“ไอ้ฉิบหาย ! ไอ้ลูกเวร ! กูบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้พาน้องไปเล่นแถวนั้น…” เสียงก่นด่าของเหมราชดังไปทั่วลานบ้าน คนงานในสวนต่างพากันมามุงดูประหนึ่งล้อมวงดูคอนเสิร์ต
“ผมขอโทษป๋า...” คราวนี้พยัคฆ์ไม่ได้เถียงผู้เป็นพ่อเหมือนที่เคยทำ เขาเองก็รู้สึกผิดมาก ๆ กับเจ้าขา วินาทีที่ไม่เห็นเธออยู่จุดที่เล่นน้ำ มันสามารถทำให้เขาหัวใจแทบหยุดเต้นได้เลย
“เดี๋ยวพอน้องจบ ป.6 กูจะให้ไปเรียนกรุงเทพฯ ห่าง ๆ จากมึงซะบ้าง ไม่งั้นได้ตายก่อนเรียนจบพอดี”
“ป๋าว่าไงนะ…ใครจะไปเรียนกรุงเทพฯ ?” เด็กหนุ่มพยายามถามซ้ำ หวังให้ตัวเองได้ยินผิดไป
“กูจะให้เจ้าขาไปเรียนที่กรุงเทพฯ ไปอยู่กับลุงวิทย์ที่นั่น ลูกเขาก็เรียนด้วยจะได้มีเพื่อน…”
“ไปไม่ได้นะป๋า !” เด็กหนุ่มพูดแย้งทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าพ่อจะให้น้องสาวที่เขาเฝ้าทะนุถนอมมาตลอดต้องห่างตนไป
“ไปได้ กูคุยกับเขาไว้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวพอน้องเรียนจบ ป.6 ก็ทำเรื่องย้ายโรงเรียนเลย”
“ไปไม่ได้ป๋า ผมไม่ให้ไป เรียนที่นี่ก็ได้ ทำไมต้องไปกรุงเทพฯ แล้วน้องจะอยู่ยังไง น้องไม่รู้จักใครเลยนะป๋า” เด็กหนุ่มกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก เขาพยายามจะหาเหตุผลร้อยแปดที่คิดได้ในหัวมายับยั้งความคิดของพ่อ ถึงในใจจะรู้ว่าไม่มีทางเปลี่ยนใจพ่อได้ แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่มีวัน…ไม่มีวันที่จะให้เธอไปเด็ดขาด แค่คิดว่าไม่มีเธออยู่ข้างกาย หัวใจมันก็ปวดหนึบขึ้นมา ราวกับจะแตกสลายให้ได้
“อยู่กับลุงวิทย์ เมียเขา ลูกเขาไง เขาดูแลน้องมึงได้ไม่ต้องห่วง มึงห่วงตัวเองก่อนเถอะ จะจบ ม.6 อยู่แล้ว ยังทำตัวไร้แก่นสาร ใครจะหวังพึ่งมึงได้”
“ป๋า…ผมขอร้อง ให้น้องอยู่ที่นี่เถอะ ผมสาบานจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ขอร้องนะป๋า” เด็กหนุ่มขอร้องคนเป็นพ่อด้วยใจหวาดหวั่น เขาทรุดตัวลงปล่อยโฮโดยไม่อายใคร
“เฮ้อ ! พยัคฆ์เอ๊ย กูเข้าใจนะว่ามึงเลี้ยงของมึงมาตั้งแต่เด็ก แต่เพื่ออนาคตของน้อง มึงต้องเข้าใจ น้องมันเรียนเก่ง กูก็อยากให้น้องไปเรียนที่ดี ๆ” เหมราชเริ่มลดเสียงลง เขาเข้าใจว่าพยัคฆ์ผูกพันกับเจ้าขามาก แต่เรื่องนี้เขาเองก็คิดไว้มานานแล้ว ยิ่งหลังจากได้คุยกับวิทย์เพื่อนที่ทำธุรกิจด้วยกันก็บอกว่าที่กรุงเทพฯ โรงเรียนมีพร้อมทุกอย่าง ค่อนข้างดีกว่าโรงเรียนต่างจังหวัด เขาเลยอยากให้เธอไปเรียนกรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้มีงานดี ๆ ทำ
“แล้วจะไปกี่ปี ?” เด็กหนุ่มเสียงอ่อน เพราะรู้ถึงการแพ้พ่ายแล้ว เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจพ่อได้จริง ๆ
“ก็จนจบมหา’ลัยนั่นแหละ”
“10 ปีเลยนะป๋า”
“เออสิวะ”
“...” เด็กหนุ่มเงียบไป ใช้ความคิดที่มีอยู่ทั้งหมดพยายามเค้นหาหนทางอีกครั้ง 10 กว่าปี เขารออยู่ที่นี่ไม่ได้แน่ ๆ ไม่มีทาง แต่ถ้าไม่อยู่ก็ไปด้วยเลยสิ ใช่ ! ไปเรียนที่นั่นด้วยเลย
ทำไมพึ่งมาคิดได้วะ ไอ้พยัคฆ์ ! เอ็งนี่มันฉลาดจริงเชียว !
“งั้นผมขอไปด้วย…จบ ม.6 แล้ว ผมขอไปต่อมหา’ลัยในกรุงเทพฯ นะป๋า”
เหมราชหันมองหน้าลูกชายตัวเอง ถอนหายใจแล้วพูดในสิ่งที่คนฟังไม่อยากได้ยิน
“มึงไปไม่ได้…ไปแล้วใครจะช่วยกูดูแลงานที่บ้าน”
“โธ่ป๋า…ลุงชัชก็อยู่ ขาดผมไปคนเดียวไม่ทำให้ธุรกิจเจ๊งหรอก”
“มันเป็นลูกกูหรือไงล่ะ...ฉิบหาย ! แทนที่ลูกอย่างมึงจะอยู่ช่วยงาน กลับมาปัดหน้าที่ให้คนอื่นรับผิดชอบ…พอ ๆ ๆ กูไม่อยากเถียงกับมึงแล้ว กลับห้องไปดูแลน้อง กูพูดคำไหนคำนั้นไม่ต้องมาวอแว”
“ป๋าาาา…ขอร้องเถอะ”
เหมราชพูดเสร็จก็เดินจากไปทันที ทิ้งให้เด็กหนุ่มนั่งหน้าเศร้าอยู่อย่างนั้น คำพูดของผู้เป็นพ่อบาดลึกถึงขั้วหัวใจ เขารู้สึกหมดหนทางแล้วจริง ๆ
@ห้องเจ้าขา
“ป้าพรบอกว่าป๋าจะให้หนูไปเรียนที่กรุงเทพฯ…จริงหรือเปล่าคะพี่ยัก” เด็กน้อยพูดเสียงแผ่วเบา เธอนอนห่มผ้า โผล่หน้าออกมามองเด็กหนุ่มที่กำลังนั่งเช็ดตัวให้อยู่ข้าง ๆ แต่เขาไม่ตอบเธอ เพียงแค่พยักหน้าอย่างเนือย ๆ
“แล้ว…พี่ยักไปด้วยหรือเปล่า” เด็กน้อยเกาะแขนเขา สายตาจ้องมองไปที่เด็กหนุ่มอย่างคาดหวัง แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ การส่ายหน้า พี่ยักไม่ได้ไปด้วยเหรอ…งั้นเธอก็จะไม่ไป
“งั้นหนูก็ไม่ไปค่ะ หนูจะอยู่กับพี่”
“ไม่ได้หรอก ป๋าตัดสินใจแล้ว ยังไงหนูก็ต้องไป” เด็กหนุ่มยื่นมือมาปัดปอยผมที่ระอยู่ข้างแก้มเนียนใสของเธอ เขารู้ว่ามันยากที่จะต้องยอมให้เธอไป แต่ในใจเขาก็อยากให้เธอมีอนาคตที่ดีเหมือนกัน
“พี่ยักอยากให้หนูไปไหมคะ”
เขาพยักหน้าตอบเธอ แววตาสะท้อนความปวดใจออกมาเต็มเปี่ยม
“งั้นหนูจะไปค่ะ…” เธอดันตัวขึ้นนั่ง เอื้อมสองมือน้อย ๆ มากอดเขา ตบหลังเขาเบา ๆ คล้ายกับจะปลอบ
“หนูรักพี่นะคะ”
“หยุดร้องไห้แล้วฟังแม่…ที่แม่ตีเพราะต้องการให้ลูกรู้ ว่าการโกหกมันไม่ใช่เรื่องดี แล้วยิ่งโกหกปู่ให้ต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้ว ลูกเองก็ยังเล่นสนุกสนานบนความทุกข์ของคนอื่นได้ยังไง พร้อมพบ ไม่ว่าใครชวนทำอะไรไม่ดี หนูก็ต้องปฏิเสธไม่ใช่เข้าร่วม แถมยังเป็นคนคิดให้คนอื่น ๆ โกหกปู่อีก และอีกอย่าง เมื่อทำผิดแล้วก็ต้องยอมรับผิดของตัวเอง ไม่ใช่โบ้ยความผิดให้พี่เขา มันไม่ดีเลยนะลูก ส่วนพายุ ลูกเป็นพี่คนโต ต้องคอยดูแล ปกป้องน้อง ๆ เป็นตัวอย่างที่ดีของน้อง ๆ สิลูก ไม่ใช่พาน้องไปเล่นพิเรนทร์แบบนี้ พวกลูกเป็นพี่น้องกัน ต้องรักกันไว้ อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน เพราะเมื่อเกิดอะไรขึ้น ก็มีแต่พวกเราพี่น้องเท่านั้นที่จะช่วยเหลือกันและกัน เข้าใจที่แม่พูดไหม ?” เด็กน้อยทั้งหลายพยักหน้าเข้าใจพลางก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นไปด้วย“เอาละ ๆ เข้าใจแล้วก็ดี ปู่เองก็ไม่ได้อยากให้ทำโทษหลาน ๆ หรอก เพียงแต่แค่เป็นห่วงก็เท่านั้นเอง” “ไม่ได้หรอกค่ะพ่อ เดี๋ยวแกจะเคยตัว โตขึ้นเป็นแบบพี่ยักทำไงล่ะคะ” หญิงสาวพูดทำเอาคนโดนพาดพิงหันขวับ เขาไปเกี่ยวไรด้วยว้า !“มาหลาน ๆ มาหาปู่มา เดี๋ยวเราไปอาบน้ำล้างตัวกัน เดี๋ยวปู่เอาสระลมยางให้เล่น”
8 ปีต่อมา…“แยกขาหน่อยสิจ๊ะเมียจ๋า” ชายหนุ่มสั่งขณะที่เขากำลังดันแก่นกายอันใหญ่โตเข้าไปในกายเนื้อหญิงสาวที่นอนหงายอยู่ด้านล่าง หญิงสาวว่าง่ายยอมทำตามโดยไม่อิดออด เสียงเร่งเร้าของเธอทำให้ความเร่าร้อนก่อตัวขึ้นภายในกายเขา ทันทีที่สอดเข้าไป…ความใหญ่โตทำให้หญิงสาวร้องครางออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่“ร้องดัง ๆ เลยค่ะที่รัก วันนี้ลูกไม่อยู่ บ้านนี้เป็นของเราแล้ว ร้องดัง ๆ สิคะ !” ชายหนุ่มบอก มือของยังเขากอบกุมที่เนินเนื้อของเมียสาวที่นอนครางกระเส่าอย่างได้อารมณ์ “ที่รัก…ขา…หนู…สะ...เสียวมากเลย” “อย่างนั้นแหละจ้ะยาหยี” ชายหนุ่มเร่งเครื่องความเร็วเดินหน้าเต็มกำลัง นานหลายเดือนแล้วที่เขาไม่ได้จัดเมียตัวเอง ตั้งแต่มีลูก...เมียก็เริ่มสนใจแต่ลูก ซึ่งลูกก็มีแต่ผู้ชาย เขาที่อยากมีลูกผู้หญิงก็พยายามหาเวลาเพื่อที่จะผลิตให้ได้สักคน แต่ก็เจอมารผจญ มารที่ว่าก็คือ ลูก ๆ ของเขาเอง ทุกครั้งที่เขาจะทำเรื่องอย่างว่า ก็เหมือนไอ้ 3 หน่อมันจะรู้ทุกครั้ง ครั้งนี้พ่อเขากลับมา ก็ได้โอกาสฝากลูก ๆ ไว้กับพ่อชั่วคราว ส่วนเขาเองก็จะได้มีเวลาปั๊มลูกสาวสักที...แต่ไม่ทันจะได้เสร็จสม…เสียงเรียกจากด้านนอกก็ดังขึ้น“ไอ้ย้ากกก…ม
@งานวัดประจำปีวันนี้เป็นวันลอยกระทง พยัคฆ์พาแฟนสาวไปเที่ยวงานประจำปีที่วัดแถวบ้าน เมื่อก่อนตอนเด็ก ๆ เขาและเธอก็พากันไปงานวัดบ่อย ๆ ชายหนุ่มพาแฟนสาวเดินเที่ยวภายในงาน บรรยากาศค่อนข้างครึกครื้น แสงไฟจากร้านค้าต่าง ๆ หรือซุ้มขายของต่างก็ติดไฟเรียกผู้คนกันระนาว เสียงเพลงบรรเลงอย่างอื้ออึง ซุ้มการละเล่นต่าง ๆ มีคนมุงล้อมเล่นกันอย่างสนุกสนาน ผู้คนต่างหลั่งไหลกันมาจากทั่วทุกที่ ทั้งเด็กเล็ก ผู้ใหญ่ วัยรุ่น หรือแม้แต่คนเฒ่าคนแก่ก็มาร่วมงานวัดครั้งนี้ด้วย เพราะมีซุ้มให้ทำบุญอยู่ตรงมุมโบสถ์ของวัด ทั้ง 2 คนเดินมาเรื่อยก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าร้านขนมสายไหม “อยากกินเหรอคะ ?” ชายหนุ่มถามแฟนสาวตรงหน้า หญิงสาวระบายยิ้มหวาน พยักหน้าหงึก ๆ เป็นการให้คำตอบ เขาซื้อให้เธอ 1 ไม้ใหญ่สีชมพูฟูฟ่อง หญิงสาวกัดลงคำหนึ่งก็หลับตาปี๋ รสชาติความหวานแล่นถึงโสตประสาท “ขอพี่ชิมมั่ง” หญิงสาวกำลังจะยื่นสายไหมในมือให้แฟนหนุ่มชิม แต่เขากลับเอาหน้าเข้ามาใกล้แล้วตวัดลิ้นเลียที่ริมฝีปากเธอหน้าตาเฉย ทำเอาเจ้าตัวตกใจฟาดมือเล็ก ๆ ไปที่อกเขาอย่างจัง“พี่ยัก ! อายคนเขา”“อายทำไมคะ เขาจะได้รู้ว่าหนูมากับแฟนไง”“แค่ใส่เสื้อคู่เขาก็รู
@บ้านเหมราช“หนูไม่ต้องไปหรอกค่ะ อยู่นี่แหละเดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว” พยัคฆ์พูด ก่อนจะเตรียมตัวออกไปทำบุญครบรอบวันตายของแม่เขา“ทุกครั้งเลย วันครบรอบวันตายแม่พี่ทีไรหนูไม่เคยได้ไปเลย ทำไมเหรอคะ กลัวหนูไปรู้อะไรเข้าเหรอ ?” หญิงสาวเอียงคอถามอย่างทะเล้น“เปล่าซะหน่อย ก็เห็นว่าต้องไปดูไร่ชาไม่ใช่หรือไง พี่ไปเดี๋ยวเดียวเอง”“หนูก็อยากทำบุญให้แม่พี่บ้างนี่คะ ตอนเด็ก ๆ ก็ยังไปได้เลย ทำไมตอนนี้ถึงไปไม่ได้แล้วล่ะคะ” “ไปแล้วห้ามซนนะ ถ้าพี่ไม่ให้ไปตรงไหนก็ห้ามไปล่ะ เข้าใจไหมคะ ?” “เข้าใจค่า…พี่ย้ากกก” หญิงสาวเขย่งปลายเท้าจุมพิตเบา ๆ ที่แก้มแฟนหนุ่ม เขายิ้มมองสาวน้อยตรงหน้าด้วยท่าทีมีความสุขล้น จากนั้นทั้ง 2 คนก็ออกเดินทางไปยังวัดแถวบ้าน @วัดหลังจากถวายสังฆทาน สวดมนต์ นำอาหารและเครื่องดื่มมาถวายพระสงฆ์เรียบร้อยแล้ว เหมราชก็นำพยัคฆ์และเจ้าขาไปที่อัฐิของ ‘ลลิน’ หรือแม่ของพยัคฆ์ เพื่อจุดธูปเทียนและวางดอกไม้ที่หน้ารูป“ป๋า ผมขอถามอะไรหน่อยสิ” พยัคฆ์พูดขึ้นหลังจุดธูปเทียนและวางดอกไม้เรียบร้อยแล้ว “ถามอะไร ?”“แม่ไม่ได้ป่วยตายใช่ไหมป๋า”“ใครบอกเอ็ง”“ไม่มีใครบอก แต่ผมรู้สึกได้ว่ามันต้องมีอะไรมากกว่าน
หลังจากที่ฟังผู้เป็นพ่อพูด เรื่องราวที่อัศวเคยเข้าใจกับที่พ่อเล่า มันทำให้เขาหยุดชะงักราวกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกหยุดหมุนไปโดยปริยาย เขาเข้าใจผิดมาตลอดว่าแม่ทิ้งเขาไปเพราะมีชู้ และไม่ยอมรับเขาไปเพราะรังเกียจเขา ที่แท้เป็นเพราะพ่อแท้ ๆ ของเขาเองต่างหากที่ทำผิดต่อแม่ พ่อทิ้งแม่ไปแต่งงานใหม่ นี่มันเรื่องอะไรกัน ! ทำไมเขาต้องมารับรู้อะไรแบบนี้ตอนนี้ด้วย ! เขารู้สึกดีใจที่แม่ไม่ได้คิดจะทิ้งเขา แต่กลับต้องมาเสียใจเพราะคนที่ทิ้งแม่ไปก็คือพ่อเขาเอง “ทำไมพ่อทำแบบนี้ ทำไมถึงทิ้งแม่ไป ทำไมถึงต้องมาพรากแม่ไปจากผม” ชายหนุ่มร้องไห้กอดหญิงสาวตรงหน้าด้วยความอาลัยและคิดถึงผู้เป็นแม่ที่เขารักมากที่สุด“พ่อขอโทษลูก พ่อขอโทษ อภัยให้พ่อด้วย พ่อเองก็เสียใจ และจมอยู่กับมันมามากพอควรกับเรื่องนี้ พ่อขอรับผิดทุกอย่างไว้เอง แกปล่อยน้องเขาลงมาเถอะนะ ถือว่าพ่อขอ” อดิสรเอ่ยปลอบลูกชายปล่อยเธอ ปล่อยเธอไป…ทำไมเขาถึงไม่มีความรู้สึกอยากจะปล่อยหญิงสาวในอ้อมกอดคนนี้ให้ออกจากอ้อมแขนเลย ราวกับว่าเธอคนนี้เป็นของเขามานานแล้ว“ผมปล่อยไม่ได้พ่อ” เพราะเขารักเธอเข้าแล้วจริง ๆ ความจริงรักตั้งแต่เจอหน้าเธอครั้งแรกเลยด้วยซ้ำ หญิงส
“จะดีเหรอวะ...มึงเดี้ยงซะขนาดนี้...ยังจะมาดวลอะไร” อัศวมองน้องชายต่างพ่อตรงหน้าราวกับเป็นขยะชิ้นหนึ่ง“กูไหว...ถ้ามึงแพ้กู…มึงต้องปล่อยเจ้าขาไป” พยัคฆ์ตอบ เขาพยายามจะรวบรวมสติและกำลังกายของตัวเองให้ลุกขึ้นสู้อีกครั้ง แม้ร่างกายตอนนี้จะไม่อำนวยก็ตาม แต่ใจเขาเชื่ออย่างสุดใจว่าสามารถทำได้ เขาต้องยื้อมันไว้ระหว่างที่พ่อกำลังมา“เฮอะ…สภาพอย่างมึงยังมีหน้ามาต่อรองกูอีก”“หรือมึงกลัวแพ้ ?”“ปากดี...อยากตายก็มาเถอะ กูจะสงเคราะห์ให้” อัศวทิ้งปืนในมือ สาวเท้าเข้าไปปล่อยหมัดหนัก ๆ ปะทะที่ใบหน้าคมคายของผู้เป็นน้อง ความเจ็บปวดพลุ่งพล่านเข้าไปยังโสตประสาทของชายหนุ่มที่นอนกองอยู่บนพื้น“พี่ยัก !! อย่าทำอะไรเขานะ” หญิงสาวที่ซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ตะโกนเสียงดังออกมา “ออกมาแล้วเหรอคนสวย” อัศวหันมองเธอ…เขาจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าสะสวยราวกับตุ๊กตามีชีวิตของเธอ “เจ้าอย่าออกมา…กลับไปที่เดิม !!” ชายหนุ่มพยายามลุกขึ้น เขาอาศัยจังหวะที่อัศวมองแฟนสาวของเขา จัดการเตะเข้าที่ขาตามด้วยการพุ่งหมัดปะทะที่ใบหน้าผู้เป็นพี่จนหงายหลังไป อัศวนอนหงายหายใจหอบ เขาถุยเลือดลงบนพื้นและเช็ดเลือดที่มุมปาก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วปะทะกันอ