เช้าวันรุ่งขึ้นชิงเหลียงกับซวนเฟยเข้ามาช่วยซีจงจวินใส่เสื้อผ้า และบอกว่าไม่ต้องห่วงเรื่องข้าวปลาอาหาร เพราะพวกมันเรียนรู้การทำจากเจ้านายแล้ว
เมื่อเห็นว่านายท่านไปทำงานเรียบร้อย อสูรรับใช้ทั้งสองวิ่งเข้าครัวทำอาหารนิดหน่อย ยกสำรับมาให้มี่ฮวา
"นายหญิงขอรับ นี่พวกข้าน้อยเองขอรับ" ซวนเฟยเรียกคนในห้อง แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
"นายท่านไปทำงานแล้วขอรับ เปิดประตูให้พวกข้าน้อยเถิดขอรับ" ชิงเหลียงเอ่ยบ้าง หลังจากนั้นต้องรอเกือบหนึ่งก้านธูปกว่าบานประตูถึงจะถูกเลื่อนเปิดเล็กน้อย
ใบหน้านางไม่สดใสเอาเสียเลย ดูก็รู้ว่ามัวแต่หวาดระแวงจนไม่ได้นอน
"สำรับนี้พวกข้าน้อยทำกันเอง นายหญิงกินเข้าไปหน่อยเถิดขอรับ"
ถาดอาหารที่มีข้าวและกับสามอย่างถูกยื่นมาตรงหน้า ทั้งสองกะว่าหลังจากกินเสร็จก็จะค่อยๆพูดตะล่อมให้นายหญิงใจอ่อนลง ยอมปรับความเข้าใจกับนายท่าน
แต่มี่ฮวาไม่รับ เพียงมองไปยังเจ้าครึ่งนกสายตาครุ่นคิด
"ซวนเฟย เจ้าบินได้หรือไม่"
"ได้ขอรับ" ซวนเฟยตอบด้วยสีหน้างงงวย เหตุใดนายหญิงถึงถามเช่นนั้น
"เอานี่ไปส่งที่วังของข้าที่แผ่นดินอุดร"
มี่ฮวายื่นกระบอกใส่จดหมายทำจากไม้เนื้อดีลงรักฝังทองเป็นลวดลายสวยงามมาให้ "บอกคนที่หน้าวังว่าข้าฝากไปให้ท่านชุนหรงเซินบิดาข้า"
"แต่..แต่ข้าน้อยไม่เคยไปแดนอุดรมาก่อน ไม่รู้ว่าวังของท่านอยู่ที่ไหนนะขอรับ"
ซวนเฟยไม่ยอมรับของสิ่งนั้น มี่ฮวาจึงเอามายัดในมือก่อนว่าเสียงขุ่น
"มีปากก็หัดถามทางชาวบ้านแถวนั้นเอาไม่ใช่จะคิดแต่มาพูดเรื่องไร้สาระ และถ้าวันนี้จดหมายไม่ไปถึงมือพ่อข้า เจ้าไม่ต้องกลับมาอีก"
คำขู่นั้นทำให้ทำให้ทั้งชิงเหลียงและซวนเฟยต้องปิดปากเงียบ นายหญิงเดาออกว่าพวกมันคิดจะมาพูดอะไรกับนาง
"รีบไปสิ"
สุดท้ายซวนเฟยต้องน้อมรับคำสั่ง นำกระบอกจดหมายห้อยคอวิ่งออกไปยังหน้าบ้าน เหลือแต่ชิงเหลียงที่ถูกทิ้งภาระไว้ให้
"นายหญิงขอรับ.." เจ้าครึ่งงูกะพริบตาปริบๆมองเจ้านายสั่นๆ
"สำรับนี้ข้ายอมกินก็ได้ แต่หากเจ้าเอ่ยถึงนามของชายผู้นั้นแม้แต่คำเดียว จากนี้ไปไม่ต้องมาคุยกับข้าอีก"
มี่ฮวาหยิบถาดมาถือไว้ จ้องชิงเหลียงราวจะกินเลือดกินเนื้อจนมันไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง
จากเดิมที่ตั้งใจไว้ว่าจะช่วยพูดให้นายท่าน ตอนนี้กลับทำอะไรไม่ได้เลย
เกือบห้าชั่วยามที่ซวนเฟยหายไป ในที่สุดก็กลับมาพร้อมกับรถลากไร้ม้าเทียมสองคัน
ชิงเลียงเลื้อยไปดูตรงหน้าบ้านที่มีเสียงเอะอะโวยวาย ร่างเซียนบุรุษแก่ๆสองคนเดินเข้ามาข้างในอย่างถือวิสาสะ ตามด้วยซวนเฟยที่ร้องห้ามไว้
"ซวนเฟย เกิดอะไรขึ้น?"
"ข้าไม่รู้ แต่หลังจากเอาจดหมายให้คนที่หน้าวังของนายหญิงไป ขบวนรถกับคนพวกนี้ก็ถูกส่งออกมา ข้าบินตามแทบไม่ทันเลย"
ฟังความแล้วชิงเหลียงก็ตกใจ รู้สึกตัวอีกทีคือหีบเสื้อผ้าของมี่ฮวาถูกขนใส่รถลากแล้วเรียบร้อย
เด็กน้อยถึงกับเต้นผางวิ่งรอบบ้านอย่างลนลาน กระทั่งนายหญิงเดินออกมา นางเชิดคอไม่หันมองคนรับใช้ทั้งสองเลย
"นายหญิงขอรับ" ทั้งคู่ตะโกนเรียกตามไป เอื้อมมือจับไว้ "นายหญิงอย่าไปเลยขอรับ ข้าน้อยขอร้อง"
มี่ฮวาปรายตามองเล็กน้อย ค่อยๆแกะมือเล็กกับปลายปีกที่เกาะอยู่ออกจากแขนนาง
"ขอโทษด้วย แต่ข้าไม่อยากอยู่" นางกล่าวสั้นๆก่อนเดินขึ้นรถ จากนั้นมันก็พาเหาะขึ้นไปบนท้องฟ้ายามเย็น
"ทำอย่างไรดีๆ" เด็กรับใช้ทั้งสองสติแตก วิ่งเต้นอยู่ครู่หนึ่งจนคิดออกถึงหันมามองหน้ากัน
"ข้าจะตามนายหญิงไป" ซวนเฟยบอก
"ข้าจะอยู่รอนายท่าน" ชิงเหลียงบอก
พวกมันพยักหน้าตกลงกันเสร็จก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ใครหน้าที่มัน
...
เย็นนั้นซีจงจวินกลับบ้านมา แต่ยังไม่กล้าเข้าไปด้านใน
เขาไม่รู้จะสู้หน้าภรรยาได้อย่างไร จึงเดินวนไปวนมาอยู่เช่นนั้น กระทั่งชิงเหลียงเลื้อยออกมาหา
"นายท่านขอรับ เกิดเรื่องแล้วขอรับ"
ประโยคนั้นทำให้ซีจงจวินรีบหันมาสนใจทันที คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องของมี่ฮวาแน่
"นายหญิงไปแล้วขอรับ"
เมื่อได้ยินเจ้าครึ่งงูว่าเช่นนั้น ซีจงจวินเบิกตาโต รีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันทีไม่รอให้มันพูดสิ่งใดต่อ
ประตูห้องถูกเลื่อนเปิดอย่างแรง และพบว่าในตู้เสื้อผ้าว่างเปล่า
ถึงขั้นเก็บเสื้อผ้าหนีเชียวหรือ..
ในหัวขาวโพลน ซีจงจวินพูดไม่ออก คิดไม่ได้ ไม่รู้จะทำอย่างไรดี ร่างยักษ์ของเทพอสูรทรุดเข่าลง ดวงตาเหม่อลอยคล้ายสติเลือนหาย
นางหนีไปแล้ว...
ไปไหน...กับใคร...
ฉับพลันสมองนึกถึงแผ่นป้ายตราประจำตระกูลที่เซียนบุรุษนามว่าอวี้เวินฉิงเคยมอบให้มี่ฮวา หัวใจเจ็บราวถูกควักออกมาเฉือนทั้งเป็น
"อวี้เวินฉิง!!"
ไอสังหารแผ่กระจายรอบตัว ดวงตาสีเหลืองทองสว่างวาบเต็มไปด้วยความพิโรธ ราวเพชฌฆาตอำมหิต
ดาบเหล็กยักษ์ปรากฏในมือครบทั้งหกด้าม เตรียมจะออกไปสะสางหนี้แค้นที่โลกมนุษย์ แต่ก็ถูกบ่าวรับใช้เข้ามากอดขาไว้เสียก่อน
"ไม่ใช่ขอรับนายท่าน ไม่ใช่ชายที่ชื่ออวี้เวินฉิงขอรับ!!"
"หากไม่ใช่แล้วมันเป็นใครกัน!! พาเมียข้าหนีอย่าหวังเลยว่าจะตายดี!!!"
ซีจงจวินระเบิดโทสะอย่างน่ากลัวทีเดียว เขาพุ่งตัวไปยังหน้าบ้าน โดยมีชิงเหลียงเกาะขาไว้แน่น
"นายท่านฟังข้าน้อยก่อนขอรับ นายหญิงไม่ได้หนีตามผู้ใดไปขอรับ!!"
"ไม่ได้หนีตามแล้วจะออกไปได้อย่างไร!!"
"นายหญิงส่งจดหมายไปให้บิดาที่วังขอรับ รถลากพึ่งมารับไปเมื่อเย็นนี่เองขอรับ"
จบคำ ฝีเท้าซีจงจวินหยุดลงพร้อมกันนั้นไฟที่เผาใจเขาจนแทบวอดวายเมื่อครู่ดับสนิททันที
"ท่านชุนหรงเซิน.. ส่งรถมา?"
"ขอรับ พร้อมบ่าวรับใช้มาขนข้าวของออกไปเกลี้ยงเลยขอรับ"
สมองซีจงจวินตื้อไปหลังฟังจบ เขาต้องหย่ากับนางแล้ว ทั้งที่พึ่งแต่งไม่ถึงปีอย่างนั้นหรือ..
ดวงตาซึ่งเต็มไปด้วยไอพิฆาตบัดนี้กลับสั่นไหวมีน้ำใสๆเอ่อคลอ เรียวปากอ้าพะงาบแต่ไร้เสียงเปล่งออกมา
"นายท่านทำใจดีๆไว้นะขอรับ ข้าน้อยคิดว่า.."
"ข้าไม่หย่า.."
เขาบ่นพึมพำ ทำให้ชิงเหลียงที่ฟังไม่ถนัดต้องขมวดคิ้ว "อะไรนะขอรับ"
"ข้าไม่หย่า.. ไม่หย่า.."
ซีจงจวินพูดดังขึ้น ทรุดกายเอามือยันพื้นพร่ำพูดกับตัวเอง
"ไม่เอานะ ข้าอยากอยู่กับท่าน.. อย่าไปจากข้าเลยมี่ฮวา"
ภายในใจมีความรู้สึกหนึ่งถาโถมจนหนักอึ้ง..
มันคือความกลัว..
ทั้งที่เมื่อก่อนซีจงจวินไม่เคยกลัวสิ่งใด แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ เพราะเขากลัวการสูญเสียเป็นที่สุด
..หากนางกล้าหักใจตัดเยื่อใยทิ้ง แล้วเขาจะอยู่อย่างไรเล่า...
ชิงเหลียงเห็นผู้เป็นนายหมดสภาพก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่เข้ามาปลอบเขาอย่างห่วงใย
"นายท่านใจเย็นก่อนนะขอรับ นายหญิงอาจจะยังไม่คิดหย่าก็ได้ ข้าน้อยว่านายท่านรีบไปขอคืนดีกับนายหญิงดีกว่านะขอรับ"
ชิงเหลียงเอ่ยเตือนสติ ซีจงจวินจึงเงยหน้าขึ้นมองช้าๆ
"ขอคืนดีอย่างนั้นหรือ"
"ขอรับ ข้าน้อยเชื่อว่าความพยายามของนายท่านยังไม่สูญเปล่าเสียหมดหรอกขอรับ"
"แต่นางเกลียดข้ามาก.. จะยอมไม่หย่าหรือ"
"...อันนี้ข้าน้อยก็ไม่ทราบขอรับ"
ชิงเหลียงหลบสายตา มันเองก็ไม่กล้ายืนยันเช่นกัน เพราะดูจากท่าทางของนายหญิงแล้ว นี่เป็นโอกาสดีที่จะขอแยกทางกับนายท่าน
ซีจงจวินหมดหวังไร้กำลังใจ ทั้งยังสมเพชตัวเองมากที่ทำอะไรไม่ได้เลย
..จะง้อนางอย่างไรในยี่สิบคำกันนะ
ไม่สิ.. หากเขาไม่ไปพูดกับนางเล่า
หากไปขอร้องกับพ่อตาไว้ก่อน เช่นนี้ก็น่าจะพอมีหนทาง ชุนหรงเซินต้องยอมฟังสิ่งที่ซีจงจวินพูดแน่ อย่างน้อยก็ไม่ห้ามเขาให้พูดได้แค่ยี่สิบคำแน่ๆ
คิดได้ดังนั้น พลังใจก็ถูกรวบรวมกลับมาทีละน้อย...
"เฝ้าบ้านให้ดีนะชิงเหลียง"
"ขอรับนายท่าน"
ได้ยินบ่าวรับคำ นายก็รีบพุ่งตัวเหาะขึ้นฟ้าไปไม่รีรอสิ่งใดอีก
ค่ำวันหนึ่งในวสันตฤดู มี่ฮวามายืนรอสามีหน้าประตูบ้าน เห็นเขากลับช้ากว่าปกติก็นึกเป็นห่วงขึ้นมาราวสามก้านธูปผ่านไปเขาก็ยังไม่มาทำเอานางร้อนใจไปหมด พวกลูกๆหิวจนทนไม่ไหวเลยพากันกินข้าวเย็นไปก่อนแล้ว เหลือแต่นางที่ยังรอกินพร้อมสามีทำไมถึงชักช้านัก..เพียงหลังจากนั้นไม่นาน ปรากฏเงาร่างดำๆบนท้องฟ้าตรงหลังบ้าน ซีจงจวินเห็นมี่ฮวามองออกไปยังทางที่เขากลับทุกวันก็แปลกใจ"มี่ฮวา ข้ากลับมาแล้ว"ได้ยินเสียงเรียกนางจึงหันหลังเดินมาหาด้วยสีหน้าขุ่นเคือง"ไปไหนมา""ข้าไปช่วยสัตว์อสูรอพยพอยู่เลยกลับช้า"ได้ยินคำเขาบอก นางหรี่ตามองเล็กน้อยคล้ายไม่ค่อยพอใจนัก"สัตว์อสูรที่ไหน""ตรงทางไปเขาสวรรค์นั่นแหละ พอดีข้าผ่านไปเห็นว่านางกำลังลำบากกับการย้ายถิ่นเลยช่วยไว้"เขาชี้แจงด้วยสีหน้างง ขณะอีกคนสะดุดใจในประโยคเมื่อครู่ แต่สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจยอมรามือจากการเค้นถาม"เช่นนั้นก็แล้วไป วันนี้พวกลูกๆหิวจนรอเราไม่ไหว แต่ข้ายังไม่ได้กินข้าวเพราะรอท่าน" นางเข้ามาควงแขนเขาไว้ เอาใบหน้าถูไถออดอ้อนทำเอาสามีต้องอมยิ้มการทำแบบนั้นเขาคิดว่านางตั้งใจทำตัวน่ารัก แต่กลับกันนางกำลังแอบดมกลิ่นที่ติดตัวเขามาต่างหากในใจยังรู
เจ็ดร้อยปีผ่านไป..ซวนเฟยกับกับชิงเหลียงอายุพันสามร้อยปีแล้ว ร่างกายกลายเป็นหนุ่มน้อยไม่ใช่เด็กตัวกะเปี๊ยกอีกต่อไปทั้งคู่ยังคงตั้งใจทำงานอย่างขยันขันแข็ง ในเรือนมีนายน้อยและคุณหนูเพิ่มขึ้นมาอีกหลายคนจนทั้งสองกลายสภาพจากคนรับใช้เป็นพี่เลี้ยงเด็กโดยสมบูรณ์"ถูตรงนั้นให้ดีๆล่ะ"ซวนเฟยสั่งแมวป่าน้อยที่มักจะถูพื้นบ้านด้วยความเร็วเกินไปจนไม่แน่ใจว่าสะอาดจริงหรือไม่"เจ้าค่าาา ทราบแล้วเจ้าค่ะท่านหัวหน้า" นางตอบกลับมาเสียงประชดเหมือนเคย"เจ้าด้วย บนเพดานยังมีฝุ่นอยู่เลย" คราวนี้หันไปว่าเจ้ากวางผา"ข้าจะปีนขึ้นเช็ดเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ" อสูรกวางผาตอบก่อนวิ่งไปหยิบไม้ปัดฝุ่นอย่างเร็วเพราะเจ้านายทั้งสองขยันมีลูกกันมาก เมื่อคนในบ้านเพิ่มงานก็เพิ่มตาม นายท่านจึงไปเสาะหาอสูรรับใช้ใหม่มาทำงานบ้าน ส่วนซวนเฟยกับชิงเหลียงมีหน้าที่อย่างเดียวคือเฝ้าจับตาดูลูกๆให้เจ้าวิหควายุเดินตรวจความเรียบร้อยตามส่วนต่างๆไปเรื่อย นายท่านของมันได้ขยายเรือนออกไปกว้างกว่าเดิมหลายส่วน ยิ่งทำความดีความชอบปกป้องยุทธภพด้วยแล้ว ยิ่งได้รับประทานรางวัลอย่างงาม ที่ดินอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ทำให้ต้องใช้เวลาเดินตรวจตรานานขึ้น"ซวนเฟย! ซ
"ท่า..ท่านป้อ!"เด็กน้อยเกอซือชี้นิ้วไปที่บิดา เอ่ยเรียกแล้วยิ้มแป้น แก้มยุ้ยๆขึ้นสีระเรื่อช่างน่าเอ็นดูคนถูกเรียกตาเป็นประกาย อุ้มลูกขึ้นมาไว้ในมืออดใจไม่ได้ต้องจูบแก้มหนักๆสักหลายที"เก่งมากลูกพ่อ"ซีจงจวินดูจะภูมิใจเหลือเกิน มี่ฮวาที่นั่งปักผ้าอยู่ไม่ไกลมองพ่อลูกเล่นกันก็พลอยยิ้มตามไปด้วย"ท่าน..แม่!""จ้า เก่งมากเสี่ยวเกอ"นางยอมวางมือจากเข็มปักผ้าแล้วมาเล่นกับลูกบ้าง เกอซือเริ่มเติบโต ช่างน่ารักน่าเอ็นดู"ท่านตา ท่านยาย ท่านป้า"เกอซือเหมือนพยายามท่องคำที่ถูกสอนมา เสร็จแล้วก็หัวเราะตบมือเพราะคนเหล่านั้นใจดีและรักเกอซือเช่นกันตั้งแต่มี่ฮวาตั้งท้อง พ่อแม่นางมาเที่ยวหาอยู่บ่อยครั้ง เมื่อคลอดเกอซือออกมาตายายก็ดูจะเห่อหลานกันมาก ขยันมาบ้านนี้จนเด็กน้อยจำได้"พ่อจ๋า วันไหนว่างๆเราพาลูกไปเยี่ยมตายายดีหรือไม่"เดี๋ยวนี้สรรพนามที่ใช้เรียกสามีเปลี่ยนไป เพราะทั้งคู่อยากให้ลูกจำได้และเรียกตาม"เช่นนั้นข้าจะทำเรื่องลางานสักสองวัน"ภรรยาว่าอย่างไรเขาไม่เคยขัดอยู่แล้ว ในเมื่อนางอยากพาลูกออกไปเที่ยวเล่นบ้างเขาก็ตามใจดีเหมือนกัน นานๆทีจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง นางกับลูกจะได้ไม่เบื่อความอุดอู้ใน
สิบปีต่อจากนั้นมี่ฮวาตั้งครรภ์ครั้งแรก จากที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้สามีนางแทบไม่ให้ลุกเดินขยับไปไหนเลยด้วยซ้ำซวนเฟยกับชิงเหลียงเองก็ถูกสั่งให้ช่วยกันดูแลนางเป็นพิเศษกระทั่งลูกน้อยคลอดออกมาอย่างปลอดภัยเสียงร้องอุแว้ดังลั่นเรือน เซียนหมอสตรีมือฉมังจากแดนเทพที่ซีจงจวินไปเชิญเดินออกมาหาพ่อเด็กด้วยสีหน้ายินดี"เป็นคุณชายน้อยเจ้าค่ะ"นางบอกแล้วยื่นห่อผ้าให้ซีจงจวินอุ้ม เทพอสูรมองหน้าเด็กทารกในมือแล้วแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เด็กคนนี้มีร่างกายเป็นเทพตัวขาวผ่องอมชมพูน่าทะนุถนอม แต่มีลักษณะคล้ายพ่อตรงที่บนหน้าผากมีเขาเล็กๆงอกออกมาสองคู่ ซึ่งมันจะค่อยๆขยายไปตามกาลเวลาซีจงจวินก้มลงหอมแก้มลูกเบาๆแล้วเดินเข้าไปหาภรรยาในห้องซวนเฟยมีหน้าที่ไปส่งท่านเซียนหมอ ชิงเหลียงช่วยเช็ดตัวให้มี่ฮวา ซีจงจวินนั่งลงข้างเตียงซับเหงื่อให้เล็กน้อยก่อนก้มลงจุมพิตที่หน้าผากนาง"ลูกเรา"เขายื่นเด็กน้อยให้นาง มี่ฮวารับเด็กที่ร้องไห้จ้าตั้งแต่เมื่อครู่มาไว้ในอ้อมแขน โอ๋กล่อมด้วยความรักใคร่"ตั้งชื่อว่าอะไรดีเจ้าคะ" นางถาม สามีใช้เวลาคิดครู่สั้นๆก่อนตอบเสียงนุ่มทุ้ม"เกอซือ"ได้ยินชื่อนั้นนางก็พยักหน้าเห็นด้วย ยิ้มให้
ผ่านไปกี่คืนวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่ซีจงจวินได้ร่างคืนมา เขาได้เป็นเทพเฝ้าประตูสวรรค์ดังเดิม ทุกวันทำงานตามปกติคล้ายเหตุการณ์เมื่อสี่สิบกว่าปี่ก่อนไม่เคยเกิดขึ้น"ข้ากลับมาแล้ว"ตะวันพึ่งลาลับขอบฟ้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา ร่างเทพอสูรบึกบึนก็มาโผล่หน้าประตูเรียบร้อย น้ำเสียงของซีจงจวินดูร่าเริงมาก ผิดกับตอนเช้าก่อนออกไปทำงานที่จะอิดออดถ่วงเวลาอยู่นั่น"สำรับพร้อมแล้ว"ภรรยาผู้น่ารักเดินออกมาจากห้องอาหาร เนื้อตัวเป็นกลิ่นของคาวหวานคลุ้งไปหมด แต่สามีก็ยังวิ่งเข้ามาสวมกอดหอมฟัดนางเสียจนแทบล้มพับ"กินข้าวอาบน้ำก่อนซีจงจวิน"มี่ฮวาต้องรีบปราม ไม่เช่นนั้นนางจะไม่อาจหลุดจากอุ้งมือพันธนาการของสามีไปได้นับวันซีจงจวินยิ่งทำตัวเหมือนเป็นเด็กเข้าไปทุกที เขาชอบอ้อน ชอบเอาใจ จนบางครั้งมี่ฮวาก็อดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนเขารู้ถึงตัวตนด้านนี้บ้างหรือเปล่าซีจงจวินยอมผละออกแต่โดยดี หลังจากถอดชุดเกราะออกแล้วก็มานั่งกินข้าว ไปอาบน้ำ เตรียมเข้านอนพร้อมภรรยาสุดที่รักแต่จะเรียกว่าเข้านอนเลยก็ไม่ได้เพราะก่อนหน้านั้นต้องมีกิจกรรมสำหรับคู่รักเสียก่อนซีจงจวินถึงจะยอมนอน"มี่ฮวา"สัมผัสจากปลายนิ้วสะกิดหลังเบาๆให้นางหันมาห
เป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิตซีจงจวิน พอนางขยับเปิดปากเขาก็สอดลิ้นเข้าไปชิมรสชาติด้านใน กระหวัดเกี่ยวอย่างโหยหาเมื่อตักตวงจนมากพอแล้วมี่ฮวาผลักเขาออกเพื่อพักหายใจเล็กน้อย ดวงตายังสบประสานกันอย่างหวานฉ่ำ"เชื่อหรือยังว่าข้ารักเทพอสูรซีจงจวิน ไม่ใช่จงซีจ้านผู้นั้น"มี่ฮวารู้ว่าที่ซีจงจวินขอให้มหาเทพใส่จิตเขาลงไปในร่างของจงซีจ้านเพราะอะไรคนตอบพยักหน้าเล็กน้อย ช้อนสายตาขึ้นมองนางอย่างเด็กน้อยที่กลัวจะถูกว่าเมื่อทำผิด"ข้า.. เห็นว่าเจ้ายอมนอนกับข้าในร่างจงซีจ้าน เลยคิดว่าหากอยู่ในร่างนั้นเจ้าอาจจะชอบมากกว่า"ซีจงจวินไม่มั่นใจในตัวเองเอามากๆเลยสินะ ถึงได้มีความคิดแบบนี้มี่ฮวาระบายลมหายใจยาว กระเถิบขึ้นไปนั่งบนตักสวมกอดเขาไว้แน่นๆ ซุกหน้ากับแผ่นอกอีกรอบ"ข้าไม่สนว่าจะอยู่ในร่างไหน ขอแค่เป็นท่านก็พอ""เจ้าไม่รังเกียจข้าแล้วใช่หรือไม่""ไม่เลย ข้ากลับชอบด้วยซ้ำเวลาที่ท่านกอดข้าแบบนี้ข้ารู้สึกอบอุ่นปลอดภัย"นางชอบมือทุกข้างที่มอบความรู้สึกหลากหลายให้ มันมีความรักเจืออยู่ในทุกการกระทำร่างกายทั้งคู่ที่แนบชิดบดเบียดกันสร้างความร้อนขึ้นมา ตอนนี้ดูเหมือนว่าแค่กอดจากนางผู้เป็นที่รักเริ่มไม่เพียงพอเ