เสียงกุกกักจากด้านล่างปลุกแพรไหมให้ตื่นขึ้นจากความง่วงงัน แสงแดดยามเช้ายังไม่ทันสาดส่องเข้ามาในห้องของเธอเต็มที่ แต่เสียงคนคุยกันอย่างเคร่งเครียดจากห้องรับแขกชั้นล่างก็ทำให้เธอต้องลุกจากที่นอนเก่าๆ ด้วยความรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี
“พ่อคะ…เกิดอะไรขึ้น” แพรไหมรีบเดินลงไป เห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่บนโซฟาเก่าๆ สีหน้าซีดเผือด ขณะที่ชายฉกรรจ์สองคนในชุดดำยืนคุมเชิงอยู่ไม่ไกล โต๊ะกลางเต็มไปด้วยเอกสารและสมุดบัญชี
พ่อของแพรไหม
ธนาพยายามยิ้มให้ลูกสาวแต่รอยยิ้มนั้นแสนบิดเบี้ยว “ไม่มีอะไรหรอกลูกรัก พ่อแค่คุยธุระกับคุณลุงเขา”แต่แววตาของแม่ที่กำลังจะร้องไห้บอกแพรไหมว่านี่ไม่ใช่เรื่องธรรมดา หญิงสาวเหลือบไปเห็นซองเอกสารสีน้ำตาลที่วางอยู่บนโต๊ะ มีตราประทับของสำนักงานบังคับคดีและข้อความที่อ่านว่า ‘ประกาศการขายทอดตลาด’ หัวใจของแพรไหมหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม
“เรื่องที่ดินของเรารึเปล่าคะพ่อ” เธอถามเสียงสั่น ความรู้สึกเจ็บปวดบีบรัดช่องอกจนหายใจไม่ออก
นายธนาพยักหน้าอย่างช้าๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ระทม “ใช่ลูก พ่อ…พ่อไม่มีเงินไปใช้หนี้เขาแล้ว พวกเขาจะยึดที่ดินผืนนั้นไปประมูล”
แพรไหมทรุดตัวลงบนโซฟา น้ำตาคลอเบ้าที่ดินผืนนั้นไม่ใช่แค่ที่ดินเปล่าๆ มันคือความทรงจำวัยเด็กคือสวนผลไม้ที่เธอเคยวิ่งเล่น คือที่ที่พ่อกับแม่เคยสร้างฝันเอาไว้ มันคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เหลืออยู่ของครอบครัวนี้
“ผมให้เวลาพวกคุณมามากพอแล้วนะครับคุณธนา” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดเสียงห้าว
“ตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา ถ้าคุณไม่สามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้ภายในวันนี้ ที่ดินแปลงนี้จะถูกนำออกประมูลในวันพรุ่งนี้”
“ให้เวลาผมอีกนิดเถอะครับคุณภพ ผมขอร้อง” พ่อของแพรไหมอ้อนวอนอย่างน่าเวทนา
“ไม่ได้หรอกครับคุณธนา มันคือธุรกิจ” นายภพตอบอย่างเย็นชา แพรไหมรู้สึกโกรธแค้นนายภพที่เห็นความทุกข์ของพ่อเธอเป็นแค่เรื่องธุรกิจ
นายภพเดินมาตรงหน้าแพรไหม ดวงตาคมกริบไล่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แพรไหมรู้สึกขนลุกซู่กับสายตาคุกคามนั้น
“ลูกสาวคุณสวยดีนะครับ ถ้าคุณธนายังหาเงินมาไม่ได้ บางทีอาจจะมีทางอื่นช่วยก็ได้นะ”
คำพูดของนายภพทำให้เลือดในกายของแพรไหมเดือดพล่าน เธอเงยหน้าขึ้นจ้องตาชายคนนั้นอย่างไม่เกรงกลัว
“คุณหมายความว่ายังไง!!!”
“ก็อย่างที่ผมพูดนั่นแหละครับ” นายภพยิ้มเยาะ
“บางทีการมีลูกสาวที่สวยและน่าสนใจ ก็อาจจะเป็นทางออกที่ดีกว่าการขายที่ดินก็ได้นะ”
“พอได้แล้วคุณภพ!!!” นายธนาโพล่งขึ้นมาอย่างเหลืออด
“อย่าพูดจาไร้สาระกับลูกสาวผม”
“ไร้สาระ ผมว่ามันเป็นข้อเสนอที่ดีเยี่ยมเลยนะคุณธนา” นายภพยังคงไม่ลดละ แพรไหมกำมือแน่นจนเล็บจิกเนื้อ เธอรู้สึกถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรีอย่างรุนแรง น้ำตาที่กลั้นไว้ค่อยๆ เอ่อขึ้นมา เธอจิกเล็บลงบนฝ่ามือเพื่อระงับความเจ็บปวดทั้งทางกายและใจ ‘ฉันจะยอมให้ใครมาดูถูกครอบครัวฉันไม่ได้เด็ดขาด!’ เสียงเล็กๆ ในใจตะโกนก้อง เธอต้องทำอะไรสักอย่าง แม้จะรู้ว่ามันแทบเป็นไปไม่ได้
สุดท้ายชายฉกรรจ์ทั้งสองก็จากไป ทิ้งไว้เพียงความเงียบงันและซองเอกสารที่เปรียบเสมือนคำพิพากษาประหารชีวิตของครอบครัว
แพรไหมไม่รอช้า เธอออกไปทำงานตามปกติ แต่หลังเลิกงาน เธอมุ่งหน้าไปยังทุกที่ที่พอจะหาเงินได้ โทรศัพท์หาเพื่อนทุกคนที่รู้จัก ขอร้องให้หยิบยืมเงิน เก็บทุกบาททุกสตางค์ที่เธอมี ทำงานล่วงเวลาจนดึกดื่น แต่อย่างไรเสีย เงินที่หาได้ก็ยังห่างไกลจากยอดหนี้มหาศาลที่ต้องใช้คืน การประมูลจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้แล้ว และเธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องไปที่นั่นด้วยตัวเอง
ในเวลาเดียวกันนั้น คริสเตียน คาร์ดินัล กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังในห้องทำงานกว้างขวางของเขา บนโต๊ะทำงานมีหน้าจอขนาดใหญ่ที่แสดงผลการวิเคราะห์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์และแผนที่เมืองอย่างละเอียด เขากำลังพิจารณาที่ดินผืนหนึ่งอย่างสนใจเป็นพิเศษ
“ที่ดินแปลงนี้อยู่ใกล้กับโครงการฟีนิกซ์ของเรามากใช่ไหมลีโอ” คริสเตียนถามเสียงเรียบ ขณะที่นิ้วเรียวยาวเคาะเบาๆ บนหน้าจอ
ลีโอ ซานติเอโก ที่ยืนอยู่ข้างๆ ก้มลงมองแผนที่บนจอ “ใช่ครับนาย ถ้าเราได้ที่ดินผืนนี้มา จะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อการพัฒนาศูนย์กลางเทคโนโลยีของโครงการฟีนิกซ์ครับ”
“แล้วสถานะของที่ดินแปลงนี้ล่ะ” คริสเตียนถามต่อ
“เป็นของตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่งครับนาย ตอนนี้กำลังมีปัญหาหนี้สินหนัก ถูกนายทุนเงินกู้นอกระบบยึดไปแล้ว และกำลังจะนำออกประมูลในวันพรุ่งนี้ครับ” ลีโอรายงานอย่างละเอียด
คริสเตียนเลื่อนดูข้อมูลอย่างเย็นชา แต่เมื่อสายตาเขาปะทะกับภาพถ่ายเล็กๆ ของบ้านเก่าๆ ที่ตั้งอยู่บนที่ดิน แววตาของเขาก็หยุดชะงักลงครู่หนึ่ง มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่หน้าบ้าน รูปภาพเล็กเกินกว่าจะเห็นรายละเอียดชัดเจน แต่บางสิ่งบางอย่างในท่าทางของเธอที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในความทุกข์ยาก ดึงดูดความสนใจของเขา ‘น่าสนใจ เจ้าของที่ดินไม่ใช่แค่คนธรรมดาอย่างที่คิด’
คริสเตียนนิ่งไปครู่หนึ่ง เขากำลังประเมินสถานการณ์ ดวงตาคมกริบกวาดมองข้อมูลบนจออย่างพิจารณา หากได้ที่ดินผืนนี้มา โครงการฟีนิกซ์จะเดินหน้าได้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
“นายภพใช่ไหมที่เข้ามาเกี่ยวข้อง” คริสเตียนถามชื่อที่คุ้นเคยในวงการธุรกิจมืด
“ใช่ครับนาย เป็นนายทุนเงินกู้นอกระบบรายใหญ่ที่เส้นสายเยอะพอสมควร” ลีโอตอบ
“เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้” คริสเตียนออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฉันจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง”
“ครับนาย”
ลีโอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ‘ปกติแล้วนายท่านไม่เคยลงมาจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ด้วยตัวเอง’ ความกังวลแวบหนึ่งฉายขึ้นในใจ ลีโอรู้ว่าเมื่อใดที่คริสเตียนลงมือเอง มันมักจะมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซับซ้อนกว่าที่เห็น และเขาแอบหวังว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเกินไปสำหรับใครบางคน
ขณะที่ลีโอกำลังจะเดินออกจากห้อง ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกอย่างแรง โดยร่างสูงโปร่งของ นิโคลัส (นิค) คาร์ดินัล น้องชายต่างมารดาของคริสเตียน นิคดูต่างจากคริสเตียนอย่างสิ้นเชิง เขาแต่งตัวสบายๆ เสื้อเชิ้ตแบรนด์ดังที่ปลดกระดุมเกือบถึงสะดือและกางเกงยีนส์ขาดๆ แต่ใบหน้าหล่อเหลาที่คล้ายคลึงกับคริสเตียนก็บอกได้ทันทีว่าเป็นพี่น้องกัน
“เฮ้ พี่ชาย! ไม่คิดจะเคาะประตูเลยเหรอไง” นิคบ่นอุบอิบขณะที่เดินเข้ามาในห้องอย่างไม่เกรงใจ
คริสเตียนเหลือบมองน้องชายด้วยสายตาเย็นชา “นายเคยเคาะประตูเป็นด้วยเหรอไงนิค”
“ฮ่าๆ ก็ไม่บ่อยนักหรอกน่า” นิคหัวเราะ
“แต่เรื่องนี้นายต้องฟังฉันให้ดีๆ เลยนะ มีข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับการประมูลที่ดินผืนนั้น”
คริสเตียนเลิกคิ้วเล็กน้อย “ข่าวลืออะไร”
“ก็ข่าวลือที่ว่า เจ้าของเดิมของที่ดินผืนนั้นสวยสุดๆ เลยนะสิพี่” นิคพูดด้วยท่าทีขี้เล่น
“ฉันได้ยินมาว่าเธอพยายามจะหาเงินมาไถ่คืนอยู่ ตอนนี้เธอกำลังวิ่งวุ่นไปทั่วเลยล่ะ”
คริสเตียนไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ ออกมา แต่ในใจเขาก็อดคิดไม่ได้ว่าเรื่องราวของหญิงสาวผู้นี้เป็นอย่างไรบ้าง
“แล้วไง”
“ก็แล้วแต่พี่ชายจะคิดสิ” นิคยักไหล่
“แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริงล่ะก็…” เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์
“บางทีพี่อาจจะได้อะไรมากกว่าที่ดินผืนนั้นก็ได้นะ”
ลีโอแอบถอนหายใจกับคำพูดของนิค เขารู้ดีว่านิคชอบพูดจาแบบนี้ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของผู้เป็นนายที่ไม่ได้ปฏิเสธคำพูดของน้องชายอย่างเด็ดขาดเหมือนปกติ
คริสเตียนปรายตามองนิค แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงคำพูดนั้น ‘สวยงั้นเหรอ…แล้วจะกล้าแกร่งพอที่จะอยู่ในโลกของฉันไหม’ ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวเขาอย่างฉับพลัน บางทีการได้ครอบครองสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าแค่ที่ดินผืนนั้น อาจจะทำให้เกมนี้มีรสชาติมากขึ้น
นิคยิ้มกริ่มเมื่อเห็นสีหน้าของพี่ชายที่แม้จะนิ่งเฉยแต่ก็มีบางอย่างเปลี่ยนไป ‘ฮ่าๆ…ดูเหมือนจะมีอะไรน่าสนุกเกิดขึ้นแล้วสิ’ เขารู้สึกตื่นเต้นกับของเล่นชิ้นใหม่ที่พี่ชายกำลังจะได้รับ และแอบคิดในใจว่าเขาเองก็อาจจะอยากเข้าไปมีส่วนร่วมในเกมนี้บ้าง
คริสเตียนไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาแค่จ้องมองหน้าจอบนโต๊ะทำงานอย่างพิจารณาอีกครั้ง ข้อมูลของที่ดินผืนนั้นถูกซูมเข้ามาใกล้ขึ้น มีรูปภาพเล็กๆ ของโฉนดที่ดินปรากฏอยู่ แม้จะเล็กมาก แต่คริสเตียนก็มองเห็นรายละเอียดบางอย่างที่น่าสนใจ
“พรุ่งนี้เจอกันที่งานประมูล” คริสเตียนบอกลีโอและนิค ด้วยน้ำเสียงที่กลับมานิ่งสนิทและทรงอำนาจอีกครั้ง
วันรุ่งขึ้น ณ โรงแรมหรูใจกลางเมือง ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ถูกจัดเตรียมไว้สำหรับงานประมูล แขกเหรื่อส่วนใหญ่เป็นนักธุรกิจและนายทุนหน้าตาคุ้นเคยที่มาพร้อมกับสมุดเช็คในมือ แพรไหมเดินเข้ามาในงานด้วยหัวใจที่เต้นรัว เธอสวมชุดที่เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะหาได้ ใบหน้าซีดเซียวแต่แววตาเต็มไปด้วยความหวังและความมุ่งมั่น
เธอพยายามยื่นเอกสารและบอกความประสงค์ที่จะขอไถ่ถอนที่ดินคืน แต่นายภพที่ยืนอยู่ตรงนั้นกลับยิ้มเยาะและปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย
“คุณช้าไปแล้วนะหนู” นายภพพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ตอนนี้มันอยู่ในการประมูลแล้ว ถ้าอยากได้คืน ก็ต้องสู้ราคากันในงานนี่แหละ”
แพรไหมแทบทรุดตัวลงกับพื้น เธอไม่มีเงินมากพอที่จะสู้ราคาในงานประมูลที่เต็มไปด้วยนักธุรกิจกระเป๋าหนักแบบนี้ เธอรู้ตัวดี
ขณะที่แพรไหมกำลังสิ้นหวัง สายตาของเธอก็พลันปะทะเข้ากับร่างสูงสง่าที่เดินเข้ามาในงาน ชายผู้นั้นคือคริสเตียน คาร์ดินัล เขาเดินเข้ามาพร้อมกับลีโอและนิคที่เดินตามหลังมาติดๆ รัศมีแห่งอำนาจที่แผ่ออกมาจากตัวเขานั้นน่าเกรงขามจนทุกคนในห้องต้องหันมามอง ใบหน้าคมคายของเขาฉายแววเย็นชา ไร้อารมณ์ แต่แววตาคมกริบนั้นกวาดมองไปทั่วทั้งห้อง ราวกับกำลังสำรวจเหยื่อ
แพรไหมจ้องมองคริสเตียนด้วยความรู้สึกประหลาดใจ เธอยังไม่เคยเห็นใครที่มีบุคลิกโดดเด่นและน่ากลัวได้ขนาดนี้มาก่อน เธอรู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่ดึงดูดและผลักไสในเวลาเดียวกัน
สายตาคมกริบของคริสเตียนปะทะเข้ากับร่างบอบบางที่ยืนอยู่ไม่ไกล ใบหน้าซีดเซียวแต่ดวงตาฉายแววไม่ยอมแพ้ ‘สวยกว่าที่คิด…’ความรู้สึกบางอย่างที่แตกต่างจากความต้องการทางธุรกิจผุดขึ้นในใจเขาอย่างรวดเร็วเธอจะเหมาะกับฟีนิกซ์ของฉันมากกว่าที่ดินผืนนี้เสียอีก
คริสเตียนเดินตรงมายังแถวหน้าสุดที่จัดเตรียมไว้สำหรับผู้เข้าร่วมประมูลที่มีศักยภาพสูงสุด เขาเลือกที่นั่งที่ไม่ไกลจากจุดที่แพรไหมยืนอยู่ สายตาของเขากวาดผ่านแพรไหมไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้แพรไหมรู้สึกเหมือนถูกไฟฟ้าช็อต
งานประมูลเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ พิธีกรกล่าวเปิดงานและเริ่มนำเสนอทรัพย์สินชิ้นแรก แพรไหมยืนอยู่ด้านหลังสุด หวังเพียงว่าจะมีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
เมื่อถึงคิวที่ดินของครอบครัวเธอถูกนำออกประมูล พิธีกรก็เริ่มบรรยายคุณสมบัติของที่ดินอย่างละเอียด แพรไหมกำมือแน่น เหงื่อซึมออกมาจากฝ่ามือ เธอหลับตาภาวนาให้มีใครสักคนให้โอกาสเธอได้มีเวลาหาเงินเพิ่ม
“เปิดประมูลที่ราคาห้าสิบล้านบาทครับ” พิธีกรประกาศ
เสียงฮือฮาดังขึ้นในห้อง แพรไหมตกใจกับตัวเลขนั้นมาก เธอไม่มีทางหาเงินได้ถึงจำนวนนั้นแน่นอน
“ห้าสิบห้าล้านบาทครับ” เสียงแรกดังขึ้น
“หกสิบล้านบาท!” ตามมาด้วยเสียงที่สอง
ราคาประมูลพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แพรไหมใจหายใจคว่ำ เธอรู้สึกเหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น ภาพความทรงจำกับพ่อแม่ที่ที่ดินผืนนั้นฉายวนในหัว ภาพสวนผลไม้ที่เธอเคยวิ่งเล่นเมื่อวัยเด็กฉายชัดขึ้นมาในมโนสำนึก ทุกความทรงจำดีๆ กำลังจะถูกพรากไป ‘ไม่นะ…ไม่’ เธออยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้
ในจังหวะนั้นเอง เสียงที่ทรงอำนาจและเรียบเฉยก็ดังขึ้นมาจากแถวหน้าสุด
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท”
ทุกคนในห้องประมูลเงียบกริบ แพรไหมเบิกตากว้าง หันไปมองต้นเสียงคริสเตียน คาร์ดินัล กำลังนั่งไขว่ห้างอย่างสงบ สีหน้าของเขาไร้อารมณ์ แต่แววตาคมกริบนั้นเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขากำลังถือป้ายหมายเลขประมูลอยู่
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท” พิธีกรประกาศย้ำด้วยความตื่นเต้น
ไม่มีใครกล้าสู้ราคา แพรไหมเองก็ตกตะลึงกับตัวเลขนั้น เธอไม่เคยคิดว่าจะมีใครบ้าคลั่งประมูลที่ดินเล็กๆ ผืนหนึ่งด้วยราคาสูงขนาดนี้
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท! ครั้งที่หนึ่ง!”
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท! ครั้งที่สอง!”
“หนึ่งร้อยห้าสิบล้านบาท! ครั้งที่สาม!”
“ขายขาด! ที่ดินแปลงนี้เป็นของท่านคริสเตียน คาร์ดินัล!”
เสียงค้อนทุบดัง “ปัง!” พร้อมกับเสียงปรบมือดังขึ้น แพรไหมรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนไปชั่วขณะ ที่ดินของครอบครัวเธอตกเป็นของชายแปลกหน้าผู้นี้แล้ว
เธอเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปหาคริสเตียนด้วยความกล้าหาญที่แปลกใจตัวเอง
“คุณ…คุณซื้อที่ดินของฉันไปทำไมคะ!”
คริสเตียนหันมามองแพรไหม ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย แต่แววตาคมกริบคู่นั้นจับจ้องเธออย่างพิจารณา ราวกับกำลังประเมินค่าบางอย่างในตัวเธอ
“มันเป็นธุรกิจ” คริสเตียนตอบสั้นๆ น้ำเสียงทุ้มต่ำและเย็นชา ทำให้แพรไหมรู้สึกเหมือนถูกน้ำแข็งสาดใส่
“แต่นั่นคือที่ดินของครอบครัวฉัน! คุณรู้ไหมว่ามันมีความหมายกับเรามากแค่ไหน!” แพรไหมพยายามควบคุมอารมณ์ แต่เสียงของเธอก็ยังสั่นเครือ
“ผมไม่สนใจเรื่องส่วนตัว” คริสเตียนตอบอย่างไม่ไยดี “ผมแค่ซื้อสิ่งที่ผมต้องการ”
คำพูดของคริสเตียนทำให้แพรไหมรู้สึกเจ็บแปลบ เธอรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อรองอะไรกับเขา แต่ก็อดที่จะอ้อนวอนไม่ได้
“ได้โปรดเถอะค่ะ…ฉันขอร้อง ให้ฉันไถ่คืนได้ไหมคะ ฉันจะหาเงินมาให้คุณให้ได้” แพรไหมพูดเสียงสั่น น้ำตาเริ่มคลอเบ้า
คริสเตียนมองใบหน้าเปื้อนน้ำตาของแพรไหม หัวใจของเขาแทบไม่สะทกสะท้านกับความน่าสงสารนั้น ทว่าบางสิ่งบางอย่างในตัวเธอ แววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและศักดิ์ศรีที่ยังหลงเหลืออยู่ แม้จะอยู่ในสถานะที่สิ้นหวัง ทำให้เขารู้สึกแปลกใจ
“ไถ่คืน” คริสเตียนยิ้มมุมปากเล็กน้อย รอยยิ้มที่ดูเหมือนจะเย้ยหยันมากกว่าเป็นมิตร
“คุณคิดว่าคุณจะมีเงินมากพอที่จะซื้อที่ดินผืนนี้จากผมงั้นหรือ”
“ฉันจะหาให้ได้ค่ะ! ฉันจะทำงานทุกอย่างเพื่อมัน” แพรไหมตอบอย่างไม่ยอมแพ้
คริสเตียนก้าวเข้ามาใกล้แพรไหมอีกก้าว ร่างกายสูงใหญ่ของเขาบดบังแสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาจากด้านหลัง ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของแพรไหม ราวกับจะเจาะทะลุเข้าไปในจิตใจของเธอ
“มีทางเดียวที่คุณจะได้ที่ดินผืนนี้คืน” คริสเตียนพูดเสียงทุ้มต่ำ ดวงตาของเขาดูเหมือนจะทอประกายบางอย่างที่ทำให้แพรไหมรู้สึกหวั่นไหวและเมื่อแพรไหมเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับเขาอย่างกล้าหาญ คริสเตียนก็รู้ทันทีว่าเขาต้องครอบครองเธอ ไม่ใช่แค่ที่ดิน
“ทางไหนคะ” แพรไหมถามอย่างมีความหวัง
คริสเตียนโน้มตัวลงมาเล็กน้อย กระซิบข้างหูของแพรไหม เสียงของเขาเย็นยะเยือก แต่กลับเต็มไปด้วยแรงดึงดูดอันตราย
“แต่งงานกับผม”
แพรไหมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอนึกว่าตัวเองหูฝาดไป คริสเตีย มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลผู้นี้ กำลังเสนอให้เธอแต่งงานกับเขาเพื่อแลกกับที่ดินงั้นหรือ
“อะไรนะคะ!” แพรไหมเผลออุทานออกมาอย่างตกใจ
“คุณไม่ได้หูฝาด” คริสเตียนยิ้มมุมปากอีกครั้ง รอยยิ้มที่ทำให้แพรไหมรู้สึกขนลุก
“คุณต้องแต่งงานกับผม เป็นภรรยาของผมและผมจะปลดหนี้ทั้งหมดของครอบครัวคุณให้ รวมถึงคืนโฉนดที่ดินผืนนี้ให้ด้วย”
แพรไหมถอยหลังไปก้าวหนึ่ง เธอสับสนและหวาดกลัว นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน เธอไม่เคยคิดฝันว่าชีวิตจะมาถึงจุดนี้ จุดที่เธอต้องยอมขายตัวเองเพื่อช่วยครอบครัว
“นี่มัน…มันเป็นไปไม่ได้!” แพรไหมปฏิเสธทันที
“เป็นไปได้” คริสเตียนตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“หรือคุณอยากเห็นที่ดินผืนนี้ตกเป็นของผม และหนี้สินของครอบครัวคุณยังคงอยู่”
คำพูดของคริสเตียนเหมือนมีดกรีดลงไปในใจของแพรไหม เธอรู้ว่าเขาพูดถูก เธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากยอมรับข้อเสนอที่บ้าคลั่งนี้ เพื่อครอบครัวของเธอ เพื่อพ่อกับแม่ที่แก่ชรา และน้องชายที่ยังต้องเรียนหนังสือ
โลกทั้งใบดูเหมือนจะหยุดหมุนเมื่อคำพูดนั้นหลุดออกจากปากเขา ‘แต่งงานกับผม…’ มันคือคำขาดที่รุนแรงและป่าเถื่อนที่สุดที่เธอเคยได้ยิน ศักดิ์ศรีของผู้หญิงคนหนึ่งกำลังถูกเหยียบย่ำ แต่เมื่อภาพใบหน้าของพ่อแม่ที่ชราลงผุดขึ้นมาในหัว น้ำตาที่เคยไหลรินกลับแห้งไป เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีทางเลือก ‘ฉันเกลียดเขา…เกลียดความอำมหิตของเขา แต่ทำไม…ทำไมแววตาคู่นั้นถึงได้น่ากลัวและดึงดูดได้ในเวลาเดียวกัน’ ความรู้สึกที่สับสนปะปนไปหมด
สายตาของแพรไหมกวาดมองไปทั่วห้องประมูล เธอเห็นสายตาของผู้คนมากมายที่จับจ้องมาที่เธอและคริสเตียน บางคนมองด้วยความสงสาร บางคนมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น และบางคนก็มองด้วยความรู้สึกประหลาดใจ
ลีโอที่ยืนอยู่ไม่ไกลเบิกตากว้างเมื่อได้ยินข้อเสนอของผู้เป็นนาย ‘นายแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้งั้นหรือ’ หัวใจของเขารู้สึกแปลบๆ อย่างไม่อาจเข้าใจ เขามองแพรไหมที่ยืนตัวสั่นด้วยความสงสาร และความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจเอ่ยชื่อได้ก็จุกแน่นอยู่ในอก
นิคหัวเราะหึๆ ในลำคอ ‘ฉันบอกแล้วไม่ใช่เหรอพี่ชาย ว่ามันจะน่าสนใจ’ เขามองแพรไหมด้วยแววตาประเมิน นี่เป็นผู้หญิงที่ดูบอบบางแต่แฝงด้วยความแข็งแกร่ง และเขารู้สึกได้ว่าชีวิตของพี่ชายที่แสนจะเคร่งขรึมกำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสนุกสนาน
แพรไหมกัดริมฝีปากแน่น เธอกำลังต่อสู้กับตัวเองอย่างหนักระหว่างความรู้สึกศักดิ์ศรีและความเป็นลูกที่ดีที่ต้องช่วยครอบครัว
“คุณให้เวลาฉันคิดได้ไหมคะ” แพรไหมถามเสียงเบา
คริสเตียนมองนาฬิกาบนข้อมือ “ผมให้เวลาคุณยี่สิบสี่ชั่วโมง พรุ่งนี้เวลาเดียวกัน ถ้าคุณไม่ตอบตกลง ผมจะทำลายที่ดินผืนนั้นทิ้ง และหนี้สินของครอบครัวคุณก็จะยังคงอยู่”
คำพูดของคริสเตียนเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ตัดขาดความหวังของแพรไหม เขาไม่ได้กำลังเสนอทางเลือกให้เธอ แต่กำลังบังคับให้เธอต้องตัดสินใจ และเธอรู้ว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่นเลย
น้ำตาของแพรไหมไหลรินลงมาเงียบๆ ไร้เสียงสะอื้น เธอเงยหน้าขึ้นมองคริสเตียนอีกครั้ง ใบหน้าของเขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจแม้แต่น้อย มีเพียงความเด็ดขาดและความมุ่งมั่นที่จะได้สิ่งที่เขาต้องการ
“ฉัน…ฉันตกลงค่ะ” แพรไหมพูดเสียงแผ่วเบา ราวกับว่าคำพูดแต่ละคำที่หลุดออกจากปากเธอจะฉีกหัวใจของเธอออกเป็นชิ้นๆ
คริสเตียนยิ้มมุมปากเล็กน้อย รอยยิ้มที่แทบมองไม่เห็น แต่แววตาของเขากลับดูพอใจอย่างยิ่ง เขาได้ในสิ่งที่เขาต้องการแล้ว
“ดีมาก” คริสเตียนพูด
“พรุ่งนี้เช้า ผมจะส่งคนไปรับคุณที่บ้าน เตรียมตัวให้พร้อม”
จากนั้นคริสเตียนก็หันหลังกลับ เดินออกไปจากห้องประมูลพร้อมกับลีโอและนิค โดยไม่เหลือบแลแพรไหมอีกแม้แต่น้อย
แพรไหมยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มองมาที่เธอ สายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความสงสารและความอยากรู้อยากเห็น แต่แพรไหมไม่สนใจอะไรอีกแล้ว เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจมดิ่งลงไปในห้วงลึกของความมืดมิด
เธอขายตัวเองให้กับมาเฟียเพื่อช่วยครอบครัว สิ่งที่เธอไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตของเธอ แพรไหมได้แต่ภาวนาว่าเธอจะผ่านพ้นเรื่องราวทั้งหมดนี้ไปได้ และครอบครัวของเธอจะปลอดภัย
ตอนที่ 80 เติมเต็มความสมบูรณ์ของครอบครัวหลังผ่านบทพิสูจน์แห่งผู้นำ และการกอบกู้วิกฤตการณ์ครั้งสำคัญ อเล็กซานเดอร์ ได้รับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย แต่สิ่งที่เติมเต็มชีวิตของเขาและ ลลิล ให้สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงคือ ข่าวดีที่สุด ที่พวกเขารอคอยมาตลอด เสียงเล็กๆ ในอนาคตกำลังจะกลายเป็นความจริง และนำพาความสุขมาสู่ตระกูลคาร์ดินัลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนหลังจากที่ทั้งสองคนได้พูดคุยกันอย่างจริงจังเรื่องการมีทายาท อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็เริ่มเตรียมตัวสำหรับการเป็นพ่อแม่ ลลิลเริ่มศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการดูแลทารกอย่างละเอียด ส่วนอเล็กซานเดอร์ก็เริ่มจัดเตรียมห้องเล็กๆ ในคอนโดเพื่อรอรับสมาชิกใหม่ความคาดหวังเพิ่มขึ้นในทุกๆ วัน แต่พวกเขาก็พยายามไม่กดดันตัวเอง จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ลลิลรู้สึกไม่สบายตัว อาการคลื่นไส้และอ่อนเพลียทำให้เธอสงสัย เธอตัดสินใจใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ และผลลัพธ์ที่ปรากฏก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความสุขและความตื่นเต้นสองขีดสีชมพู ปรากฏชัดเจน ลลิลกรีดร้องด้วยความดีใจ เธอไม่สามารถเก็บความลับนี้ไว้คนเดียวได้ เธอตัดสินใจจะบอกข่าวดีนี้กับอเล็กซานเดอร์ในทันที แต่เธอ
ตอนที่ 79 บทพิสูจน์แห่งผู้นำท่ามกลางความกังวลเรื่องทายาทและความสุขในชีวิตคู่ อเล็กซานเดอร์ ก็ต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญในบทบาทของผู้นำ นั่นคือการแก้ไขวิกฤตการทุจริตที่เกิดขึ้นในโครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ความท้าทายนี้ไม่เพียงเป็นการพิสูจน์ความสามารถของเขา แต่ยังเป็นการตอกย้ำถึงคุณธรรมและความโปร่งใสที่ กลุ่มคาร์ดินัล ยุคใหม่ยึดมั่นเมื่อหลักฐานเริ่มชัดเจนว่ามีการทุจริตจริงในบริษัทสตาร์ทอัพที่คาร์ดินัลลงทุนไป อเล็กซานเดอร์ ก็ตัดสินใจดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรอบคอบ เขาไม่ได้ต้องการเพียงแค่จับตัวผู้กระทำผิด แต่ต้องการถอนรากถอนโคนปัญหา เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตอเล็กซานเดอร์เรียกประชุมทีมงานคนสำคัญของคาร์ดินัลที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ รวมถึง เดฟ และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการรักษาชื่อเสียงและความโปร่งใสของบริษัท“เราจะไม่ยอมให้การทุจริตใดๆ มาแปดเปื้อนชื่อเสียงของคาร์ดินัลอีกแล้ว” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นในห้องประชุม “เราต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องและเป็นธรรมที่สุด”เขามอบหมายให้ทีมผู้ตรวจสอบบัญชีอิสระที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี เข้าม
ตอนที่ 78 บททดสอบใหม่และเสียงเล็กๆ ในอนาคตชีวิตคู่ของ อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ดำเนินไปอย่างราบรื่นและอบอุ่น แต่ในโลกของธุรกิจและความรับผิดชอบที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ย่อมมี ความท้าทายใหม่ๆ เข้ามาทดสอบความเข้มแข็งของพวกเขาเสมอ และท่ามกลางความท้าทายเหล่านั้น เสียงเล็กๆ ในอนาคตก็เริ่มดังขึ้นในหัวใจของทั้งคู่ในขณะที่โครงการเยียวยาชุมชนของมูลนิธิคาร์ดินัลดำเนินไปอย่างงดงาม และได้รับคำชื่นชมอย่างกว้างขวาง ปัญหาใหม่กลับเกิดขึ้นภายในอาณาจักรธุรกิจของคาร์ดินัลเองคริสเตียน ได้มอบหมายให้ อเล็กซานเดอร์ เข้ามาดูแลการลงทุนใน โครงการพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะ ซึ่งเป็นสาขาใหม่ที่คาร์ดินัลกำลังให้ความสนใจอย่างมาก แต่โครงการนี้กลับประสบปัญหาตั้งแต่เริ่มต้นมีรายงานว่าบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีที่คาร์ดินัลเข้าไปลงทุน มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการภายใน การพัฒนาผลิตภัณฑ์ล่าช้ากว่ากำหนด และที่สำคัญที่สุดคือ มี ข่าวลือเรื่องการทุจริต ของผู้บริหารระดับสูงบางรายในบริษัทนั้น“พ่อว่าเรื่องนี้ต้องตรวจสอบให้ละเอียดเลยนะอเล็กซานเดอร์” คริสเตียนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดในห้องทำงานของเขา “เราไม่อยากให้ชื่อเสียงของคา
ตอนที่ 77 บทใหม่แห่งชีวิตร่วมหลังพิธีวิวาห์ที่อบอุ่นและเปี่ยมด้วยความหมาย อเล็กซานเดอร์ และ ลลิล ก็ได้เริ่มต้นบทใหม่ของชีวิตในฐานะสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ การใช้ชีวิตคู่ไม่ใช่แค่เรื่องของความรักที่โรแมนติก แต่ยังรวมถึงการปรับตัว การเรียนรู้ และการเติบโตไปพร้อมกันในทุกๆ วันชีวิตคู่เริ่มต้นขึ้นที่คอนโดมิเนียมสุดหรูของอเล็กซานเดอร์ ซึ่งบัดนี้กลายเป็น "เรือนหอ" ที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัวของพวกเขา แม้จะเคยมาพักอยู่ด้วยกันบ่อยครั้ง แต่การย้ายข้าวของทั้งหมดเข้ามาอยู่ด้วยกันอย่างถาวร ก็เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปลลิลใช้ความสามารถด้านการออกแบบของเธอเข้ามาเนรมิตห้องชุดให้เป็นพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนของทั้งคู่ได้อย่างลงตัว เธอเพิ่มความสดชื่นด้วยต้นไม้เล็กๆ และเปลี่ยนผ้าม่านเป็นสีเอิร์ธโทนที่อบอุ่น นอกจากนี้ยังมีมุมเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยหนังสือและงานศิลปะที่เธอชื่นชอบ ทำให้คอนโดแห่งนี้มีชีวิตชีวาและเป็น "บ้าน" อย่างแท้จริง“คุณชอบไหมครับคุณ” อเล็กซานเดอร์ถามด้วยรอยยิ้มหลังจากที่ลลิลจัดข้าวของเสร็จเรียบร้อยลลิลโอบแขนรอบเอวเขา “ฉันชอบมากค่ะที่รัก มันเป็นบ้านของเราจริงๆ”การปรับตัวเข้าหากันในรายละเอียด
ตอนที่ 76 ถักทอความรัก สู่พิธีวิวาห์หลังจากที่ อเล็กซานเดอร์ ได้ขอ ลลิล แต่งงานอย่างเป็นทางการ บรรยากาศของความสุขและความตื่นเต้นก็ปกคลุมไปทั่วคฤหาสน์คาร์ดินัล การเตรียมงานแต่งงานเริ่มต้นขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่อบอุ่นและเต็มไปด้วยความหมาย สะท้อนถึงความรักที่มั่นคงและบริสุทธิ์ของทั้งคู่ทั้งอเล็กซานเดอร์และลลิลต่างเห็นพ้องต้องกันว่างานแต่งงานของพวกเขาจะต้อง เรียบง่าย อบอุ่น และเป็นส่วนตัว โดยเน้นไปที่ความหมายและความผูกพันของสองครอบครัวมากกว่าความหรูหราอลังการ“ฉันอยากให้งานแต่งงานของเราเป็นวันที่เราได้แบ่งปันความสุขกับคนที่เรารักและห่วงใยค่ะที่รัก” ลลิลบอกกับอเล็กซานเดอร์ในขณะที่พวกเขากำลังปรึกษากันเรื่องการจัดงานอเล็กซานเดอร์ยิ้ม “ผมก็คิดอย่างนั้นครับคุณ”พวกเขาตัดสินใจที่จะจัดพิธีหมั้นและงานแต่งงานเล็กๆ ที่ คฤหาสน์คาร์ดินัล ซึ่งเป็นสถานที่ที่ลลิลมีความทรงจำดีๆ มากมาย และเป็นเหมือนบ้านอีกหลังของเธอ โดยจะมีเพียงญาติสนิทและเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเชิญแพรไหม ผู้เป็นแม่ของอเล็กซานเดอร์ เป็นผู้ดูแลการเตรียมงานทั้งหมดอย่างละเอียดอ่อน เธอต้องการให้งานแต่งงานของลูกชายออกมาสมบู
ตอนที่ 75 จุดเริ่มต้นแห่งชีวิตคู่หลังจากผ่านพ้นอุปสรรคและร่วมสร้างสรรค์สิ่งดีๆ มาด้วยกัน อเล็กซานเดอร์ ก็ตระหนักแล้วว่า ลลิล คือผู้หญิงที่ฟ้าส่งมาให้เขา เขาไม่ต้องการรออีกต่อไป ถึงเวลาแล้วที่ความรักของพวกเขาจะก้าวไปอีกขั้น สู่การเริ่มต้นชีวิตคู่ที่ชัดเจนและมั่นคงการขอแต่งงานไม่ใช่แค่เรื่องของคำพูด แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกและช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ อเล็กซานเดอร์ใช้เวลาหลายวันในการวางแผน เขาอยากให้การขอแต่งงานครั้งนี้เป็นความทรงจำที่ลลิลจะไม่มีวันลืมเขาปรึกษาเรื่องนี้กับ แพรไหม ผู้เป็นแม่ ซึ่งเป็นคนที่เข้าใจหัวใจของผู้หญิงดีที่สุด“ลูกอยากขอแต่งงานกับลลิลครับแม่” อเล็กซานเดอร์กล่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข “ผมอยากให้มันเป็นอะไรที่พิเศษที่สุดสำหรับเธอ”แพรไหมยิ้มอย่างอ่อนโยน “แม่ดีใจด้วยนะลูก แม่รู้ว่าลลิลคือคนที่ใช่สำหรับลูกจริงๆ”แพรไหมช่วยอเล็กซานเดอร์วางแผนอย่างละเอียด เธอแนะนำให้เขาเลือกสถานที่ที่มีความหมายกับทั้งคู่ และสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นส่วนตัว อเล็กซานเดอร์คิดถึง บ้านพักที่เขาใหญ่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ความรักของเขาและลลิลเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริงเขาจัดเตรียมทุกอย่