ตอนที่ 5 ร้านหงลู่ฝาง
เมื่อถึงเวลากลับบ้าน หนิงเหอก็พึ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว นางใช้เวลาในการวาดภาพนั้นเกือบสองชั่วยามจนนางแทบไม่รู้ตัวเลยทีเดียว ไม่แปลกที่ทั้งสามคนกลับมาในสวนแล้วนางค่อยมารู้สึกตัว
กู้เหวินอี้เล่าว่า พวกเขาไปดูม้าที่คอกม้าอยู่เกือบหนึ่งชั่วยาม พอกลับเข้ามาที่สวนก็เห็นว่านางกำลังวาดภาพอยู่อย่างจริงจัง จนพวกเขาเรียกนางแล้วนางก็ไม่ได้ยิน จนกระทั่งคุณชายน้อยเซียวบอกว่าให้รอนางอยู่เงียบๆเมื่อเห็นว่านางกำลังใช้สมาธิอยู่
การวาดภาพของนางทำให้วันนี้กู้หลันโจวและกู้เหวินอี้ไม่สามารถไปที่บ้านท่านหมอมู่ต้าเต๋อได้ พวกเขาทั้งสามจึงนัดแนะกันว่าจะไปบ้านอีกฝ่ายในอีกวันถัดไป
จากการที่หนิงเหอตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กสาวกู้หนิงเหอคนนี้มาหลายวัน ทำให้นางรับรู้ได้ว่า ครอบครัวนี้ต่างรักใคร่กันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะตัวนางและมารดาที่ชื่อฟู่หลิน
ผู้ชายในบ้านสามคนนั้น มักจะเสียสละอาหารที่ดีและของใช้ที่ดีที่สุดให้พวกนางเนื่องจากว่าพวกนางเป็นผู้หญิงที่พวกเขารัก ซึ่งแตกต่างจากบ้านอื่นๆ ที่ครอบครัวมักจะให้ความสำคัญกับลูกชายเสียมากกว่า
หลายวันมานี้ หนิงเหอพอจะรับรู้นิสัยของคนในบ้านมากขึ้นมาบ้าง อย่างเช่น บิดาของนาง กู้อวี้สยง เขาเป็นชายหนุ่มที่ซื่อสัตย์และมีความอดทนสูง ถือว่าเป็นหัวหน้าครอบครัวที่มีความเป็นธรรม มารดาของนางก็เช่นกัน แม้นางจะป่วยไม่ค่อยแข็งแรง แต่หนิงเหอรับรู้ได้ถึงความรักของนางที่มีต่อคนในครอบครัว
ส่วนพี่ชายของนางทั้งสอง กู้หลันโจวมีนิสัยคล้ายบิดาคือ เขาเป็นคนซื่อๆ และเป็นคนขยัน ต่างจากกู้เหวินอี้ พี่ชายฝาแฝดของนาง กู้เหวินอี้จะดูสุขุมกว่า เขามักจะสังเกตสีหน้าคนรอบข้างและบรรยากาศรอบข้างก่อนเสมอ ข้อนี้แม้แต่นางเองที่อายุวิญญาณในร่างมากกว่าอีกฝ่าย ก็ยังสู้อีกฝ่ายในเรื่องนี้ไม่ได้
จวบจนกระทั่งวันที่เซียวต้าถงนัดพวกเขาทั้งสาม แต่เพราะวันนี้เป็นวันที่บิดาต้องออกไปเก็บกับดักที่วางเอาไว้บนเขา ทำให้ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งติดตามบิดาขึ้นไป กู้เหวินอี้จึงเป็นคนอาสาไปกับบิดาเอง เนื่องจากว่าคุณชายน้อยเซียวมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับกู้หลันโจว และทั้งสองยังสนิทสนมกับ กู้หลันโจวจึงมีหน้าที่ไปกับกู้หนิงเหอที่บ้านคุณชายน้อยเซียว
สาวใช้ที่อยู่บริเวณหน้าบ้านจำเด็กทั้งสองได้ว่าเป็นเพื่อนเล่นของคุณชายน้อย นางจึงพาทั้งสองไปหาคุณชายน้อยที่เรือนส่วนตัว
“คุณชาย/คุณชาย” ทั้งสองทักทายอีกฝ่ายทันที
“พวกเจ้ามากันแล้วหรือ มาๆ เข้ามาก่อน ข้ากำลังรอพวกเจ้าอยู่พอดี” เซียวต้าถงที่เห็นทั้งสองก็รีบเรียกอีกฝ่ายเข้ามาในห้องรับแขกของตนเองทันที
“เอานี่ รับไป” เซียวต้าถงยื่นห่อผ้าหนึ่งห่อมาทางด้านหน้าหนิงเหอ
หนิงเหอรับมาไว้อย่างมึนงง ก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายคล้ายต้องการคำตอบ
“ที่ที่เราจะไปนั้น ส่วนมากเป็นบุรุษ สตรีไม่ค่อยเหมาะจะเข้าไปนัก ข้ายืมชุดของจงสือบ่าวรับใช้ในเรือนเอาไว้ เจ้าเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อน เราจะได้ออกไปกัน” เซียวต้าถงอธิบาย
หนิงเหอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก่อนจะหลบไปด้านข้างที่มีฉากบังลมอันใหญ่ตั้งอยู่ เหมาะจะเป็นที่ที่นางจะเปลี่ยนชุดได้
นางมาที่นี่ก็พอจะเข้าใจวัฒนธรรมของที่นี่อยู่บ้าง ที่นี่เป็นโลกที่คล้ายประเทศจีนสมัยเมื่อพันปีก่อน ที่ทุกอย่างยังคงล้าหลัง รวมถึงความเชื่อที่ว่า บุรุษนั้นยิ่งใหญ่กว่าสตรี สตรีต้องมองบุรุษเป็นเหมือนท้องฟ้าของตนเอง แต่จากที่นางสอบถามชื่อแคว้นและดินแดนจากกู้หลันโจวแล้ว พบว่า ที่นี่ไม่ได้อยู่ในช่วงประวัติศาสตร์ยุคใดเลย คล้ายกับมิติคู่ขนานใหม่
แต่หนิงเหอพบว่าอย่างน้อยที่นี่ก็โชคดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ ที่นี่ไม่มีสงคราม แม้จะมีการแบ่งแยกดินแดนเป็นสามแคว้น แต่ทั้งสามแคว้นก็ต่างจับมือเป็นพันธมิตรค้าขายแก่กัน
เมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จพวกเขาทั้งสามคนพร้อมกับผู้ติดตามเซียวต้าถงหนึ่งคน ทั้งหมดก็เดินทางด้วยรถม้าคันใหญ่เข้าไปในเมืองกัน
โดยปกติแล้วการเข้าเมืองแต่ละครั้ง หากเป็นการเดินเท้าก็ต้องใช้เวลาครึ่งชั่วยาม แต่เมื่อทั้งหมดเดินทางด้วยรถม้า เพียงหนึ่งเค่อพวกเขาก็เดินทางมาถึง
ผู้ติดตามนายน้อยเซียวที่มีชื่อว่าจงสือนั้น บังคับรถม้ามาจอดที่ด้านหลังร้านขายผ้าร้านหนึ่งอย่างคุ้นเคย ซึ่งหนิงเหอมารู้ทีหลังว่า ที่ร้านแห่งนี้เป็นหนึ่งในร้านที่อยู่ภายใต้การดูแลของนายท่านเซียวนั่นเอง
เซียวต้าถงพาทั้งสองเดินไปตามทางเรื่อยๆ เพื่อไปยังจุดหมาย โดยให้จงสืออยู่รอที่ร้าน ตอนนี้จึงกลับกลายเป็นว่า นางและกู้หลันโจวพี่ชาย กลายเป็นเด็กรับใช้ติดตามนายน้อยเซียวไปแล้ว
เซียวต้าถงเดินมาหยุดอยู่ที่อาคารพาณิชย์สามชั้นหลังใหญ่หลังหนึ่ง ที่มีป้ายชื่อร้านตัวใหญ่ว่า หงลู่ฝาง
ด้านนอกถูกตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่มองดูก็รู้ว่า วัสดุตกแต่งแต่ละชนิดล้วนมีราคาและหายากยิ่ง
แม้ด้านในชั้นหนึ่งนั้นจะมีคนเดินเข้าไปไม่มาก แต่สังเกตจากการแต่งตัวของผู้ที่อยู่ด้านในแล้ว หนิงเหอก็รู้ได้ทันทีว่า มีแต่คนมีฐานะทั้งนั้นที่สามารถเข้าไปในร้านแห่งนี้ได้
“นายน้อยเซียว” หลงจู่ที่อยู่หน้าร้าน เมื่อเห็นว่าลูกค้าที่เดินเข้ามาคือเซียวต้าถง ลูกค้าพิเศษของทางร้าน เขาก็รีบก้าวเข้ามาเพื่อต้อนรับทันที
“หลงจู่” เซียวต้าถงทักทายอีกฝ่ายด้วยท่าทางเป็นกันเองเช่นกัน
"วันนี้คุณชายมาที่นี่ด้วยตัวท่านเอง ต้องการอะไรเป็นพิเศษหรือไม่?"หลงจู่ถามอีกฝ่ายอย่างนอบน้อม
“วันนี้ข้ามีรูปมารบกวนให้ท่านช่วยใส่กรอบอยู่พอดี และยังต้องการขึ้นไปชมสินค้าด้านในด้วย”
“ไม่รบกวนๆ เชิญนายน้อยด้านใน” หลงจู่ที่เห็นว่านายน้อยผู้นี้พูดเหมือนเกรงใจตน เขาจึงรีบปฏิเสธทันควัน ก่อนที่จะเชิญเขาไปด้านใน
เซียวต้าถงยิ้มเล็กน้อยและยื่นกระบอกภาพวาดที่ตนต้องการใส่กรอบให้อีกฝ่าย ก่อนจะทำท่าทางวางมาดคุณชายเดินเข้าไปด้านใน
กู้หลันโจวและกู้หนิงเหอที่เห็นเช่นนั้นก็เดินตามอีกฝ่ายเข้าไปทันที แต่ในตอนนั้นเองที่มีมือข้างหนึ่งเข้ามาขวางพวกเขาไว้
“บ่าวรับใช้รอที่ด้านนอก” หลงจู่ที่ทำหน้าที่รับแขกเมื่อครู่หันมาพูดกับทั้งสองด้วยสีหน้าไม่พอใจ
เสียงพูดนั้นดังพอให้เซียวต้าถงที่เดินเข้าไปก่อนได้ยินและหันกลับมามองพวกเขาทันที
“ปล่อยพวกเขาเข้ามาเถอะ หากมีอะไรเสียหาย ข้ารับผิดชอบเอง” น้ำเสียงเฉียบขาดที่เซียวต้าถงกล่าวออกมา ทำให้กู้หลันโจวที่ไม่เคยเห็นอีกฝ่ายในด้านนี้รู้สึกใจหวั่นไหว เขาคิดว่าตนเองกับน้องสาวน่าจะรอที่ด้านนอกจะดีกว่า เพราะเขาไม่อยากให้อีกฝ่ายเดือดร้อน
แต่ก็ไม่ทันแล้ว เมื่อหนิงเหอที่ยืนอยู่ด้านข้างเขาเมื่อครู่ เดินตามเซียวต้าถงเข้าไปแล้ว กู้หลันโจวมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกเล็กน้อย ก่อนจะเดินตามทั้งสองไปอย่างเงียบๆ
………………………………..
ตอนพิเศษ 5ยามจื่อ (23.00น.-00.59น.)เจิ้งหย่งซีและกู้หนิงเหอที่พึ่งจะสะสางงานของตนเองเสร็จ จึงเดินมาที่เรือนของเด็กๆ ทั้งสามคนเพื่อดูว่าพวกเขาเข้านอนกันรึยัง ก่อนจะเห็นสาวใช้ของพวกเด็กๆ กำลังช่วยกันเก็บกระดาษที่ใช้การไม่ได้แล้วออกมาด้วยฝีเท้าเบาเมื่อสาวใช้เห็นทั้งสองคนก็รีบย่อกายเคารพทั้งสอง“พวกเด็กๆ ยังไม่นอนหรือ?” เจิ้งหย่งซีถามสาวใช้ทั้งสองด้วยความแปลกใจ เพราะเวลานี้เองก็ดึกมากแล้ว พวกเด็กๆ ควรจะนอนได้แล้ว“ท่านอ๋องน้อยทั้งสองกับท่านหญิงกำลังคัดอักษรกันอยู่เจ้าค่ะ แต่ข้าน้อยเห็นว่าทั้งสามก็เริ่มง่วงกันบ้างแล้ว จึงแอบหยิบกระดาษเหล่านี้ออกมาจัดการก่อนเจ้าค่ะ”สาวใช้คนหนึ่งรีบรายงานเจิ้งหย่งซีที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้ทั้งสอง ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายไปจัดการงานของตนเองส่วนตัวเขาและกู้หนิงเหอก็เดินเข้าไปที่ตัวเรือนด้านในเพื่อดูลูกๆ ของตนเองแต่เมื่อเข้าไปด้านในก็ต้องเบาฝีเท้าของตนเองลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสามคนตอนนี้ ต่างหลับคาโต๊ะหนังสือไปเรียบร้อยแล้วโดยที่เจิ้งเลี่ยงหรูและเจิ้งเลี่ยงหลิงหน้าฟุบลงที่โต๊ะหนังสืออยู่ ส่วนเจิ้งหลงเป่าตอนนี้นอนแผ่หลาอยู่ที่พื้
ตอนพิเศษ 4“ไทเฮา พะยะค่าาาา”ขณะที่ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง เสียงเล็กๆ ของเจ้าแฝดคนหนึ่งก็ดังขึ้น โดยที่เสียงมาก่อนตัวคนเสียอีกไม่ต้องเดาทุกคนที่อยู่ภายในห้องก็รู้ว่าเป็นแฝดคนไหนเจิ้งหลงเป่าวิ่งตุ๊ต๊ะเข้ามาทันทีที่สิ้นเสียง เพียงผ่านธรณีประตูเพียงก้าวเดียว เมื่อเห็นว่ามีใครอยู่ภายในห้องโถงบ้าง เจ้าตัวก็ยิ้มแฉ่งจนสามารถเห็นฟันครบทุกซี่“หลงเป่า อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ? มานี่สิ ให้ข้าดมดูหน่อยว่ายังเหม็นอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นหลานชายตัวเล็กวิ่งเข้ามา ไทเฮาก็กล่าวกับเขา พร้อมอ้าแขนทั้งสองข้างเพื่อรอรับอีกฝ่ายโถมตัวเข้ามาหาทันทีเจิ้งหลงเป่าเองก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง เขารีบวิ่งไปหาหญิงชราที่ตนเองเรียกว่าไทเฮาทันที เพื่อให้อีกฝ่ายได้พิสูจน์ว่าตัวเขาไม่เหม็นแล้วอีกต่อไปฟืดดด“อ่าา หลงเป่าไม่เหม็นแล้วจริงๆ ด้วย” ไทเฮากล่าวกับเขาอย่างอ่อนโยน นางมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับเจ้าแฝดทั้งสามคน อาการเจ็บป่วยที่มักจะเป็นอยู่บ่อยๆ ยามอยู่ในวังหลวง แต่เมื่อมาเห็นหน้าของทั้งสามแล้วคล้ายกับว่านางลืมความเจ็บป่วยของตนเองไป“หลงเป่าไม่เหม็นแล้ว เช่นนั้นคืนนี้ให้หลงเป่านอนกับท่านดีหรือไม่พะยะค่ะ” เ
ตอนพิเศษ 3ส่วนลูกชายคนโตของนาง หรือแฝดคนที่สอง เจิ้งเลี่ยงหลิง (แปลว่า ระฆังที่ส่องสว่าง)ลูกชายคนนี้ของนางเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียบร้อยมาก หากเปรียบเทียบกับน้องชาย คนภายนอกอาจจะคิดว่าเจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ว่าง่ายและอยู่ในโอวาท พวกเขาคิดผิด!!!เจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ค่อนข้างดื้อเงียบ เจ้าคิดเจ้าแค้นและเป็นเด็กขี้รำคาญ ครั้งหนึ่งที่เจิ้งหลงเป่าแอบเอาพู่กันของเขาไปเล่นและเขาจับได้ เขาไม่ได้เปิดโปงและต่อว่าเจิ้งหลงเป่าทันที แต่วันต่อมาเจิ้งหลงเป่าก็ต้องร้องไห้ออกมาเสียงดังเพราะ ตุ๊กตาหุ่นไม้ของรักของหวงของเขา อยู่ๆ ชิ้นส่วนต่างๆ ก็หลุดกระจายออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เจิ้งหลงเป่าเศร้าเสียใจอยู่หลายวันทีเดียวตอนแรกนางก็เพียงคิดว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อพ่อบ้านเฉินที่คอยดูแลพวกเขามารายงานนาง ก็ทำเอานางและสามีถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว“ตุ๊กตาหุ่นไม้ของท่านชายรองมีร่องรอยของการแกะแยกชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อออกไปขอรับ ทำให้เมื่อคุณชายจับหุ่นไม้ขึ้นมา มันจึงมีชิ้นส่วนกระจัดกระจายออกไป…ข้าสอบถามองครักษ์เงาที่ดูแลแล้ว พบว่าเป็นฝีมือของท่านอ๋องน้อยขอรับ”“จะเป็นไปได้อย่างไร เจิ้งเลี่ย
ตอนพิเศษ 2ตอนแรกเขาคิดว่าขอเพียงท่านแม่ตำหนินิดหน่อยก็ไม่น่าเป็นอะไรแล้ว แต่ดูจากสีหน้าท่านแม่ตอนนี้ที่ยังนิ่งเงียบอยู่ เจิ้งหลงเป่าก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อยู่ๆ เขาก็รู้สึกแสบจมูกแสบตาขึ้นมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาหยดใสๆ ก็เริ่มไหลรินออกมา“อึก ฟืดด” เจิ้งหลงเป่าก้มหน้าร้องไห้อยู่เงียบๆ เขารีบใช้แขนเสื้อของตนเองเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาทำเอาพ่อบ้านเฉินที่ยืนอยู่รู้สึกปวดใจมากเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าออกหน้ามาช่วยท่านชายรองของตนเอง“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองมีความผิดอะไร?” กู้หนิงเหอยังฝืนใจทำน้ำเสียงนิ่งเรียบกล่าวถามอีกฝ่ายเจิ้งหลงเป่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัว พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกผิดเอง ลูกไม่ตั้งใจคัดอักษรอยู่ในห้องกับพวกท่านพี่ และยังแอบมาเล่นในสวนโดยที่ไม่ได้บอกสาวใช้ตนเอง”กู้หนิงเหอมองลูกชายคนเล็กของตนเองสำนึกผิดด้วยความปวดใจ นางเองก็ทำโทษเขารุนแรงไม่ลงเช่นกัน แต่หากครั้งนี้ยังไม่ทำโทษเขาอีก เขาก็จะได้ใจไปเรื่อยๆบรรยากาศภายในสวนเป็นไปอย่างเคร่งเครียดในตอนนั้นเองที่ด้านหน้าประตูทางเข้าสวนมีความเคลื่อนไหว พร้อมกับกลุ่มผู้สู
ตอนพิเศษ1ณ ดินแดนเหนือแห่งแคว้นเป่ยเอี้ยนแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศในช่วงเช้ามืดของที่นี่ก็มีสายลมเย็นเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา ร้านรวงต่างๆ เริ่มเปิดหน้าร้านเพื่อต้อนรับลูกค้าในยามเช้าแล้วเสียงของเจ้าของร้านต่างทักทายเหล่าผู้พิทักษ์ความสะอาดตัวน้อยทั้งหลาย ที่ออกมากวาดถนนหนทางในเมืองให้แก่พวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและโอบอ้อมอารี“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่จ้าว” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งกล่าวทักทายเจ้าของร้านแพรพรรณที่ออกมาเปิดร้านของตนเอง“อรุณสวัสดิ์ วันนี้ก็ฝากด้วยนะ” เฒ่าแก่จ้าวขานรับเด็กๆ“เจ้าค่ะ/ขอรับ” เด็กๆ_ที่มีไม้กวาดอยู่ในมือทั้งหลายตอบรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสผู้คนที่เคยมาเยือนเมืองเหนือแห่งนี้หลายครั้งจะเห็นภาพเหล่านี้ด้วยความชินตา แต่สำหรับผู้ที่เคยเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกต่างประหลาดใจกับการทักทายเช่นนี้เป็นอย่างมากตอนนี้แดนเหนือที่เคยเป็นสถานที่ของเหล่าขอทานและเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน กลับกลายเป็นสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าใครก็อยากมาเที่ยวที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิตโดยเฉพาะการได้แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติของที่นี่ เป็นสิ่งที่แต่ละคนที่ได้แช่มันก่อนกลับไป_แล้วจะไปเล่าต
ตอนที่ 136 ยินดี (จบ)“พระชายา คือว่า…”“ข้าจะคลอดเขาให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม… ท่านเตรียมตัวเถอะ” กู้หนิงเหอกล่าวตัดบทกับอีกฝ่าย ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเรียกแรงของตนเองกลับมาอีกครั้ง บ่งบอกว่านางจะทำตามที่นางพูดจริงหมอหลวงเกาที่ได้ยินดังนั้นก็เดินออกจากเรือนเพื่อไปเตรียมสมุนไพรด้วยตนเองแอ๊ดดเพียงเปิดประตูออกก็พบชินอ๋องที่ยืนอยู่ เจิ้งหย่งซีรีบเข้ามาถามอีกฝ่ายด้วยความร้อนใจ“หนิงเหอเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอหลวงเกามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะรายงานอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“เรียนท่านอ๋อง ในครรภ์ของพระชายายังมีเด็กอยู่อีกหนึ่งคนขอรับ และพระชายาเลือกที่จะคลอดเด็กออกมาให้ได้”เจิ้งหย่งซีและคนอื่นๆ ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต่างตื่นตะลึงและลุกขึ้นเดินมาหาเขาอีกที“ข้าจำเป็นต้องต้มยาขับเลือดเพื่อให้คลอดเด็กคนที่สามออกมาได้โดยไว ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายกับทั้งสองได้”“นางจะเป็นอันตรายหรือไม่?”เจิ้งหย่งซีถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่าย ทำให้หมอหลวงเกาไม่อาจตอบคำถามอีกฝ่ายได้ในตอนนั้นเอง หมอหลวงลู่ก็ได้เดินออกมา“หมอหลวงเกา ท่านไปต้มสมุนไพรเถิด… ท่านอ๋อง พระชายามีคำพูดหนึ่