“แค่เจ้าหายโกรธพี่ พี่ก็ยินดีมากแล้ว”
“คุณชายเจ้าคะ ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่าน ข้าเป็นเพียงสตรีชาวบ้านที่ผ่านมาพบเจอจึงช่วยเหลือท่านเอาไว้”
“ฮูหยิน เจ้าโกรธพี่ถึงขั้นไม่อยากเกี่ยวข้องเช่นนี้เลยหรือ”
“เฮ้อ...ข้าไม่ใช่ฮูหยินของท่านจริงๆ ท่านชื่อแซ่อันใดข้ายังไม่ทราบเลย แล้วข้าจะเป็นฮูหยินของท่านได้อย่างไร”
“ซีซวน คือนามของพี่ พี่เข้าใจแล้ว เจ้าคงจะน้อยใจพี่ ต่อจากนี้พี่ยินดีจะใช้ชีวิตที่เหลือเพื่อทำให้เจ้าหายโกรธ” สีหน้าและท่าทางราวกับเสี่ยวโก่ว[1] เวลาถูกเจ้าของดุทำให้นางจนใจ
‘เฮ้อ...กล่าววาจาเลื่อนลอยเช่นนี้ ข้าพูดอันใดไปเขาก็คงไม่เข้าใจสินะ’ นางถอนหายใจราวกับปลดปลง
เสียงฝีเท้าจำนวนมากทำให้นางตื่นตัว ไวกว่าความคิดนางรีบดึงรั้งบุรุษตัวใหญ่ให้เดินตามลึกเข้าไปในถ้ำ ก่อนจะพาเขาไปหลบหลังหินก้อนใหญ่ ทว่ามันเป็นพื้นที่แคบ ที่ต้องเบียดเสียดกันเข้าไป ทำให้นางต้องแนบชิดกับเขา ลมหายใจร้อนที่เป่ารดแก้มเนียนใสทำให้นางหัวใจเต้นระรัว นัยน์ตาดำที่ก้มมองนางฉายแววรักใคร่อย่างลึกซึ้ง
ได้ใกล้ชิดบุรุษรูปงามถึงเพียงนี้ สตรีที่เคยผ่านการแต่งงานในชาติก่อนมาแล้ว ย่อมจิตใจสั่นหวั่นไหว
‘คุณชายขอรับ คุณชาย’
“คนพวกนั้นใช่คนของท่านหรือไม่”
“ข้าไม่ทราบ” เขายิ้มบางพร้อมกับส่ายหน้าไปมา
‘นี่มันอาภรณ์ของคุณชาย คุณชายต้องอยู่แถวนี้แน่นอน พวกเจ้าแยกย้ายกันไปหาคุณชาย เจียวมิ่งเจ้ารีบไปนำตัวท่านหมอเทวดามาที่นี่ มีคราบเลือดจางๆ บนอาภรณ์ เกรงว่าตอนนี้คุณชายอาจจะกำลังได้รับบาดเจ็บ”
‘ขอรับ’ เสียงเจ้าของชื่อตอบรับก่อนที่นางจะได้ยินเสียงคนอื่นค้นหาต่อ
“คนพวกนั้นน่าจะเป็นคนของท่าน เราออกไป...” นางยังกล่าวไม่ทันจบมือใหญ่ก็รั้งศีรษะนางแล้วกดใบหน้านางลงบนอกแกร่ง
“คุณชายท่านอยู่ที่นี่เอง” ชายชุดดำส่งเสียง นางพยายามเงยหน้าขึ้นมองแต่เพราะโดนกดไว้จึงไม่เห็นสิ่งใดเลยนอกจากแผงอกเปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ บนกายเขามีเพียงอาภรณ์ตัวนอกของนางคลุมอยู่เพียงเท่านั้น
“พวกเจ้าเป็นใคร”
“พวกเราเป็นผู้ติดตามของคุณชายขอรับ”
“พวกท่านเป็นผู้ติดตามของเขาเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” เพราะดวงหน้าหวานถูกกดอยู่ วาจาที่นางเอื้อนเอ่ยจึงไม่ใคร่จะได้ยินชัดนัก
“เอ่อ...คือข้าน้อยว่าคุณชายกับคุณหนูออกมาจากตรงนั้นก่อนดีหรือไม่ขอรับ” ท่าทางปกป้องของคุณชายทำให้บุรุษชุดดำกล่าวอันใดไม่ออก
เขาค่อยๆ โอบรั้งนางให้เดินออกมาจากซอกแคบหลังก้อนหิน ก่อนจะนำอาภรณ์ตัวนอกของนางคลุมลงบนตัวนาง ส่วนเขาก็ยืนเปลือยอกมีเพียงผ้าบังตั้งแต่เอวยาวลงไปถึงเข่าเพียงเท่านั้น
“พวกท่านเป็นคนของเขาจริงๆ หรือเจ้าคะ” นางเอ่ยถามหลังจากสวมใส่เสื้อคลุมตัวนอกเรียบร้อยแล้ว
“ขอรับ ข้าน้อยเป็นผู้ติดตามของคุณชาย”
“ฮูหยิน...ถอยออกมาอย่าได้อยู่ใกล้บุรุษพวกนั้น” เขาทำท่าจะโอบกอดอีกครา แต่นางเบี่ยงตัวหลบแล้วหันไปเอ่ยกับบุรุษชุดดำที่ไร้กลิ่นอายสังหาร
“คนพวกนี้เป็นคนของท่านเจ้าค่ะ พี่ชายเจ้าขา ท่านช่วยหาอาภรณ์ที่แห้งและสะอาดมาให้คุณชายของท่านได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ได้ขอรับ เจียวลู่ไปนำอาภรณ์มาให้คุณชาย” บุรุษที่เป็นดั่งพี่ใหญ่รับคำพลางก้มหน้าหลบสายตาไม่เป็นมิตรของคุณชาย ก่อนจะเอ่ยสั่งศิษย์น้องให้ไปหาอาภรณ์มาให้
“เมื่อครู่ข้าได้ยินว่าท่านให้คนไปตามหมอแล้วใช่หรือไม่”
“ขอรับ แล้วเอ่อ...คุณหนู” เจียวโจวยังกล่าวไม่ทันจบคุณชายของตนก็กล่าวขึ้นก่อน
“หากพวกเจ้าเป็นคนของข้าจริง เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่ทราบว่านางคือฮูหยินของข้า” สายตาที่เต็มไปด้วยความไม่ไว้วางใจปรากฏในดวงตาของเขา มือใหญ่โอบรั้งเอวนางให้ออกห่างจากบุรุษชุดดำพวกนั้นราวกับปกป้อง
“พวกท่านอย่าได้ตกใจ คุณชายของพวกท่านมีบาดแผลหลายแห่ง ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับบาดเจ็บภายในที่ศีรษะจนทำให้สติฟั่นเฟือน” นางกล่าวพลางพยายามแกะมือใหญ่ที่เกาะเกี่ยวเอวคอดของนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย
“พี่ไม่ได้ฟั่นเฟือน คนพวกนี้ไม่น่าไว้ใจ” กล่าวจบก็กอดรัดนางมากขึ้น
“อาภรณ์มาแล้วขอรับ” บุรุษชุดดำกล่าวพลางยื่นอาภรณ์ตัวใหม่ให้ แน่นอนว่าคนที่รับมันมาต้องเป็นนาง เพราะบุรุษผู้นี้ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้นอกจากนาง
“ท่านสวมใส่อาภรณ์ก่อนเถิด ประเดี๋ยวจะล้มป่วยเอา”
“เจ้าสวมให้พี่ได้หรือไม่ พี่ชอบให้เจ้าปรนนิบัติ” คำกล่าวของเขาทำให้นางแทบจะยกมือตีหน้าผากตนเอง
“แต่ข้ากับท่านไม่ได้เป็นอันใดกันนะเจ้าคะ”
“เจ้าจะโกรธพี่อย่างไรก็ได้ แต่อย่าได้ปฏิเสธเรื่องที่เจ้าเป็นฮูหยินของพี่ได้หรือไม่”
[1] สุนัข หรือ หมา
.........................................
น้องเก็บบุรุษเช่นใดมากันเนี่ย ตื่นมาก็เรียกฮูหยินแล้ว
“เรื่องนั้นท่านอย่าได้ห่วงเลยเจ้าค่ะ พี่เหลียงอี้ เขาไปลาดตระเวนตรวจตราที่บริเวณจวนของนางอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นนางปลอดภัยไม่มีอันตรายแน่นอน” ‘สตรีโง่ ข้าอยากจะบอกเจ้าเหลือเกินว่า คู่หมั้นข้านางผู้นั้นมีของล้ำค่ามากกว่าปิ่นที่เจ้าจะซื้อให้อีก’ ยิ่งได้เห็นความใสซื่อของซูหนิงเซียน ความสนใจในตัวคู่หมั้นก็เริ่มลดลง หากไม่ติดที่ว่ามีบุญคุณช่วยชีวิตเขาก็คงไม่คิดสนใจไยดีแล้ว น่าแปลกที่เขาเชื่อวาจาที่ซูหนิงเซียนบอกกล่าวออกมามากกว่าที่ได้รับฟังจากหม่าลี่อิน “ข้าเลือกชิ้นนี้เจ้าค่ะ ลี่อินนางชอบไข่มุก ข้าว่านางต้องดีใจมากแน่นอนเจ้าค่ะที่ได้ปิ่นนี้” “อืม” รอยยิ้มจริงใจของคุณหนูซูทำให้เขาเอ่ยวาจาไม่ออก “คุณหนูซูท่านช่างโชคดีเหลือเกินขอรับ วันนี้นายท่านของร้านเราใจดี สั่งลดราคาเครื่องประดับให้กับลูกค้าคนที่สิบเก้า ซึ่งคือท่าน” “ลดราคาเช่นนั้นหรือเจ้าคะ” “ใช่ขอรับ เพื่อเป็นการแสดงความยินดีที่ม้าตัวโปรดของนายท่านคลอดลูกม้า นายท่านสั่งลดราคาเครื่องประดับให้ลูกค้าคนที่สิบเก้าครึ่งราคา นั่นเท่ากับว่าวันนี้คุณหน
ดวงหน้าหวานที่โผล่ออกมาจากรถม้าทำให้ใจของเขาสั่นไหว เมื่อนางเผยรอยยิ้มเขาแทบจะกระโดดลงจากชั้นสองของโรงเตี๊ยมเพื่อไปหานาง “แม่นางหนิงเซียน” เสียงทุ้มของบุรุษที่ดังขึ้นดึงความสนใจของซูหนิงเซียนให้หันไปมอง “คารวะคุณชายซวนเจ้าค่ะ” ยามเห็นหน้ากากจึงจดจำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นคู่หมั้นของสหาย “ท่านมาคนเดียวหรือ” “เจ้าค่ะ วันนี้ข้าจะมาหาซื้อผ้าไปตัดชุดให้สาวใช้คนสนิท จึงตั้งใจมาด้วยตัวเองไม่ได้ชวนลี่อินมาด้วย” นางเข้าใจว่าเขาถามหาสตรีในดวงใจ “ข้ามีความรู้เรื่องผ้าไม่น้อย ให้ข้าช่วยเลือกดีหรือไม่ ไม่แน่เจ้าอาจจะได้ผ้าเนื้อดีที่ราคาถูก” “หากมิรบกวนคุณชายซวนเกินไป…” ซูหนิงเซียนยังกล่าวไม่ทันจบเขาก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นก่อน “เรื่องนี้มิได้เหลือบ่ากว่าแรง จะถือว่ารบกวนข้าได้อย่างไร” “เช่นนั้นก็ได้เจ้าค่ะ” นางตอบรับแล้วยกยิ้มเล็กน้อย บุรุษสวมหน้ากากช่วยนางเลือกผ้าได้หลายพับ แต่เมื่อจ่ายเงินนางกลับพบว่านางได้ของดีแต่ราคาถูกอย่างเหลือเชื่อ “ท่านหลงจู๊ ลองคิดเงินใหม่อีกครั้งดีหรือไม่
ในกาลก่อนที่ข้ารักเจ้า บริเวณชั้นบนของโรงเตี๊ยมเลี่ยงจิน บุรุษสวมหน้ากากจ้องมองคู่หมั้นของตนที่กำลังเดินอยู่ท่ามกลางผู้คน ดวงหน้าหวานแต่งแต้มรอยยิ้มสดใสพาลทำให้บุรุษรอบตัวต่างหันมามอง แต่เขากลับถูกสตรีนางหนึ่งดึงดูดสายตาให้จ้องมอง สตรีนางนั้นคล้ายจะเป็นสหายของคุณหนูหม่า แม้ดวงหน้านางจะแต่งแต้มรอยยิ้มบาง แต่ทว่ากลับดึงดูดเขาได้อย่างน่าประหลาด และดูเหมือนว่าแท้จริงบุรุษเหล่านั้นจะจ้องมองนางเสียมากกว่า พลันในอกรู้สึกไม่ชอบใจอย่างประหลาด ความรู้สึกหวงแหนก่อตัวขึ้นในใจของเขาอย่างไม่รู้ตัว เหตุใดกับคู่หมั้นตน เขาถึงไม่รู้สึกเช่นนี้ พรึ่บ ไวกว่าความคิดร่างสูงโปร่งของบุรุษรูปงามก็ปรากฏตัวด้านหลังสตรีทั้งสอง ก่อนจะเอ่ยทักทาย “ลี่อินเจ้ามาเดินเที่ยวเล่นหรือ” เขาทราบว่ามันเป็นคำถามที่ดูโง่งม แต่เขาไม่รู้จะเอ่ยถามอันใดออกไป “คารวะคุณชายซวนเจ๋อเจ้าค่ะ” สายตาที่มีประกายรังเกียจพาดผ่านทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่คู่หมั้นจะแสดงความเคารพเขา หลายครั้งที่นางมองเขาเช่นนี้ คงเพราะหวาดกลัวหน้ากากที่ปกปิดบนใบหน้าเขา การเป
“คนของเจ้าสืบได้ละเอียดถึงเพียงนั้น” หมิงอี้เฉินหรี่ตามองอย่างจับผิด “เรื่องที่คิดกำจัดนางกับท่านพ่อตา คนของข้าได้ยินหม่าลี่อินวาดฝันกับกวางเหลียงอี้ เมื่อเห็นว่าเป็นภัยต่อนาง คนของข้าจึงนำมารายงานข้าด้วย” “...” “เบื้องต้นข้ามีหลักฐานที่กลุ่มนักเลงพวกนั้นสารภาพ เจ้าอยากดูหรือไม่” “อืม” เขายกชามสุราขึ้นจิบก่อนจะตอบรับ “นี่คือจดหมายรับสารภาพของนักเลงที่ดักปล้นรถม้าแต่ถูกข้าซ้อนแผนจับเป็นทั้งหมด ก่อนจะนำมาทรมานเพื่อเค้นความจริง” หยางซีซวนยื่นจดหมายที่เพิ่งนำออกมาจากอกเสื้อให้เขา “หม่าลี่อินชั่วช้ายิ่งนัก คิดจะให้พวกนักเลงข่มเหงนาง” จากคำสารภาพของนักเลง กวางเหลียงอี้เพียงแต่ตั้งใจทำให้นางตกใจ แต่หม่าลี่อินกลับซ้อนแผนให้นักเลงพวกนั้นข่มเหงนางก่อนที่กวางเหลียงอี้จะไปช่วย คงกลัวว่าหากเหมยเขียวม้าไม้ไผ่ของตนได้พบเจอนางจะเปลี่ยนใจ จึงสร้างมลทินให้ซูหนิงเซียน “เพราะเหตุนี้ข้าจึงแสร้งสติฟั่นเฟือนเพื่อจะได้อยู่ในจวนตระกูลซูต่อไป เพื่อจะได้ปกป้องนางและบิดาด้วยตนเอง” “เรื่องนี้เจ้าสามารถใช้ผ
คุณชายหมิงอี้เฉิน เมื่อได้รับข่าวว่าสหายในวัยเด็กเดินทางกลับมาจากเมืองซานโจวแล้ว เขาจึงรีบไปหา แต่ใครจะคิดเล่าว่าการพบเจอครั้งนี้จะพ่วงบุรุษผู้นั้นมาด้วย ชายที่มองอย่างไรก็ไม่คล้ายคนสติฟั่นเฟือน ท่าทางออดอ้อนนั้นแลดูเหมือนบุรุษเจ้ามารยาเสียมากกว่า คุณชายหมิงเหม่อมองท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วยืนนิ่งราวกับกำลังรออะไรบางอย่าง “คุณชายขอรับ นี่ก็เป็นปลายยามไฮ่ (21.00-22.59) แล้ว น้ำค้างก็ลงมากแล้วอย่างไร...” บ่าวรับใช้คนสนิทยังกล่าวไม่ทันจบ คุณชายเจ้าของจวนก็เอ่ยวาจาแทรกขึ้นก่อน “เจ้าไปนอนก่อนเถิด ข้าจะยืนชมดาวอีกสักหน่อยก็จะไปนอนแล้ว” “ขอรับ” เมื่อคุณชายกล่าวเช่นนั้น บ่าวรับใช้คนสนิทก็ได้แต่เดินจากไป พรึ่บ บุรุษชุดดำกระโดดลงมาตรงหน้าเขาหลังจากบ่าวรับใช้เดินหายไปไม่นาน “มาแล้วหรือ” คุณชายหมิงเอ่ยวาจาทักทายผู้มาเยือน “เจ้าอยากพบข้าด้วยเหตุใด” หากบุรุษผู้นี้ไม่ค้นพบการมีตัวตนของผู้ติดตาม เขาก็คงคิดว่า ซือเย่ผู้นี้เป็นเพียงบัณฑิตอ่อนปวกเปียกที่ไม่กล้าฆ่าแม้แต่ไก่ “ท่านควรแจ้งถึงจุดประสงค์ในก
“พี่ไม่ได้รังแกเจ้า พี่มอบความโปรดปรานให้เจ้า” “หน้าอกท่านแน่นเสียจริง” “หากเจ้าอยากลูบไล้ยามไร้อาภรณ์ ก็จงรีบกลับจวนกับพี่” “ไม่เอา ข้ายังไม่อยากกลับ กว่าจะได้ออกมาเที่ยวเช่นนี้ไม่ง่ายเลย ต้องขอบคุณท่านแม่นะเจ้าคะ ที่เมตตาข้า” “มิเป็นไรๆ เจ้าอยู่สนุกกับเหล่าชายงามต่อเถิด แม่ต้องกลับไปรับโทษ...ไม่ใช่ แม่ต้องรีบกลับแล้ว” กล่าวจบหยางฮูหยินก็หันไปมองใบหน้าบึ้งตึงของสามี ‘ครั้งนี้นางคงหยอกเย้าบุตรชายมากเกินไป จึงทำให้ฟูจวิน ของนางโกรธขึ้นมาจริงๆ’ ต่อจากนี้คงต้องทนปวดเอวเพื่อง้อท่านแม่ทัพใหญ่หลายคืนอีกแล้ว “ได้เจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าจะสนุกกับพี่ชายคนงามแทนท่านแม่เองเจ้าค่ะ” นางกล่าวพลางลุกขึ้นแล้วทำท่าจะเดินโซซัดโซเซไปหากลุ่มชายงาม แต่กลับโดนสามีโอบรั้งเอวคอดกิ่วเอาไว้ “พี่ชายคนงามพวกนี้ อยากกลับไปพักผ่อนแล้ว เจ้าอย่าได้รบกวนพวกเขาเลย” น้ำเสียงที่เอ่ยกับฮูหยินตนช่างอ่อนโยนยิ่งนัก ต่างจากสายตาที่จ้องมองคล้ายจะเข้าขย้ำเหยื่อตรงหน้าของราชสีห์ “จริงหรือเจ้าคะพี่ชาย” “จริงขอรับ”