“ไอ้เสือ หนูปรายเขาก็ทักทายก็ตอบเขาหน่อยซิ” คุณบุญมาดุลูกชาย
“ต้องพูดอะไร ก็เห็นอยู่แล้วว่ายืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่ากลับมาแล้วซิ คนถามนั้นแหละถามอะไรไม่รู้จักคิด”
“เขาไม่ได้ถามเขาเรียกคำทักทาย” คราวนี้คุณรำเพยช่วยอธิบาย แต่ไม่หรอกนางเข้าข้างไปรยาสุดฤทธิ์
“พ่อแม่ครับ นั่นแม่บ้านนะครับ แล้วนี่ผมเป็นลูก สับสนอะไรหรือเปล่า” เขาทำหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กไม่รู้ตัว
“น้ำเย็นค่ะคุณพยัต”
ไปรยาเปลี่ยนเรื่อง รีบรินน้ำใส่แก้วส่งให้ เขารับมาแล้วดื่มรวดเดียวเหมือนโมโห จะโกรธอะไรนักล่ะ เธอก็ตั้งใจทำงานดีแล้วนี่นะ วันนี้สนุกกับการเข้าครัวมาก คุณรำเพยชอบทำอาหารแต่อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก จึงไม่ค่อยได้แสดงฝีมือนัก เธอพลอยได้ความรู้ใหม่ไปด้วย
“พ่อกับแม่กำลังจะกินข้าวเย็นพอดี เอ็งมากินพร้อมกันไหมล่ะ” คุณบุญมาถามลูกชาย
แม้จะมีกันอยู่แค่นี้แต่ลูกชายก็โตเกินกว่าจะมาออดอ้อนเอาอะไร จะว่าไปก็โตเกินวัยของเขานั้นแหละ เพราะทำงานเรียนรู้งานมาตั้งแต่วัยรุ่นก็ว่าได้ ภูมิพยัตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงานให้โรงงานเจริญเติบโตก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้
ชายหนุ่มมองมาทางแม่บ้านคนใหม่เหมือนจับผิดแล้วพยักหน้ารับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนป้าประนอมจะทำใส่ตลับพลาสติกสี่เหลี่ยมแช่ตู้เย็นไว้ ป้าประนอมเป็นแม่บ้านที่ไปกลับ ลูกชายสองคนของนางก็ทำงานที่โรงงานของเขานั้นแหละ บ้านจึงอยู่ไม่ไกลนัก ไปกลับจากบ้านใช้เวลาไม่มาก
“หิวผมจะกินที่นี่”
“ค่ะ”
ภูมิพยัตพูดแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ชุดบริเวณสวนย่อม ซึ่งบ้างครั้งพ่อกับแม่ก็ออกมานั่งทานอาหารกันที่ตรงนี้ แต่นั่งก้นไม่ทันติดเก้าอี้ ก็ถูกแม่ตีแขนเข้าให้จนสะดุ้ง
“แม่ตีผมทำไม!”
“จะกินข้าวก็ไปช่วยน้องเขายกสำรับอาหารออกมาซิ จะมานั่งรอเป็นคุณชายได้ยังไงกัน”
“แต่นั่นผมจ้างมาเป็นแม่บ้าน ก็ต้องดูแลบริการนี่” เขาเถียงแม่เหมือนเด็ก
“ตอนป้าประนอมอยู่ก็ไม่เห็นแกจะงอมืองอเท้าให้ใครมาตักข้าวให้กินนี่” คราวนี้แม่ดุกลับไม่ยอมกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ หน้าที่ปรายเอง ทุกคนนั่งรอดีกว่าค่ะ”
“ไม่ได้ๆ วันนี้มีกับข้าวหลายอย่าง ตาภูมิไปช่วยน้องเดี๋ยวนี้”
เจอคำสั่งเฉียบขาดเข้าใจ ภูมิพยัตจำใจลุกขึ้นเดินหน้าตึงเข้ามาในครัว ดูเหมือนว่ากับข้าวจะตักใส่ชามไว้รอแล้ว เขาถอนหายใจหนักๆ นี่เขาจ้างแม่บ้านมาช่วยงานบ้านหรือจ้างมาให้เพิ่มงานให้ตัวเองกันแน่
“คุณพยัตค่ะ ปรายทำเองค่ะ”
“แม่ผมจะได้บ่นอีกไง” เขาทำปากขมุบขมิบ “วันนี้กับข้าวเยอะจัง”
“คุณท่านให้ทำของโปรดคุณค่ะ”
ไปรยายิ้มกว้าง หญิงสาวไม่รู้ตัวหรอกว่ารอยยิ้มของเธอสะกดสายตาชายหนุ่มได้มากแค่ไหน เขาหันไปทางอื่นไม่อยากต้องมนตร์ยัยแม่มดหน้าหวานเข้าให้
“ผมยกถาดอาหารไปแล้วกัน” เขาพูดเมื่อเห็นเธอยกชามอาหารสามสี่อย่างใส่ถาดแล้ว “เกิดคุณหกล้มขึ้นมาจะอดกินเสียเปล่าๆ”
“ยังมีอีกในหม้อนะคะ ถ้าคุณไม่อิ่มก็เติมได้” หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ แล้วเตรียมจานสำหรับทานอาหารเดินตามร่างสูงออกมา
ภาพหญิงสาวร่างเล็กในชุดผ้ากันเปื้อนกับชายหนุ่มตัวโตผิวเข้มช่วยกันจัดโต๊ะอาหารมื้อเย็นนั้น ทำให้ผู้เป็นพ่อแม่อดยิ้มไม่ได้ เคยกังวลว่าลูกชายจะไม่สนใจผู้หญิงเสียแล้ว เห็นแบบนี้ก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง แต่ที่ยังกังวลคือยังไม่รู้ที่มาที่ไปของไปรยา ตลอดทั้งวันที่เคยเงียบเหงา ไปรยาช่วยหยิบโน้นทำนี้ไม่บ่นเลยสักนิด การงานเรื่องในครัวก็ดูถนัดราวกับแม่ครัวตัวจริง คุณบุญมาช่วยคุยเรื่องข่าวสารบ้านเมืองทั่วไป ไปรยาก็โต้ตอบได้อย่างคนมีความคิด มีการศึกษา ไม่รู้ว่าผู้หญิงดีๆแบบนี้ทำไมถึงไปอยู่กับแม่เล้าเจนนี่ได้ คงต้องคอยๆดูกันไป ถ้าเป็นคนดีจริงแล้วขัดสนเงินทอง ก็จะช่วยไถ่ตัวจะได้เป็นอิสระไม่ต้องพลีกายให้ผู้ชายมากหน้าหลายตา
“อ้าว แล้วจานข้าวของหนูปรายละลูก” คุณรำเพยถามเมื่อเห็นว่าบนโต๊ะมีเพียงสามชุดเท่านั้น
“คุณท่านรับประทานกันเถอะค่ะ หนูกินในครัวได้”
“กับข้าวเยอะแยะเต็มโต๊ะแบบนี้ มานั่งกินด้วยกันนี่แหละ มาๆ มานั่งข้างตาภูมินี่”
สายตาคมกริบของภูมิพยัตไม่ได้ทำให้ไปรยารู้สึกกลัวได้หรอก เพียงแต่เกรงใจที่ผู้ใหญ่เอ่ยปากชวนแล้วปฏิเสธไปจะดูไม่เหมาะ ทั้งคุณบุญมาและคุณรำเพยคะยันคะยอให้นั่งกินมื้อเย็นร่วมโต๊ะเดียวกัน เธอจึงทำตามอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
ภูมิพยัตจับช้อนแล้วแกล้งกางข้อศอกมาโดนคนที่นั่งข้าง เป็นจังหวะที่ไปรยากับตักข้าวเข้าปาก ทำให้เธอเสียจังหวะ ข้าวร่วงก่อนเข้าปาก เธอหันขวับมามองคนตัวโตที่ยักคิ้วให้
สงบใจไว้ไปรยา มันก็เหมือนอยู่กับเด็กป.1นั้นแหละ ชอบแกล้งกันในโต๊ะอาหาร แต่เขาเป็นผู้ใหญ่ตัวโตที่มีนิสัยแบบเด็กๆก็เท่านั้น
“แกงข่าไก่ใส่เห็ดเป็นยังไงลูก อร่อยไหม?”
“อร่อยมากครับ ไม่ได้กินรสมือแม่แบบนี้นานแล้วนะครับ”
“ชามนั้นหนูปรายทำนะลูกไม่ใช่แม่หรอก แม่แก่แล้วลิ้นไม่ค่อยรู้รสแล้วล่ะ” คุณรำเพยยิ้มได้ใจ ลูกชายจะเปลี่ยนคำพูดก็ไม่ได้เพราะเห็นกินเอากินขนาดนั้น
อาหารเย็นผ่านไปด้วยรอยยิ้มและเรื่องเล่าที่ผู้ใหญ่ทั้งสองสรรหามาพูดคุยทำให้ไปรยาอดหัวเราะไม่ได้ มีแต่ภูมิพยัตที่หน้าตึงเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของบ้าน หลังทานอาหารเย็นเสร็จ หญิงสาวก็ยกจานสัปปะรดที่หั่นไปชิ้นพอดีคำมาเสิร์ฟ เธอขอตัวไปจัดการเก็บล้างจานชามในครัว เธอยิ้มอย่างสุขใจ ผิดกับครั้งที่อยู่กับครอบครัวอาธงชัย เธอมักทำอะไรก็ไม่ถูกใจคนในบ้านเสมอ ถูกแกล้งสารพัดจนหลายครั้งคิดน้อยใจที่พ่อกับแม่ทิ้งเธอไว้ตามลำพัง
“คุณนี่หว่านเสน่ห์ใส่พ่อกับแม่ผมได้ยังไงนะ ปกติท่านไม่ค่อยสนิทสนมกับใครแบบนี้หรอก”
เสียงภูมิพยัตดังมาจากด้านหลัง ทำให้ไปรยาตื่นจากภวังค์ หญิงสาวหันมายิ้มให้ แล้วเช็ดจานชามวางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยพร้อมถูกใช้งานในวันต่อไป
“ปกติแม่บ้านคนเก่าคุณเลิกงานกี่โมงคะ” ไปรยาถามน้ำเสียงจริงจัง
“ก็ห้าโมงเย็น ทำอาหารเย็นเสร็จก็กลับ” เขาขมวดคิ้วแล้วนึกขึ้นได้ เขามองนาฬิกาที่ข้อมือที่เกือบทุ่มเข้าไปแล้ว
“ไม่ต้องอยู่รอคุณท่านเข้านอนก่อนหรือคะ”
“ไม่หรอก พ่อกับแม่ผมบางทีก็ดูหนังดูละครกว่าจะนอนก็สี่ห้าทุ่ม เอาเถอะ คุณก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
“ปรายไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น ปรายแค่จะได้รู้หน้าที่ตัวเองที่ต้องทำ”
“คุณทำได้ดีแล้ว แต่หวังว่ามันจะดีมาจากใจจริงนะ”
“คุณนี่ไม่ไว้ใจปรายแต่กลับยอมให้ทำงานด้วย ประหลาดจริงๆเชียว” ไปรยามองหน้าเขาแล้วหัวเราะ
“เขาเรียกกลยุทธ์ไม่รู้เหรอ จงเก็บศัตรูไว้ใกล้ตัวมันจะอยู่ในสายตาคุณทำให้คุณไหวตัวทัน”
“ถ้าเป็นปราย...ก็คงเลือกที่หนีให้ห่างมากที่สุด อย่าได้จองเวรกันและกันเลย” เธอพูดแล้วเหลือบตามองเขา
ไม่รู้ตัวว่าเขาเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ จนได้กลิ่นหอมของน้ำหอมปนกลิ่นเหนื่อยจางๆ จากเรือนกายกำยำของเขา
“ไปรยา ผมให้โอกาสคุณนะ ถ้ามีอะไรให้พูดความจริงกับผม หากผมรู้จากปากคนอื่นว่าคุณโกหกอะไรผม ผมรับรองได้เลยว่าคุณจะได้รับการตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อจากผม!”
ไปรยาแทบลืมหายใจไปกับคำพูดดุดันและสายตาดุจเสือของเขา ร่างสูงหมุนตัวเดินออกไปแล้ว เหลือเพียงเธอกับการถอนหายใจอย่างเจ็บปวด แม้เพียงจะมาอยู่แค่วันเดียวแต่เธอก็ประทับใจท่านผู้ใหญ่ทั้งสอง เธอไม่อยากโกหก อยากพูดความจริงใจจะขาด แต่ไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไร
ชานนท์อยากเขกหัวน้อยๆ ของหญิงสาวนัก! แต่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังของณิชาแล้ว เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ยื่นหน้าไปใกล้ทำให้ณิชาเอนหลังถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว ทำให้อีกฝ่ายตามติด จนกระทั้งแผ่นหลังของหญิงสาวแนบชิดไปกับเบาะโซฟาณิชาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัว ตั้งแต่ตัดสินใจคบหากันอย่างเป็นทางการและมาอาศัยพักค้างคืนที่คอนโดของเขาทุกครั้งที่เข้ากรุงเทพฯ แม้จะนอนเตียงเดียวกัน นอกจากจูบแล้วเขายังไม่เคยล่วงเกินเธอเลย“เป็นพี่ต่างหากที่กลัวว่าจะทำให้น้องเตยไม่พอใจ”“อะไรนะคะ” หญิงสาวทำหน้างุนงง ลืมไปว่าตอนนี้ตัวถูกร่างกายของเขากักขังไว้“พี่อายุมากกว่าเตยตั้งสิบปีเชียวนะ” เมื่อหมาป่าอยู่ใกล้ลูกแกะน้อย ก็อดสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนกายสาวไม่ได้“เตยไม่อายเหรอมีแฟนแก่”“พี่นนท์แก่ที่ไหนกัน” ณิชาหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาอย่างเอาใจ แต่เมื่อเธอผละจากแก้มของเขา ชายหนุ่มฉวยโอกาสประกบริมฝีปากกดจูบทันทีเมื่อร่างกายบดเบียนแนบชิด ชานนท์ก็ไม่ต้องการให้เธอคิดเหลวไหลอะไรอีก เพียงแค่ได้จูบคนที่เขารัก ร่างกายก็ตื่นตัวอย่างแข็งขัน หลายเดือนมานี่เขาต้องทนอดกลั้นเพียงเพราะรอให้หญิงสาวคุ้นเคยกับเ
“ห้ามคิดอะไรทั้งนั้น” เขาห้ามเธอไว้ก่อน “พี่กับวีว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”“แต่เคยมีอะไรกัน” เธอไม่ใช่เด็กเรื่องแบบนี้เข้าใจได้“มันเป็นอดีตไปแล้วนะครับ” เขายื่นมือไปกุมมือเธอไว้“เราจะมีปัจจุบันด้วยกันใช่ไหมครับที่รักของพี่”หญิงสาวเพียงถอนหายใจเบาๆ ไม่มีใครไม่มีอดีต เธอก็หวังว่าตัวเองจะรับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้ เธอพยักหน้ารับอย่างจนใจ เขาเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่งแล้วรีบเดินอ้อมรถไปฝั่งคนขับ เห็นหญิงสาวนิ่งไปก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เขายื่นหน้าไปใกล้แต่พออยู่ใกล้ก็อดใจไม่ไหว หอมแก้มและคลอเคลียจนหญิงสาวสะท้าน “พี่นนท์”“ว่าไงจ๊ะ คนดีของพี่” “เตย...เตยไม่เก่งนะ”“หือ?” เขาถอยกลับมาเล็กน้อย สีหน้าแปลกใจ “เรื่องอะไรครับ”“เรื่องนั้น...” “เรื่องไหน?” เขาจนใจกับคำพูดของเธอ“เรื่อง...เรื่องนั้นนั่นแหละ เตยกลัวทำให้พี่นนท์ไม่มีความสุข” พอเห็นอาการเขินอายหน้าแดงลามไปทั้งตัว เขาก็เข้าใจความหมาย“เรื่องนั้น พี่สอนให้ก็ได้” ชานนท์ยกมือเรียวขึ้นมาจูบฝ่ามือของเธอเบาๆ แต่สายตายังจ้องมองที่ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า“พี่รักเตย มันไม่มีอะไรมีความสุขได้มากเท่ากับการได้อยู่กับคนที่เรารัก”หญิงสาว
“ทำไมคะ” คราวนี้ณิชาสีหน้ากังวล เกรงว่าตัวเองจะทำอะไรไม่ถูกกาลเทศะ“ก็น้องเตยจะทำให้ผู้ชายคนอื่นเกลียดพี่ที่ได้แฟนสวยขนาดนี้ไงล่ะ” เขายิ้มกริ่มส่งสายตาเจ้าชู้“บ้าแล้ว” หญิงสาวยิ้มเขินแล้วอาหารก็ยกมาเสิร์ฟ เพราะเขาสั่งไว้รอแล้ว เป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่เพลิดเพลินอาหารอร่อย และไวน์แดงก็หอมหวานจนเธอหน้าแดง“เตยขอตัวไปห้องน้ำสักเดี๋ยวนะคะ”“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”“เตยไปเองได้ค่ะ ไม่ได้เมาเสียหน่อย” เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกไปชานนท์รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉาเสียจริง เขารู้ว่าณิชาเป็นคนสวยแต่ไม่คิดว่า เธอจะสวยและมีเสน่ห์มากขนาดนี้ ขณะยกแก้วไวน์ขึ้นเดิม หญิงสาวในชุดสีดำก็เดินเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมของน้ำหอมราคาแพงทำให้เขาฉุนจมูก ชานนท์เงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องทำประหลาดใจที่เห็นวีว่าปรากฏตัวตรงหน้า“จะไม่เชิญให้นั่งหรือคะ” วีว่าส่งถามแล้วส่งสายตาเย้ายวน“ผม...” เขาต้องไล่เธอไปใช่ไหม แต่ระหว่างเขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากคู่ขาที่ต่างมีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าไล่ไปดื้อๆ ก็จะเหมือนคนร้อนตัวไปหน่อย“วันนี้ผมมากับคนรัก” เขาพูดตรงไปตรงมาจนวีว่าตกใจ ผู้ชายอย่างชานนท์นะหร
“ก็ระดับวีว่าแล้ว ปกติใส่แต่ของนอก นี่เพราะรุ่นพี่ที่รู้จักกันแนะนำมาถึงได้ยอมมาหรอกนะ” “ค่ะๆ” พนักงานยิ้มแย้มแต่ในใจตรงข้าม ทำไปเพราะหน้าที่ทั้งนั้น“วีว่าเอาชุดนี่แหละค่ะ จ่ายด้วยบัตรค่ะ”หญิงสาวกระตุกยิ้มที่มุมปาก ไม่แน่ใจหรอกว่าเรื่องที่สองคนนั้นพูดจริงเท็จแค่ไหน แต่เรื่องที่ชานนท์ไปพักฟื้นร่างกายต่างจังหวัดไม่ได้บอกใครในช่วงนั้นเป็นเรื่องจริง แต่จะเป็นอะไรไปถ้าเธอจะแวะไปเยี่ยมเยือนคู่ขาสักหน่อยณิชาถูกเพื่อนสาวจับแปลงโฉมเสียจนเจ้าตัวได้แต่ยืนจ้องเงาตัวเองในกระจกตรงหน้า ชุดเดรสสีม่วงเป็นแบบปาดไหล่ เธอไม่เคยใส่เสื้อเปิดเปลือยช่วงไหล่แบบนี้ ตัวกระโปรงยาวคลุมเข่า มันไม่ดูเซ็กซี่อย่างที่ข้าวหอมพูดจริงๆ นั้นแหละ เพียงแค่เธอไม่คิดว่าผู้หญิงในกระจกเป็นเธอ“สวยมาก” ข้าวหอมพูดอย่างภูมิใจ“แค่ไปกินข้าว ต้องแต่งตัวขนาดนี้เหรอ”“ดินเนอร์ใต้แสงเทียน โรงแรมหรู วิวสวย มันสุดยอดที่สุดเลยนะเตย” ข้าวหอมจิ้มหน้าผากเพื่อนเบาๆ ผมยาวของณิชาถูกปล่อยให้ยาวสยายเพราะเจ้าตัวอายที่จะอวดไหล่เนียน“ฉันต้องไปแล้วล่ะ”“รอเดี๋ยวนะ รอคนขับรถก่อน”“เตยมีรถ เตยขับไปเองก็ได้” ณิชาคิดแบบนั้นเลยไมได้ให้ชานนท
ปกรณ์เดินเข้ามาในร้านกาแฟข้างโรงพยาบาลเอกชนที่เขาทำงานอยู่ ใบหน้าของมีรอยยิ้มทันที่ที่เห็นหญิงสาวที่นัดไว้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่เจอครั้งนี้ดูแววตาเป็นประกายทั้งสุขและทุกข์ปนกันอยู่“เตยเอาเงินมาคืนค่ะ”“จ๊ะ เป็นลูกหนี้ที่น่ารักที่สุดที่พี่เคยเจอมาเลย” เขายิ้มแล้วยื่นมือไปรับเงินโดยไม่นับมาใส่กระเป๋า“กาแฟไหมคะ เตยเลี้ยงได้นะ” เธอหัวเราะจนตาหยี“นี่แหละที่ต้องการ” เขาดีดนิ้วแล้วมองหญิงสาวตรงหน้า “เอาอะไรดี”“วันนี้เตยกินไปสองแก้วแล้วค่ะ ขอเป็นนมปั่นได้ไหมคะ”“ได้ครับ พี่จัดให้” ปกรณ์ลุกขึ้นไปสั่งเครื่องดื่มแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม“วันนี้มาขายของเหรอครับ เป็นไงขายดีไหม?” เขาชวนคุย“ค่ะเกลี้ยงเลย” เธอยิ้มกว้างแล้วหยิบถุงกระดาษส่งให้ “คราวนี้กระปุกใหญ่ค่ะ เชิญกินให้เต็มที่เลย” ปกรณ์รับถุงกระดาษลายสวยมาดู ข้างในเป็นกระปุกน้ำพริกหลายชนิด ชายหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดีและรับไว้ด้วยความเต็มใจอย่างมาก“ไปขายที่ไหนบ้าง คราวหน้าพี่จะไปอุดหนุน”“วันนี้ไปที่บริษัทของพี่นนท์มาค่ะ”“พี่นนท์? ไอ้ชานนท์นะเหรอ” “ค่ะ พี่ปกรณ์ยังเจอพี่นนท์อยู่ไหม” “อ้อ! ก็เจอกันบ้าง” ปกรณ์รับแก้วกาแฟของตั
ราวกับชานนท์ล่วงรู้ความคิดของคนรัก เขาสั่งให้พนักงานเคาน์เตอร์ฝ่ายประชาสัมพันธ์คอยส่งข่าว ทันทีที่เห็นว่าณิชาขายข้าวเสร็จ เขาไม่โกรธหรอกหากเธอจะวิ่งหนี พ่อกับแม่ของเขาทำอะไรไว้เยอะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาจริงใจกับณิชาและสัญญากับพ่อของเธอไปแล้วว่าจะไม่ทำให้ลูกสาวคนเดียวของท่านต้องเสียใจมันไม่ใช่คำว่าช้าหรือเร็ว เพราะสามปีที่ผ่านมา เขาทนทุกข์กับความคิดถึงและเข้าใจผิดมาตลอด ชีวิตที่เคยป่วยเฉียดตายมาแล้วทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิตใหม่ที่ได้คืนมา เขาอยากจะรักษาทุกนาทีที่มีไว้กับคนที่เขารักหลังประชุมผู้บริหารระดับสูงแล้ว พ่อกับแม่ร้อนใจจะพูดเรื่องผู้หญิงคนที่ลูกเรียกว่าแฟนคนนั้น เมื่อได้อยู่ตามพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก แม่ก็เปิดฉากทันที“แกอย่าบอกแม่นะว่าแกจริงจังกับยัยเด็กคนนั้น” แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก“ครับ”“เรื่องนี้เรากลับไปคุยกันที่บ้านไม่ดีกว่าเรอะ” พ่อถอนหายใจเบาๆ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ ตัดหางไอ้ลูกคนนี้ไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมีวันที่มัน เอ๊ย! ลูกหันมาสนใจงานในครอบครัวแบบนี้เลยด้วยซ้ำ“ฉันร้อนใจ แบกกลับบ้านไม่ไหวหรอก” ดุพ่อเสร็จก็หันไปดุลูก “ผู้หญิงที่แม่เลือกให้ตั้