นับจากนั้นหนิงฮวา ออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงมาก ทั้งเต้นซุมบ้า ที่เหม่ยเอ๋อจ้องมองตาแทบจะถลนออกมา โยคะก็ทำเป็นประจำทุกวัน จนรูปร่างเริ่มเข้าที่ ควบคุมอาหาร และแช่ตัวด้วยสมุนไพรเป็นประจำเพื่อผิวที่สวยงามผุดผาด เพราะมีมี่ เดิมอดีตเป็นนางแบบจึงมีความรู้เรื่องการควบคุมน้ำหนักและดูแลตัวเองเรื่องความสวยงามเป็นอย่างดี
เมื่อในยุคนี้ไม่มีสปาให้เข้าไปใช้บริการ จึงให้สาวใช้ขัดตัวพอกสมุนไพรเท่าที่จะหาได้ นวดทั่วร่างกายเป็นประจำเพื่อให้เลือดลมไหลเวียนดี เพื่อผิวพรรณและสุขภาพทีดี
ผลของการมีวินัยที่ดีเยี่ยมภายในเวลาหกเดือน จากหุ่นที่อ้วนใหญ่กลับมาผอมเพียวขึ้นมาก ซึ่งอดีตนางแบบสาวคิดว่าน้ำหนักน่าจะลดเหลือประมาณ 55 กิโลกรัม จากการคาดเดาด้วยสายตา ซึ่งตอนนี้ไม่ได้เป็นนางแบบแล้วหุ่นประมาณนี้ดีแล้ว อวบอิ่มน่ารักดี คนรอบข้างต่างตะลึงในรูปลักษณ์ใหม่ของ
หนิงฮวา ท่านพ่อก็กระเซ้าว่าเหมือนได้ลูกสาวคนใหม่ ทั้งรูปร่างหน้าผิวพรรณดูสวยขึ้นผิดตามาก แถมนิสัยใจคอก็เปลี่ยนไปมาก ตั้งแต่ถอนหมั้นกับแม่ทัพตงหยาง
หนิงฮวาคนนี้ไม่เคยพูดถึงแม่ทัพตงหยางให้ได้ยินอีกเลย ส่วนเสื้อต้องให้สาวใช้ช่วยกันแก้ไขขนาดใหม่ โดยเลือกเฉพาะสีสันที่อ่อนลง เพราะหนิงฮวาคนเดิมชอบใส่เสื้อผ้าสีสดเกินไป บางตัวใส่แล้วทำให้ดูอายุมากขึ้น
วันนี้หนิงฮวาขอท่านพ่อไปเดินตลาด เพื่อจะไปดูข้าวของและสั่งตัดชุดใหม่ เมื่อไปถึงก็ให้เหม่ยเอ๋อพาไปร้านขายชุดเครื่องกาย และร้านขายผ้าตัดชุด เมื่อเลือกผ้าที่ถูกใจและสั่งตัดชุดในแบบที่ชอบแล้ว
ก็พากันเดินซื้อข้าวของ หนิงฮวาเลือกซื้อรองเท้าใหม่ และของสวยๆ แปลกตาอีกหลายอย่างที่ไม่เคยเห็น
เลือกซื้อเครื่องประดับอีกหลายชิ้น รวมถึงซื้อปิ่นปักผมใหม่ให้สาวใช้ที่มาช่วยนวดตัวขัดผิวให้ประจำรวมถึงเหม่ยเอ๋อก็ได้รับด้วย ขณะที่เดินเล่นอยู่นั้นก็มีคุณชายคนหนึ่งเข้ามาทักทาย
“แม่นาง ข้าขอทำความรู้จักเจ้าได้หรือไม่ ข้าชื่อ หลี่เฉินอี๋ เป็นบุตรชายของท่านราชครูหลี่ แล้วแม่นางมีนามว่าอะไร ”
หนิงฮวามองดูผู้ชายคนนี้ ร่างสูงสง่าผึ่งผายผาย ใบหน้าคมสันหล่อเหลาเอาการ ผิวพรรณขาวละเอียด
ผู้ชายโบราณนี่ก็แซ่บไม่เบา คนนี้ก็ดูดีเหมือนพระเอกในซีรีย์จีนที่เคยดูเลย “ ข้าชื่อจางหนิงฮวา บุตรสาวท่านเสนาบดีจางเจ้าค่ะ ” หลี่เฉินอี๋ พินิจดูแม่นางน้อยคนนี้ ใบหน้าสวยงามน่ารัก ผิวพรรณนวลผ่อง รูปร่างอวบอิ่มกำลังดี น่ามอง
“ ข้าไม่เคยพบคุณหนูจางเลย แต่เจอกันครั้งแรกก็รู้สึกถูกชะตา ขอข้าเดินซื้อของเป็นเพื่อนแม่นางได้หรือไม่” หนิงฮวาคิดว่าผู้ชายคนนี้ ดูไม่มีพิษภัยอะไรจึงยินยอมให้เดินไปเที่ยวดูข้าวของด้วยกัน
สักพักเดินผ่านภัตาคารแห่งหนึ่ง “ ถ้าคุณหนูจางไม่รังเกียจข้าขอเลี้ยงอาหารสักมือจะได้หรือไม่ ” หนิงฮวาเดินเล่นมาได้พักใหญ่รู้สึกหิวเหมือนกันจึงรับคำชวนนั้น พยักหน้าให้เหม่ยเอ๋อเดินเข้าไปด้วยกัน
ทั้งสามพากันเดินขึ้นไปชั้นสองของภัตตาคารนั้น เลือกนั่งโต๊ะริมระเบียงด้านบน เพื่อมองบรรยากาศตลาดด้านล่างไปด้วย ขณะที่ทั้งสามเดินผ่านโต๊ะหนึ่งที่มีบุรุษนั่งอยู่สองคน แม่ทัพตงหยางรู้สึกเหมือนเคยเห็นแม่นางที่เดินผ่านไปกับบุรุษคนหนึ่งนั้น และไปทรุดนั่งลงที่โต๊ะห่างออกไปที่อยู่ติดระเบียง
อดใจไม่ไหวเพราะรู้สึกคุ้นตามากๆ จุึงเอ่ยถามองครักษ์ด้านข้าง องครักษ์จี้ธงตอบว่า “ นั่นคือคุณหนูจางหนิงฮวาอดีตคู่หมั้นของท่านแม่ทัพอย่างไรเล่าขอรับจึงดูรู้สึกคุ้นเคย ข้าจำเหม่ยเอ๋อสาวใช้ประจำตัวของคุณหนูได้
เพียงแต่ตอนนี้นางดูผอมตัวเล็กลงมากขอรับ” ท่านแม่ทัพตงหยางลอบพินิจมองหนิงฮวา นางสวยงามขึ้นมาก หน้าตาน่ารักชวนมองผิวพรรณหรือก็ขาวกระจ่าง รูปร่างของนางอวบอิ่มน่ารักกำลังดี แต่ที่เขารู้สึกขัดตานิดๆ ขึ้นมา นางนั่งสนทนากับบุรษนั้นอย่างออกรส พูดคุยยิ้มแย้มแจ่มใส เจ้าบุรุษนั่นหรือก็ดูหลงไหลนาง
มองใบหน้านางตาไม่กระพริบ คงจะเป็นคู่รักใหม่ของนางหรือไม่ หรือตอนที่เขาขอถอนหมั้นนางจะมีที่หมายใหม่แล้วเลยดูไม่ได้ฟูมฟายเสียใจอะไรเลย ฮึ!! ร่างหนาและอดจะลอบมองนางอีกไม่ได้
หลังกลับถึงเมืองหลวงแล้วหลี่เฉินอี๋ ให้คนส่งแม่สื่อไปทาบทามลู่เยว่ชิงที่จวนลู่ หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนก็จัดพิธีตบแต่งลู่เยว่ชิงเข้ามาในจวนหลี่ ทั้งสองคนครองรักกันอย่างมีความสุขเพราะหลี่เฉินอี๋เป็นผู้ชายที่ดีรักเดียวใจเดียวไม่ได้แต่งอนุหรือมีหญิงอุ่นเตียงเข้ามาอีกหลังจากนั้นเย่ชิงก็ให้กำเนิดบุตรสาวอ้วนท้วน น่ารัก เป็นหลานคนแรกให้ตระกูลหลี่ และหลังจากนั้นอีกหนึ่งปีได้คลอดบุตรชายให้แก่หลี่เฉินอี๋อีกคนหนึ่งเป็นที่หลงใหลของท่านราชครูและฮูหยินเป็นอย่างมาก ทำให้ในจวนหลี่มีแต่เสียงหัวเราะของเด็ก ๆ เสียงหัวเราะ วิ่งเล่นของเด็กๆ ไม่เงียบเหงาอีกต่อไปส่วนหนิงฮวาตอนนี้อุ้มท้องได้เก้าเดือนแล้วใกล้ถึงกำหนดคลอดในอีกไม่กี่วัน ท่านแม่ทัพกระวนกระวายเป็นห่วงลูกและเมียมาก เพราะจะต้องออกไปรบที่ชายแดนพร้อมท่านพ่อคือแม่ทัพตงฉือ ในอีกไม่กี่วันนี้ แต่หนิงฮวาบอกว่าไม่เป็นไร นางสามารถดูแลลูกและจวนได้เป็นอย่างดีไม่ต้องห่วง ขอให้ทั้งสองไปโดยไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้และขอให้ได้ชัยชนะกลับมา ระหว่างนี้ท่านเสนาบดีจาง เที่ยวไปมาระหว่างจวนทั้งสองเพราะเป็นห่วงลูกและหลาน ท่านแม่ทัพทั้งสองไปรบชายแดนเป็นเวลาหนึ่งปี
ฝ่ายลู่เย่ชินไปหาท่านแม่ทัพที่จวนแต่บ่าวในจวนแจ้งว่าท่านแม่ทัพไปราชการที่ชายแดนไม่มีกำหนดกลับ เพราะน่าจะมีการรบติดพันเยว่ชิงตกใจมากแล้วก็โมโหมากที่ท่านแม่ทัพไม่บอกนางสักคำว่าจะไปราชการไม่มีกำหนดกลับ จึงคิดว่าไม่เห็นเป็นไรเมื่อไม่มีกำหนดกลับ นางก็จะตามไปที่จวนแม่ทัพในเมืองลู่อัน เมื่อคิดได้ดังนั้นนางก็ขึ้นรถม้าเพื่อจะกลับไปเตรียมตัวเดินทางไปเมืองลู่อัน เพื่อตามหาท่านแม่ทัพขณะที่นางเตรียมตัวจะไปเดินทางนั้น หลี่เฉินอี๋ก็ลงจากรถม้าเดินมาถามนางว่าแม่ทัพตงหยางหายไปไหน จางหนิงฮวาก็พลอยหายไปด้วย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น สอบถามใครก็ไม่มีใครรู้เรื่อง จึงได้ตรงมาถามนาง เผื่อจะรู้ว่าท่านแม่ทัพไปไหนแล้วเกี่ยวกับที่หนิงฮวาหายไปหรือไม่ เพราะเขาไปสอบถามจวนเสนาบดีจางแล้วบ่าวไพร่ที่นั่นไม่รู้เรื่องอะไรเลย ท่านเสนาบดีไปราชการนอกเมือง ไม่ได้การอะไรไว้ และคุณหนูหายไปแต่ก่อนท่านเสนาบดีจะเดินทางออกนอกเมืองแล้ว หลี่เฉินอี๋ไม่รู้จะไปตามหานางที่ไหน ลู่เย่ชิงได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวพันกันอาจเป็นไปได้ว่าท่านแม่ทัพพาตัวเจ้าหนิงฮวาไปด้วย เมื่อคิดได้เช่นนี้นางรู้สึกร้อนรุ่มในใจกลัวว่าทั้
ท่านแม่ทัพตงฉือเดินทางมาถึงจวนแม่ทัพเมืองลู่อัน ได้หนึ่งวันท่านเสนาบดีจางก็เดินทางมาถึง บ่าวไพร่เตรียมงานกันขวักไขว่ เนื่องจากอีกสองวันจะถึงวันงานแล้วแล้ว ในจวนประดับทั้งโคมแดงและผ้าแดงเต็มไปหมด ประดับประดาจัดแต่งอย่างสวยงามบ่าวไพร่ขนข้าวของที่ซื้อหามาเพิ่มเพื่อใช้ในงานอย่างเอิกเกริกในครัวตระเตรียมทำอาหารมากมาย ทั้งเตรียมสุราไว้เป็นจำนวนมาก ต้องว่าจ้างคนเพิ่มเพื่อมาทำงานในครั้งนี้เพราะบ่าวไพร่ในจวนไม่เพียงพอ เพราะว่าขุนนางและคณบดีในเมืองนี้หรืออาจจะมีบางท่านที่เดินทางมาจากเมืองหลวงเข้าร่วมงานกันเป็นจำนวนมากหนิงฮวาและเหม่ยเอ๋อช่วยกันจัดเตรียมชุดเจ้าสาว และห้องหอกันวุ่นวาย มีแม่สื่อมาแนะนำขั้นตอนต่างๆในพิธี เมื่อถึงวันแต่งงานเจ้าสาวเริ่มแต่งตัวเสร็จตั้งแต่ยามโหยว่ รอถึงฤกษ์ยามเข้าพิธีเมื่อถึงฤกษ์ยามแล้วแม่สื่อก็มาพาเจ้าสาวและเจ้าบ่าวเข้าพิธีคำนับบูชาทั้ง 4 จนเสร็จสิ้นพิธีการ ก็ส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าหอ เมื่อส่งตัวบ่าวสาวเข้าหอแล้ว ท่านแม่ทัพพาหนิงฮวาไปนั่งที่เตียง นำคันชั่งมายกผ้าปิดหน้าเจ้าสาวออก จากนั้นค่อยๆแกะมงกุฏหงส์และเครื่องประดับทั้งหลายของเจ้าสาวออกทั้งหมด ประคองเจ้าสาว
รุ่งขึ้นมีบ่าวจากจวนเสนาบดีนำของหมั้นไปคืนให้ที่จวนแม่ทัพ แม่ทัพตงหยางตกใจจนหน้าถอดสี แสดงว่าฮวาเอ๋อรู้เรื่องนี้แล้วแน่นอน เขาก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร และเขาได้รับปากจะรับเยว่ชิงเข้ามาเป็นอนุแล้ว แต่เขาจะไม่ยอมให้เรื่อมันลงเอยแบบนี้แน่นอนด้านหนิงฮวาหลังจากตัดใจจากท่านแม่ทัพได้แล้วก็เริ่มไปทำงานที่ร้านตามปกติ พยายามไม่คิดถึงเรื่องที่ผ่านมาแล้วอีก ท่านพ่อบอกว่าอาจจะไม่ใช่เนื้อคู่กันก็เลยทำให้แคล้วคลาดกันแต่ที่จริงหนิงฮวารู้สึกเจ็บแปลบนิดอยู่เหมือนกันแต่ก็ยังไม่ได้ถลำใจกับฝ่ายนั้นมากมาย คนที่ดีใจที่สุดน่าจะเป็นหลี่เฉินอี๋ เขาไม่คิดไม่ฝันว่างานแต่งนั้นจะยกเลิกได้ง่ายดายอย่างนี้ แต่ก็ไม่น่าแปลกใจท่านแม่ทัพตงหยางเป็นคนที่หล่อเหลาและมีตำแหน่งเป็นถึงแม่ทัพอนาคตไกล ผู้ทีหมายปองย่อมต้องมาก เขาคิดว่าหนิงฮวาเป็นหญิงที่ไม่ชอบความวุ่นวายและไม่อยากจะแย่งชิงอะไรกับใครจึงได้หลีกทางให้กับหญิงที่มีข่าวเล่าลือว่าท่านแม่ทัพจะรับเป็นอนุแต่ว่าความเป็นจริงแล้วการที่ชายมีภรรยาหลายคนมีกันแทบทุกจวน บางจวนมีนับแทบจะไม่ถ้วน แต่เขารู้สึกว่าหนิงฮวานั้นแตกต่างกับหญิงอื่น หลังจากผ่านไปหลายวัน
เมื่อทั้งสองแต่งตัวเรียบร้อย ท่านคหบดีลู่ก็ถามท่านแม่ทัพทันทีว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร แม่ทัพหนุ่มก็ไม่รู้จะพูดอะไรได้มากไปกว่าบอกว่า " ข้าจะรับผิดชอบตบแต่งเยว่ชิงเข้ามาเป็นอนุ เพราะได้ไปสู่ขอจางหนิงฮวามาเป็นฮูหยินแล้วไม่สามารถบิดพลิ้วได้ จึงจะให้เยว่ชิงมาเป็นอนุ และคงจะให้ได้เท่านี้ เพราะท่านพ่อของข้าคงไม่ยอมแน่ ส่วนจะแต่งเมื่อไหร่ คงต้องรอให้จางหนิงฮวาตบแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินก่อน ถึงจะรับเยว่ชิงเข้ามาเป็นอนุได้ " ท่านคหบดีลู่ สีหน้าบึงตึงไม่พอใจเป็นอย่างมากที่บุตรสาวจะได้เป็นแค่อนุ เขาโกรธทั้งแม่ทัพหนุ่มและบุตรสาวที่ร่านจนมาหาบุรุษถึงที่จวนสามวันต่อมาลู่เยว่ชิงได้ไปหา จางหนิงฮวาที่จวนเสนาบดีแต่เช้า เมื่อบ่าวรับใช้มาเรียนว่าคุณหนูไปรอที่ศาลากลางสระบัวแล้วให้ไปพบได้เมื่อลู่เยว่ชิงเดินเข้ามาภายในศาลา เห็นจางหนิงฮวานั่งรออยู่แล้วพร้อมด้วยบ่าวรับใช้ จึงเดินเข้าไปนั่งลงใกล้ๆ “ที่ข้ามาวันนี้ ข้ามีเรื่องมาขอร้องเจ้า ข้าและท่านแม่ทัพได้เกินเลยกันแล้วเมื่อสามวันก่อน ” หนิงฮวามองพินิจคนตรงหน้า เป็นหญิงสาวที่ถือว่ามีใบหน้าที่คมคายน่ามอง รูปร่างก็อวบอัด รูปร่างแบบนี้ผู้ชายน
ร่างหนาของแม่ทัพตงหยางโยกขย่มร่างอวบอัดอยู่ค่อนคืนจนใกล้จะรุ่งสาง จึงหมดแรงหลับผล็อยไปด้วยกันถึงตอนสายของวันถัดมา สองร่างกอดก่ายกันนอนอยู่บนเตียงในห้องของท่านแม่ทัพ เมื่อคืนในยามดึกท่านแม่ทัพได้อุ้มร่างอวบของเยว่ชิง เข้าห้องนอนไป ฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดนี้ส่งผลรุนแรงมาก ท่านแม่ทัพหลงไหลในร่างกายของเยว่ชิงอย่างมาก หลงลืมแม้กระทั่งจางหนิงฮวาที่เฝ้าหลงรัก ต้องการตบแต่งมาเป็นเมีย ตอนนี้ในหัวสมองมีแต่หน้าของลู่เยว่ชิงเท่านั้น เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาเยว่ชิงเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของแม่ทัพตงหยางแล้วยิ้มออกมาอย่างสมใจ ในที่สุดท่านก็กลับมาเป็นของข้าอีกครั้งข้าจะไม่ยอมให้ใครมาแย่งท่านไปทั้งนั้น และข้าก็จะแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินคนเดียวของท่าน พูดจบร่างอวบลุกขึ้นดึงผ้าผวยออกจากร่างของคนทั้งสอง ลุกขึ้นไปคล่อมร่างล่ำสันไว้ พรมจูบใบหน้าหล่อเหลาและเลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนถึงตุ่มไตเล็กสองข้างไล้เลียจนเริ่มแข็งเป็นไต แล้วพรมจูบลมมาจนถึงแก่นกายแกร่งชักรูดสองสามครั้งและไล้เลียไปมา อ้าปากครอบแก่นกายแกร่งจนมันเริ่มตื่นตัว ร่างหนาลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วร้องครวญครางด้วยความเสียดเสียวสะโพกหนากระตุกเกร็งด้วยความสุข