Home / แฟนตาซี / บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ / บทที่24 กระบี่หมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์

Share

บทที่24 กระบี่หมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์

ช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่กี่วันนี้หนิงอ้ายได้ฝึกฝนเข้มงวดอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทักษะการต่อสู้และวรยุทธต่าง ๆ รวมไปถึงการใช้บทเวทย์ให้คุ้นชินมากที่สุด ทุกสิ่งที่เขาได้ลงแรงทำไปไม่ใช่เพียงเพื่อให้มารดาของเขาได้ภูมิใจเท่านั้น เเต่สิ่งที่ตัวของหนิงอ้ายกำลังทำอยู่ในตอนนี้ย่อมเป็นตัวเขาเองเช่นกันที่ได้รับประโยชน์นี้ไปในที่สุด

สำหรับโลกใบนี้หลังจากที่เขาได้ลืมตาฟื้นขึ้นมาจากความตายครั้งนั้น ทำให้เขาคิดได้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีเพียงผู้ที่เเข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นที่จะไม่ถูกรังแก และเป็นผู้ที่สามารถควบคุมทุกสิ่งอย่าง พลังอำนาจเองก็ยังคงเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ผลักดันให้สามารถอยู่จุดสูงสุดได้เสมอ เพราะโลกของชาวยุทธภพนี้ทุกคนย่อมให้ความเคารพมีความอ่อนน้อมแก่ผู้ที่เเข็งแกร่งอีกทั้งยังยำเกรงต่อผู้มีอำนาจนั่นเอง

หนิงอ้ายมองดูกระบี่สีขาวในมือที่ถูกแกะสลักกลวดลายงดงามแปลกตา นี่เป็นกระบี่ที่เขาตัดสินใจซื้อมาจากร้านค้าอาวุธวิเศษเมื่อตอนที่ได้ไปตลาดในช่วงเย็นวันนี้ที่ผ่านมากระบี่หมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์เล่มนี้ที่คนแนะนำประจำตรงบริเวณอาวุธวิเศษ ได้บอกแก่หนิงอ้ายว่ากระบี่เล่มนี้อยู่ในร้านค้านี้มานานแล้ว ทว่าไม่สามารถมีผู้ใดที่จะสามารถครอบครองได้ ตอนที่เขาเข้ามาทำงานที่ร้านนี้ก็ได้มีกระบี่ดังกล่าวแขวนอยู่มาก่อนแล้ว หากนับเป็นเวลาก็ล่วงเลยมาเกือบสามสิบปีเลยทีเดียว คนงานเก่าแก่ที่เคยอยู่ก่อนหน้าหลาย ๆ คนได้เล่าให้ฟังว่ากระบี่เล่มนี้ไม่ทราบถึงตัวคนที่นำมาฝากขายเเต่อย่างใดเพียงเเต่เล่าให้ฟังถึงที่มาของตัวกระบี่ดังกล่าวนี้เท่านั้น

เจ้าของร้านรุ่นก่อนไปหลายรุ่นเห็นว่าเป็นกระบี่เนื้อดีที่มีความงดงามอาจจะขายในราคาที่สูงได้จึงตกปากรับซื้อโดยทันที หลังจากนั้นมีผู้คนมากมายทั้งคนทั่วไปรวมไปถึงชาวยุทธภพต่างซื้อกระบี่เล่มนี้ไป เพียงเเต่ว่าไม่เกินสามราตรีเท่านั้นกลับเอามาคืนที่ร้านด้วยสภาพของกระบี่ที่ยังคงงดงามไร้การผูกพันธะ อีกทั้งยังไม่ขอรับเงินคืนทำเอาน่าเเปลกใจไม่น้อยเเต่ด้วยเพราะสามารถเข้าใจได้ว่ากระบี่เเต่ละเล่มนั้นต่างก็มีจิตวิญญาณเช่นเดียวกัน

ผู้ที่นำกระบี่เล่มนี้มาขายกับทางร้านได้เอ่ยกล่าวว่ากระบี่เล่มนี้ถูกตีขึ้นในวันที่มีช่วงเวลาของกลางวันและกลางคืนเท่ากัน ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้มักจะเกิดขึ้นในรอบหนึ่งพันปีเพียงเท่านั้น วัสดุที่ถูกนำมาสร้างกระบี่เล่มนี้ว่ากันว่าเป็นกระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรวารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์อันเป็นสัตว์อสูรระดับสูงที่ไม่มีผู้ใดพบเห็นมาหลายร้อยปีเเล้ว ที่ได้ทำการสละร่างกายและกระดูกวิญญาณอสูรของตนสำหรับการละทิ้งทุกสิ่งอย่างโดยไม่ต้องมีห่วงอันใด

หนิงอ้ายดึงกระบี่ออกจากด้ามจับปรากฏเป็นกระบี่เนื้อดีสีขาวมุกแวววาวเปล่งประกายสะท้อนกับเเสงเทียนในห้องได้อย่างงดงาม หลังจากนั้นแล้วจึงลองใช้แขนข้างที่เขาถนัดทำการกวัดแกว่งไปเพื่อทดสอบการใช้งาน สำหรับกระบี่ที่เขาได้ซื้อมามีน้ำหนักที่พอเหมาะพอดีไม่เบาไม่หนักจนเกินไป มองด้วยตาเปล่าสามารถรับรู้ได้ถึงความคมของตัวกระบี่คล้ายกับดาบซามูไรในโลกเดิมของเขา หากเปรียบเทียบกันแล้วกล่าวได้ว่าเป็นกระบี่ที่งดงามเเต่แฝงด้วยกลิ่นอายความดุดันไม่น้อย หนิงอ้ายเอ่ยในใจว่าหากเป็นเพราะโชคชะตาลิขิตจากสวรรค์แล้วขอให้เขาสามารถผูกพันธะกับกระบี่เล่มนี้ให้สำเร็จ จากนั้นหนิงอ้ายจึงตัดสินใจร่ายบทเวทย์ทำการผูกพันธะกับกระบี่นี้ในทันที

หลังจากที่หนิงอ้ายนั้นได้ทำการผูกพันธะกับกระบี่เล่มนี้ได้สำเร็จ ราวกับว่าหนิงอ้ายได้เข้าไปยังสถานที่หนึ่งที่ตนไม่คุ้นเคยในความทรงจำ หากกล่าวไม่ผิดในตอนนี้ตัวเขาเป็นเสมือนบุคคลที่สามที่มองเห็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นถึงความเป็นที่มาของกระบี่เล่มนี้...

สัตว์อสูรวารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์เป็นคนรักของเจ้านายผูกพันธะของตน ทั้งสองให้คำสัญญาต่อกันว่าจะไม่มีสิ่งใดมาพรากจากกันอย่างแน่นอน เเต่สุดท้ายเเล้วชายหนุ่มผู้ผูกพันธะกับสัตว์อสูรดังกล่าวได้ทำการตบแต่งสตรีผู้หนึ่งเข้าตระกูลตามคำสั่งของบิดามารดา แม้ว่านางจะเข้าใจเป็นอย่างดีว่าความรักระหว่างสัตว์อสูรกับมนุษย์นั้นเป็นไปได้ยาก เเต่ด้วยเพราะเชื่อว่าพวกเขาทั้งสองได้ฟันฝ่าทุกอย่างมาด้วยกันอย่างมากมาย อีกทั้งฝ่ายชายยังให้คำสัญญาว่าจะรักนางเสมอ แม้นางจะเป็นเพียงเเค่สัตว์อสูรก็ไม่อาจทำให้ใจของเขานั้นแปรเปลี่ยนอย่างแน่นอน

เเต่ใครเล่าจะรู้...เวลาเปลี่ยนใจคนเปลี่ยนได้เช่นกัน ขณะที่สัตว์อสูรวารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์นั้นกำลังตั้งครรภ์ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง นางเฝ้ารอวันที่ชายคนรักจะกลับมาจากการไปเยี่ยมเยือนบ้านของสตรีที่เขานั้นจำเป็นต้องตบแต่งเข้ามา เเต่สุดท้ายวันที่นางไม่คาดคิดจะมาถึงชายคนรักที่เคยพร่ำบอกว่าไม่มีทางที่เขาจะเกินเลยไปกับสตรีผู้นั้น เเต่กลายเป็นว่านางกลับท้องอ่อน ๆ อายุครรภ์ไล่เลี่ยกับนางเสียด้วยซ้ำ ชายหนุ่มผู้เป็นที่รักได้เเต่ขอโทษนางและให้คำสัญญาว่านางยังจะเป็นผู้ที่สำคัญที่สุด

อสูรวารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์แม้จะเป็นสัตว์อสูรระดับสูงเพียงใดก็ไม่อาจทันเล่ห์เหลี่ยมของมนุษย์ได้ ชายคนรักได้เอ่ยขอร้องให้นางปลอมตัวเป็นเพียงหญิงชาวบ้านธรรมดา อีกทั้งใช้พันธะที่ได้ผูกไว้สะกดพลังที่เเท้จริงของนางไว้...

ลับหลังของชายอันเป็นที่รัก นางมักจะถูกกลั่นแกล้งและถูกทำร้ายร่างกายอยู่เสมอ นางไม่แน่ใจว่าชายคนรักนั้นไม่เคยรับรู้หรือไม่คิดจะสนใจกัน จนมาวันหนึ่งที่สตรีนางนั้นล้มป่วยลงและเกือบทำเสียบุตรในท้องไป ในคืนนั้นนางผู้เป็นสัตว์อสูรในพันธะที่คิดว่านางเป็นคนรักที่สำคัญของชายหนุ่ม เเต่แล้วคนรักของนางได้เข้ามาด่าทอนางโดยที่ไม่ฟังความอะไรทั้งสิ้น อีกทั้งเชื่อคำเป่าหูโดยที่ไม่สืบหาความจริงสักนิดว่าเป็นฝีมือของผู้ใด เพราะคิดว่านางเป็นถึงสัตว์อสูรระดับสูงย่อมมีลูกไม้ที่ไม่ธรรมดาสามัญอยู่เเล้ว

เมื่อกล่าวด่าทอนางจบก็หันหลังกลับไปเฝ้าสตรีนางนั้นในทันที ทิ้งไว้ให้นางได้เเต่ร้องไห้เสียใจชายผู้เป็นที่รักคงลืมไปเเล้วว่าได้ใช้พันธะสะกดพลังของนางหมดสิ้นจนนางนั้นแทบไม่ต่างจากคนธรรมดาเสียด้วยซ้ำ และนางจะไม่สามารถใช้พลังได้หากไม่มีสิ่งที่คู่ควรมาเเลกเปลี่ยนพันธะดังกล่าว เสียงของบ่าวรับใช้กล่าวว่าชายหนุ่มเอาใจใส่ดูเเลสตรีผู้นั้นอย่างดีและยกย่องนางผู้นั้นเป็นฮูหยินเอกของตระกูลที่เหมาะสมกันราวกับคู่หยวนหยาง แม้นางจะเจ็บช้ำเพียงใดนางไม่เคยคิดจะจากไปจากชายคนรักสักครั้ง

ความรู้สึกของนางในตอนนี้ปนเปกันไปหมดทั้งสำนึกบุญคุณ ทั้งความรัก ทั้งความรู้สึกราวกับถูกทรยศหักหลัง ทุกความรู้สึกได้เข้ามาโจมตีไม่หยุด อีกทั้งบุตรในครรภ์ของนางนั้นจวนเจียนจะคลอดเเล้วเเต่ด้วยเพราะนางเป็นสัตว์อสูรระดับสูงการตั้งครรภ์จึงไม่เหมือนคนทั่วไปนางเพียงมีอาการเหนื่อยล้าเนื่องจากถูกบุตรในท้องดูดกลืนพลังวิญญาณไปนั่นเอง

ความจริงแล้วนางสามารถใช้ผลึกปราณธาตุหรือกระดูกวิญญาณระดับต่ำในการบำรุงครรภ์ได้เช่นกัน เพียงเเต่ว่าหลังจากเหตุการ์ณในครั้งนั้นชายหนุ่มไม่เคยมายังเรือนของนางอีก ข้าวของทุกสิ่งอย่างที่นางควรได้รับนั้นกลับไม่ได้เลยเพียงนิด นางมารับรู้ทีหลังว่าการจัดการดังกล่าวนั้นเป็นสตรีผู้นั้น ยิ่งนางได้คลอดบุตรออกมาก่อนกำหนดเเล้วเป็นบุตรชาย ยิ่งทำให้ฐานะในใจของสตรีนางนั้นที่มีต่อชายหนุ่มคนรักจึงเพิ่มสูงขึ้นไปอีกหลายเท่า

จนมาถึงวันที่ความอดทนนางได้หมดลงในวันครบรอบบุตรชายอายุหนึ่งเดือนของชายคนรักกับสตรีผู้นั้น นางได้ถูกสั่งห้ามไม้ให้เข้าร่วมพิธีดังกล่าวเเต่ที่เรือนของนางก็มีสำรับอาหารปกติ หลังจากที่นางได้กินเข้าไปพลันรู้สึกปวดท้องขึ้นมาอย่างรุนแรงราวกับจะคลอด และนางไม่สามารถใช้พลังของสัตว์อสูรของตนในการรักษาบุตรในครรภ์ไว้ได้ ยาทำแท้งยังคงมีผลต่อนางเหมือนกับคนปกติ หากก่อนหน้านี้นางได้รับกระดูกวิญญาณของสัตว์อสูรหรือพลังลมปราณจากผู้ผูกพันธะนางจะไม่มีทางเป็นเช่นนี้ เเต่ที่นางสามารถกลับมาใช้พลังวิญญาณได้ด้วยเพราะชีวิตบุตรของนางเเลกกับการปลดผนึกพันธะที่พันผูก ช่างเป็นการเเลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้มค่าและนางไม่ได้ต้องการให้เป็นเเบบนี้ไม่น้อย...

สัตว์อสูรวารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์ได้พาร่างกายอันบอบช้ำของนาง พร้อมกับร่างบุตรชายที่ไร้วิญญาณไปยังงานเลี้ยงดังกล่าวโดยที่ไม่ต้องกล่าวอะไรทั้งสิ้นนาง ได้กางอาณาเขตม่านน้ำที่ทรงพลังกักขังผู้คนที่อยู่ในงานทั้งหมดใครที่คิดจะฝ่าม่านน้ำสายนี้ออกไปต่างถูกกระเเสพายุน้ำวนตัดเป็นชิ้นส่วนไปสิ้น

หลังจากที่ทุกคนได้สติจึงหันมาต่อสู้กับนางในทันที แม้ว่านางจะเป็นสัตว์อสูรระดับสูงเเต่เมื่อมีคนจำนวนมากร่างกายของนางจึงบอบช้ำไม่น้อย ในที่สุดทุกคนต่างมีมติให้ชายคนรักของนางที่ตอนนี้ขึ้นเป็นประมุขของตระกูลให้ตัดสินโทษแก่นางเสีย ชายหนุ่มได้เเต่เเปลกใจมากกว่าที่นางสามารถใช้พลังอสูรได้ทั้ง ๆ ที่เขาได้ผนึกไว้แล้ว หากเขาไม่ทำการปลดผนึกเองก็ต้องเป็นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เสียชีวิตไปจึงจะเป็นอิสระต่อกัน เเต่เมื่อชายหนุ่มได้สังเกตว่าในอ้อมแขนของนางโอบกอดสิ่งใดอยู่ทำเอาเขานั้นตกใจยิ่ง

ไม่รอให้ชายหนุ่มเอ่ยถามสิ่งใดก็เป็นนางที่เริ่มบทสนทนาดังกล่าว...

''หรงเซียว ท่านทำให้ข้าได้รู้ว่าสุดท้ายเเล้วมนุษย์ก็ไม่รู้จักรักษาสัจจะที่เคยเอ่ย ท่านจำได้หรือไม่ว่าเคยเอ่ยสัญญาอะไรกับข้าเราทั้งสองต่างรู้จักผูกพันธ์กันมาหลายปีไม่น้อยจนข้าไม่รู้ว่าเป็นท่านที่ไม่เคยรู้จักข้าจริง ๆ หรือเป็นข้าที่ไม่เคยรู้จักในตัวท่านในที่ผ่านมา...''

''ต่อให้ท่านจะทำร้ายจิตใจข้ามากเเค่ไหน ต่อให้พวกมันจะกลั่นแกล้งข้าทำร้ายข้าเเต่สิ่งที่ข้าทนไม่ได้นั่นคือการที่มีคนมาทำร้ายคนที่ข้ารัก ก่อนหน้านี้ข้ามีเพียงสองคนเท่านั้นหนึ่งก็คือท่านที่เป็นดั่งเจ้าชีวิตเป็นคนรักของข้าสองนั่นคือบุตรที่อยู่ในครรภ์ที่รอนับวันลืมตาขึ้นมามีชีวิตในโลกใบนี้...''

''เเต่ท่านดูสิสิ่งที่พวกมันทำกับข้า ทำให้ข้าเสียบุตรไปข้าเสียใจเจ็บปวดเเค่ไหนท่านรู้หรือไม่เเต่สิ่งที่ทำข้าเจ็บปวดมากที่สุดนั่นก็คือตัวข้าเองที่ยังคงโง่งมเชื่อในคำสัญญาที่ท่านเคยให้ไว้...''

''ในวันนี้ข้ายอมแพ้เเล้ว ข้าเหนื่อยที่จะรักท่านต่อไปเเล้วด้วยชีวิตของลูกข้าทำให้เราสองคนต่างไม่มีพันธะมาข้องเกี่ยวกันอีก ข้าขอให้ท่านมีความสุขในทางที่ท่านได้เลือกไว้เเต่สำหรับตัวข้านั้นหากเลือกย้อนเวลาไปได้ตัวข้าจะยอมตายไปเสียตั้งเเต่ตอนเเรกเพื่อที่จะไม่ต้องได้มารู้จักกับท่านเช่นนี้...''

''พวกเจ้าทุกคนที่ต่างมีส่วนเกี่ยวข้องในการวางเเผนทำให้บุตรของข้าต้องตายไปในวันนี้ด้วยอำนาจเเห่งข้า อสูรวารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์สัตว์อสูรบรรพกาลศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออยู่ตนสุดท้ายของเผ่า ขอสาปแช่งพวกมันทุกคนให้พบเเต่ความล่มจมและความเจ็บปวดมากกว่าข้าหลายพันเท่าขอให้คำสาปแช่งนี้มีผลตราบเท่านานไม่มีอำนาจใดลบล้างได้ทั้งสิ้น!!!!''

ครืน! ครืน!ครืน!

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ราวกับว่าสวรรค์เบื้องบนได้รับรู้ในสิ่งที่เกิดขึ้นนางนั้นได้เเต่มองหน้าชายหนุ่มผู้เป็นคนรักและบุตรชายที่เสียไปเเล้วในอ้อมกอดครั้งสุดท้าย หลังจากนั้นจึงตัดสินใจล้วงมือไปยังตรงบริเวณส่วนหัวใจของนางเอากระดูกวิญญาณต้นกำเนิดออกมาแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังที่อัดแน่นของสัตว์อสูรบรรพกาล อีกทั้งยังลงบทเวทย์กำกับไว้ว่าผู้ที่คู่ควรเท่านั้นจึงจะสามารถใช้พลังที่เเท้จริงครอบครองเป็นเจ้าของได้ หลังจากนั้นนางจึงตัดสินใจหันคมกระบี่ขึ้นพาดคอของนางในทันที

''อย่า!!!!!'' สิ้นเสียงของชายหนุ่มผู้เป็นดั่งคนรักของนางที่เป็นสัตว์อสูรได้เอ่ยห้ามขึ้นเเต่ก็ไม่ทันการณ์ไปเสียเเล้วสิ่งที่ชายหนุ่มสามารถไขว่คว้าโอบกอดได้กลับเป็นเพียงร่างกายที่ไร้วิญญาณของคนรักและบุตรชายที่ไร้แม้เเต่โอกาสได้ลืมตาบนโลกเเล้วภาพก็ตัดกลับไปในทันที...

หนิงอ้ายไม่สามารถรับรู้ได้ว่าหลังจากที่นางได้ทำการปลิดชีพของตนแล้วนั้นจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปด้วยเพราะสิ่งที่เขาเห็นนั้นจะเป็นเพียงมุมมองของนางสัตว์อสูรเพียงฝ่ายเดียว ดังนั้นเรื่องราวของเส้นทางที่กระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์เล่มนี้อาจจะถูกส่งต่อกันภายในตระกูลนั้นหรือถูกขายให้กับร้านค้าอาวุธวิเศษนี้ได้อย่างไรหรือจะเป็นเรื่องราวของผู้ที่ได้ครอบครองก่อนหน้าต้องประสพพบเจอกับสิ่งใดบ้างถึงขนาดมีความหวาดกลัวและนำกระบี่เล่มนี้มาคืนยังร้านโดยไม่ต้องการเงินคืนเช่นนั้นได้กัน..

กระบี่วารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์เล่มนี้เกิดจากกระดูกวิญญาณต้นกำเนิดอันเป็นแก่นปราณที่ดวงจิตเต็มไปด้วยปรารถนาอันเเรงกล้าเด็ดเดี่ยวของสัตว์อสูรบรรพกาลสายเลือดบริสุทธิ์ จากภาพเหตุการณ์ที่เขาได้เห็นไปเป็นเพียงมุมมองของนางสัตว์อสูรเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น เเต่ของเรื่องราวของทางฝั่งชายหนุ่มคนรักของนางหนิงอ้ายเองที่ยังไม่ได้รับรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริงทั้งหมดจึงยากที่จะตัดสินว่าท้ายที่สุดเเล้วเป็นผู้ใดหรือฝ่ายใดกันกันที่เป็นผู้ที่ผิดกัน

เเต่ในความคิดเห็นส่วนตัวของเขานั้นได้มองว่าฝั่งชายเองก็มีความผิดในส่วนที่ว่าชายหนุ่มคนรักนั้นก็ไม่มีความหนักเเน่นในความรักของตนจนทำให้นางสัตว์อสูรรู้สึกไม่เชื่อใจเเละไม่วางใจ ในส่วนของนางสัตว์อสูรนั้นนางเองก็ไม่รู้จักที่จะรักตัวเองให้มากกว่านี้ นางเอาใจของตนไปผูกกับชายหนุ่มคนรักจนเกินไปทำให้เรื่องราวโศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้เกิดขึ้น...

หนิงอ้ายใช้เวลาเกือบหนึ่งเค่อเลยทีเดียวในการตั้งสติของตนให้กลับมามั่นคงเหมือนเดิมอีกครั้งนอกจากนี้ตัวเขาเองยังต้องพยายามเป็นอย่างมากในการควบคุมพลังลมปราณในร่างกายของตนให้หมุนไหลเวียนเข้าออกอย่างสมดุลซึ่งต้องบอกเลยว่าเรื่องราวในเหตุการณ์เมื่อครู่ตั้งเเต่ต้นจนจบที่ตนได้เห็นนั้นนับว่าเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจของหนิงอ้ายรู้สึกเศร้าเจ็บปวดอย่างถึงที่สุดทุกความรู้สึกในด้านลบต่างชักนำเขานั้นดำดิ่งลงสู่ความมืดมิดกัดกินหัวใจให้เจ็บปวดทรมานอย่างมากที่สุดราวกับเป็นผู้ที่โดนกระทำเสียเองซึ่งสิ่งที่เขาได้รู้สึกเมื่อครู่คงจะไม่ใช่คำกล่าวที่เกินจริงไปนัก

หนิงอ้ายรับรู้ได้ว่าสิ่งที่ตนมองเห็นภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ เสมือนเป็นบุคคลที่สามในก่อนหน้านี้นั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวความทรงจำของสัตว์อสูรบรรพกาลวารีหมอกรุ้งพิสุทธิ์เหมันต์ที่ถูกผนึกฝังไว้ภายในกระบี่เล่มนี้

ตอนเเรกนั้นหนิงอ้ายคิดว่าตัวของกระบี่คงเพียงทำขึ้นจากวัสดุพิเศษที่หายากจึงทำให้มีความแตกต่างจากกระบี่อื่น ๆ ทั่วไปจนที่เขาเองสามารถสังเกตรับรู้ได้ เเต่พอที่ตัวเขาได้เห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นในหัวนั้นทำให้หนิงอ้ายเองก็ประหลาดใจ ไม่คิดเลยเสียด้วยซ้ำว่าเรื่องเล่าถึงที่มาของกระบี่เล่มนี้ที่คนขายอาวุธวิเศษบอกกับตน แม้ว่าเรื่องราวของความเป็นมาของกระบี่เล่มนี้จะถูกเล่าต่อเติมแต่งเรื่องราวมากมายเพียงใดเเต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าก็มีในส่วนของความจริงไม่น้อยเลยทีเดียว...

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   ( -จบเล่ม ปฐมบท 3.2- ) บทที่ 174 ความวุ่นวายที่สิ้นสุดลง

    ความกังวลแผ่ซ่านไปทั่วหัวใจของทุกคนขณะที่พวกเขาเฝ้าดูการเผชิญหน้ากับอสูรมารจางหมิ่นที่เทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูง พวกเขารู้ดีว่าผู้อาวุโสหนุ่มผู้นี้เป็นราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่แข็งแกร่งและมีพรสวรรค์ แต่อย่างไรคู่ต่อสู้ของเขานั้นก็ทรงพลังอย่างหาที่เปรียบมิได้เช่นกัน ยามนี้จางหมิ่นในสภาพอสูรมารนั้นมีพละกำลังมหาศาลมีความเร็วที่เหลือเชื่อและความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าทึ่งทั้งยังสามารถทนทานต่อการโจมตีได้อย่างไม่เพลี่ยงพล้ำ และการโจมตีของเขานั้นรุนแรงพอที่จะสังหารราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณที่อ่อนด้อยได้อย่างไม่ยากนักแม้จะต้องเผชิญกับอสูรมารที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชทินนามเทพสวรรค์วิญญาณขั้นสูงแต่หนิงอ้ายกลับไร้ซึ่งความหวาดหลัวแต่อย่างใด สิ่งนี้กลับชวนให้เขาหวนคิดไปถึงช่วงเวลาที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองแห่งการสังหารในครั้งนั้น แก่นแท้แห่งการต่อสู้ จิตสังหารที่ดิบเถือนบ้าคลั่งที่เคยสะกดไว้คล้ายกำลังถูกปลุกขึ้นโดยที่ไม่ต้องร้องขอกลิ่นอายอหังการที่แข็งแกร่งไม่ธรรมดาของราชทินนามเทพยุทธ์วิญญาณขั้นกลางที่มีรากฐานบ่มเพาะลึกล้ำชวนให้ผู้ที่เคยกังขาถึงความเป็นมาและความสามารถของผู

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 173 สมบัติเทพมารจุติ

    ท่ามกลางความมืดมิดแห่งอนธการที่ได้ปกคลุมทั่วทั้งสนามประลอง บริเวณโดยรอบต่างอัดแน่นไปด้วยความชั่วร้ายและความสิ้นหวัง ม่านพลังพิสดารสายนี้ส่องประกายสีดำม่วงเข้มประกายริ้วคลื่นแผ่กระจายทั้งยังก่อตัวเป็นกำแพงหนาที่ไม่อาจมองทะลุผ่านได้ มากไปกว่านั้นม่านพลังผืนนี้ยังดูดกลืนพลังปราณฟ้าดินโดยรอบเข้ามาเสริมแกร่งอีกด้วย แม้ว่าบรรดาผู้อาวุโสหลายคนจะพยายามโจมตีหรือใช้สมบัติวิเศษเข้าขัดขวางการทำงานแต่ก็ไร้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการได้"สมบัติเทพมารจุติอย่างนั้นรึ? เป็นไปได้อย่างไรกัน!!!" กุ้ยเจินหรือเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งค่ายกลเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าจางหมิ่นที่เป็นผู้ขายวิญญาณนั้นจะครอบครองสมบัติมารระดับสูงเช่นนี้ได้"มันคือสิ่งใดกันสมบัติเทพมารจุติที่เจ้าเอ่ยถึง..." รุ่ยเหอผู้เป็นรองเจ้าสำนักศึกษาและเจ้าตำหนักศาสตร์แห่งการต่อสู้เอ่ยถามด้วยความสงสัย"สมบัติเทพมารจุติเป็นที่เล่าขานกล่าวกันว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่เกิดจากการหลอมรวมพลังของเทพและมารเข้าด้วยกันจึงทำให้สมบัติวิเศษชิ้นนี้มีพลังอำนาจมหาศาลสามารถบันดาลสิ่งที่ปรารถนาได้ทุกประการ โดยเชื่อกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาลมีมหาเทพเทพสองตนที่ทรงพลังยิ่ง

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 172 การปรากฎตัวของผู้ขายวิญญาณ

    คราแรกที่ลู่ซีได้ยินว่าศิษย์ใหม่นามว่าจางหมิ่นนั้นเอ่ยวาจาส่อเสียดหนิงอ้ายเขาก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก เขารู้ดีว่าหนิงอ้ายไม่ได้ปรากฎตัวในสำนักนับเป็นเวลาสิบปีแล้วจึงไม่มีผู้ใดคุ้นเคยหรือพบเห็นหน้ามาก่อน ยิ่งการกลับมาครั้งนี้รูปลักษณ์ของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งหนิงอ้ายยังเป็นผู้ร้องขอว่ายามนี้ควรปกปิดตัวตนของเขาไปเสียก่อน ด้วยเพราะไม่ล่วงรู้ว่าบรรดาศิษย์ใหม่ที่ผ่านการทดสอบในปีนี้ได้มีผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์ที่เป็นสายข่าวของเผ่าพันธ์มารปีศาจที่ถูกส่งตัวมาหรือไม่ แม้ความลับนี้อาจจะเก็บไว้ได้ไม่นานแต่อย่างน้อยท่ามกลางการทดสอบฝีมือเพื่อคัดเลือกเข้าตำหนักนี้ย่อมสามารถสังเกตุอาการพิรุจผิดปกติจากที่ควรจะเป็นได้“ป้ายหยกชั่วคราวลำดับที่เจ็ด ข้าต้องการประลองกับผู้อาวุโสท่านนั้นขอรับ!!” เสียงของศิษย์ใหม่คนหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจจากบรรดาศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ที่ยืนเรียงอยู่ด้านหน้าเพื่อรอเข้าทดสอบเป็นคู่ประลองกับเหล่าศิษย์ใหม่ แม้คำกล่าวนี้จะไม่ได้เอ่ยชื่อแต่ทุกคนในที่นี้ย่อมกระจ่างใจดีว่าถ้อยคำนี้เจาะจงถึงผู้ใด“กฎเกณฑ์เงื่อนไขในการทดสอบคัดเลือกเข้าสังกัดต

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 171 ผู้ท้าทายที่กล้าหาญ

    การทดสอบศิษย์ใหม่ในปีนี้ที่มีการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขกฎเกณฑ์การทดสอบกล่าวว่าเป็นที่น่าตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย บรรดารุ่นเยาว์ชายหญิงเหล่านี้ต่างตั้งตารอที่จะได้ประลองกับศิษย์ผู้สืบทอดหรือศิษย์หลักของตำหนักทั้งสี่ด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขารู้ดีว่าการประลองครั้งนี้จะเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แสดงความสามารถของตนเองและพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าพวกเขาคู่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาแห่งนี้ แม้ไม่รู้ว่าผลลัพธ์ของการทดสอบจะออกมายอดเยี่ยมมากเพียงใดแต่สิ่งหนึ่งที่คาดเดาได้นั่นคือการประลองครั้งนี้จะต้องเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความท้าทายอย่างแน่นอนศิษย์ใหม่ประจำปีการศึกษาจำนวนห้าคนแรกที่ต้องทำการประลองแสดงฝีมือนั้นถึงกับตกตะลึงไปชั่วขณะยามที่ได้ยินเสียงเรียกหมายเลขของป้ายหยกที่พวกเขาถือครองอยู่ ด้วยเพราะไม่เตรียมใจว่าจะได้ลงทดสอบรวดเร็วถึงเพียงนี้ จากนั้นบรรดาสหายและผู้ที่อยู่ใกล้เคียงต่างได้เข้าไปอวยพรให้พวกเขาทำให้ดีที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงได้ก้าวเท้ามุ่งตรงไปยังลานประลองที่มีศิษย์สืบทอดและศิษย์หลักทั้งสี่ที่ยืนเรียงเฝ้ารอคอยว่าพวกเขานั้นจะเลือกใครในการทดสอบความสามารถครั้งนี้แน่นอนว่าศิษย์

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 170 กฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

    หนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านไท่หลุนเมื่อสิบปีก่อนอย่างละเอียด ทุกคนในสำนักศึกษาต่างตั้งใจฟังด้วยความสนใจและตกใจไปกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเผ่าพันธุ์มารปีศาจได้วางแผนการชั่วร้ายเช่นนี้มานานหลายปีเช่นนี้ ยิ่งเมื่อหนิงอ้ายเล่าถึงแผนการลับของเผ่าพันธุ์มารปีศาจที่ได้ยินแม่ทัพมารเอ่ยถึงในครั้งนั้น บางเหตุการณ์ก็ตรงกับข้อมูลที่หน่วยสืบข่าวของสำนักศึกษาสืบค้นได้เจ้าสำนักและผู้อาวุโสคนอื่นๆ ต่างก็กังวลใจเป็นอย่างมาก พวกเขารู้ดีว่าหากเผ่าพันธุ์มารปีศาจประสบความสำเร็จในแผนการแล้ว โลกยุทธภพแห่งนี้คงจะต้องเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่โดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตามทุกคนต่างชื่นชมในความกล้าหาญและความเสียสละของชายหนุ่มตรงหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นได้ส่งผลให้หนิงอ้ายกลายเป็นวีรบุรุษและถูกเลื่อนระดับเป็นผู้อาวุโสสายในของสำนักศึกษาด้วยความเห็นชอบจากเจ้าสำนัก รองเจ้าสำนัก เจ้าตำหนักทั้งสี่รวมไปถึงบรรดาผู้อาวุโสต่าง ๆ ล้วนเห็นด้วยทั้งสิ้นจากนั้นหนิงอ้ายได้เล่าถึงเรื่องราวการหวนคืนกลับมามีกายเนื้อนี้อีกครั้งให้ทุกคนได้รับรู้แต่ก็ปกปิดบางส่วนที่เขาคิดว่าสมควร

  • บุปผากลางใจจอมจักรพรรดิ   บทที่ 169 ผู้ผ่านการทดสอบ

    ท่ามกลางหุบเขาน้อยใหญ่สูงเสียดฟ้าที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกหนาและหิมะสีขาวบริสุทธิ์โปรยปรายอันเป็นลักษณะภูมิศาสตร์ที่โดดเด่นของสำนักศึกษาเหมันต์พันตะศักดิ์สิทธิ์ บรรดาอาคารสิ่งก่อสร้างในสำนักศึกษาต่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบต่างประดับประดาด้วยโคมไฟเวทย์หลากสีสันที่ส่องสว่างไสวให้ความรู้สึกอลังการเพื่อเป็นการต้อนรับเหล่าบรรดาผู้ฝึกตนรุ่นเยาว์จากทั่วทุกสารทิศที่หลั่งไหลเข้ามาร่วมการทดสอบพร้อมกับความหวังและความฝันที่จะก้าวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักศึกษาอันทรงเกียรติแห่งนี้ซุ้มประตูสำนักที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่ผลึกอัมพรสวรรค์เก้าชั้นฟ้าอันเป็นวัสดุสินแร่หายากในยุทธภพนี้ได้ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรบรรจงได้เปิดออกกว้างเพื่อต้อนรับผู้มาเยือนที่หลังจากนี้ย่อมกลายเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันโดยมีผู้อาวุโสและศิษย์รุ่นพี่ที่ยืนคอยต้อนรับด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่น เมื่อการทดสอบสิ้นสุดลงบรรดาศิษย์ใหม่ที่พึ่งผ่านการทดสอบต่างก้าวเดินเข้ามาด้วยความตื่นเต้นและเต็มเปี่ยมไปด้วยความประหม่าหลังจากบรรดาผู้ผ่านการทดสอบทั้งหมดได้เข้ามาโดยพร้อมเพรียงแล้ว บริเวณลานกว้างหน้าสำนักศึกษายามนี้ต่างคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกต

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status