โครกกก!! เสียงท้องฉันร้องดังประท้วงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ฉันหิว! แต่…ฉันไม่อยากออกไปเจอหน้าเขาเลย ฉันไม่อยากเห็นหน้าผู้ชายใจร้ายคนนั้นเลยจริงๆ
“เฮ้อออ! หิวชะมัด!” แต่ถ้าไม่ออกไป ก็คงต้องทนหิวไปตลอดทั้งคืนแน่ๆ ฉันยังไม่ได้กินอะไรแต่เช้าเลยด้วยซ้ำ หิวจนตาลายไปหมดแล้ว ฟุ่บ!! ฉันลองเอาหูแนบประตูห้องเอาไว้เพื่อฟังเสียงข้างนอกห้องนอน เงียบจังแฮะ! หรือว่า…เขาจะออกไปแล้ว ถ้าเป็นงั้นก็ดีสิ! แอ๊ดดด!! ฉันค่อยๆแง้มประตูห้องนอนช้าๆและเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะโผล่หัวออกไปนอกห้องเพื่อแอบดูสถานการณ์ข้างนอก หันซ้าย หันขวา มองไปมารอบๆก็ไม่เจอผู้ชายคนนั้นเลย นี่เขา…ออกไปแล้วจริงๆเหรอ? “ไม่อยู่จริงๆด้วย” เมื่อเริ่มมั่นใจว่าตอนนี้ในห้องปราศจากร่างของคนใจร้ายนั่น ฉันก็ไม่รอช้าที่จะเอาร่างตัวเองออกมาจากห้อง แล้วเดินตรงไปยังรถเข็นอาหารที่วางอยู่หน้าประตู ฟุ่บ!! ฉันมองดูอาหารที่อยู่ตรงหน้าสักพัก ก่อนจะตัดสินใจตักมันเข้าปากไปอย่างไม่ลังเล รสชาติอาหารโรงแรมหรู ไม่อร่อยเลยสักนิด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรสชาติอาหาร หรือเพราะลิ้นฉันเพี้ยนกันแน่ เฮ้อออ! ถึงจะไม่อร่อยก็ต้องกิน กินให้อยู่รอดพ้นคืนนี้ไปได้ หรือว่า… “หนีไปตอนนี้เลยดีมั้ยนะ?” จู่ๆความคิดนี้มันก็โผล่ขึ้นมาในหัวของฉัน ฉันคิดแบบนี้พลางมองไปยังประตูห้องที่อยู่ตรงหน้าด้วยใจที่สั่นไหว ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็ไม่อยู่ในห้องแล้ว ถ้าฉันหนีออกไปตอนนี้ก็ได้นี่น่า แต่…หนีออกไปแล้วจะไปไหนต่อล่ะ? หนีออกไปจากห้องนี้สุดท้ายก็ต้องกลับไปเจอกันที่บ้านเขาอีกอยู่ดี หึ! ตอนนี้ฉัน…มีที่ให้หนีไปได้จริงๆเหรอ? ไม่มี! ฉันไม่มีบ้าน ไม่มีญาติเลยด้วยซ้ำ ต่อให้หนีไปตอนนี้ฉันก็ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากเขาและตระกูลของเขาได้อยู่ดี ชีวิตฉัน…ถูกผูกมัดไว้กับตระกูลของเขาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว มันไม่มีทางไหนให้ฉันหลุดพ้นจากเขาและตระกูลของเขาได้เลย “เฮ้อออ!” ตึก! ตึก! ตึก! ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอนตามเดิม รีบนอนดีกว่า จะได้ไม่คิดฟุ้งซ่าน และจะได้ไม่ต้องรอเจอหน้าเขาด้วย พรึ่บ!! ฉันเดินตรงเข้าไปนอนบนเตียง ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างเอาไว้ ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดโคมไฟใกล้ๆตัว นอนซะเกวลิน! เดี๋ยวพรุ่งนี้ทุกอย่างก็คงจะดีขึ้นกว่าเดิม… ตึก! ตึก! ตึก! ในตอนที่ฉันกำลังเคลิ้มหลับ เปลือกตาค่อยๆอ่อนแรงลง แต่หูของฉันกลับได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ฟุ่บ!! ฉันรู้สึกได้ถึงแรงยุบของเตียงข้างๆตัว ที่มันยุบลงไป เหมือนมีใครบางคนกำลังเอนตัวลงนอนข้างๆฉัน หืม! หรือว่าจะเป็น… “คุณคิม!” ฉันเบิกตาโพลงขึ้นมาด้วยความตกใจ ทันทีที่พอจะเดาออกว่าแรงยุบของเตียงข้างๆตัวเกิดขึ้นจากอะไร “อยู่นิ่งๆสักแปบเดียวไม่ได้รึไงเกวลิน?” เสียงที่เรียบนิ่งถูกเอ่ยออกมาจากคนข้างๆ ตึกตักๆๆ!! แม้จะหันหลังให้อีกฝ่าย แต่ฉัน…ก็รับรู้ได้ถึงลมหายใจขิงอีกฝ่ายที่รินรดอยู่บนหัวของฉัน ไหนจะความอุ่นที่เพิ่มขึ้นของผ้าห่ม ทำให้ฉันสัมผัสได้ว่า…ตอนนี้เราสองคนกำลังนอนอยู่ใต้ผืนผ้าห่มเดียวกัน ในระยะห่างที่ใกล้มากๆ ใกล้จน…ทำฉันใจสั่นไหวขึ้นมาซะได้ “ฉันง่วง! ฉันแค่อยากจะนอนเฉยๆ” คำพูดของเขา ฉันจะเชื่อได้จริงๆเหรอ? “ถะ…ถ้างั้น…ฉันออกไปนอนข้างนะ…คุณคิมนี่คุณจะทำอะไร?!” หมับ!! ฉันร้องตกใจขึ้นมาเมื่อจู่ๆก็สัมผัสได้ถึงมือของคนข้างๆที่เลื่อนเข้าโอบเอวฉันเอาไว้ “เธอเกลียดฉันมากเลยเหรอเกวลิน?” “…” คำถามที่ผุดออกมาจากปากของคนข้างๆ ทำฉันหยุดชะงักไปเลย ไม่ใช่เพราะตกใจในคำถาม แต่เป็นเพราะน้ำเสียงของเขาต่างหาก ฉันรู้สึกว่าน้ำเสียงที่เขาเอ่ยถามออกมา…มันแผ่วเบาและดูอ่อนกว่าปกติเยอะเลย “เธอเกลียดฉัน…มากขนาดนั้นเลยเหรอหืม?” ตึกตักๆๆ!! อะไรกัน ทำไมใจฉันมันถึงเต้นรัวมากกว่าเดิมขึ้นมาได้ล่ะ!? มัน…รู้สึกหน่วงแปลกๆ ไม่ใช่เพราะกำลังกลัว แต่ก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่ามันเป็นเพราะอะไรกันแน่! “ฉัน…กะ…” ทำไมฉันถึงพูดคำว่าเกลียดออกไปตรงๆไม่ได้ล่ะ? ฉันเกลียดเขาจริงๆนี่ แต่ทำไมจู่ๆถึงพูดคำนี้ไม่ออกซะงั้น “ดีแล้ว เกลียดฉันให้เยอะซะ เกวลิน เพราะฉันเอง…ก็จะได้เกลียดเธอได้เหมือนกัน” “…” ตึกตักๆๆ!! ฉัน…ไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิด ทำไมคำพูดของเขาถึงมีผลกับจิตใจฉันขนาดนี้นะ มันคืออะไรกันแน่!? ฉันเกลียดเขานี่นา มันก็ถูกแล้วถ้าเขาจะเกลียดฉัน แต่ทำไม…ทำไมมันถึง…ทำไมมันถึงหน่วงๆใจได้ขนาดนี้กันนะ?[คิมหันต์]“คุณคิมหันต์!! มาดูนี่เร็ววว~” เสียงของคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ริมทะเลหันมาร้องเรียกผมพร้อมกับรอยยิ้มที่สดใส“หึๆ” ผมที่ที่กำลังเดินอยู่ก็รีบเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหาเกวลินโดยทันที พร้อมกับหิ้วไก่ทอดที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ติดมือมาด้วย ตามคำสั่งของคนตัวเล็ก“คุณคิมหันต์ พระอาทิตย์ตกสวยมากเลยว่ามั้ยคะ?” พอเดินเข้ามาถึงตัวเกวลินแล้ว เธอก็ยังคงยกยิ้มสดใสออกมาด้วยความสดใส แถมยังกระโดดไปมาดุกดิกด้วยความตื่นเต้นกับวิวพระอาทิตย์ตกริมทะเลตรงหน้าอีกด้วยผมที่ได้เห็นท่าทีของเธอที่น่ารักของเธอ ก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู“ไหนว่าจะกลับห้องไง ทำไมถึงพามาที่นี่ล่ะ?” หลังจากออกมาจากห้างก่อนหน้านี้ ผมตั้งใจว่าจะพาเกวลินกลับไปพักที่ห้องของเธอทันที แต่เธอก็ดื้อดึงอ้อนให้ผมพามาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่จนได้ แล้วท่าทีตอนที่เกวลินอ้อนผมมันก็ดันน่ารักซะจนผมปฏิเสธเธอไม่ลงเลยจริงๆ“จะกลับเลยได้ยังไงล่ะคะ วันนี้อุตส่าห์ได้พักทั้งที ต้องออกมาเที่ยวซะหน่อยสิ”หมับ!! เกวลินพูดพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ผม ขณะเดียวกันเธอก็ยื่นมือตัวเองมาจับมือที่ว่างอยู่ของผมเอาไว้ ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้ผมใจสั
[เกวลิน]“แน่ใจนะว่าไม่ต้องไปโรงพยาบาล” คุณคิมหันต์ที่ขับรถอยูข้างๆเอ่ยถามคำถามนีเป็นรอบที่สิบได้แล้วมั้ง? หลังจากที่ฉันดีขึ้นแล้ว คุณริมหันต์ก็จัดการเรื่องลางานกับผู้จัดการให้ฉัน แถมยังอาสาพาฉันกลับห้องอีกด้วย และตั้งแต่ที่ออกมามาจากโรงแรม เขาก็เอาแต่ถามย้ำกับฉันอยู่ได้ว่าไม่เป็นไรแน่นะ? ไม่ต้องโรงพยาบาลแน่นะ? ให้ฉันพาไปโรงพยาบาลมั้ย? ถามย้ำรอบที่สิบได้แล้วมั้งน่ะ“เกวไม่เป็นไรแล้วจริงๆค่า แข็งแรงดี สบายใจหายห่วงได้ค่ะ”“ถ้างั้นกลับห้องไปก็พักผ่อนให้เต็มที่่นะ”“เอ่อ คือว่า…ก่อนกลับห้อง เกวมีที่ที่ต้องไปก่อนน่ะค่ะ” จริงๆวันนี้ฉันต้องไปทำธุระสำคัญอย่างหนึ่ง ตอนแรกฉันตั้งใจว่าจะไปคนเดียวด้วยซ้ำ แต่คุณคิมหันต์ก็ดื้อดึงจะไปส่งฉันให้ได้ ฉันปฏิเสธเขาไม่ได้เลยจริงๆ เลยต้องยอมให้เขามาส่งให้จนได้“ไว้รอหายดีก่อนแล้วค่อยไปวันหลัง วันนี้เธอต้องกลับไปพักก่อน”“ไม่ได้ค่ะ เกวต้องไปทำธุระสำคัญมากๆ ต้องไปวันนี้เท่านั้นค่ะ”“ฉันไม่ให้ไป” คนตัวสูงข้างๆเอ่ยออกมาอย่างเด็ดขาด“คุณคิมหันต์! นี่คุณจะเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วนะ ฉันไปแค่แปบเดียว คุณแค่ไปส่งฉันแล้วนั่งรออยู่บนรถก็ได้”“ธุระอะไรจะสำคัญไป
[คิมหันต์]พรึ่บ!! ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเมื่อแสงที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านสอดส่องเข้ามากระทบกับดวงตา และเมื่อปรับสายตาให้คงที่ได้แล้ว ผมถึงได้รู้ว่าตัวเองยังคงนอนอยู่ใขอบนเตียงในห้องพักของเกวลินเหมือนเดิมเพียงแต่ตอนนี้ที่ข้างๆที่เคยมีเกวลินนอนอยู่ด้วย กลับเหลือไว้เพียงแค่รอยยับที่ว่างเปล่าเท่านั้นเกวลิน…ยัยนั่นทิ้งผมไปอีกแล้วเหรอเนี่ย?ฟุ่บ!! ผมลุกขึ้นมาจากเตียงนอน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว บางสิ่งบางอย่างอยู่ในนั้นกลับทำให้ผมแปลกใจขึ้นมาบนกระจกในห้องน้ำมีกระดาษอยู่สามแผ่นแปะเรียงกันไว้อย่างเป็นแถวเลยล่ะฟึ่บ! ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษโน้ตแผ่นที่แปะอยู่บนกระจกห้องน้ำมาอ่าน‘เกวต้องออกไปทำงานแต่เช้าเมื่อคืนคุณดูเหนื่อยมากเกวเลยไม่อยากปลุก ขอโทษที่ปล่อยให้อยู่คนเดียวนะคะ’“หึ! ใครกันแน่ที่เหนื่อย” ผมยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจทันทีที่ได้อ่านข้อความที่เกวลินทิ้งไว้ให้ฟึ่บ!! จากนี้ก็หยิบกระดาษโน้ตใบที่สองขึ้นมาอ่านต่อ‘คุณอาบน้้ำแปรงฟันก่อนได้นะคะ เกวแขวนเสื้อผ้าที่คุณพอจะใส่ได้ไว้ให้ที่ตู้แล้ว’ผมอดไม่ไ
วันต่อมาณ โรงแรมพาวิลงเลียน“อ้าวเกว” เสียงของรินณ์เอ่ยทักขึ้นทันทีที่รินณ์เดินเข้ามาในห้องพักพนักงาน ซึ่งมีฉันที่นั่งอยู่ก่อนหน้าแล้ววันนี้ฉันตั้งใจออกจากห้องมาแต่เช้า เช้าถึงขนาดที่คุณคิมหันต์ยังไม่ตื่นเลยด้วยซ้ำ “ไงรินณ์”“ทำไมมาเช้าจังอ่ะ วันนี้เกวเข้างานกะบ่ายไม่ใช่เหรอ?”“อ่อ เราแลกเวรกับพี่แอนอ่ะ พอดี…ตอนเย็นเรามีธุระต้องไปทำธน่ะ” ใช่แล้วล่ะ! จริงๆ วันนี้ฉันเข้างานกะบ่าย แต่ช่วงเย็นวันนี้ฉันมีที่ที่ต้องไปน่ะ เลยแลกเวรกับพี่แอนไว้“ไปไหนอ่ะ? หรือว่า…ไปเดทเหรอ?” รินณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มพลางเดินเข้ามากระซิบใกล้ฉัน อะไรกัน? ยิ้มแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย?“ดะ เดทอะไรกันเล่า? ไม่ใช่ซะหน่อย” “เอ้า! ไม่ใช่หรอกเหรอ แต่เมื่อคืนเราเห็นน้า ผู้หญิงชุดฟ้าที่เดินควงแขนกับคุณคิมหันต์” รินณ์เข้ามานั่งใกล้ๆ ก่อนจะเขยิบมากระซิบข้างๆหู“นี่รินณ์เห็นด้วยเหรอ?0_0!” ฉันถึงกับเบิกตาโพลงออกมาด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเมื่อคืนจะมีคนเห็นฉันกันคุณคิมหันต์ด้วย นี่ขนาดแอบย่องออกไปตอนไม่มีคนแล้วน่ะเนี่ย ยังมีคนเห็นอีกเหรอเนี่ย? “อื้ม เมื่อคืนเราอยู่ทำโอทีน่ะ”“นอกจากรินณ์แล้ว…”“ไม่ต้องห่วงหรอก เมื
“อื้มมม~” เสียงครวญครางของเราสองคนดังลั่นไปทั่วทั้งห้องพักของฉัน เพราะรสจูบที่ร้อนแรงเกินกว่าจะต้านทานของกันและกัน เรียวลิ้นที่สอดประสานกันไปมาของเราสองคน มันเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความปรารถนาที่เหลือล้น ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไร ฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าริมฝีปากของคนตัวสูงยิ่งหอมหวานน่าช่วงชิมมากกว่าเดิมขึ้นไปเรื่อยๆหมับ!! ฉันเอื้อมมือออกไปค้วาท้ายทอยของคนตัวสูงเหนือร่างลงมากอดไว้แน่น เพื่อให้เราสองคนแลกเปลี่ยนรสจูบจากกันและกันได้แนบแน่นกันมากยิ่งขึ้น“อื้อออ~” ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวที่ต้องการสัมผัสจากคุณคิมหันต์ เขาเองก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกันกับฉัน ฉันส่งเสียงครวญครางผ่านลำคอออกมาด้วยความเสียวซ่าน เมื่อคนตัวสูงเลื่อนไล้มือหนาของตัวเอง ลงไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ใต้กางเกงนอนของฉัน ในขณะที่ปากของเขาก็ยังคงดูดเม้ม ช่วงชิมรสหวานจากปากของฉันอย่างไม่ลดละ“อื้อ!!~” ฉันเริ่มจะทนกับความเสียวซ่านที่ถูกกระตุ้นทั้งช่วงบน และช่วงล่างไม่ไหวแล้ว จนต้องส่งเสียงร้องประท้วงผ่านลำคอออกมาเพื่อให้เขาปล่อยส่วนใดส่วนหนึ่งซะที ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหวจนขาดใจตายไปซะก่อน“อึก!
หลังจากที่คุณคิมหันต์บุกเข้ามาหาถึงห้อง แล้วขอนอนค้างด้วย ตอนนี้เขา…กำลังนอนอยู่บนเตียงข้างๆฉันถึงแม้ว่าคุณคิมหันต์จะนอนก่ายหน้าผากอยูข้างฉัน แต่เขากลับไม่เอ่ยปากคุยอะไรกับฉันต่อเลยแม้แต่คำเดียวนี่เขา…กำลังไม่พอใจฉันอยูแน่ๆเลย“คุณคิมหันต์ หลับรึยังคะ?” ฉันรู้ว่าเขายังไม่หลับแน่ๆ“หลับแล้ว” หลับแล้วเขาจะตอบฉันได้ยังไงล่ะ?“คุณ…โกรธเกวเหรอคะ?”“…” สิ้นสุดคำถามของฉัน ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆจากคนข้างๆอีกเลย“เกวขอโทษนะคะ ที่ทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหารคนเดียว”“…” คราวนี้ก็ยังเงียบเหมือนเดิม“เกวแค่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับความจริงน่ะค่ะ”“เกวลิน…”“คะ?”“รู้ใช่มั้ย…ว่าฉันรักเธอ?” คุณคิมหันต์ที่เอาแต่หลับตาในตอนแรก ตอนนี้เขากลับลืมตาหันมามองฉันที่อยู่ใกล้ๆ ด้วยแววตาที่อ่อนโยน“…รู้ค่ะ” ฉันจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขา พลางเอ่ยคำตอบที่รู้ดีอยู่แก่ใจออกไปอย่างลึกซึ้ง“แล้วเธอล่ะ?” คำถามที่คาดไม่ถึงจากคนตัวสูงตรงหน้า ทำฉันอึ้งจนอ้าปากค้าง ทำไมเขาถึงถามแบบนี้ออกมาได้“รักสิคะ เกวรักคุณมากๆค่ะ”“ถ้างั้น…อย่าทิ้งฉันไปอีกได้มั้ยเกว?” คำถามที่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือของคนตรงหน้า บวกกับ