ในเมื่อข้ายอมทุ่มเงินหลายตำลึงทองซื้อตำราให้ลูกน้องคนสนิทของท่าน หวังว่าอ๋องเช่นท่านจะไว้ไมตรีหากข้าไปขอความช่วยเหลือจากท่าน
“ขอรับคุณหนู”
“หลินถง!” หมิงเจียวซือกล่าวก่อนจะแบมือขอถุงเงินจากสาวใช้
“เจ้าค่ะ”
“นี่เป็นค่าตำราทั้งหมดเจ้าค่ะ หากไม่พอยามไปส่งมอบตำราให้แจ้งแก่พ่อบ้านว่าคุณหนูรองหมิงเจียวซือมีใจใฝ่รู้ไปซื้อตำราทั้งหมดนี้ด้วยตนเองนะเจ้าคะ ท่านจะได้รับเงินส่วนต่างที่เหลือ” นางกล่าวพร้อมกับส่งก้อนเงินสีทองจำนวนห้าก้อนให้กับเถ้าแก่เจ้าของร้านตำรา
“ขอรับ”
“เช่นนั้นต้องรบกวนเถ้าแก่ซ่งด้วยนะเจ้าคะ”
“ขอบคุณคุณหนูที่ซื้อตำราของร้านฮุ่ยหมิ่นขอรับ”
“ข้าต้องไปแล้ว ขอบคุณคุณชายอี้อีกครั้งนะเจ้าคะสำหรับคำชี้แนะที่ดีมาก” นางแทบจะกัดฟันเอ่ยวาจาขอบคุณเขาแล้ว ยอบตัวแสดงความเคารพก่อนจะรีบลากสาวใช้ออกจากร้านตำรามา
‘หากท่านแม่ทราบว่าข้านำเงินห้าตำลึงทองมาซื้อตำราให้หมิงเลี่ยงรุ่ย คงโมโหจนเป็นลมล้มพับไปเป็นแน่’ ด้วยเหตุนี้จึงได้สั่งเถ้าแก่ให้แจ้งแก่พ่อบ้านว่าเป็นนางที่อยากได้ตำราเหล่านั้นเอง
นางเข้าใจหัวอกของมารดาดี ว่าเหตุใดถึงโกรธเกลียดบุตรชายของท่านพ่อเช่นนั้น ก็บุรุษที่รักและกราบไหว้ฟ้าดินกันมานานหลายปี จู่ ๆ พาบุตรชายที่เกิดกับสตรีอื่นทั้งยังอายุมากกว่าบุตรที่เกิดกับตนเข้ามาเลี้ยงดูที่จวน ใครบ้างจะไม่รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง
ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะไปโน้มน้าวมารดาให้รู้สึกเอ็นดูพี่ชายต่างมารดา แต่นางเลือกที่จะลดความโกรธแค้นในใจของอีกฝ่ายด้วยการทำดีเล็ก ๆ น้อย ๆ แทน
เถ้าแก่ซ่งช่างจัดการได้รวดเร็วต้นยามเซิน (15.00-16.59) ในวันเดียวกันตำราที่นางจ่ายเงินซื้อก็ถูกนำมาส่งถึงเรือน ซึ่งนางไม่คิดว่ามันจะมากมายถึงสองหีบใหญ่
“พวกเจ้าอย่าเพิ่งไป” นางส่งเสียงเรียกรั้งบ่าวชายสี่คนที่ยกหีบมาเอาไว้
“ขอรับคุณหนู”
“ดูเหมือนจวนข้าจะคับแคบเกินไปที่จะเก็บหีบพวกนี้ได้ พวกเจ้ายกหีบตามข้ามา” วาจาของคุณหนูทำให้บ่าวรับใช้ลอบสบตากัน เรือนคุณหนูใหญ่กว่าเรือนของนายท่านหมิงอีกกระมัง เครื่องเรือนก็มีค่ามีราคาไม่แพ้เรือนของบุตรสาวขุนนางใหญ่
“ขอรับ” แม้จะรู้สึกงุนงงกับวาจาของคุณหนูอยู่บ้าง แต่ทว่าบ่าวรับใช้อย่างไรก็ไม่สามารถโต้เถียงได้จึงทำตามแต่โดยดี
และเมื่อเดินตามผู้เป็นนายไปจนถึงเรือนกลางป่าไผ่ที่อยู่ท้ายจวน ทุกคนก็เข้าใจได้ในทันที ว่าแท้จริงคุณหนูก็เพียงจะกลั่นแกล้งคุณชายใหญ่เช่นเคย
“พี่ใหญ่อยู่หรือไม่” นางเอ่ยถามบ่าวคนสนิทของพี่ชายทั้งสองคนที่กำลังยืนมองนางอย่างไร้มารยาท ไม่รีบทำท่าทางนอบน้อมเข้ามาหาคุณหนูเช่นนาง
“อยู่ขอรับ แต่สั่งห้ามไม่ให้ใครพบ” เป็นฉงซานที่เอ่ยตอบ
ไม่ได้พบหน้าก็ดี ใครจะอยากถูกผู้อื่นจ้องมองด้วยสายตาอาฆาตกันเล่า
“ช่างเถิดข้าก็ไม่ได้สนใจเขามากหรอก พวกเจ้าขนมาวางตรงนี้ แล้วรอกลับพร้อมข้า” นางเอ่ยปากสั่งบ่าวชายทั้งสี่ให้วางหีบตรงหน้าประตูเรือน
“ขอรับคุณหนู” บ่าวรับใช้ตอบรับพลางคิดไปในทางเดียวกันว่า เคยได้ยินว่ายามคุณหนูมากลั่นแกล้งคุณชายใหญ่ก็มักจะถูกอีกฝ่ายทำร้ายคืน นางคงกลัวจริง ๆ จึงให้พวกตนอยู่รอ
“หีบพวกนี้เป็นตำรา แท้จริงข้าก็ไม่ได้อยากซื้อมาหรอก หากไม่บังเอิญพบบุรุษในดวงใจ จึงต้องแสร้งเป็นสตรีจิตใจดีงามและใฝ่รู้จนต้องซื้อตำรามากมายเช่นนี้”
“...” เพ่ยตงกับฉงซานนิ่งเงียบมองตำราจำนวนมากในหีบ
“เรือนข้าหรือก็คับแคบจะให้เก็บตำราไร้ประโยชน์พวกนี้เอาไว้ก็ใช่เหตุ เกะกะขวางทางเดินข้าเปล่า ๆ เรือนของคุณชายพวกเจ้ากว้างขวาง วางหีบพวกนี้เอาไว้คงไม่เป็นไร”
“คุณหนู ท่านบอกจะไม่หาเรื่องคุณชายของพวกเราแล้วไม่ใช่หรือ” เป็นเพ่ยตงเอ่ยถาม วันนั้นก็สู้อุตส่าห์คิดว่ากลับตัวได้แล้วเชียว
“ข้าหาเรื่องคุณชายของพวกเจ้าที่ใด ข้าแค่เอาหีบตำรามาฝากไว้ หากคุณชายพวกเจ้าจะอ่านก็เป็นเรื่องของคุณชายเจ้า ข้าไม่คิดค่าอ่านตำราหรอก”
‘สตรีผู้นี้คิดจะมาไม้ไหน’ เป็นฉงซานที่มองสตรีตรงหน้าด้วยแววตาหวาดระแวง
“อย่าได้คิดว่าข้าจะลำบากนั่งทายาพิษในตำราเหล่านี้ เสียเวลายิ่งนัก”
“แต่เรือนของคุณชายใหญ่คับแคบ คงไม่อาจเก็บตำราทั้งสองหีบนี้เอาไว้ได้ขอรับ” ฉงซานตอบ
“หากไม่อยากเก็บเอาไว้พวกเจ้าจะทำเช่นไรก็ตามใจ จะว่าไปนี่ก็เข้าเหมันต์แล้ว พวกเจ้าจะใช้ตำราพวกนี้สุมไฟก็ตามใจพวกเจ้าเถิด ข้าหาได้สนใจไม่” กล่าวจบนางก็โบกมือเป็นสัญญาณให้บ่าวรับใช้เดินจากมาพร้อมกัน
‘เรื่องอันใดข้าจะหยุด’ นางคิดก่อนจะเอื้อมไปจับมือสาวใช้คนสนิทให้เดินไปด้วยกัน ซึ่งหลินถงก็คล้ายจะเข้าใจจึงทำตามที่คุณหนูต้องการอย่างเงียบ ๆ ไม่เอ่ยวาจา “คุณหนูรองหมิงเจ้าคะ ได้โปรดหยุดสนทนากับข้าก่อนเจ้าค่ะ” ‘ไม่ ข้าไม่หยุด’ นางไม่สนใจด้วยว่าคนที่ส่งเสียงเรียกจะเป็นใคร “คุณหนูรองหมิงเจียวซือ ท่านได้ยินข้าหรือไม่เจ้าคะ” ‘ไม่ได้ยิน อ๊ะ! นั่นพี่ใหญ่ ข้าทำกรรมอันใดไว้ ข้างหน้าก็เป็นพี่ชายตัวเอง ข้างหลังก็เป็นคนที่กำลังเริ่มจองเวรข้า’ เมื่อรีบเลี้ยวไปอีกทางแต่เห็นพี่ชายต่างมารดายืนอยู่ นางจึงรีบเลี้ยวเข้าตรอกแคบไปแทน “ตรอกนั้นเป็นทางตัน เข้าไปแล้วต้องออกทางเดิม” เสียงทุ้มของบุรุษดั
‘ในเมื่อเจ้าเปลี่ยนแปลงตน ข้าก็จะเปลี่ยนแปลงตนเองเช่นกัน’ หากต่อจากนี้นางทำดีกับเขา เขาก็จะดีตอบแทนนางเช่นกัน แต่ทว่าหลังจากนั้นหยวนลี่หมิงกลับไม่มีโอกาสได้ทำเช่นนั้นเป็นปี เพราะหมิงเจียวซือหายหน้าไปตามที่บอกจริง ๆ นัยน์ตาเมล็ดซิ่งจ้องมองไปนอกโรงเตี๊ยมที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนซึ่งมารอต้อนรับคังอ๋องที่ไปรบกับชนเผ่าทะเลทรายและได้รับชัยชนะกลับมาและหากนางไม่ได้รับจดหมายทวงสัญญาเป็นการส่วนตัวนางก็คงไม่มาอยู่ที่นี่ในตอนนี้หรอก ตอนนั้นที่นัดกันไปจิบน้ำชาที่โรงเตี๊ยมปินฉาน คังอ๋องคล้ายอยากให้คุณหนูในชนชั้นสูงทั้งหลายเห็นว่ามากับนาง แน่นอนว่าเย็นวันเดียวกันข่าวลือก็แพร่ไปอย่างรวดเร็วว่าคังอ๋องนั้นใกล้ชิดสนิทสนมกับบุตรสาวคหบดีผู้หนึ่ง แต่น่าเสียดายงานของนางยังไม่ทันได้เสร็จลุล่วง เขาก็ได้รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้นำทัพหล
นัยน์ตาคมที่ฉายแววเย็นชาอยู่บ่อยครั้งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เขาแค่อยากปัดมือนางที่กำลังจะแตะลงบนหน้าผากให้ออกห่างโดยไม่ได้ทันออมแรงกลายเป็นใช้พลังยุทธ์ผลักนางให้ออกห่าง “คุณชาย! ข้าขอบอกเรื่องบางอย่างให้ท่านทราบ ต่อจากนี้ท่านจะทำเช่นไรก็สุดแล้วแต่ท่านขอรับ” เป็นเพ่ยตงที่เดินกลับเข้ามาพร้อมถ้วยน้ำแกงไก่ “ว่ามา” “ข้าเพียงอยากจะบอกกล่าวคุณชาย ว่าแท้จริงคนที่ดูแลคุณชายตอนที่เป็นไข้จนหมดสติหาใช่พวกข้าเช่นที่เคยรายงาน แต่เป็นคุณหนูรองหมิงที่ช่วยตามท่านหมอและดูแลคุณชายจนหายตัวร้อน เมื่อพวกข้ากลับมาถึงเรือนก็โดนนางตำหนิที่ปล่อยคุณชายไว้ตามลำพังพร้อมกำชับไม่ให้ข้ากับฉงซานบอกเรื่องนี้กับคุณชาย เพราะคุณหนูร
5 ขอทำดีอยู่ห่าง ๆ (2) หลินถงบ่นไปน้ำตาซึมไปด้วยความเป็นห่วงคุณหนูของตน โชคดีที่น้ำแกงไก่นั่นคลายความร้อนแล้ว ยามเทราดบนตัวคุณหนูจึงไม่ลวกผิวมาก เรื่องการเชิญท่านหมอมารักษาอาการบาดเจ็บที่ศีรษะของคุณหนูถูกเก็บเป็นความลับ ไม่
“แล้วข้าจะทราบได้เช่นไร ว่าระหว่างที่ข้าปลีกตัวไปสนทนากับท่านอ๋อง พวกเจ้าจะไม่แอบใส่ยาพิษในน้ำแกงเพื่อใส่ร้ายข้า” “พวกข้าจงรักภักดีกับคุณชาย ย่อมไม่ทำเรื่องเช่นนั้นขอรับ” “คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ อาจจะมีสิ่งใดบางอย่างสามารถซื้อใจพวกเจ้าได้ก็ได้ อย่างเช่นเงินทอง หรือสตรี” ก็มีถมเถไปไม่ใช่หรือที่มีคนพ่ายแพ้แก่เรื่องพวกนี้ หากไม่ถูกซื้อด้วยเงินทองจำนวนมากก็มักจะพ่ายแพ้ต่อสตรียอมตายใต้ดอกโบตั๋นแม้เป็นผีก็ยังสุขสำราญ[1] “คุณหนูรอง ท่านอย่าได้เสียเวลาต่อปากต่อคำกับฉงซานเลยขอรับ ในเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่ไว้ใจกัน เช่นนั้นข้าจะเข้าไปพร้อมท่านเองขอรับ” เพ่ยตงเอ่ยเพราะสำหรับเขาคุณชายย่อมสำคัญที่สุด การได้กินน้ำแกงไก่บำรุงคงดีต่อคุณชายไม่น้อย “เป็นเจ้าที่จงรักภ
“นางมารผู้นั้นจะเป็นจะตายก็ไม่เกี่ยวกับข้า” กล่าวจบก็หมุนตัวหันกลับเข้าห้องของตน ด้านหมิงเจียวซือที่ถูกคังอ๋องลากตัวมาสนทนาด้วย และที่ต้องเรียกว่าลาก ก็เพราะบุรุษสูงศักดิ์ใช้นิ้วดึงรั้งอาภรณ์บริเวณแขนของนางเอาไว้ก่อนจะบังคับให้นางเดินตาม “ท่านอ๋องปล่อยหม่อมฉันก่อนดีหรือไม่เพคะ” “ปากก็บอกว่าชื่นชอบข้า พึงใจข้าแต่ดูเจ้าทำสิ แค่อยู่ใกล้ข้ายังไม่อยากทำเลย” “ท่านอ๋องคิดมากเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันเพียงไม่อยากให้ผู้คนติฉินนินทาท่านอ๋องในทางเสียหาย” “ใจจริงข้าอยากใ