ลาฟฟี่ก้าร์ผับ
ในค่ำคืนของย่านบันเทิง เต็มไปด้วยแสงสีเสียงและผู้คนเริ่มพลุกพล่าน จุดนัดพบคือด้านหน้าของผับ เฌอเอมมาถึงก่อนและนั่งรอเพื่อนเกือบหนึ่งชั่วโมง มองไปทิศทางไหนก็มีแต่หนุ่มสวมควงกันมาเป็นคู่ ในส่วนตัวเองยังหน้าหน้างอตามลำพัง
“ทำไมยังไม่มา”
เพราะนั่งรอนาน ย่อมถูกสายตาผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมามองอย่างสงสัย จนรู้สึกเกิดความประหม่า เปิดกระเป๋าหยิบมือถือเพื่อหมายจะต่อสายตามเพื่อนของตัวเอง ก็ต้องเงยหน้าที่ก้มมองหน้าจอขึ้นไปมองต้นทางของเสียงเรียก
“เอม!!”
แนนนี่เดินมาพร้อมกับชายไม่คุ้นหน้า คนมองแอบแปลกใจ ในทีแรกนึกว่าเพื่อนจะควงแฟนหนุ่มที่มารับกลับบ้านไปเมื่อตอนเย็น ทว่ากับควงชายอีกคนมาผับแห่งนี้
“กำลังจะโทรหา”
“โทษทีนะเพื่อนรถติด ลานจอดรถก็เต็ม ต้องเอาไปจอดฝั่งโน้น เลยใช้เวลาเดินนานไปหน่อย”
"อืม"
“นี่พี่พอล”
แนนนี่แนะนำชายที่ควงมาได้ แม้เฌอเอมจะยกยิ้มแสดงท่าทียินดีที่ได้รู้จัก ทว่ายังงงๆ แต่กระนั้นก็พอเดาออกว่าคนที่เพื่อนหนีบมาด้วยเป็นชายในสต๊อกหรือที่เรียกว่ากิ๊กนั้นเอง
“แล้วนี่เพื่อนแนนเอง ยัยเอมที่เคยเล่าให้ฟัง”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับน้องเอม ได้เจอตัวจริงก็วันนี้”
หญิงสาวยกมือไหว้เป็นมารยาท ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไหว้ตอบอย่างสุภาพ ก่อนจะมีชายอีกคนเดินสมทบมาตามหลัง จังหวะนั้นทำเฌอเอมงุนงงไปใหญ่ นอกจากจะมีเธอเพื่อนสาวและชายหนุ่มที่เป็นกิ๊ก ยังมีผู้มาใหม่อีกคนที่เธอไม่รู้จัก
“มาพอดีเลย ช้าอีกนิด แนนให้พี่พอลโทรตามแล้ว”
“ขอโทษที พี่ไม่เคยมาแถวนี้เลยขับหลง”
ชายผู้มาใหม่ขอโทษขอโพย ก่อนจะหันไปยิ้มให้หญิงสาวหน้าตาสะสวย กระทั่งถูกแนะให้รู้จักว่าชื่อคิม เมื่อทั้งหมดรู้จักกันก็เดินเข้าไปด้านใน
“น่าสนุกนะน้องแนน”
พอลเอ่ยขึ้นทั้งขยับตัวโอบเอวเจ้าของชื่อทันที ยังไม่ถึงครึ่งคืน เขาก็รุ่มร่ามเพื่อนสาวของเธอเสียแล้ว แต่ก็ช่างเถอะ นั่นมันเรื่องส่วนตัวของแนนนี่ เฌอเอมยืนโยกส่ายเรือนร่างตามเสียงเพลงพอเป็นพิธี และยกแก้วแอลกอฮอล์ที่ชงเข้มจนแทบกลืนไม่ลง ทว่าก็ยกดื่มเป็นมารยาทเพื่อให้บรรยากาศนั้นดูสนุกสนาน
“เอมเมาหรือเปล่า”
ความเสียงดังอัดแน่นไปด้วยดนตรี ทำให้คิมขยับเข้าใกล้ เอียงคอถามในระยะแค่คืบ ในตอนนี้เฌอเอมเริ่มมึนเบลอ เธอไม่ใช่นักดื่มแต่มาที่นี่เพราะอยากจะหลีกหนีใครบางคนก็เท่านั้น
“รู้สึกมึนๆ ขอตัวเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ”
ใบหน้าที่ร้อนผ่าวจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เล่นงานเธอ ความเมาจนต้องเดินเกาะไปตามโต๊ะตามผนังเพื่อประคองตัวเองไม่ให้ล้ม แม้คิมจะพยายามเข้าช่วยก็ถูกปฏิเสธ จนกระทั่งพาตัวเองมายืนที่อ่างล้างมือห้องน้ำหญิง คนเมาเปิดน้ำจากนั้นค่อยๆ พรมความเย็นเข้าไปหน้าให้สดชื่น ก่อนจะยืนสูดหายใจรวบรวมสติตัวเอง
“ดื่มแค่นี้ก็เมาเหรอเอม”
ต้องเมาอยู่แล้ว เพราะตัวเองไม่ใช่นักดื่ม ลูบน้ำบนใบหน้า จนรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้น กำลังจะเดินกลับมาโต๊ะเดิมดื่มน้ำเปล่าแทนเครื่องดื่มเพราะรู้สึกว่าตัวเองเริ่มไม่ไหว ยังไม่พ้นบริเวณส่วนห้องน้ำกลับถูกมือปริศนากระชากออกไปยังมุมดูดบุหรี่
“ปล่อย!!”
ความมืดในผับและยังตาลายจากความเมา มองคนปริศนาได้ไม่ชัดเต็มตา รู้สึกคุ้นแต่ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร เฌอเอมคิดไปเองว่าชายที่ดึงเธอออกมานั้นคือพี่คิมเพื่อนสนิทของพี่พอล
“พี่ปล่อยเอมนะ อย่าทำแบบนี้”
“ทำไมจะทำไม่ได้”
เสียงที่เอ่ยออกมา พร้อมกับผลักคนตัวเล็กกระแทกเข้ากับผนังปูนเปลือย จากความมืดสลัวด้านในพลันสว่างจ้าขึ้นเป็นผลให้หญิงสาวเบิกดวงตากลมโตอย่างตกใจ ชายตรงหน้าคือปวีร์ เขาใช้มือยันเข้ากับผนังสองข้าง ขณะที่คนอายุน้อยยืนประจันใบหน้าแดงก่ำของชายหนุ่ม เฌอเอมอยากเอาตัวเองหนีออกไปจากตรงนี้ ก็ทำได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบไม่คิดว่าโลกจะกลมถึงขั้นเจอพี่ชายที่จงเกลียดจงชังเธอในผับ
“พี่วีร์”
“เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“แบบไหน”
“ควงผัวคนอื่นมาเที่ยว เหมือนแม่ตัวเองไม่มีผิด”
“พี่วีร์!!”
เมื่ออีกฝ่ายลามปามถึงบุพการีก็ได้แต่กัดฟันจ้องทั้งดวงตาแข็งกร้าว กำปั้นน้อยๆ ทุบเข้าหน้าอกแกร่ง พยายามผลักให้คนอายุมากถอยห่างออกจากตัว แต่ก็หมือนว่าเขาจะยิ่งขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นทุกที
“ไม่ใช่”
“เห็นเต็มสองตา ยืนออเซาะซบไหล่กันแบบนั้น ใครก็มองออก”
“ก็บอกว่าไม่ใช่”
เพราะความเมาต่างหาก ทำให้เธอต้องหาที่พิงในยามมึนเบลอทั้งแสงไฟและเครื่องดื่ม ทั้งเกือบล้มกองลงพื้นก็หลายหน ทว่าผู้จับจ้องเหตุการณ์จากโต๊ะด้านข้างนานสองนานเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังอ่อยคนที่มีเจ้าของ
“ถ้าร่าน ก็มาหาฉัน พร้อมทำให้ได้ทุกคืนอยู่แล้ว”
“ไม่!! เลิกยุ่งกับเอมสักที ไม่ชอบกัน เกลียดกันก็เลิกยุ่ง”
เฌอเอมย้ำเสมอ หากเกลียดเธอกับแม่มันก็ควรต้องต่างคนต่างอยู่ แต่เหมือนว่าปวีร์ยังคงวุ่นเวียนหาเรื่องเธอไม่หยุดหย่อน
“จะยุ่งจนกว่าเธอกับแม่จะออกไปจากบ้านหลังนี้ เมื่อไหร่เธอจะไป ห้ะ!!”
แค่นเสียงทั้งตะคอกตรงหน้าพลางโน้มเรียวปากแนบชิดข้างแก้มแต่ไม่ใช่การจูบเป็นเพียงการคลอเคลียเพราะรู้ว่าเฌอเอมไม่ชอบให้ทำแบบนี้
“ปล่อยเอม”
“ปล่อยให้ไปถ่างขาให้ผัวคนอื่นเหรอ”
“อคติ คนอคติ”
“พูดถูก ถ่างให้ฉันคนเดียวก็ไม่พอ ทำไมต้องทำครอบครัวคนอื่นร้าวฉาน เหมือนที่แม่เธอทำกับครอบครัวฉัน”
น้ำเสียงดูถูกเหยียดหยามก็ยังไม่หมดจากปากของปวีร์ อีกทั้งคนอายุมากกว่าคล้ายจะเมามาก เฌอเอมทั้งผลักทั้งดันคนตัวโตก็ไม่อาจหลุดจากพันธการนี้ได้
“ปล่อย บอกให้ปล่อย”
“ไปกับฉัน”
“ไม่ไป เอมจะกลับเอง”
“ต้องปล่อยให้เธอไปอ่อยผัวคนอื่นแล้วเข้าม่านรูดด้วยกันเหรอเฌอเอม -- ฉันไม่มีวันปล่อยเธอทำพฤติกรรมไม่ละอายต่อบาป”
“ความคิดพี่โคตรต่ำ เอมไม่เคยคิดจะทำแบบนั้น ไม่เคยคิดจะไปยุ่งกับคนมีครอบครัว แต่ถ้าพี่เขาโสดก็ว่าไปอย่าง”
เพราะคำพูดที่หมายจะประชดคนเหนือกว่าบ้าง ทำชายหนุ่มหัวร้อนขึ้นหนักกว่าเดิม คิมกำลังระหองระแหงกับภรรยาผู้ซึ่งเป็นเพื่อนกับปวีร์ จังหวะบังเอิญทำสองคนรู้จักกันและเห็นมาคลอเคลียอยู่กับหญิงตรงหน้า ฉะนั้นเขาจะไม่มีปล่อยให้เฌอเอมได้เข้าแทรกกลางครอบครัวเพื่อนของตนเด็ดขาด
“เอมท้องได้สองเดือนแล้วครับน้าชญา”“...”ชญาณัฐที่ได้ยินก็เงียบปาก มองเด็กทั้งสองด้วยแววตาและสีหน้าเรียบเฉย พลันอีกฝ่ายนึกว่าเธอต้องไม่พอใจกับพฤติกรรมเกินงาม รู้ถึงไหนคงโดนนินทาไปถึงนั่น แต่ในสังคมปัจจุบันมันเปลี่ยนไปแล้ว อยู่ก่อนแต่งหรือท้องก่อนแต่งมันมีเยอะแยะ ฉะนั้นเอามาวัดกันไม่ได้นอกจากความรักและความซื่อสัตย์ที่มีให้กัน สิ่งสำคัญในชีวิตคู่จะประคองอย่างไรให้ตลอดรอดฝั่งไม่เหมือนผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่เคยล้มเหลวมาก่อน“หนูขอโทษ”“ขอโทษทำไม แม่กับลุงอยากอุ้มหลานจะตาย”“แม่!”“แค่ตกใจที่หลานมาไวกว่าที่คิด”บรรยากาศจากตึงๆ กลายเป็นความรอยยิ้มของคนทั้งสี่ มีแม่บ้านอย่างป้าราตรียืนมองครอบครัวสุขสันต์อยู่ห่างๆ ครั้งที่ผ่านมาเหมือนตกอยู่ในสมรภูมิของสงครามมานานหลายปีห้องสี่เหลี่ยมห้องเดิมของเฌอเอม หากนับเวลาก็รวมๆ หกเดือนได้ที่เธอไม่ได้กลับมาใช้ห้องนี้อีกเลย มันดูโล่งไปนิด มีเพียงแจกันและโซฟาที่ยังตั้งวางไว้ ทว่าวันนี้เธอได้กลับมาใช้มันอีกครั้ง“เมื่อไหร่จะขึ้นเตียง มาให้พี่นอนกอด”ปวีร์เอ่ยถามขณะที่ตัวเองนั้นนอนยกแขนเท้าศีรษะแล้วตะแคงออกมาทางระเบียง เฌอเอมอยู่ในชุดนอนสีขาวตัวบางชนิดที่ว่ามองเ
ปวีร์ก็ไม่ฟังอยู่ดี เพิ่มข้อนิ้วเข้าไปอีก ล้วงผนังอุ่นเพื่อหาจุดกระสัน ตำถี่ๆ ให้คนอายุน้อยเสพความสุขได้อย่างเต็มที่ ขณะที่บั้นท้ายอวบอัดมีท่อนลำแข็งขดอยู่ด้านล่าง ความต้องการทำปวีร์ปวดหนึบ อยากควักมันออกมาแล้วสอดกระแทกเสียให้จบๆ แต่เมื่อเฌอเอมบอกว่าไม่ไหว ก็ทำได้เพียงเกี่ยวเบ็ดให้อย่างถึงใจ หลังจากนั้นค่อยจัดการตัวเองด้วยการชักว่าว“เสียวไหมคะ”เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง เชิดดวงตามองคนอายุน้อยที่เอาแต่กัดริมฝีปากแล้วหลับตาแน่น เฌอเอมตัวแดงขึ้นเพราะความซาบซ่าน นั่งแอ่นเร่าร่างกายบนตักของชายหนุ่มราวกับยั่วเย้าอารมณ์ทางเพศของอีกฝ่าย เรียวนิ้วจิกเข้าที่หัวไหล่หนา ส่วนเรียวขานั้นก็อ้าออกกว้างให้ปวีร์ขยับเข้าออกได้ถนัด“อ่ะ ฮื่อ”ดวงตาคมหลุบต่ำลง มองผลงานตัวเองที่กำลังเล่นงานคนอายุน้อย กระตุกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าน้ำเสียวของเฌอเอมไหลเยิ้มออกมาเป็นสวย“อ่า เอมมองหน่อย”“มะไม่...ไม่มอง”“สวยนะ...มองหน่อย”เขาหว่านล้อมให้คนอายุน้อยก้มมอง จากที่หลับตาก็ปรือปรอยแล้วหลุบมองตามคำสั่ง ช่องทางรักของตัวเองมีข้อนิ้วขอชายคนรักสอดไปตั้งสามนิ้วตั้งแต่เมื่อไหร่ กลีบกุหลาบแยกออกเป็นทางเห็นแม้กระทั่ง
จากเดิมที่ตั้งใจมาอยู่เพื่อพักฟื้นจากอาการป่วย กลายเป็นว่าชายหนุ่มกลับย้ายมาอยู่ถาวร ขนข้าวของจำเป็นบางส่วนเข้ามาไว้ในคอนโด ปวีร์ยังคงทำงานที่รักตามเดิมคือช่างภาพ แม้ออฟฟิศกับคอนโดอยู่กันหลายกิโลเมตรก็ไม่เป็นอุปสรรค สามารถขับรถไปกลับรวมๆ เกือบสามสิบกิโลเมตรต่อวันได้แบบสบาย และอดทนต่อการจราจรติดขัดจนเฌอเอมแอบประหลาดใจ เพราะชายที่รักไม่ชอบอะไรที่แออัดโดยเฉพาะรถบนท้องถนนขณะที่คนอายุน้อยเริ่มทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ทั้งคู่ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจของปุริม ปล่อยให้คนอายุมากกับภรรยาได้ช่วยกันบริหารอย่างเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรหากปุริมเกษียณตัวเองและวางมือลง แน่นอนว่าปวีร์ต้องเข้ามารับช่วงต่อเพราะเป็นลูกชายคนเดียวครัวเล็กๆ กำลังถูกใช้อุ่นอาหารสำเร็จที่ซื้อมาจากตลาด มื้อนี้เฌอเอมเลือกเป็นเมนูโปรดของปวีร์ เป็นแกงพะแนงเนื้อมะเขือพวงและยังมีหมูทอดแดดเดียวและน้ำจิ้มแจ่วรสจี้ดจ้าด ยังไม่ทันเสร็จดี ร่างน้อยๆ ถูกแขนแกร่งโอบกอดทางด้านหลังในจังหวะที่เธอไม่ทันตั้งตัว ปวีร์เปิดประตูเข้าห้องหลังจากกลับจากทำงานเพียงเงียบๆ แล้วเดินย่องมากอดคนอายุน้อยเหมือนเช่นทุกวัน“ตกใจหมดเลย”เอ่ยเพียงประโย
เขาสูดดมกลิ่นตัวทั่วกายบาง ความหอมรัญจวนทำสติที่มีแทบคลั่งอยู่รอมร่อ เพราะหลงรักเฌอเอมมานานแต่ทว่าดันซ่อนความรู้สึกเอาไว้แบบมิดชิดและบิดเบือนความจริงที่มี กระทั่งได้เปิดเผยออกมาทุกอย่างมันก็กระจ่างชัดเจนและทำให้เขากล้าแสดงออกมากขึ้นร่างนุ่มนิ่มแดงซ่านขึ้นมาราวกับว่ามีสีละเลงบนกาย ชุดนอนผ้าซาตินบนกายสาวหลุดออกอย่างง่ายดายด้วยฝีมือของชายหนุ่ม เรือนร่างขาวเนียนยามแสงไฟตกกระทบลงสู่ผิวขาวก็ปลุกตัวตนของเขาได้เป็นอย่างดีที่เขาเคยบอกว่าร่างกายของเฌอเอมไร้ราคา ตอนนี้มันกลายเป็นของห่วงและของมีค่าที่ประเมินราคาไม่ได้สำหรับเขา...ริมฝีปากหยาบประกบลงที่ต้นขาขาว ลากไซ้ไปมาแล้วยังพ่นลมหายใจรดริน ทำเฌอเอมขนลุกขนซันราวกับว่าที่ตรงนี้มีอุณหภูมิติดลบทั้งที่เปิดแอร์ในอุณหภูมิปกติ“อ่ะพี่วีร์...”เฌอเอมหลุดร้องทั้งสะดุ้ง ปวีร์งับเข้าที่ง่ามขาเพียงเบาๆ แต่ว่าแลบลิ้นเลียบริเวณนั้นก่อนจะปาดมายังช่องทางรักที่อยู่ใกล้แค่คืบ จับเรียวขาขาวให้แยกกว้างออกจากกัน มองรอยหยักที่ปิดไม่เสมอเพราะมันถูกความใหญ่โตของปวีร์มุดเข้าไปสำรวจด้านในมาแล้วครั้ง ชายหนุ่มมุดหน้าลงอย่างตั้งใจ ดูดดึงเนื้อสีอ่อนราวกับว่าเป็นหอยขม มอบค
“เอมเคยโกรธพี่ ที่เอาแต่อารมณ์เป็นใหญ่ ยัดเยียดให้เอมกับแม่เป็นผู้ร้ายมาตลอด”“...”เขาตั้งใจฟังอย่างมาก รู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำ ขณะที่คนอายุน้อยก็หายใจแรงเหมือนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ“แม่เคยสอนไว้ว่า การให้ที่ดีคือการให้อภัย – ถ้าเอมให้แล้ว พี่สัญญาได้ไหมจะไม่ทำให้เอมเสียใจอีก”“...”“เอมให้โอกาสพี่วีร์นะ”“เอม!!”ปวีร์ที่ได้ยินใจเต้นรัวมากกว่าเดิม แต่มันเป็นความดีใจ เขาได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหู เฌอเอมให้โอกาสเขาแล้ว รีบจับร่างระหงหันหน้าเข้ามาหา ยกมือเกลี่ยข้างแก้มเนียนละเอียดแผ่วเบา พลันมองเห็นใบหน้าละมุนมีรอยยิ้มขึ้นมามันทำให้หัวใจของเขาพองโต ความพยายามง้อให้เธอกลับมาหากนับก็เวลาเป็นเดือนๆ อาจยังน้อยกับการกระทำป่าเถื่อนที่เขาเคยทำ แต่ถือว่านานมากสำหรับเขากับการใจแข็งของเธอ แต่ตอนนี้มันอ่อนลงแล้ว เฌอเอมให้โอกาสอย่างที่เขาขอ“พี่รักเอม”มือหนายังประคองข้างแก้ม เขาโฉบหน้าต่ำลง ป้อนเรียวปากให้คนอายุน้อยอย่างละมุน ปวีร์ค่อยๆ เล็มงับไปทีละน้อย แตกต่างจากที่เคยเอาแต่บดเบียดแรงๆ เพื่อความสะใจ มันอ่อนโยนขึ้นจนหญิงสาวหวั่นไหวขึ้นมาอีกครั้ง“พี่วีร์หยุด...”“พี่คิดถึง พี่โหยหาแต่เอม”ยิ่งเขาพูดออกม
“วันนี้กลับบ้านเลย ไม่มีอะไรน่าหวงแล้ว”“ขอบใจนะหมอ”ปุริมที่เอ่ยขอบคุณเมื่อคุณหมอที่รู้จักดูแลลูกชายอย่างดีตั้งแต่วันแรกถึงวันนี้“ค่ารักษาใช้สิทธิ์ประกันสุขภาพ ไม่ต้องสำรองจ่ายอะไร – กลับบ้านไปก็ดูแลตัวเองดีๆ นะวีร์”“ครับอาหมอ”อาการป่วยของปวีร์ในตอนนี้ ตัวไม่ร้อนและไม่มีอะไรน่าห่วง เมื่อดีขึ้นตามลำดับคุณหมอจึงอนุญาตให้กลับบ้านได้ ข้าวของบางอย่างมีเฌอเอมช่วยเก็บและขนลงไปไว้ในรถให้ก่อน ภายในห้องพักผู้ป่วยมีเพียงพ่อลูกที่อยู่กันลำพัง ปวีร์สวมชุดลำลองตัวโปรดของตัวเอง และนั่งรอเฌอเอมขึ้นกลับมาประคองเดินลงไปด้วยกัน“กลับบ้านนะวีร์”“กลับคอนโดครับ”“...”ได้ยินก็ขมวดคิ้วอย่างสงสัย ลูกชายไม่มีคอนโดส่วนตัวแล้วจะไปอยู่กับใคร“คอนโดของเอม – ผมอยากไปอยู่กับน้อง”“จะไม่กวนใจน้องเหรอวีร์”เพราะความสัมพันธ์ของเด็กสองคนมันยังไม่ดีขึ้นและยังคลุมเครือ ปุริมเกรงว่าลูกชายจะไปสร้างความรำคาญให้คนอายุน้อย ครั้นเฌอเอมยังมีธุระเรื่องของงานที่เธออาจจะต้องทำเป็นจริงเป็นจังในเร็วนี้ แต่กระนั้นปวีร์ยังยืนยันที่จะติดสอยห้อยตามไปพักฟื้นตัวเองต่อที่คอนโดของหญิงสาว และเหตุผลหลักเขาอยากอยู่ที่นั่นเพื่อง้อและปรับคว