"ก็นังชะเอม ลูกสาวยัยผกาไง"
"โอ๊ยพ่อ พี่เอมเค้าไปเป็นผีน้อยอยู่ที่เกาหลีโน่น เค้าแค่ไม่ติดต่อทางบ้าน"
"ไหนล่ะหลักฐาน เอามาซิ"
"ก็บอกแล้วไง เค้าไปแอบทำงาน ก็เลย..."
"พอ ๆ รีบหาผัวซะ หรือไม่ก็...กลับกรุงเทพฯ ไปเลย"
"ไร้สาระน่ะพ่อ หนูจะฝึกงานที่โรงพยาบาลที่นี่ เรื่องอะไรจะไป ผอ.โรงพยาบาลตอบรับแล้วด้วย"
“อะไรนะ! นี่แกจะจมปรักอยู่ที่ป่าที่เขาจริงรึ พ่ออุตส่าห์ส่งแกไปเรียนถึงกรุงเทพฯ แทนที่จะใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบายที่โน่น แต่กลับพาตัวมาอยู่บ้านป่า”
“เพราะหนูรู้ไงคะ ว่าอยู่ที่ไหน แล้วมีความสุข หนูโตแล้วนะคะพ่อ ขอหนูเลือกชีวิตของหนูเอง”
และขอเลือกผู้ชายที่เธอจะอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต ด้วยตัวเธอเองด้วย...
“ทำไมตอนนั้น...พวกเขาไม่เอาเธอไปนะ?”
สิบปีมานี้ แม้เธอจะไม่มีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนไหนเลย แต่กลับรู้สึกเหมือนเสียตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
โดยเฉพาะในคืนพระจันทร์เต็มดวง ยามค่ำคืนถูกอาบไปด้วยแสงจันทร์กระจ่าง ความฝันอันหวามหวานสะกดอารมณ์และความรู้สึกให้จมดิ่งลงไปในความรัญจวนชวนลุ่มหลงอันลึกลับ
“อ่า...” ร่างกายของเธอเร่าร้อนในทุกอณู โดยเฉพาะเนินสวาทแสนบริสุทธิ์ พรหมจรรย์สดสาวในช่องรักราวกับโดนไฟเผา
“อือออ...อือออ...” ความรู้สึกกระสันซ่านวาบหวิวครอบงำจิตวิญญาณของเธออย่างหนักหน่วงแน่นหนา รั้งรัดมัดร่างกายเธอไว้อย่างแข็งแรง จนไม่สามารถดิ้นหลุดออกจากพันธนาการเร้นลับนั้นได้
“ซี๊ดส์...อือ..” เธอร้องครางแผ่วเบาราวแมวน้อย ยามเสียวสยิวในช่องรักนุ่มหยุ่น ราวกับโดนเลียไล้ด้วยปลายลิ้นอุ่น
“โอววว...” เธอรู้สึกเหมือนร่างกายโดนปลายลิ้นสากเลียไล้ตั้งแต่หัวจดเท้า รู้สึกถึงการบุกรุกของท่อนเนื้อแข็งคัดที่กระแทกกระทั้นเข้ามาไม่หยุดยั้ง
“อ๊า...” รู้สึกถึงปากลิ้นที่ชโลมลงบนทรวงอกราวกับฝีแปรงของจิตกร รู้สึกถึงปลายลิ้นนุ่มเย็นที่ระบัดระบายในซอกคออย่างเย้ายวน
โอววว...ลมหายใจรุนแรงกระหน่ำลงมาอย่างกระหืดกระหาย ไม่ขาดสาย ปรนเปรอความเสียวสยิวอย่างชำนาญจนร่องรักแสนบริสุทธิ์ กระสันซ่านฉีดน้ำสวาทหลั่งรินย้อยเยิ้มจนชุ่มฉ่ำ
“อูวววว....” ในค่ำคืนที่แสนหวามหวิว...
ทว่า...การลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าของคืนรัญจวนนั้น หาได้พบร่องรอยการเสพสังวาสตามร่องรักไม่ เพียงแต่บนที่นอนนั้นกลับเนืองนองไปด้วยน้ำรัก
เธอนิ่งคิดนิดหน่อย “แล้วถ้าฉันไม่ตกลงล่ะ”อัคคีราหน้าสลดเศร้า “หัวใจของพวกเราคงแห้งแล้ง เหมือนคนไร้วิญญาณ ลดาจะใจร้ายกับพวกเราจริงเหรอ หรือว่าพวกเราทำให้ลดามีความสุขน้อยไป”“ไม่ใช่อย่างนั้น” เธอรีบบอกก่อนที่เขาจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้ เพราะอย่างไรเสีย เธอก็กระโดดลงมาในวังวนสวาทหวานนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว แต่ถ้าจะต้องหายจากโลกภายนอกแล้วมาใช้ชีวิตอยู่ในป่าอาถรรพ์กับสามพี่น้อง มันก็ควรจะวางแผนให้รอบคอบสิ“ฉันอยากอยู่กับพวกคุณนะ” เพราะพวกคุณแซ่บมาก แถมยังเป็นเจ้าของถ้ำที่เต็มไปด้วยทองคำ “แต่ฉันก็ไม่อยากทิ้งชีวิตของตัวเอง ฉันเองก็มีครอบครัวของฉันเหมือนกัน หากฉันจะไป ๆ มา ๆ ระหว่างโลกภายนอกกับบ้านของพวกคุณ”อัคคีรานิ่งคิด...“ได้สิ” พสุธาราจอมเจ้าเล่ห์ลืมตาขึ้นแล้วจูบแก้มนวลฟอดใหญ่ “แล้วแต่เมียรักจะบัญชา”“หลงเมียเหลือเกินนะ” มหรรณพจูบบนหลังเท้าของเธออย่างลุมหลง ก่อนจะเงยหน้ามองหญิงสาว ด้วยสายตาหวานฉ่ำ “หอมไปทั้งตัวเลยที่รัก”“ใครกันแน่ที่หลง” พสุธารากัดพี่ชายฝาแฝด“แต่เราอยากมีลูกกับลดานะ” อัคคีราเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง ยื่นฝ่ามือลูบไล้หน้าท้องของเธออย่างอ่อนโยน “ลูกหรือคะ?”“เมื่อเราขึ้นเ
“โอววลดาที่รัก...เรารักเธอเหลือเกิน” พสุธารากัดกรามแน่นแล้วตะบันเด้าความเป็นชายเข้าใส่ร่างกายของเธออย่างไม่ยั้ง“อ๊ะ อ๊ะ โอ้วส์ พสุธารา อือ” แรงเสียดสีจากความเป็นชายขนาดใหญ่ ส่งให้กายเธอแดงเรื่อเหมือนโดนไฟเผา อะดรีนาลีนสูบฉีดตั้งแต่หัวจดเท้า“อืออ ลดาที่รัก หอมหวานเหลือเกิน” มหรรณพก้มลงจูบไซ้ซอกคอข้างซ้ายของเธอ พร้อมใช้ฝ่ามือลูบไล้บีบคลำทรวงอกอวบอิ่ม“โอวว เมียรักของเรา” อัคคีราจูบหอมแก้มนวลข้างขวาอย่างลุ่มหลง ฝ่ามือเลื่อนลงสัมผัสเนินสวาทแล้วนวดเน้นเม็ดกระสันเสียวปรนเปรอ“อะ อะ อะ อะ” พสุธาราอัดกระแทกดุ้นเนื้อเข้าใส่ช่องสวาทของหญิงสาวไม่ยั้ง แรงเร้าจากภายในช่องนุ่มตอดรัดลำเนื้อจนมันแข็งคัด ปวดหนักเหมือนมันจะปริแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ“โอ้วว ที่รัก เรา...โอย” ใบหน้าคร้ามเข้มแดงก่ำ ร่ำร้องเหมือนจะขาดใจ ขณะฉีดพล่านน้ำสวาทเข้าใส่ช่องสวาทของหญิงสาวไม่ยั้ง “อ่า...”“อืออ....อูวว” ลดาละมัยหลับตาพริ้มอิ่มสุข รู้สึกถึงน้ำอุ่นในกายอีกครั้ง ก่อนจะโดนจูบปากจนหนำใจจากริมฝีปากสีดำเพื่อตอบแทนความสุขที่ได้รับ“อืมมม...” เธอจูบตอบเขาด้วยความเร่าร้อน ขณะเดียวกันก็ถูกถ่างขาอ้าออกจนกว้าง เมื่อท่อนเนื้อขนาดใหญ
อัคคีราจ้องมองน้องชายคนเล็กนิ่งงัน ดูเหมือนหัวใจของพวกเขาจะกลับคืนร่างแล้วสินะ “อื้ออ...” เธอพยายามดันแผ่นอกหนานั้นออก แต่กลับโดนสวมกอดแนบแน่น แล้วบดจูบรุนแรงกว่าเดิม“อืออ...อืออ...อ่า...”“โอววว...” เขาผละริมฝีปากออก จ้องมองใบหน้าสวยด้วยความลุ่มหลง “เรารอเธออยู่นะ”“หืมม...” เธอจ้องตอบดวงตาสีเพลิง ทำไมรู้สึกว่าริมฝีปากดำขลับนั้นช่างน่าหลงใหลนัก“เนื้อคู่ของเรา” เขาเอ่ยพลางยิ้มมุมปากหัวใจของเธอเต้นรัว หันกลับไปมองอัคคีราที่ยืนมองด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง ไร้ความหึงหวง ยอมรับในโชคชะตาที่มีร่วมกัน ส่วนเจ้าดวงตาสีน้ำเงินก็ลืมตาขึ้นแล้วลุกขึ้นนั่ง หันกลับมาจ้องน้องชายฝาแฝดที่กำลังจู่โจมเธอไม่เลิก ด้วยการจูบหอมไม่หยุดหย่อน“สบายดีหรือท่านพี่อัคคีรา”“เราสบายดีมหรรณพ แต่ท่านแม่จากไปแล้วเมื่อห้าปีก่อน ส่วนท่านพ่อยังคงปกครองชาวเผ่าแห่งเราอยู่ พวกนายทั้งสองหลับไปนานนับสิบปีทีเดียว”“ต้องขอภัยท่านพี่และท่านพ่อด้วย เพราะเราทั้งสองต้องการรักษาชีวิตของเธอไว้ ก็เลยต้องยอมเสียสละตัวเองเพื่อปกป้องเธอ”คำกล่าวของมหรรณพทำให้ลดาละมัยชะงัก ยื่นฝ่ามือกันใบหน้าของดวงตาสีเพลิงที่พยายามจูบหอมใบหน้าเธออย่างห
“โอ๊วววส์ ซี๊ดส์ อ๊า...โอยเสียว” เธอร้องครางลั่นอย่างสุขสม เผยอร่องสวาทขึ้นรับปากลิ้นของเขาอย่างเต็มใจโหยหา “อัคคีรา...อื้อ อ๋อย”เขากระดกลิ้นละเลงใส่เม็ดเสียวของเธอไม่ยั้ง ก่อนจะสูบความสาวแล้วดูดดุนอย่างเมามันส์ไร้ปรานี ราวกับจะสูบวิญญาณของเธออย่างไรอย่างนั้น“อ๊า...” เธอร้องลั่นด้วยความเจ็บ ยามนิ้วใหญ่สอดแทรกเข้ารูเสียวแล้วกระแทกกระทุ้งไม่หยุด“โอ๊ย โอ๊ย อัคคีรา อ๊า” ใบหน้าสวยเหยเกด้วยความเสียวทรมาน...แต่เพียงไม่นานนักก็ต้องพบกับความเจ็บปวดรวดร้าวราวกับถูกกระชากวิญญาณ“โอ๊วส์อัคคีรา อือออ...”“ที่รัก...” ใบหน้าคร้ามแดงก่ำ กายแกร่งชื้นเหงื่อ ขยับร่างขึ้นคร่อมทับแล้วแทรกท่อนเนื้อขนาดใหญ่แหวกกลีบร่องรูสดสาว อัดกระแทกพรวดเดียวจมมิด“โอ๊ย! เจ็บ! อ๊า” เธออ้าปากหวอ กดสายตาลงมองช่วงร่างของตัวเอง ซึ่งโดนท่อนเนื้อของเขาฝังแนบแน่น จนเหลือเนื้อโคนเพียงน้อยนิด “โอยอัคคีรา มันเป็นครั้งแรกของฉันนะ ทำไมคุณไม่ปรานีฉันเลย”“เราอดใจไม่ไหว กระหายเหลือเกิน” เสียงแหบพร่าบ่งบอกอารมณ์กำลังร้อนได้ที่ “ความงามของเธอ ทำให้เราควบคุมตัวเองไม่อยู่ โอวว ท่อนเนื้อของเรากำลังสุขสมเลยเชียว”ซึ่งก็ไม่ต่างจากช่องสวาทข
“ว๊าย!” เธอตกใจตาเหลือก เมื่อริมฝีปากแนบชิดกับริมฝีปากของเขาแบบไม่ได้ตั้งใจ เรือนกายทาบทับบดเบียดบนกายแกร่งแนบแน่น ขณะลำร้อนของเขาพุ่งผ่านหว่างขาของเธอตั้งโด่เหมือนเสาไฟฟ้ายังไงยังงั้น“อือ...” เมื่อได้สติ เธอรีบผละริมฝีปากออก จ้องมองดวงตาคู่คมด้วยความเขินปนตกใจ เขาจะรู้มั้ยว่ามันเป็นจูบแรกของเธอ“เป็นเมียเราเถอะ” เขาเอ่ยออกมา ด้วยแววตาวามวาว แรงปรารถนาในหัวใจเดือดพล่านจนไม่อาจต้านทานไหว กำหนัดแตกซ่านในทุกอณูเนื้อ จนน้ำสวาทแทบจะพุ่งทะยานออกมา “เอ่อ...” หัวใจของเธอเต้นเร็วรี่ถี่หนัก หายใจเร็วแรงจนได้ยินชัด กายอุ่นร้อนขึ้นเหมือนโดนไฟเลีย“เธอทำให้เราแทบคลั่งแล้ว”“แต่เราเพิ่งเจอกันเอง” เธอไม่ได้บอกเขาหรอก แต่กำลังบอกตัวเองต่างหาก เพิ่งเจอกันแท้ ๆ แต่กลับอยากเป็นของเขาจนตัวสั่น อยากสูบแก่นกายกำยำของเขาไม่ให้เหลือ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ“มันไม่สำคัญหรอก ถ้าเราเกิดมาคู่กัน” เอ่ยพลางตวัดฝ่ามือรวบท้ายทอยของเธอให้ก้มเข้าหาใบหน้าของเขา แล้วจูบริมฝีปากกันอย่างดูดดื่ม เร่าร้อน...“อ่า...อ่า...” แทนที่จะขัดขืนรสจูบของชายที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ เธอกลับจูบตอบเขาอย่างเต็มใจ อ้าปากรับลิ้นสากแผ่นใ
เขายิ้มกริ่มอย่างสุขสมใจ เร่งความเร็วของฝีเท้าม้าให้แรงเร็วกว่าเดิมหลายเท่า ยามวิ่งผ่านป่าเขาลำเนาไพรอันตราย สู่หน้าผาใหญ่ตระหง่านเบื้องหน้า สถานที่ลับเฉพาะของตระกูลผู้นำ ในที่สุด...ม้าดำทมิฬก็พาเขาและเธอขึ้นไปยังยอดเขาสูงสุดแห่งพงไพร ยืนสง่าบนริมหน้าผาอันยิ่งใหญ่ ไม่หวั่นต่อสายลมแรงที่แล่นปะทะไม่หยุดหย่อน“สูงจัง...เรามาที่นี่กันทำไม ไหนบอกจะพาไปหาเจ้าของหิน” เธอเงยหน้า ทวงถามเจ้าของอ้อมกอดอันตราย คนที่เคยใช้ดาบจ่อคอยหอยเธอเขาก้มมองเธอด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป เปลวเพลิงในดวงตาสงบลงจนกลายเป็นแสงสีทองเรืองรอง ดวงตาสีน้ำเงินก็ส่องประกายความอ่อนโยนออกมาจนทำให้ใบหน้าขึงขังดุดันนั้นผ่อนคลายกว่าเดิม “อยากเจอพวกนั้นจริงเหรอ”เธอนิ่วหน้านิดหน่อย “จริงสิคะ”“ไม่กลัวอันตรายเหรอ”“ก็มีคุณอยู่ด้วย”“เราอาจทำลายเธอได้มากกว่าที่คิดนะ”“ยังไงคะ”เขาก้มหน้าลงใกล้ใบหน้าเธอจนลมหายใจประสานกัน สองริมฝีปากเกือบแตะแต้ม ทำเธอใจสั่นระริก ซ่านสยิวตรงหน้าท้องอย่างห้ามไม่อยู่“คุณ...”“อยากกลืนกินเธอเหลือเกิน” คนป่าเปิดเผยความรู้สึกร้อนลุ่มในอก พร้อมขยับแก่นกายบดเคล้าแก้มก้นกลมงามอย่างหยาบโลน “อื้อ” เธอครางแ