เวนิสาถอนใจยาวๆ โล่งอกที่มันยังไม่เกิดขึ้น แม้เตรียมตัวมาเพื่อสิ่งนี้ แต่พอถึงเวลาจริงๆ เธอก็อดหวั่นใจไม่ได้ เธอยังอ่อนเดียงสาในเรื่องราคะ บางครั้งมันก็ดูน่ากลัวเกินกว่าจะรับไหว
เธอรีบอาบน้ำอย่างที่เขาสั่ง พออาบเสร็จออกมาจากห้องน้ำก็เจอเขาในห้องแต่งตัว เขามีผ้าเช็ดตัวพันไว้รอบเอวสอบ เธออายจนไม่กล้ามองหน้า เขาก็เดินผ่านเธอไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอรีบแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเขาจะอาบน้ำเสร็จ เตรียมตัวเข้านอน ไม่สนมื้ออาหารที่สมควรรับประทาน
สิบห้านาทีให้หลังศศินก็ก้าวออกมาจากห้องแต่งตัว กลิ่นแชมพูอ่อนๆ โชยมาก่อนตัวเสียอีก
“นี่...ไม่ลงไปกินข้าวเหรอ”
คนถูกถามส่ายหน้าแทนคำตอบ เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวยาว มีหมอนวางบนตัก กอดมันไว้แก้เขิน เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แค่เดินออกจากห้องไป
เวนิสาไถลตัวลงมานอนที่พรมลายสวย วางหมอนลงแล้วนอนหนุนมัน ถอนหายใจรอบที่ร้อย ข่มตาให้หลับแต่หลับไม่ลง สัมผัสจากริมฝีปากอุ่นยังกรุ่นอยู่ในมโนจิต กลิ่นเขา ลมหายใจเขา รสจุมพิตของเขาช่างชัดเจนในหัวใจ
นี่เธอ...หลงรักศศินอย่างหัวปักหัวปำแล้วใช่ไหม แย่จริง...แล้วถ้าวันหนึ่งข้างหน้า เขากับรวีกานต์คบกันต่อจนถึงขั้นแต่งงานล่ะ เธอจะทำเป็นยินดีกับพวกเขาได้ไหม จะยิ้มให้กับความสุขของคนทั้งสองได้อย่างไร
“ทำไมฉันต้องเจอสถานการณ์นี้ด้วยนะ ทำไมกัน!” ถามสวรรค์เบื้องบนแต่ไม่ได้รับคำตอบ พอไม่มีอะไรทำก็เปิดแช็ตไลน์คุยกับเพื่อนสาว เจ๊หวานเพิ่งรายงานเรื่องการออกเดตของรวีกานต์ หัวใจเธอแตกโพละเมื่อเห็นข้อความที่เจ๊หวานส่งมา
‘ยัยตะวันโดนจูบ!’
“จูบเหรอ...ตอนไหนนะ คงเป็นตอนที่เรากลับแล้วละมั้ง เฮ้อ...ปวดใจจัง ปวดหนึบเลยเวนิสา...” หยดน้ำใสๆ เอ่อคลอในสองตา แลเห็นอีกหลายข้อความจากเจ๊หวาน ล้วนเป็นข้อความที่เกี่ยวกับรวีกานต์ทั้งสิ้น
‘ยัยตะวันดูแปลกๆ โดนจูบมาแต่ทำหน้าเหมือนอยากร้องไห้ ถามอะไรก็ไม่ตอบ’
‘คงตกใจมั้งคะ พี่อย่าไปซักมันนะ ปล่อยไปก่อน ถ้ามันไม่ออกมากินข้าวก็ไม่ต้องไปเรียกนะคะ’
เธอพิมพ์ตอบเจ๊หวานในกลุ่มแช็ต เจ๊หวานส่งแค่สติ๊กเกอร์โอเคกลับมา คงกำลังกินข้าวอยู่กระมัง
ความล้าจากการออกกำลังที่มิใช่วิสัย ทำให้เวนิสาผล็อยหลับในเวลาต่อมา ศศินกลับห้องในอีกสองชั่วโมงให้หลัง เจอเข้ากับคนที่นอนอยู่บนพื้นพรม
“นี่เธอ” เขาเรียก สะกิดขาหล่อนด้วยปลายเท้าของตัวเอง “วี...วีนัส!” เขาเรียกซ้ำ สองมือล้วงกระเป๋า ปลายเท้าข้างหนึ่งสะกิดขาเวนิสายิกๆ
หญิงสาวปรือตาขึ้นมอง ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง เธอนอนคู้กายไร้ผ้านวม บนพรมผืนหนาที่ไร้ความนุ่มอ่อน
“อือ...อะไร”
“ทำไมไม่นอนข้างบน”
“เดี๋ยวก็ตกลงมาอยู่ดี” เธอเถียงแต่ไม่ยอมลืมตา
“งั้นฉันจะให้สาวใช้เอาที่นอนสำรองมาปูให้”
คราวนี้เวนิสาลืมตาตื่น “อย่านะคะ ถ้าทำแบบนั้นเดี๋ยวคุณลุงก็รู้เข้าหรอกว่าเราไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน”
ศศินคิดตามก็เห็นว่าจริง พ่นลมหายใจอุ่นๆ ทิ้งเสียงดังๆ ให้รู้ว่าสิ่งที่จะทำต่อไปนี้คือความลำบากใจอย่างยิ่งยวด
“ไปนอนบนเตียงสิ วันนี้ฉันทำให้เธอลำบาก จะยกผลประโยชน์ให้เธอวันหนึ่งก็ได้”
คนสวยหรี่ตามองคนที่ยืนอยู่ ยิ้มกรุ้มกริ่มเจ้าเล่ห์เหลือร้าย
“ก็อยากไปนะคะ แต่ว่า...ขาค่ะ ขาไม่อำนวยเลยค่ะคุณพี่ มันปวดไปหมด โอย...เจ็บๆๆ เหน็บกินแล้วเดี๋ยวตะคริวคงมา” ว่าแล้วทำตาปริบๆ อ้อนแบบหน้าซื่อตาใสแต่รอยยิ้มเหลือร้าย
ศศินรู้ทัน แต่ไม่สามารถปฏิเสธ ได้แต่ย่อกายลงไปอุ้มแม่คนเรื่องมาก เอาหล่อนไปวางลงบนเตียง หล่อนนั่งหย่อนขาลงในขณะที่เขายืนอยู่ตรงหน้าในตำแหน่งใกล้กว่าการประชิด แล้วจู่ๆ สองแขนเรียวก็โอบรอบเอวเขา
“ทำอะไร”
“กอดไง ขอกอดหน่อย ขอบคุณที่ช่วยฉันนะคะ ถ้าพี่ไม่ลงไปช่วย วันนี้ฉันคงตายไปแล้ว”
เขาทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกขอบคุณ เสียงเล็กๆ ใสๆ กำลังส่งความอุ่นเข้าไปถึงในหัวใจ
เวนิสาเงยหน้าขึ้นมอง เป็นจังหวะเดียวกับที่เขามองลงมาพอดี ดวงตาสองดวงจึงสานสบกัน ท่ามกลางหยาดพิรุณที่กำลังโปรยปรายนอกหน้าต่าง สองแขนของเวนิสากอดเอวศศินแน่นขึ้น แถมยังแนบแก้มเข้ากับอกเขาอย่างถือสิทธิ์
ชายหนุ่มเลื่อนมือไปหาศีรษะทุยของแม่ตัวแสบ มันเข้าใกล้กระหม่อมบาง มือสั่นนิดๆ ทว่าในท้ายที่สุด เขากลับดึงมันไปสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงเช่นเดิม
“กอดอะไรนักหนา ไม่เคยกอดผู้ชายเหรอ”
“ไม่แน่ใจเหมือนกันค่ะ แต่กอดพี่แล้วอุ่นดี ขอกอดหน่อยนะ”
สาวเจ้าบอกเช่นนั้นบุรุษหนุ่มจะทำเช่นไรได้ ก็คงทำได้แค่กลั้นยิ้มด้วยความเขิน เขาดึงแขนหล่อนออก เบรกอารมณ์หวานเหมือนมีรูปหัวใจทะลักออกมาจากตาหล่อนด้วยการกระทำนี้
“อะไรกัน กอดนิดกอดหน่อยทำเป็นหวง”
“ฉันเป็นผู้ชายราคาแพง อยากได้ต้องจ่ายหนัก” เขาว่า
เวนิสาย่นจมูกใส่ “ทีฉันโดนจูบฟรียังไม่คิดตังค์เลย งก!”
ตอนพิเศษจูบนี้คือสัญญา__________ห้าปีผ่านไปไวเหมือนนิยาย หน้าร้อนปีนี้เวนิสาพาครอบครัวและเพื่อนรักมาพักผ่อนหย่อนใจที่เกาะชื่อดังทางภาคใต้ ด้วยพุงป่องๆ ของการตั้งครรภ์เข้าเดือนที่ห้าของเธอ ทำให้ศศินไม่อนุญาตให้นั่งเครื่องออกนอกประเทศ ทริปวันหยุดสุดหรรษาเลยตกลงปลงใจที่เกาะแห่งหนึ่งในไทยนี่เอง ในยามนี้ปลายภูและรวีกานต์ คงกำลังรำลึกความหลังเมื่อครั้งแต่งงานกันใหม่ๆ คงพากันเดินจูงมือดื่มด่ำคลื่นลมที่ชายทะเล ส่วนเจ๊หวานอาสาดูแลเด็กๆ ให้ ช่างเป็นทริปที่สุขีเกินจะกล่าวจริงๆ“อืม...ถอดหน่อยๆ ไม่ไหวแล้ว...”เวนิสาอ้อนพ่อของลูกอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม ศศินในชุดที่นุ่งเพียงกางเกงขาสั้น สวมเสื้อลายดอกไม่ติดกระดุม อวดแผงอกล่ำๆ ยั่วใจศรีภรรยา เขายังพยายามบ่ายเบี่ยงด้วยว่าตอนนี้เพิ่งเที่ยงเท่านั้น“ไม่เอา เดี๋ยวชาวบ้านเห็น ไปดูลูกก่อนดีกว่านะคะคนดี” ศศินอ้อนเมีย พยายามดึงมือที่กำลังลูบไล้แผงอกเขา ขนาดท้องอยู่ยังหื่นได้ใจนะแม่ตัวแสบ“ไม่เอา พี่อ่า...เมื่อคืนน้องจูนก็งอแง น้
ในค่ำคืนที่ถูกปกคลุมด้วยหมอกน้ำค้าง แลเห็นดวงดาราน้อยใหญ่ประปราย ณ ที่ตรงนั้นท่ามกลางหมอกหนาและดาราพร่างพราว พระจันทร์ดวงใหญ่กำลังอวดโฉมสีเหลืองนวลตาเวนิสากับกลุ่มเพื่อนนั่งสังสรรค์กันอยู่ บนระเบียงดูดาวเหนือหลังคาเรือนพัก พวกเขาปูเสื่อลงนั่ง มีผ้าห่มคนละผืน มีเครื่องดื่มวางตรงหน้าทั้งขนมขบเคี้ยวมากมาย เสียงหัวเราะและรอยยิ้มแห่งความสุขกระจ่างอยู่บนใบหน้าของทุกคน ตั้งแต่หัวค่ำกระทั่งค่อนคืนเมื่อเบียร์มากกว่าหนึ่งโหลถูกเทใส่กระเพาะน้อย ไม่นานหลังจากนั้นเจ๊หวานก็สลบเหมือด รวีกานต์กับปลายภูอาสาพยุงร่างหมีของเจ๊ลงไปส่งที่ห้องพัก แน่นอนว่าเพื่อนสาวของเวนิสาไม่ได้ขึ้นมาที่ระเบียงดูดาวอีก ตอนนี้จึงเหลือเพียงแม่ดาวพระศุกร์คนงามกับพ่อพระจันทร์ดวงโต“อืม...ทีนี้ก็ไม่มีก้างขวางคอแล้วเนาะ”ศศินว่าแล้วขยับไปหาเวนิสา พาร่างหล่อนนอนลง ใช้ผ้าห่มของตัวเองห่มทับทั้งสองร่างอีกชั้นหนึ่ง เขามองขึ้นไปบนฟ้า ท่ามกลางหมอกหนายังแลเห็นดาวพระศุกร์ขึ้นเคียงข้างดวงจันทร์ เขาเผยรอยยิ้มละไม“พี่ยิ้มอะไรคะ”“ฉันน่ะ...เหมือนคนโง่แ
เจ๊หวานพยักหน้าเข้าใจ หากเปรียบผู้ชายเป็นของกินได้ ก็แสดงว่าผ่าน เพราะคนเราก็ยังต้องกินเพื่อความอยู่รอด อย่างน้อยรวีกานต์ก็ไม่ต้องทนง่วงอีกต่อไป เพราะมีม็อคค่าปั่นให้ซดทั้งคืน!“แล้วหล่อนละยะแม่ดาวพระศุกร์ ผู้ชายของหล่อนเป็นยังไง”เวนิสาถอนหายใจเฮือกๆ ศศินนั่นหรือ ยังไงดีล่ะ“ก็ดี...พอมองย้อนกลับไป ก็จำได้ว่าเวลาลำบาก เขาก็คอยดูแล คอยปลอบโยน คอยให้กำลังใจ คอยเป็นเพื่อนคู่คิด แม้ว่าความเจ้าอารมณ์ของเขาจะทำให้ฉันอยากจับเขาลงทอดในกระทะก็เถอะ เขาน่ะ ปากร้ายแต่ใจดี บางครั้งการกระทำกับคำพูดก็สวนทาง เรื่องนี้ฉันต้องทำใจให้ชิน”“แล้วไงยะ ก็โอเคในเรื่องนั้น แล้วเรื่องแซ่บล่ะ แซ่บมะ” เจ๊หวานยิ้มหื่นๆวนิสาหรี่ตามอง นึกว่าเธอจะไม่กล้าตอบหรือ เธอไม่ใช่แม่แสงตะวันผู้เหนียมอายนะ“แซ่บเว่อร์ค่าเจ๊! ฮ่าๆๆๆ”“อ๊ายยย!!!”เจ๊ร้องระงมเพราะถูกใจ เหล่าคนงานและสองหนุ่มเมืองกรุงฯ หันมามองทางพวกเธอ ปลายภูโบกมือใส่รวีกานต์ ส่งยิ้มหวานให้กันอย่างข้าวใหม่ปลามันที่แรกรักน้ำต้มผักยังหวานอยู่ ส่วนศศ
เวนิสาหรี่ตามอง ริมฝีปากเหยียดเป็นเส้นตรง “มาปิดให้ไว!”“คร้าบ! ปิดเดี๋ยวนี้คร้าบ!” ศศินจำต้องเดินรอบเตียงเพื่อมาปิดโคมไฟให้แม่ของลูก เอาเถิด จัดมาเสียให้พอ ให้ต้องโดนเมิน ต้องโดนจิกหัวหรือต้องเป็นทาสก็จัดมา สักวันเมื่อเวนิสาเริ่มเบื่อ หล่อนคงกลับมาเป็นแม่ดาวพระศุกร์ผู้น่ารักของเขาเหมือนเดิมกระมัง_________พระอาทิตย์ดวงใหญ่โผล่ขึ้นทางทิศตะวันออก เหนือยอดเขา มันเริ่มโผล่ขึ้นมาทีละนิดๆ ราวกับพู่กันอันใหญ่ที่จุ่มสีส้มแดงคอยแต้มแต่งเวิ้งฟ้ารวีกานต์จ้องมันไม่วางตา หมอกน้ำค้างเหนือชายคายังคงแรงอยู่ แต่มิอาจขัดขวางความตั้งใจ รอบๆ เรือนไม้ของปลายภูโอบล้อมด้วยต้นกาแฟเขียวชอุ่ม มันกินพื้นที่ทั่วทั้งหุบเขา ไม่ต้องบอกว่ามีมูลค่าทางการตลาดมากเท่าใด เธอไม่อยากคาดคิดเพราะอาจทำให้ตัวเองจุกความสุขตาย ในที่สุดฝันของเธอก็เป็นจริงสินะ ฝันว่าสักวันจะได้กลายเป็นซิลเดอเรลล่าของเจ้าชายรูปงามความรักที่เธอมีให้ปลายภูนั้น แม้ไม่ได้ถึงขั้นคลั่งไคล้หลงใหล แต่มันคือรักซึมลึกที่เธอเองยังไม่รู้ตัว ไม่ได้หวือหวา แต่แอบผลิดอกงอกงามในจิตใจ คว
[21]คำสัญญาจากพระจันทร์______________ไร่กาแฟ ณ ปลายภู สัปดาห์ถัดมาเรือนไม้หลังงามผุดขึ้นท่ามกลางขุนเขาที่โอบล้อมด้วยต้นกาแฟ เส้นทางลดเลี้ยวยิ่งกว่ารถไฟเหาะตีลังกา ทำให้สองสาวเมารถมากกว่าจะได้ชื่นชมธรรมชาติ กว่าจะนั่งรถขึ้นมาถึงบนนี้ได้ ว่าที่คุณแม่ทั้งสองก็จอดรถอาเจียนไปหลายรอบ รวีกานต์ถึงกับหมดแรงนั่งซบอกพ่อเด็กน้อย ในขณะที่เวนิสานั่งหน้าบูดอยู่เบาะข้างหลังบนรถตู้คันหรู ส่วนเจ๊หวานจ้อเจรจาอยู่ด้านหน้ากับคนขับรถวัยขบเผาะหุ่นล่ำหน้าโหด ที่ถูกใจนางเสียเหลือเกิน“ใกล้ถึงแล้วครับ ตะวันไหวไหม”รวีกานต์ส่ายหน้า ปลดเข็มขัดนิรภัยออกเพื่อจะได้กอดปลายภูดีๆ เธอซุกหน้าเข้าหาอกเขาราวลูกแมวตัวน้อยที่ต้องการไออุ่นจากเจ้าของ ปลายภูยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ชอบใจนักเวนิสามองเพื่อนรักกับปลายภูผ่านทางช่องว่างระหว่างเบาะนั่ง ได้แต่เบะปากใส่เพราะหมั่นไส้“นี่! แกจะอ้อนเด็กเพื่อ!?”“เรื่องของฉันน่า นั่งเงียบๆ ไปเลย คนจะสวีตกัน เนาะภูเนาะ”รวีกานต์ยิ้มหวานอย
“แล้วเธอมาทำไม!” น้ำเสียงที่ใช้ไม่ค่อยพอใจนัก จากแค่ประหม่ามึนงง ก็เริ่มมีอารมณ์โกรธเข้ามาปะปน เวนิสากำลังป่วนประสาทเขาอีกแล้วใช่ไหม“มาทำธุรกิจ”“หือ?”คนสวยยิ้มแป้น ก่อนจะอธิบาย“เรามาทำธุรกิจกัน เพื่อความสะดวกในการใช้ชีวิต”“ยังไง”“ง่ายๆ เลย เราก็แค่ทำให้คนรอบข้างเรา เช่นพ่อแม่ พี่น้องเพื่อนฝูง เข้าใจว่าเราสองคนตกลงกันได้เรียบร้อย พี่ก็รู้นี่ ตอนนี้แม่ถามยิกๆ ว่าเมื่อไหร่ฉันจะแต่งงานกับพี่ เมื่อเช้าพ่อพี่ก็โทรมา เพื่อนฉันขู่จะคว่ำบาตรถ้าไม่คืนดีกับพี่ ฉันเลยคิดว่า เพื่อความสบายใจของคนที่รักเราทุกๆ คน ฉันควรเสียสละความไม่สะดวกน้อยนิดแล้วร่วมมือกับพี่น่ะ”“ร่วมมืออะไร ไม่เห็นเข้าใจ” ศศินชักงง“เฮ้ย...พี่นี่โง่ปะเนี่ย พูดไปตั้งเยอะไม่เข้าใจได้ยังไง”“นี่ด่าฉันเหรอ!”“อย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ!” ตะคอกมาตะคอกกลับ เวนิสาไม่โกงศศินหุบปากฉับ“เอาแบบนี้แหละ พี่เข้าใจแล้วนะ บอกพ่อพี่