เช้าวันรุ่งขึ้น ลู่ผิงถิงลืมตาตื่นพร้อมกับความหนักอึ้งของศีรษะ ร่างทั้งร่างเจ็บระบมราวกับถูกเหล็กร้อนทุบกระดูกนับพันครั้ง บริเวณหว่างขาปวดหนุบหนับ เพียงขยับขาก็เจ็บจี๊ดที่จุดอ่อนไหว
นี่นางเป็นอะไรไป ร่างอรชรพลิกตะแคงมาอีกฝั่ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าด้านข้างมีคนตัวโตนอนอยู่ แผ่นหลังของเขาเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน
ลู่ผิงถิงอ้าปากหวอ พร้อมกับนำมือเรียวยาวมาปิดปากไว้
ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนแล่นเข้าสมองเป็นฉาก ๆ ไม่น่าเชื่อว่าตนเองจะมีพฤติกรรมน่าหวาดกลัวแบบนี้
ไม่จริงหรอกมั้ง? ลู่ผิงถิงยังไม่เชื่อและคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนคือความฝัน
หลังจากที่บุรุษคนนั้นจู่โจมจุมพิตมาแบบที่นางไม่ทันตั้งตัว ซึ่งทำให้นางรู้สึกดีราวฝันหวาน นางจึงส่งคืนเขาด้วยจูบที่ร้อนแรงยิ่งกว่า
นางทั้งกัดไหล่ทั้งข่วนหลังเขา แล้วยังเรียกร้องให้เขาใช้แรงให้มากกว่านี้ เมื่อเขาไม่ได้ดังใจนางก็เป็นฝ่ายกระทำซะเอง
ไม่เพียงเท่านั้นนางยังบอกว่าเขาอ่อนหัด และเรียกร้องให้เขากระทำกับนางอีกครั้งและอีกครั้ง ทำให้เมื่อคืนนางจำไม่ได้เลยว่า นางและเขาผลัดกันรุกผลัดกันรับไปกี่ครั้ง
ลู่ผิงถิงอับอายอย่างมาก อยากมุดแผ่นดินหนีไปจากตรงนี้
ต่อไปนางจะไม่ดื่มของมึนเมาอีก สุรานี้ร้ายกาจนักทำให้นางกลายเป็นจิ้งจอกราคะไปได้
คนข้างกายพลิกตัวตะแคงหันมา เขายกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากของเขามีรอยแผล คงไม่ใช่นางกัดเขาอีกหรอกนะ แล้วร่องรอยม่วงจ้ำพวกนั้นบนกายเขา เป็นนางทำอีกแล้วหรือ
ลู่ผิงถิงใช้ผ้าห่มคลุมศีรษะตัวเองไว้ นางไม่อยากเห็นรอยยิ้มแบบนั้น
ยังดีที่คนผู้นี้เป็นสามีของนาง ถ้าเป็นคนอื่นคงไม่มีหน้าอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
“เหตุใดมาอยู่ที่ห้องของอู่เหยียน” มู่เซียวเซ่อเอ่ยปากถาม
ย้อนไปตอนอยู่ในวังหลวง ในตอนที่ได้ยินเสียงกงกง มู่เซียวเซ่อก็นึกขึ้นได้ ว่าตำหนักเติ้งอันมีทางลับ
ช่วงอายุแปดขวบเสด็จแม่ชอบพาเขาแอบออกจากวัง มาเที่ยวเล่นที่ตลาดด้วยเส้นทางลับนี้ พระนางสั่งคนให้ขุดอุโมงค์ใต้ดิน จากตำหนักเติ้งอันไปถึงเขตนอกพระราชวัง ซึ่งมีเพียงเขาและเสด็จแม่ที่รู้เส้นทางลับนี้ แม้แต่เสด็จพ่อก็ยังไม่รู้
เขาจึงหนีออกมาก่อนที่เสด็จพี่ของเขาจะเข้ามาพบ และได้วกกลับไปด้วยวิชาตัวเบา หลบหลีกองครักษ์ไปยังสถานที่จัดเลี้ยง แล้วเดินออกจากที่นั่นอย่างผ่าเผย เพื่อให้คนในพระราชวังเห็นเวลาเขาออกจากวังหลวง
พอออกจากพระราชวังได้เขาก็กระอักเลือดออกมา เขาอดกลั้นจนเลือดลมตีกลับ แกนกายของเขาขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายทรมานด้วยความร้อนของไฟปรารถนา เขาต้องการปลดปล่อยออก
กัดฟันทนเพื่อมาหาสหายที่เป็นหมอ รู้ว่าสหายต้องรักษาพิษกำหนัดนี้ได้ แต่พอเข้ามาในห้อง ที่อู่เหยียนพักประจำยามมาเมืองหลวง กลับพบเจอกับลู่ผิงถิงชายาตนเอง และในตอนนั้นเขาอดกลั้นไม่ไหวแล้ว เพียงต้องการให้นางช่วยเขาแบ่งเบาไฟร้อนในกายออกไปบ้าง
นึกไม่ถึงว่านางจะเร่าร้อนยิ่งกว่าไฟในอกเขาเสียอีก
คิดมาถึงตรงนี้มู่เซียวเซ่อก็ยิ้มอย่างไม่รู้ตัว
“หม่อมฉันมาหาหมอเทวดาเหยียน”
รอยยิ้มของอ๋องหนุ่มหุบลงทันใด “พวกเจ้ารู้จักกัน?”
ลู่ผิงถิงไม่ชอบที่โดนสอบสวนเหมือนนักโทษ นางยังไม่ถามเรื่องส่วนตัวเขาเลย แล้วเขามีสิทธิ์อะไรมาถามเรื่องส่วนตัวของนาง “แล้วท่านอ๋องเล่าเพคะ เหตุใดมาที่หอเฟิ่งหวง หรือมาหาสตรีอุ่นเตียงของท่านคนนั้น ขออภัยด้วยที่หม่อมฉันไม่ใช่นาง”
“.....” นี่เขาถามนางอยู่นะ เหตุใดนางถามกลับมาโดยไม่ตอบคำถามเขาเล่า หรือว่านาง...อ๋องหนุ่มยิ้มกว้าง “เจ้าหึงข้ารึ”
“เปล่าเพคะ” ลู่ผิงถิงลดผ้าห่มเหนือศีรษะมาไว้ตรงใต้ตา แล้วเหลือบมองสามี
เขานอนตะแคงมือเท้าศีรษะมองนางอยู่ ผ้าห่มถูกดึงขึ้นมาคลุมศีรษะอีกครั้ง “ท่านอ๋องลุกขึ้นไปยืนให้ไกลจากหม่อมฉันหน่อย”
อ๋องหนุ่มเลิกคิ้ว “ร่างกายข้ายังปวดระบมลุกไม่ไหว” ยิ้มมุมปาก ไม่คาดคิดว่านางจะน่ารักแบบนี้
“เช่นนั้น เช่นนั้น ท่านก็หันไปอีกฝั่งหม่อมฉันจะใส่เสื้อผ้า”
“ได้” อ๋องหนุ่มตะแคงไปอีกฝั่งตามคำขอของนางด้วยรอยยิ้มมีความสุข
ลู่ผิงถิงลุกขึ้นนั่งใช้ผ้าห่มพันลำตัวแล้วก้าวขาลงจากเตียง แม้จะรู้สึกเจ็บระบมไปทั้งตัว แต่นางอยากออกไปจากตรงนี้ เดี๋ยวนี้
เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายเต็มพื้น ภาพที่นางถอดอาภรณ์เขาเหวี่ยงทิ้งทีละชิ้นก็ลอยเข้ามาในหัว
......................
น้องลู่ลูก แม่เสือสาว
คุณนักอ่านขา ฝากติดตามด้วยนะงับ
ลู่ผิงถิงคร้านจะสนใจเขาตอนนี้ตานางลืมแทบไม่ขึ้นแล้ว “หม่อมฉันง่วงแล้วเพคะ” จมูกโด่งของคนด้านข้างซุกไซร้ซอกคอทว่านางไม่ไหวแล้วจริง ๆ จึงหลับไปอย่างไม่รู้ตัวมู่เซียวเซ่อจุมพิตขมับภรรยาเบา ๆ จากนั้นก็ออกจากห้องไม่เช่นนั้นเขาคงก่อกวนนางจนตื่นแน่ เขาตรงไปยังห้องทรงอักษรเพื่อจัดการฎีกาที่เหลือ เกือบสว่างเขาถึงได้กลับมานอนกอดภรรยาเช้าวันต่อมาฮ่องเต้หนุ่มมู่เซียวเซ่อออกว่าราชการและสั่งการให้ลู่หงปินที่ถูกเลื่อนขั้นเป็นมหาเสนาบดี ไปจัดการช่วยเหลือชาวเมืองทางเหนือที่ถูกน้ำป่าถล่มเสียหายหลายหมู่บ้าน จัดการแจกเสบียงอาหาร เครื่องนุ่งห่มให้ชาวบ้าน ก่อสร้างบ้านเรือนที่เสียหาย และได้วางแผนเปิดการค้ากับต่างแคว้นเพื่อฟื้นฟูท้องพระคลังที่ว่างเปล่าฮ่องเต้ทรงห่วงใยปวงประชา ทรงงานหนักทุกวันเพื่อให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี จวบจนเวลาสามปีทุกอย่างที่เฝ้าตั้งใจลงมือทำก็ผลิดอกออกผล ประชาชนอยู่ดีกินดี บ้านเมืองมั่งคั่ง ท้องพระคลังไม่ว่างเปล่าอีกต่อไป“มำหม่ำ”เสียงบุตรชายร้องกินนมอยู่ในอ้อมกอดมารดา จนคนเป็นพ่อแบบเขาบางครั้งก็โมโห ที่ภรรยาสนใจแต่ลูกน้อยไม่สนใจเขาบ
มู่เซียวเซ่อลืมตาขึ้น ถูกยั่วยวนเพียงนี้ใครจะทนได้ อดกลั้นอยู่ตั้งนานเพราะกลัวนางเหนื่อย ได้ยินนางบอกไม่เหนื่อยใครบ้างไม่ยินดี เจ้ามังกรที่เขากำลังกล่อมหลับ จะได้รับการปลอบประโลมแล้ว ดีใจสุด ๆดวงตาดอกท้อมองภรรยาหวานเยิ้ม จากนั้นจับมือของนางถอดสายคาดเอวรวมไปถึงถอดอาภรณ์ของเขาไปพร้อม ๆ กันลู่ผิงถิงเคยปรนนิบัติเขามาแล้วยามที่นางมีฤดูวันนั้น วันนี้นางจึงไม่เอียงอายเท่าไร ลิ้นเล็กเล็มเลียจุดอ่อนไหวของเขา เม็ดบัวทั้งสองข้างเปียกชื้นไปด้วยน้ำลายของนางมู่เซียวเซ่อครางในลำคออย่างเสียวซ่าน เขาแทบคลั่งที่ถูกกระตุ้น และตอนนี้เจ้ามังกรจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ อยู่แล้ว “อ้าส์ ถิงเอ๋อร์เด็กดี ครอบครองมันให้พี่ที”ลู่ผิงถิงยิ้มมุมปากจากนั้นก็กรีดนิ้วไปบนหน้าท้องเขาไล่ไปหามังกรตัวเขื่อง จับรูดขึ้นลงเชื่องช้าแล้วหยุดมือลงกะทันหัน เห็นคิ้วของสามีเลิกขึ้นก็ยิ่งสุขใจ นางอยากกลั่นแกล้งที่เขาทิ้งให้นางรอคอยเพียงลำพังเมื่อครู่ “หม่อมฉันเริ่มเหนื่อยแล้ว นอนกันเถิดเพคะ”มู่เซียวเซ่อจับสตรีที่ยั่วยวนเมื่อครู่นอนลงจากนั้นก็จุมพิตดูดดื่มมาถึงขั้นนี้แล้วใครจะนอน เขาขบกัด
มู่เซียวเซ่อในชุดสีแดงมงคลนั่งสง่าบนหลังม้า อาชาคู่กายที่ปราดเปรื่องในสนามรบ ถูกผูกผ้าสีแดงจนมันพ่นลมหายใจออกมาบ่อยครั้ง เขาได้แต่ปลอบมันด้วยการลูบขนบริเวณคอและเอ่ยติดสินบนมันแผ่วเบา “เสร็จงานจะให้หญ้าหวานของโปรดเจ้ามากหน่อย อย่างอแง” ด้านหลังของเขาเป็นขบวนสินสอดที่ตั้งใจนำมามอบให้ภรรยาชาวบ้านแถบนั้นมามุงดูด้วยความริษยา แสงระยิบระยับที่สะท้อนสายตา เป็นจำพวกเงินทองและเครื่องประดับที่พูนขึ้นมาจากหีบ และที่ปิดฝาไว้อีกมากมายคงจะเป็นผ้าไหมเนื้อดี รวมไปถึงโฉนดที่ดินและอื่น ๆ อีกมากมายชินอ๋องเสเพลเป็นเจ้าของหอเฟิ่งหวงใครก็ต่างเหลือเชื่อ สิ่งที่ทำให้ชาวบ้านเหลือเชื่อยิ่งกว่าคือ เขาแสร้งเสเพลตบตาผู้คน ทว่าทำได้เหมือนจริงราวกับเป็นตัวเขาเองด้านในจวนลู่ บิดามารดาและพี่รองของลู่ผิงถิงอยู่กันพร้อมหน้า เวินหลินช่วยบุตรสาวประทินโฉม ส่วนลู่หงเวินนั่งยิ้มมองภรรยาและบุตร ไม่กล้าพูดคุยกับภรรยา“พระชายา ท่านอ๋องมาแล้วเจ้าค่ะ สินสอดยาวมากน่าจะสองร้อยหาบได้” อาหลี่วิ่งหน้าตาตื่นมาบอก นางตื่นเต้นเมื่อเห็นขบวนรับเจ้าสาวของท่านอ๋อง“ถิงเอ๋อร์” เวินหลินจับมือบุตรสาวอยากร
ลู่ผิงถิงเริ่มโมโห นางร้องไห้ใจแทบขาดทว่าเป็นเลือดไก่ “แล้วที่ท่านหายใจรวยรินเล่า”“ข้าคงเหนื่อยมาก” มู่เซียวเซ่อเริ่มใช้จมูกซุกซน ซอกซอนไปตามลำคอระหง เรียวลิ้นดูดดึงเลาะเล็มตามปลายคางจนมาถึงริมฝีปาก“หยุด”มู่เซียวเซ่อหยุดชะงักตามคำสั่งจากนั้นเลิกคิ้วมองใบหน้าหวานอย่างสงสัย“ท่านป่วยอยู่”“ข้าหายแล้ว” ไม่รอให้อีกฝ่ายปฏิเสธอีก มู่เซียวเซ่อก็จู่โจมจุมพิตเร่าร้อน ปลดเปลื้องอาภรณ์คนตัวเล็กออกอย่างรวดเร็ว นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้ปลดปล่อยฝ่ามือลูบไล้เรือนร่างระหง เรียวลิ้นลากไล้ไปทั่วทุกซอกมุมลู่ผิงถิงอ่อนระทวยไปกับการโลมเล้าของเขา ทว่านางยังไม่ลืมชีวิตน้อย ๆ ในท้อง “อ้าส์...ท่านอ๋องหม่อมฉันตั้งครรภ์อยู่”“ข้าปรึกษาหมอหลวงแล้วว่าได้” มู่เซียวเซ่อกระซิบที่ข้างหูเสียงกระเส่า พร้อมงับติ่งหูเบา ๆ“นี่หมายความว่าไง ท่านไม่ได้ป่วยจริงหรือ” หูของมู่เซียวเซ่อถูกพระชายาดึงราวกับหนังยางยืด“โอ๊ย..จะ..เจ็บ...ถิงเอ๋อร์ปล่อยก่อน ข้าป่วยจริง ๆ นะแต่ดีขึ้นมากแล้ว” สายตาของมู่เซียวเซ่อล่อกแล่กขณะเอ่ยลู่ผิงถิงหรี่ตามองสามีคร
ได้ยินเช่นนั้นใจของลู่ผิงถิงก็ราวกับหล่นไปในเหวลึก ถึงกับดูใจครั้งสุดท้ายเลยหรืออาจเพราะทำงานจนลืมกินข้าว หรืออาจเพราะอ่านฎีกาไม่ยอมพักผ่อน ถึงได้เป็นหนักขนาดนี้ แม้ในใจยังไม่หายโกรธ แต่ความเป็นห่วงทำให้ลู่ผิงถิงรีบร้อนออกจากจวนอ๋องอย่างรวดเร็วบนเตียงกว้างสามีนอนใบหน้าซีดเซียว ริมฝีบางของเขาลอกเป็นขุย “ท่านอ๋อง เหตุใดเป็นอย่างนี้ไปได้” ลู่ผิงถิงน้ำตาไหลเมื่อเห็นสภาพของสามี“ถิงเอ๋อร์ ข้าปวดใจมากที่ต้องโกหกเจ้า” ใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากไอ เลือดสีดำจุดเล็กติดมากับผ้าเช็ดหน้า “วันนั้นเพราะเสด็จพี่ต้องการสังหารข้า ถ้าข้าไม่ตายเจ้าจะไม่ปลอดภัย” พูดไปไอไป“พอแล้วเพคะ ไม่ต้องพูดแล้ว” ลู่ผิงถิงจับมือสามีไว้ หัวใจบีบแน่นที่เห็นสภาพอิดโรยของเขาหมอหลวงนำโอสถเข้ามา “ท่านอ๋องดื่มยาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”“ข้าทำเอง เจ้าออกไปเถิด” ลู่ผิงถิงรับยามาเป่าแล้วป้อนให้สามีสายตารู้สึกผิดจับจ้องผู้เป็นภรรยา “ข้าไม่อยากโกหกเจ้าสักนิด ที่กระท่อมหลังนั้นคนของเสด็จพี่จับตามองเราตลอดเวลา ข้าหาโอกาสสารภาพกับเจ้าไม่ได้ ยกโทษให้ข้านะถิงเอ๋อร์”ลู่ผิงถิงเม้มริมฝีปากบาง
“ฉึก” ปลายดาบแทงแผ่นหลังทะลุหัวใจของฮ่องเต้หนุ่มมู่เซียวเซ่อดีดลูกโลหะเหล็กก้อนกลมใส่มือผู้เป็นพี่ชาย กระบี่หล่นจากมือตกลงพื้น เขาคว้าข้อมือบางดึงเข้ามาในอ้อมกอดอย่างปลอดภัยลู่ไป๋อิงใช้แรงเฮือกสุดท้ายแทงชายหนุ่มที่ตัวเองรักแล้วกอดเขาจากด้านหลังล้มลงพื้นไปด้วยกัน “ไม่ได้ร่วมผูกผม ก็ร่วมลงหลุมไปด้วยกัน” พูดแผ่วเบากระซิบที่ข้างหูฝ่าบาททำผิดมามากมายได้ทำอะไรเพื่อพี่สาวเป็นครั้งสุดท้ายก็ยังดี ถึงแม้จะทดแทนความผิดที่ผ่านมาไม่ได้ก็ตาม สำหรับพี่ชายใหญ่นางจะตามไปชดใช้ที่ปรโลกไม่นานคนของมู่เซียวเซ่อก็ควบคุมคนของมู่เซียวเหิงได้ณ จวนอ๋องมู่เซียวเซ่อตามง้อภรรยามาสามวันแล้วทว่าไม่เป็นผล นางไม่ยอมมองหน้า ไม่คุยด้วย เสด็จพ่อก็จะให้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างเดียว ไม่รู้ถึงความลำบากใจของบุตรชายคนนี้บ้างเลย“เซียวเซ่อ ข้ามาแล้ว” อู่เหยียนเอ่ยทักทายสหาย ความจริงเขาเข้าเมืองมาหลายวันแล้ว แต่พักอยู่ที่หอเฟิ่งหวง ไม่เข้าท้องพระโรงกับพวกจ้าวเฉา ใครจะเอาชีวิตไปเสี่ยงตายเล่า เขาเป็นแค่หมอคนหนึ่ง ไม่ได้มีวิ