“เป็นแม่บ้านจริงๆ ผมหาคนมาแทนป้าประนอมได้แค่นี้ล่ะ”
เขาเสยผมทำหน้าเบื่อหน่าย แต่พอเหลือบมองใบหน้าคนข้างๆ ที่เขินหน้าแดงจัดก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอมีใบหน้าสวย ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย มีอะไรให้ชวนมองไม่น้อยเหมือนกัน
“ชื่ออะไรล่ะหนู” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความเอ็นดู
“ไปรยาค่ะ เรียกปรายก็ได้” เธอยกมือไหว้อย่างมีมารยาททำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกถูกชะตา “คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายต้องการใช้อะไรบอกปรายได้เลยนะคะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ปรายเก่งแรงเยอะนะคะ”
“เรียกห่างเหินจัง เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก”
“แค่กๆ” คราวนี้ภูมิพยัตสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตาแบบนี้
“มิกล้าค่ะ ปรายมาอยู่ในฐานะลูกจ้าง ไม่สมควรตีตนเสมอนาย”
“พูดจาน่าฟังดีจัง เอาเถอะๆ งานที่นี่ก็มีแค่ดูแลคนแก่อย่างเราสองคนกับลูกชายหัวรั้นอีกคน แต่ถ้ามันกล้าหือละก็มาฟ้องพ่อกับแม่ได้นะ เอ่อแล้วนี่นอนที่ไหนล่ะ มานอนเรือนใหญ่กับพ่อแม่ก็ได้นะ ไอ้ลูกบ้านี่มันก็สร้างบ้านหลังใหญ่แต่ให้พ่อกับแม่อยู่กันแค่สองคน ตัวมันรึดันไปอยู่อีกหลัง”
“ปรายอยู่บ้านผม” ภูมิพยัตพูดตัดบท “ผมไม่ไว้ใจเกิดมาลักขโมยหรือทำร้ายพ่อกับแม่ขึ้นมาจะว่ายังไง”
“ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ”
เธอหันไปเถียงเขา แต่ริมฝีปากที่เผยอขึ้นนั้นทำให้เขาต้องเบือนหน้าไปทางอื่น แล้วยกมือโบกไปมา
“คำพูดไม่น่าเชื่อถือเท่าการกระทำ ผมจะรอดูแล้วกันว่าคุณเป็นอย่างที่ตัวเองพูดหรือเปล่า” เขาหยิบแว่นกันแดดที่เหน็บไว้ที่คอเสื้อมาสวม
“ผมไปทำงานแล้ว ฝากแม่อบรมงานให้..เอ่อ...ปรายเขาด้วยละกัน”
“จ๊ะลูกภูมิไปทำงานเถอะลูก”
ภูมิพยัตมองหญิงสาวด้วยหางตาแบบดูถูกไม่ปิดบังเลยสักนิด เขาก้าวยาวๆแล้วเดินออกไปเพื่อจะไปเอารถที่บ้านขับไปทำงาน ยัยเด็กขาดสารอาหารนี่ยังไงกัน พ่อกับแม่เห็นแค่ไม่กี่นาทีก็ดูท่าทางจะชอบเอาเสียมากมาย รู้สึกไม่ค่อยพอใจแต่สัญชาตญาณบอกเขาว่าเธอไม่ใช่แม่บ้านธรรมดาแน่ๆ
ไปรยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นแผ่นหลังกว้างเดินออกไปลับตา แล้วเธอก็นึกได้ว่าทำกิริยาไม่เหมาะสมก็หันไปยิ้มน้อยๆ เป็นเชิงขอโทษผู้ใหญ่ทั้งสอง
“คุณท่านดื่มอะไรคะ”
“กาแฟดำจ๊ะ” คุณแม่เป็นฝ่ายตอบให้
“คุณท่านน่าจะดื่มชาสมุนไพรหรือน้ำผลไม้นะคะ ดีกับสุขภาพมากๆเลยค่ะ”
“แม่เคยทำแล้วล่ะ แต่พ่อเขาว่ามันเหม็นน่ะ”
“ถ้าคุณท่านกับคุณผู้หญิงไม่ว่าอะไร ปรายขอลองทำให้ชิมได้ไหมคะ ปรายเห็นมีใบบัวบกกับใบเตย ฝีมือใครปลูกพืชผักสมุนไพรคะนี่”
“ก็พ่อนี่แหละ แต่ไอ้เสือมันมาช่วยขุดแปลงดินให้” ชายวัยหกสิบเจ็ดตบเข่าฉาดอย่างเพิ่งนึกได้
“ฉันล่ะชอบหนูปรายจริงๆ เอาอย่างนี้เรียกพ่อบุญก็ได้ ชื่อเต็มนะพ่อชื่อบุญมา ส่วนนั้นแม่รำเพย หนูปรายก็เรียกเราสองคนว่าพ่อบุญกับแม่รำเพยก็ได้นะ”
“นั้นซิ ไม่ต้องไปสนใจตาภูมิหรอก ถ้าเขาว่าก็บอกไปเลยว่าพ่อกับแม่สั่ง”
“ขอบคุณค่ะ” ไปรยาหัวเราะออกมาเบาๆ ดีใจที่ได้เจอท่านทั้งสองที่เมตตา
“แม่รำเพยเขาก็อยากได้ลูกสาวน่ารักๆอย่างหนูปรายนี่แหละ แต่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเลยมีไอ้เสือแค่คนเดียว”
คุณบุญมาพูดยิ้มๆ ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เชื่อว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ร้ายกาจอะไรอย่างที่ลูกชายระแวง
“ว่าแต่หนูเป็นแม่บ้านจริงๆเหรอ”
“ค่ะ” ประโยคคำถามของคุณบุญมาทำให้เธออดยิ้มไม่ได้ อยู่กับท่านทั้งสอง ทำให้นึกถึงตอนสอนเด็กๆ ที่โรงเรียนเหลือเกิน
“แล้วใครแนะนำมาล่ะ” คุณรำเพยถามอย่างเอ็นดู
“เอ่อ..คุณเจนนี่ค่ะ” ไปรยาตอบไปตามที่เธอพอจะจำได้จากที่พูดคุยกับภูมิพยัต
สองสามีภรรยาหยุดไปเล็กน้อย หันมามองกันด้วยสายตาสงสาร ทั้งสองพอรู้มาบ้างว่าเจนนี่ที่เป็นสาวประเภทสองนั้นคือ ‘แม่เล้า’ ที่หนุ่มๆมีเงินจะไปหาเพื่อได้ผู้หญิงร่วมหลับนอน แต่ท่าทางใสซื่อดูไม่ประสีประสาแบบนี้ มันกลับทำให้ท่านทั้งสองเข้าใจว่า ไปรยาคงมีความจำเป็นอะไรบางอย่างถึงต้องทำงานแบบนั้น ผู้หญิงที่ทั้งสองเคยเจอร้ายกาจนัก ต่อหน้าลูกชายก็ทำดี แต่พอลับหลังก็ผิดกันอย่างกับหน้ามือกับหลังเท้า
ไปรยาไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรผิดไป เห็นสีหน้าท่านทั้งสองดูเปลี่ยนไปครู่หนึ่งก่อนจะหันมายิ้มให้อย่างเมตตา
“เอาเถอะๆ จะมาจากไหนก็ช่าง อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรต้องกลัว ถ้ามีปัญหาอะไรก็ปรึกษาคนแก่ๆ อย่างเราได้”
“ขอบคุณค่ะ ตอนนี้ปรายมีปัญหาเดียวคือครัวที่บ้านคุณพยัตไม่มีของสดทำกับข้าวเลยค่ะ”
“มาใช้ครัวที่นี่เลยจ๊ะ ปกติบ้านนั้นไม่ค่อยทำอาหารอะไรหรอกนอกจากกับแกล้ม” คุณรำเพยบอก
“แล้วคุณท่านอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ ปรายพอทำอาหารได้ไม่รู้จะถูกปากหรือเปล่า”
“ดีเลย แม่เขาชอบทำกับข้าวจะได้มีลูกมือไว้คอยช่วย” คุณบุญมาพยักหน้าให้
“อีกเรื่องค่ะ คุณพยัตบอกว่าคุณท่านเป็นเบาหวาน ปรายขอดูค่าน้ำตาลได้ไหมคะ จะได้ทราบว่าต้องเตรียมอะไรให้บ้าง”
สองสามีภรรยามองหน้าด้วยความประหลาดใจอีกครั้ง ถ้าไปรยาถูกเจนนี่แม่เล้าส่งตัวมาจริงๆ ทำไมถึงสนใจเรื่องอะไรแบบนี้เล่า เธอควรเอาเวลาไปสนใจเรื่อง ความสวยความงามของตัวเองเพื่อรอปรนเปรอลูกชายของทั้งสองมากกว่า
คุณรำเพยพยักหน้าให้ไปรยาเดินตามเข้าไปในครัว หญิงสาวรู้สึกสบายใจ แม้ว่าจะต้องโกหกที่มาที่ไปของตัวเอง เธอตั้งใจว่าระหว่างที่หลบซ่อนตัวที่นี่ หากยังไม่ถูกจับได้ ก็จะขอทำงานเพื่อตอบแทนความเมตตาที่ท่านทั้งสองมีให้
ส่วนผู้ชายหน้าโหดคนนั้นนะเหรอ เธอไม่คาดหวังให้เขามองเธอดีกว่านี้หรอก!
ภูมิพยัตทำงานอย่างไม่เป็นสุขนัก เพราะห่วงคนที่บ้านไม่รู้แม่บ้านคนใหม่จะทำงานได้ดีอย่างปากพูดหรือเปล่า พอได้เวลาเลิกงานเขาก็ต้องรีบกลับ ทั้งที่ปกติเขาจะอยู่ที่โรงงานจนเย็นค่ำเรียกว่ากลับคนสุดท้ายเลยก็ว่าได้ งานที่โรงงานแปรรูปไม้ค่อนข้างยุ่ง ต้องคอยดูรถขนไม้ยางพารามาส่ง ตีราคาก่อนจ่ายเงิน รวมทั้งคนมาซื้อ บางก็มาซื้อเพื่อทำฟอร์นิเจอร์ และอื่นๆ ไม้ยางพาราแปรรูปมีหลายรูปแบบ ทั้งอัดน้ำยากันตัวมอดตัวแมลงกินหรือแบบธรรมดาสำหรับผู้ที่ใช้งานไม่ต้องการเก็บชิ้นงานไว้นานนัก ไม่ใช่เพียงแต่ไม้แปรรูปขนาดต่างๆ ยังรวมถึงขี้เลื่อยด้วย
เย็นนี้เขาออกจากโรงงานตั้งแต่ห้าโมงเย็น ขนาดรปภ.ของโรงงานยังแปลกใจ ขับรถไม่กี่นาทีก็มาถึงเรือนใหญ่ของพ่อกับแม่ พ่อกับแม่ของเขาก็ใจดีเกินไป กลัวจะตกหลุมพรางเข้าให้ เห็นหน้าตาใสๆไม่แน่ว่าอาจจะมาหลอกให้ใครต่อใครตายใจแล้วค่อยเผยธาตุแท้ของตัวเอง
ถึงไม่ไว้ใจผู้หญิงตัวเล็กๆหน้าหวานๆ คนนั้นมากแค่ไหน แต่เขาก็ตั้งใจเก็บเธอไว้ใกล้ตัวเขา หากเธอไม่ใช่คนดีอย่างที่พูด เขาจะเอาคืนอย่างสาสมที่สุด ลงทัณฑ์แบบที่เธอจะต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว
ภูมิพยัตเดินอ้อมไปทางด้านข้างของบ้าน บริเวณห้องนั่งเล่นออกแบบให้เป็นกระจกใส เชื่อมต่อมาที่สวนย่อมข้างบ้านได้อย่างพอดี เป็นมุมโปรดของพ่อกับแม่ที่จะพักผ่อนและใช้เวลาตลอดวันที่นี่ แต่เสียงหัวเราะของท่านทั้งสองทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ถึงแม้พ่อกับแม่จะเป็นคนอารมณ์ดีหัวเราะง่าย แต่ใครกันทำให้เสียงหัวเราะเกิดขึ้นในบ้านได้ล่ะ
“คุณภูมิเอ๊ย!คุณพยัตกลับมาแล้วเหรอคะ”
ภูมิพยัตทำหน้ายุ่ง ไม่ค่อยชินกับการทักทายเมื่อกลับบ้านนัก เขาถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกสะบัดฝุ่นก่อนจะพาดมันไว้กับพนักเก้าอี้ แล้วมองหน้าพ่อกับแม่สลับกันไปมาหาสิ่งผิดปกติอยู่
ชานนท์อยากเขกหัวน้อยๆ ของหญิงสาวนัก! แต่เห็นสีหน้าเคร่งเครียดจริงจังของณิชาแล้ว เขาก็ได้แต่ส่ายหน้าไปมา ยื่นหน้าไปใกล้ทำให้ณิชาเอนหลังถอยหนีอย่างไม่รู้ตัว ทำให้อีกฝ่ายตามติด จนกระทั้งแผ่นหลังของหญิงสาวแนบชิดไปกับเบาะโซฟาณิชาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นรัว ตั้งแต่ตัดสินใจคบหากันอย่างเป็นทางการและมาอาศัยพักค้างคืนที่คอนโดของเขาทุกครั้งที่เข้ากรุงเทพฯ แม้จะนอนเตียงเดียวกัน นอกจากจูบแล้วเขายังไม่เคยล่วงเกินเธอเลย“เป็นพี่ต่างหากที่กลัวว่าจะทำให้น้องเตยไม่พอใจ”“อะไรนะคะ” หญิงสาวทำหน้างุนงง ลืมไปว่าตอนนี้ตัวถูกร่างกายของเขากักขังไว้“พี่อายุมากกว่าเตยตั้งสิบปีเชียวนะ” เมื่อหมาป่าอยู่ใกล้ลูกแกะน้อย ก็อดสูดดมกลิ่นหอมจากเรือนกายสาวไม่ได้“เตยไม่อายเหรอมีแฟนแก่”“พี่นนท์แก่ที่ไหนกัน” ณิชาหัวเราะเบาๆ แล้วยื่นหน้าไปหอมแก้มเขาอย่างเอาใจ แต่เมื่อเธอผละจากแก้มของเขา ชายหนุ่มฉวยโอกาสประกบริมฝีปากกดจูบทันทีเมื่อร่างกายบดเบียนแนบชิด ชานนท์ก็ไม่ต้องการให้เธอคิดเหลวไหลอะไรอีก เพียงแค่ได้จูบคนที่เขารัก ร่างกายก็ตื่นตัวอย่างแข็งขัน หลายเดือนมานี่เขาต้องทนอดกลั้นเพียงเพราะรอให้หญิงสาวคุ้นเคยกับเ
“ห้ามคิดอะไรทั้งนั้น” เขาห้ามเธอไว้ก่อน “พี่กับวีว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”“แต่เคยมีอะไรกัน” เธอไม่ใช่เด็กเรื่องแบบนี้เข้าใจได้“มันเป็นอดีตไปแล้วนะครับ” เขายื่นมือไปกุมมือเธอไว้“เราจะมีปัจจุบันด้วยกันใช่ไหมครับที่รักของพี่”หญิงสาวเพียงถอนหายใจเบาๆ ไม่มีใครไม่มีอดีต เธอก็หวังว่าตัวเองจะรับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้ เธอพยักหน้ารับอย่างจนใจ เขาเปิดประตูรถให้เธอเข้าไปนั่งแล้วรีบเดินอ้อมรถไปฝั่งคนขับ เห็นหญิงสาวนิ่งไปก็อดเป็นห่วงไม่ได้ เขายื่นหน้าไปใกล้แต่พออยู่ใกล้ก็อดใจไม่ไหว หอมแก้มและคลอเคลียจนหญิงสาวสะท้าน “พี่นนท์”“ว่าไงจ๊ะ คนดีของพี่” “เตย...เตยไม่เก่งนะ”“หือ?” เขาถอยกลับมาเล็กน้อย สีหน้าแปลกใจ “เรื่องอะไรครับ”“เรื่องนั้น...” “เรื่องไหน?” เขาจนใจกับคำพูดของเธอ“เรื่อง...เรื่องนั้นนั่นแหละ เตยกลัวทำให้พี่นนท์ไม่มีความสุข” พอเห็นอาการเขินอายหน้าแดงลามไปทั้งตัว เขาก็เข้าใจความหมาย“เรื่องนั้น พี่สอนให้ก็ได้” ชานนท์ยกมือเรียวขึ้นมาจูบฝ่ามือของเธอเบาๆ แต่สายตายังจ้องมองที่ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้า“พี่รักเตย มันไม่มีอะไรมีความสุขได้มากเท่ากับการได้อยู่กับคนที่เรารัก”หญิงสาว
“ทำไมคะ” คราวนี้ณิชาสีหน้ากังวล เกรงว่าตัวเองจะทำอะไรไม่ถูกกาลเทศะ“ก็น้องเตยจะทำให้ผู้ชายคนอื่นเกลียดพี่ที่ได้แฟนสวยขนาดนี้ไงล่ะ” เขายิ้มกริ่มส่งสายตาเจ้าชู้“บ้าแล้ว” หญิงสาวยิ้มเขินแล้วอาหารก็ยกมาเสิร์ฟ เพราะเขาสั่งไว้รอแล้ว เป็นดินเนอร์ใต้แสงเทียนที่เพลิดเพลินอาหารอร่อย และไวน์แดงก็หอมหวานจนเธอหน้าแดง“เตยขอตัวไปห้องน้ำสักเดี๋ยวนะคะ”“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”“เตยไปเองได้ค่ะ ไม่ได้เมาเสียหน่อย” เธอลุกขึ้นแล้วเดินออกไปชานนท์รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่น่าอิจฉาเสียจริง เขารู้ว่าณิชาเป็นคนสวยแต่ไม่คิดว่า เธอจะสวยและมีเสน่ห์มากขนาดนี้ ขณะยกแก้วไวน์ขึ้นเดิม หญิงสาวในชุดสีดำก็เดินเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมของน้ำหอมราคาแพงทำให้เขาฉุนจมูก ชานนท์เงยหน้าขึ้นมองแล้วก็ต้องทำประหลาดใจที่เห็นวีว่าปรากฏตัวตรงหน้า“จะไม่เชิญให้นั่งหรือคะ” วีว่าส่งถามแล้วส่งสายตาเย้ายวน“ผม...” เขาต้องไล่เธอไปใช่ไหม แต่ระหว่างเขากับเธอไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากคู่ขาที่ต่างมีความสุขด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าไล่ไปดื้อๆ ก็จะเหมือนคนร้อนตัวไปหน่อย“วันนี้ผมมากับคนรัก” เขาพูดตรงไปตรงมาจนวีว่าตกใจ ผู้ชายอย่างชานนท์นะหร
“ก็ระดับวีว่าแล้ว ปกติใส่แต่ของนอก นี่เพราะรุ่นพี่ที่รู้จักกันแนะนำมาถึงได้ยอมมาหรอกนะ” “ค่ะๆ” พนักงานยิ้มแย้มแต่ในใจตรงข้าม ทำไปเพราะหน้าที่ทั้งนั้น“วีว่าเอาชุดนี่แหละค่ะ จ่ายด้วยบัตรค่ะ”หญิงสาวกระตุกยิ้มที่มุมปาก ไม่แน่ใจหรอกว่าเรื่องที่สองคนนั้นพูดจริงเท็จแค่ไหน แต่เรื่องที่ชานนท์ไปพักฟื้นร่างกายต่างจังหวัดไม่ได้บอกใครในช่วงนั้นเป็นเรื่องจริง แต่จะเป็นอะไรไปถ้าเธอจะแวะไปเยี่ยมเยือนคู่ขาสักหน่อยณิชาถูกเพื่อนสาวจับแปลงโฉมเสียจนเจ้าตัวได้แต่ยืนจ้องเงาตัวเองในกระจกตรงหน้า ชุดเดรสสีม่วงเป็นแบบปาดไหล่ เธอไม่เคยใส่เสื้อเปิดเปลือยช่วงไหล่แบบนี้ ตัวกระโปรงยาวคลุมเข่า มันไม่ดูเซ็กซี่อย่างที่ข้าวหอมพูดจริงๆ นั้นแหละ เพียงแค่เธอไม่คิดว่าผู้หญิงในกระจกเป็นเธอ“สวยมาก” ข้าวหอมพูดอย่างภูมิใจ“แค่ไปกินข้าว ต้องแต่งตัวขนาดนี้เหรอ”“ดินเนอร์ใต้แสงเทียน โรงแรมหรู วิวสวย มันสุดยอดที่สุดเลยนะเตย” ข้าวหอมจิ้มหน้าผากเพื่อนเบาๆ ผมยาวของณิชาถูกปล่อยให้ยาวสยายเพราะเจ้าตัวอายที่จะอวดไหล่เนียน“ฉันต้องไปแล้วล่ะ”“รอเดี๋ยวนะ รอคนขับรถก่อน”“เตยมีรถ เตยขับไปเองก็ได้” ณิชาคิดแบบนั้นเลยไมได้ให้ชานนท
ปกรณ์เดินเข้ามาในร้านกาแฟข้างโรงพยาบาลเอกชนที่เขาทำงานอยู่ ใบหน้าของมีรอยยิ้มทันที่ที่เห็นหญิงสาวที่นัดไว้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่เจอครั้งนี้ดูแววตาเป็นประกายทั้งสุขและทุกข์ปนกันอยู่“เตยเอาเงินมาคืนค่ะ”“จ๊ะ เป็นลูกหนี้ที่น่ารักที่สุดที่พี่เคยเจอมาเลย” เขายิ้มแล้วยื่นมือไปรับเงินโดยไม่นับมาใส่กระเป๋า“กาแฟไหมคะ เตยเลี้ยงได้นะ” เธอหัวเราะจนตาหยี“นี่แหละที่ต้องการ” เขาดีดนิ้วแล้วมองหญิงสาวตรงหน้า “เอาอะไรดี”“วันนี้เตยกินไปสองแก้วแล้วค่ะ ขอเป็นนมปั่นได้ไหมคะ”“ได้ครับ พี่จัดให้” ปกรณ์ลุกขึ้นไปสั่งเครื่องดื่มแล้วเดินกลับมานั่งที่เดิม“วันนี้มาขายของเหรอครับ เป็นไงขายดีไหม?” เขาชวนคุย“ค่ะเกลี้ยงเลย” เธอยิ้มกว้างแล้วหยิบถุงกระดาษส่งให้ “คราวนี้กระปุกใหญ่ค่ะ เชิญกินให้เต็มที่เลย” ปกรณ์รับถุงกระดาษลายสวยมาดู ข้างในเป็นกระปุกน้ำพริกหลายชนิด ชายหนุ่มหัวเราะอารมณ์ดีและรับไว้ด้วยความเต็มใจอย่างมาก“ไปขายที่ไหนบ้าง คราวหน้าพี่จะไปอุดหนุน”“วันนี้ไปที่บริษัทของพี่นนท์มาค่ะ”“พี่นนท์? ไอ้ชานนท์นะเหรอ” “ค่ะ พี่ปกรณ์ยังเจอพี่นนท์อยู่ไหม” “อ้อ! ก็เจอกันบ้าง” ปกรณ์รับแก้วกาแฟของตั
ราวกับชานนท์ล่วงรู้ความคิดของคนรัก เขาสั่งให้พนักงานเคาน์เตอร์ฝ่ายประชาสัมพันธ์คอยส่งข่าว ทันทีที่เห็นว่าณิชาขายข้าวเสร็จ เขาไม่โกรธหรอกหากเธอจะวิ่งหนี พ่อกับแม่ของเขาทำอะไรไว้เยอะ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เขาจริงใจกับณิชาและสัญญากับพ่อของเธอไปแล้วว่าจะไม่ทำให้ลูกสาวคนเดียวของท่านต้องเสียใจมันไม่ใช่คำว่าช้าหรือเร็ว เพราะสามปีที่ผ่านมา เขาทนทุกข์กับความคิดถึงและเข้าใจผิดมาตลอด ชีวิตที่เคยป่วยเฉียดตายมาแล้วทำให้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของชีวิตใหม่ที่ได้คืนมา เขาอยากจะรักษาทุกนาทีที่มีไว้กับคนที่เขารักหลังประชุมผู้บริหารระดับสูงแล้ว พ่อกับแม่ร้อนใจจะพูดเรื่องผู้หญิงคนที่ลูกเรียกว่าแฟนคนนั้น เมื่อได้อยู่ตามพร้อมหน้าสามคนพ่อแม่ลูก แม่ก็เปิดฉากทันที“แกอย่าบอกแม่นะว่าแกจริงจังกับยัยเด็กคนนั้น” แม่พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจอย่างมาก“ครับ”“เรื่องนี้เรากลับไปคุยกันที่บ้านไม่ดีกว่าเรอะ” พ่อถอนหายใจเบาๆ ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ ตัดหางไอ้ลูกคนนี้ไปแล้ว ไม่คิดว่าจะมีวันที่มัน เอ๊ย! ลูกหันมาสนใจงานในครอบครัวแบบนี้เลยด้วยซ้ำ“ฉันร้อนใจ แบกกลับบ้านไม่ไหวหรอก” ดุพ่อเสร็จก็หันไปดุลูก “ผู้หญิงที่แม่เลือกให้ตั้