกล่าวลา และหวังใจว่าจะได้พบท่านราชครูฉู่ที่เมืองหลวง ท่านมิต้องรีบให้คำตอบข้า แค่เมื่อถึงวันนั้น ข้าจะถามท่านอีกครั้ง” “ขอบคุณคุณชายฉิน” ฉินเฟยหลงผงกศีรษะให้เล็กน้อย แล้วจับท่อนแขนของเหอเยว่ซิน กึ่งลากกึ่งจูงออกมาทันที ไม่น่าเชื่อเลยว่า เขาเตือนนางแล้ว แต่นางยังกล้าทอดสะพานให้ฉู่ห่าวหรานอีก สตรีผู้นี้น่าชังยิ่งนัก “เอ๊ะ!” “ยังจะอยู่อีกเรอะ” เหอเยว่ซินกัดริมฝีปากไม่กล้าโต้เถียงอะไร ได้แต่ปล่อยให้เขาลากออกมา ฉู่ห่าวหรานถอนใจเบาๆ ในห้องเหลือเพียงเขา

  • บรรณาการเย้ารัก   Chapter 41. คนมีแผลอยู่ด้วยกันไม่ดีหรือไร

    “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไรไม่รู้ มาช่วยข้าเตรียมอาหารเถิด” “ได้เจ้าค่ะ ฮูหยิน” “เชี่ยวเมิ่น!” เสียงหัวเราะหวานใสของทั้งสองคนทำให้ห้องครัวเล็กๆ ดูอบอุ่นขึ้น เชี่ยวเมินติดตามจางฮุ่ยเหมยมานาน ลำบากมาด้วยกันก็มาก นางได้แต่หวังว่านายของตนจะพบความสุขเสียที. ฉินเฟยหลงเห็นเพียงเสี้ยวหน้าของหญิงสาวก็เดาความรู้สึกนึกคิดของอีกฝ่ายได้ แม้ใบหน้าระบายยิ้มแต่ดวงตาเปล่งประกายความไม่พอใจอยู่หลายส่วน “แม่นางเหอ” เจ้าของชื่อตัวจริงถึงกับสะดุ้ง เหอเยว่ซินที่ยืนอยู่หลังบานประตูที่แง้มอยู่ มือที่ประคองถาดขนมหวานสั่นน้อยๆ เมื่อเห็นว่าผู้มาเป็นใคร นางก็คลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วเอ่ยทักทาย “คุณชายฉินเฟยหลง” แม้เขาจะยิ้มแต่ดวงตาไม่ยิ้ม ชายหนุ่มไม่ได้เปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตน เขาคลี่พัดในมือโบกเบาๆ แสร้งทำเป็นมองเข้าไปด้านใน“อ่อ...ท่านราชครูฉู่อยู่กับซินเอ๋อร์ที่นี่เองหรือ? แหม...ดูเอาใจใส่ซินเอ๋อร์ดีเหลือเกิน” ชายหนุ่มลอบสังเกตสีหน้าของเหอเยว่ซินแล้วพูดต่อ “เจ้าคงคิดสินะว่า ที่ตรงนั้นควรเ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status