ตอนที่ 6 เฉินปี่
หนิงเหอกวาดตามองสินค้าชั้นล่างของร้านหงลู่ฝางแห่งนี้ด้วยความสนใจ มุมหนึ่งของร้านเป็นที่สำหรับขายสี่สมบัติล้ำค่าในห้องหนังสือ (พู่กัน หมึก กระดาษ แท่นฝนหมึก) หนิงเหอมองพู่กันมากมายที่ตั้งโชว์วางเรียงรายกันอย่างสวยงาม รวมถึงกระดาษชนิดต่าง ๆ อย่างสนใจ
ในห้องโถงชั้นนี้มีภาพปักต่างๆ รวมถึงฉากกั้นที่มีภาพวาดตั้งวางเอาไว้หลายอย่าง สมกับเป็นร้านที่ขายงานศิลปะโดยแท้
“หนิงเหอ เจ้ามาทางนี้สิ”เซียวต้าถงที่เห็นนางเมียงมองของในร้านด้วยสายตาหลงใหลอยู่ก็เรียกนางให้ไปอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน
หนิงเหอจึงละความสนใจในของต่างๆ และเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างรวดเร็ว
เพียงเข้ามาด้านใน หนิงเหอก็จ้องมองสิ่งของตรงหน้าราวกับคนโง่งม ภาพวาดต่างๆ วางเรียงรายกันราวกับแกลเลอรี่ภาพวาดในยุคปัจจุบันที่นางจากมา
หนิงเหอค่อยๆ เดินเข้าไปมองภาพเหล่านั้นด้วยสายตาพิจารณา ก่อนจะมองมุมด้านข้างที่เขียนชื่อผู้รังสรรค์ของแต่ละภาพเอาไว้
หนิงเหอค่อยๆ ไล่มองภาพเหล่านั้นไปทีละภาพด้วยความสนใจ ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ภาพๆ หนึ่ง ที่ทำให้หัวใจของนางเต้นผิดจังหวะ เป็นภาพนกอินทรีที่กำลังเกาะอยู่บนกิ่งไม้ มองดูภาพเบื้องหน้าด้วยสายตาก้มต่ำ
ท่าทางของมันคล้ายผู้อยู่เบื้องสูงกำลังมองเหล่ามดปลวกตัวน้อยที่อยู่ด้านล่างด้วยสายตาที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง ภาพนี้เป็นภาพที่เหนือกว่าภาพทั้งหมดที่อยู่ภายในห้องนี้ ก่อนที่นางจะมองไปที่มุมภาพด้านล่างเพื่อมองดูว่าชื่อผู้วาดคือใคร
เฉินปี่
พู่กันเทพ?
เพียงนามพู่กันของอีกฝ่ายก็ทำเอาหนิงเหอถึงกับหลุดขำออกมา ช่างทระนงตนยิ่ง ไม่มีความถ่อมตนเลยแม้แต่น้อย
ไม่เพียงแต่หนิงเหอเท่านั้นที่มองภาพนั้นด้วยสายตาชื่นชม แม้แต่เซียวต้าถงที่มีความชอบด้านภาพวาดและอักษร ยังมองภาพนั้นด้วยสายตาตื่นตะลึงและชื่นชมเช่นกัน
“หลงจู่ ภาพนี้ขายเท่าไหร่” เซียวต้าถงหันไปถามหลงจู่ที่เดินตามพวกเขาเข้ามาจากทางด้านหลังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
ตอนที่เขามากับสหายเมื่อวันก่อนยังไม่เห็นภาพนี้เข้ามาตั้งเอาไว้เลย นั่นหมายความว่าภาพวาดภาพนี้พึ่งจะเข้ามาตั้งแสดงไว้ที่นี่ และมันคงยังไม่มีเจ้าของ
“เรียนคุณชายเซียว ภาพวาดภาพนี้เป็นภาพที่นายท่านของเรานำมาวางเอาไว้เพื่อให้ลูกค้าได้ชมมันเท่านั้น ไม่ได้ขายขอรับ” หลงจู่ที่เดินเข้ามากล่าวตอบ
เมื่อวานนี้นายท่านเจ้าของร้านมาที่นี่ ก่อนจะให้นำภาพวาดภาพนี้มาตั้งแขวนไว้ในนี้เพื่อให้ผู้ที่ชอบผลงานศิลปะให้ชมภาพผลงานของพู่กันเทพที่ทุกคนต่างเลื่องลือกัน
เซียวต้าถงมองภาพนั้นด้วยความเสียดาย แต่ความเสียดายนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเลื่อมใสเจ้าของร้านแห่งนี้ ผลงานที่ดีเช่นนี้หากได้แบ่งบันให้ผู้อื่นได้ชื่นชม นั่นมันก็ดีกว่าที่เขาจะนำมันไปชื่นชมอยู่เพียงผู้เดียว
“หลงจู่ หากสหายของข้าต้องการนำภาพวาดมาขายให้แก่ร้านท่าน จะต้องทำสิ่งใดบ้าง?” เซียวต้าถงถามโดยไม่อ้อมค้อมทันที จุดประสงค์ที่มาในวันนี้ก็เพื่อสิ่งนี้
“เรียนคุณชายเซียว หากสหายของท่านต้องการที่จะขายภาพวาดให้แก่ทางร้านนั้น จะต้องตรวจสอบดูว่าเป็นภาพวาดของผู้ใดก่อน? แต่หากภาพวาดนั้นเป็นของผู้อื่น จำต้องมีการตรวจสอบดูว่าภาพนั้นได้มาถูกต้องหรือไม่ กระบวนการตรวจสอบค่อนข้างวุ่นวายไม่น้อย แต่หากภาพวาดนั้นเป็นภาพที่เขาเป็นคนวาดเอง จำต้องลงทะเบียนนามพู่กันเสียก่อน เพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำชื่อกัน และเป็นปัญหาในภายหลังได้ขอรับ”
หลงจู่อธิบาย
หนิงเหอที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย การที่ตรวจสอบนามพู่กันก่อนเป็นการป้องกันที่ดียิ่งสำหรับไม่ให้ผู้อื่นแอบอ้างผลงานเลียนแบบ หรือแม้แต่สวมรอยเป็นเจ้าของผลงานนั้นๆ
“หากข้าต้องการลงทะเบียนจะต้องทำเช่นไร?” เซียวต้าถงเอ่ยถามต่อ
“อย่างแรก เจ้าของผลงานตัวจริงต้องมาที่นี่ด้วย ตามด้วยผลงานหนึ่งชิ้นเพื่อลงทะเบียนกับทางร้านเราได้เลย และแน่นอนว่า ประวัติและความเป็นมาของนักวาด ทางร้านจะเก็บไว้เป็นความลับอย่างดีขอรับ…” หลงจู่กล่าวตอบ
หนิงเหอมีสีหน้าเสียดายเล็กน้อย เพราะไม่รู้ว่าที่นี่มีการลงทะเบียนด้วย นางไม่ได้วาดผลงานใดมาเลย จะลงทะเบียนนามพู่กัน คงต้องรอโอกาสหน้าแล้ว
“มีค่าใช้จ่ายหรือไม่?”
“เรียนคุณชายเซียว ไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ผลงานที่นักวาดนำมาด้วยในตอนลงทะเบียน ทางร้านจำเป็นจะต้องเก็บมันเอาไว้ เพื่อใช้ตรวจสอบลายเส้นผลงานชิ้นต่อไปขอรับ”
“งั้นก็ลงทะเบียนเลย” เซียวต้าถงตอบกลับอีกฝ่ายทันที
ทำเอาหนิงเหอที่อยู่ด้านหลังยื่นแขนออกไปกระตุกแขนเสื้อของอีกฝ่ายอย่างแรง ทำให้เซียวต้าถงหันกลับมามองที่นาง
“คุณชาย แต่ข้าไม่ได้วาดภาพมาด้วย” หนิงเหอพูดเสียงเบาพอที่จะทำให้อีกฝ่ายได้ยินกันเพียงแค่สองคน
“เจ้าไม่ได้นำมา แต่ข้านำมาด้วย อยู่นั่นไงละ” เซียวต้าถงชี้ไปที่กระบอกใส่ภาพที่อยู่ในมือของหลงจู่ หนิงเหอจำได้ว่าภาพนั้นเป็นภาพที่อีกฝ่ายจะนำมาใส่กรอบมิใช่หรือ?
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทำหน้าตาสงสัย เซียวต้าถงจึงไขข้อกระจ่างให้แก่นางได้ฟัง
“ภาพที่ข้าจะนำมาใส่กรอบก็คือภาพที่เจ้าวาดนั่นแหละ ข้าพึ่งจะมีโอกาสนำมาใส่กรอบวันนี้ ในเมื่อต้องมีภาพวาดที่มอบให้แก่ทางร้าน ก็ใช้ภาพนั้นเถอะ”
“แต่…แต่ภาพนั้นข้าได้มอบให้แก่คุณชายแล้ว” เมื่อมอบให้แก่อีกฝ่ายแล้ว ก็เป็นของอีกฝ่าย นางจะใช้ภาพนั้นได้อย่างไร
“เจ้าจะกลัวอะไร ในเมื่อเจ้าเป็นคนวาดภาพนั้นแล้ว…หากเจ้ารู้สึกติดค้างข้า เอาไว้หลังจากนี้ เจ้าวาดภาพใหม่ให้ข้าอีกสักภาพก็แล้วกัน” เซียวต้าถงยิ้มตอบนาง ก่อนจะหันไปหาหลงจู่
“หลงจู่ สหายข้าต้องการลงทะเบียนนามพู่กันแล้ว”
ที่ทั้งสองสนทนากันเมื่อครู่หลงจู่ที่ยืนอยู่ได้ยินทั้งหมด เขาจ้องมองพิจารณาเด็กหนุ่มที่ใส่ชุดบ่าวรับใช้ด้านหลังคุณชายเซียวอย่างละเอียดอีกครั้ง มองอย่างไรเด็กคนนี้ก็เหมือนเด็กฐานะต่ำต้อยคนหนึ่ง เหตุใดสามารถเป็นเพื่อนกับนายน้อยเซียวได้
แต่ถึงอย่างนั้น เอาไว้เมื่อเห็นผลงานก่อนก็แล้วกัน
“ทั้งสามเชิญนั่ง” หลงจู่พาทั้งสามคนมายังโต๊ะที่มีไว้สำหรับรับรองแขก ก่อนจะเดินไปที่โต๊ะของตนเอง เพื่อหยิบกระดาษบางอย่างออกมาสองแผ่น และยื่นให้แก่พวกเรา
“นี่เป็นสัญญาและข้อตกลงต่างๆ ท่านลองอ่านและลงลายมือชื่อของนักเขียนไว้ที่ตรงนี้ขอรับ”
เซียวต้าถงหยิบมันขึ้นมาอ่านเป็นคนแรก เพราะเขาเข้าใจว่า หนิงเหออาจจะอ่านข้อตกลงเหล่านี้ไม่เข้าใจ เพราะตัวอักษรเหล่านี้ล้วนเป็นตัวอักษรทางการซึ่งชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ได้เข้าสำนักศึกษาจะอ่านมันไม่ค่อยเข้าใจนัก และอาจจะทำให้พวกเขาเสียเปรียบในการลงนามสัญญา
เมื่ออ่านจบ เซียวต้าถงก็พยักหน้าและยื่นมันให้แก่หนิงเหอ
“ข้อตกลงเป็นธรรม เจ้าสามารถลงลายมือชื่อของตนเองได้เลย”
หนิงเหอกวาดสายตาอ่านสัญญาเพียงชั่วครู่ ก่อนจะหยิบพู่กันที่วางอยู่บนแท่นบนโต๊ะขึ้นมา ตวัดเขียนชื่อของตนเองลงไปด้วยความมั่นคง
กู้หนิงเหอ
………………………………………..
ตอนพิเศษ 5ยามจื่อ (23.00น.-00.59น.)เจิ้งหย่งซีและกู้หนิงเหอที่พึ่งจะสะสางงานของตนเองเสร็จ จึงเดินมาที่เรือนของเด็กๆ ทั้งสามคนเพื่อดูว่าพวกเขาเข้านอนกันรึยัง ก่อนจะเห็นสาวใช้ของพวกเด็กๆ กำลังช่วยกันเก็บกระดาษที่ใช้การไม่ได้แล้วออกมาด้วยฝีเท้าเบาเมื่อสาวใช้เห็นทั้งสองคนก็รีบย่อกายเคารพทั้งสอง“พวกเด็กๆ ยังไม่นอนหรือ?” เจิ้งหย่งซีถามสาวใช้ทั้งสองด้วยความแปลกใจ เพราะเวลานี้เองก็ดึกมากแล้ว พวกเด็กๆ ควรจะนอนได้แล้ว“ท่านอ๋องน้อยทั้งสองกับท่านหญิงกำลังคัดอักษรกันอยู่เจ้าค่ะ แต่ข้าน้อยเห็นว่าทั้งสามก็เริ่มง่วงกันบ้างแล้ว จึงแอบหยิบกระดาษเหล่านี้ออกมาจัดการก่อนเจ้าค่ะ”สาวใช้คนหนึ่งรีบรายงานเจิ้งหย่งซีที่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าให้ทั้งสอง ก่อนจะโบกมือให้อีกฝ่ายไปจัดการงานของตนเองส่วนตัวเขาและกู้หนิงเหอก็เดินเข้าไปที่ตัวเรือนด้านในเพื่อดูลูกๆ ของตนเองแต่เมื่อเข้าไปด้านในก็ต้องเบาฝีเท้าของตนเองลงเล็กน้อย เมื่อเห็นว่า เจ้าหัวผักกาดน้อยทั้งสามคนตอนนี้ ต่างหลับคาโต๊ะหนังสือไปเรียบร้อยแล้วโดยที่เจิ้งเลี่ยงหรูและเจิ้งเลี่ยงหลิงหน้าฟุบลงที่โต๊ะหนังสืออยู่ ส่วนเจิ้งหลงเป่าตอนนี้นอนแผ่หลาอยู่ที่พื้
ตอนพิเศษ 4“ไทเฮา พะยะค่าาาา”ขณะที่ผู้ใหญ่กำลังพูดคุยกันอยู่ในห้องโถง เสียงเล็กๆ ของเจ้าแฝดคนหนึ่งก็ดังขึ้น โดยที่เสียงมาก่อนตัวคนเสียอีกไม่ต้องเดาทุกคนที่อยู่ภายในห้องก็รู้ว่าเป็นแฝดคนไหนเจิ้งหลงเป่าวิ่งตุ๊ต๊ะเข้ามาทันทีที่สิ้นเสียง เพียงผ่านธรณีประตูเพียงก้าวเดียว เมื่อเห็นว่ามีใครอยู่ภายในห้องโถงบ้าง เจ้าตัวก็ยิ้มแฉ่งจนสามารถเห็นฟันครบทุกซี่“หลงเป่า อาบน้ำเสร็จแล้วหรือ? มานี่สิ ให้ข้าดมดูหน่อยว่ายังเหม็นอยู่หรือไม่” เมื่อเห็นหลานชายตัวเล็กวิ่งเข้ามา ไทเฮาก็กล่าวกับเขา พร้อมอ้าแขนทั้งสองข้างเพื่อรอรับอีกฝ่ายโถมตัวเข้ามาหาทันทีเจิ้งหลงเป่าเองก็ไม่ทำให้อีกฝ่ายผิดหวัง เขารีบวิ่งไปหาหญิงชราที่ตนเองเรียกว่าไทเฮาทันที เพื่อให้อีกฝ่ายได้พิสูจน์ว่าตัวเขาไม่เหม็นแล้วอีกต่อไปฟืดดด“อ่าา หลงเป่าไม่เหม็นแล้วจริงๆ ด้วย” ไทเฮากล่าวกับเขาอย่างอ่อนโยน นางมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับเจ้าแฝดทั้งสามคน อาการเจ็บป่วยที่มักจะเป็นอยู่บ่อยๆ ยามอยู่ในวังหลวง แต่เมื่อมาเห็นหน้าของทั้งสามแล้วคล้ายกับว่านางลืมความเจ็บป่วยของตนเองไป“หลงเป่าไม่เหม็นแล้ว เช่นนั้นคืนนี้ให้หลงเป่านอนกับท่านดีหรือไม่พะยะค่ะ” เ
ตอนพิเศษ 3ส่วนลูกชายคนโตของนาง หรือแฝดคนที่สอง เจิ้งเลี่ยงหลิง (แปลว่า ระฆังที่ส่องสว่าง)ลูกชายคนนี้ของนางเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียบร้อยมาก หากเปรียบเทียบกับน้องชาย คนภายนอกอาจจะคิดว่าเจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ว่าง่ายและอยู่ในโอวาท พวกเขาคิดผิด!!!เจิ้งเลี่ยงหลิงเป็นเด็กที่ค่อนข้างดื้อเงียบ เจ้าคิดเจ้าแค้นและเป็นเด็กขี้รำคาญ ครั้งหนึ่งที่เจิ้งหลงเป่าแอบเอาพู่กันของเขาไปเล่นและเขาจับได้ เขาไม่ได้เปิดโปงและต่อว่าเจิ้งหลงเป่าทันที แต่วันต่อมาเจิ้งหลงเป่าก็ต้องร้องไห้ออกมาเสียงดังเพราะ ตุ๊กตาหุ่นไม้ของรักของหวงของเขา อยู่ๆ ชิ้นส่วนต่างๆ ก็หลุดกระจายออกมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำให้เจิ้งหลงเป่าเศร้าเสียใจอยู่หลายวันทีเดียวตอนแรกนางก็เพียงคิดว่าอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เมื่อพ่อบ้านเฉินที่คอยดูแลพวกเขามารายงานนาง ก็ทำเอานางและสามีถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว“ตุ๊กตาหุ่นไม้ของท่านชายรองมีร่องรอยของการแกะแยกชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อออกไปขอรับ ทำให้เมื่อคุณชายจับหุ่นไม้ขึ้นมา มันจึงมีชิ้นส่วนกระจัดกระจายออกไป…ข้าสอบถามองครักษ์เงาที่ดูแลแล้ว พบว่าเป็นฝีมือของท่านอ๋องน้อยขอรับ”“จะเป็นไปได้อย่างไร เจิ้งเลี่ย
ตอนพิเศษ 2ตอนแรกเขาคิดว่าขอเพียงท่านแม่ตำหนินิดหน่อยก็ไม่น่าเป็นอะไรแล้ว แต่ดูจากสีหน้าท่านแม่ตอนนี้ที่ยังนิ่งเงียบอยู่ เจิ้งหลงเป่าก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมา แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด อยู่ๆ เขาก็รู้สึกแสบจมูกแสบตาขึ้นมาเล็กน้อยอย่างห้ามไม่อยู่ น้ำตาหยดใสๆ ก็เริ่มไหลรินออกมา“อึก ฟืดด” เจิ้งหลงเป่าก้มหน้าร้องไห้อยู่เงียบๆ เขารีบใช้แขนเสื้อของตนเองเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาทำเอาพ่อบ้านเฉินที่ยืนอยู่รู้สึกปวดใจมากเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าออกหน้ามาช่วยท่านชายรองของตนเอง“เจ้ารู้หรือไม่ว่าตนเองมีความผิดอะไร?” กู้หนิงเหอยังฝืนใจทำน้ำเสียงนิ่งเรียบกล่าวถามอีกฝ่ายเจิ้งหลงเป่าที่ได้ยินเช่นนั้นก็ผงกหัว พร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกผิดเอง ลูกไม่ตั้งใจคัดอักษรอยู่ในห้องกับพวกท่านพี่ และยังแอบมาเล่นในสวนโดยที่ไม่ได้บอกสาวใช้ตนเอง”กู้หนิงเหอมองลูกชายคนเล็กของตนเองสำนึกผิดด้วยความปวดใจ นางเองก็ทำโทษเขารุนแรงไม่ลงเช่นกัน แต่หากครั้งนี้ยังไม่ทำโทษเขาอีก เขาก็จะได้ใจไปเรื่อยๆบรรยากาศภายในสวนเป็นไปอย่างเคร่งเครียดในตอนนั้นเองที่ด้านหน้าประตูทางเข้าสวนมีความเคลื่อนไหว พร้อมกับกลุ่มผู้สู
ตอนพิเศษ1ณ ดินแดนเหนือแห่งแคว้นเป่ยเอี้ยนแม้ตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน แต่อากาศในช่วงเช้ามืดของที่นี่ก็มีสายลมเย็นเอื่อยเฉื่อยพัดผ่านอยู่ตลอดเวลา ร้านรวงต่างๆ เริ่มเปิดหน้าร้านเพื่อต้อนรับลูกค้าในยามเช้าแล้วเสียงของเจ้าของร้านต่างทักทายเหล่าผู้พิทักษ์ความสะอาดตัวน้อยทั้งหลาย ที่ออกมากวาดถนนหนทางในเมืองให้แก่พวกเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและโอบอ้อมอารี“อรุณสวัสดิ์ เถ้าแก่จ้าว” เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งกล่าวทักทายเจ้าของร้านแพรพรรณที่ออกมาเปิดร้านของตนเอง“อรุณสวัสดิ์ วันนี้ก็ฝากด้วยนะ” เฒ่าแก่จ้าวขานรับเด็กๆ“เจ้าค่ะ/ขอรับ” เด็กๆ_ที่มีไม้กวาดอยู่ในมือทั้งหลายตอบรับเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสผู้คนที่เคยมาเยือนเมืองเหนือแห่งนี้หลายครั้งจะเห็นภาพเหล่านี้ด้วยความชินตา แต่สำหรับผู้ที่เคยเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกต่างประหลาดใจกับการทักทายเช่นนี้เป็นอย่างมากตอนนี้แดนเหนือที่เคยเป็นสถานที่ของเหล่าขอทานและเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน กลับกลายเป็นสวรรค์บนดินที่ไม่ว่าใครก็อยากมาเที่ยวที่แห่งนี้สักครั้งในชีวิตโดยเฉพาะการได้แช่บ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติของที่นี่ เป็นสิ่งที่แต่ละคนที่ได้แช่มันก่อนกลับไป_แล้วจะไปเล่าต
ตอนที่ 136 ยินดี (จบ)“พระชายา คือว่า…”“ข้าจะคลอดเขาให้ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม… ท่านเตรียมตัวเถอะ” กู้หนิงเหอกล่าวตัดบทกับอีกฝ่าย ก่อนจะหลับตาลงเพื่อเรียกแรงของตนเองกลับมาอีกครั้ง บ่งบอกว่านางจะทำตามที่นางพูดจริงหมอหลวงเกาที่ได้ยินดังนั้นก็เดินออกจากเรือนเพื่อไปเตรียมสมุนไพรด้วยตนเองแอ๊ดดเพียงเปิดประตูออกก็พบชินอ๋องที่ยืนอยู่ เจิ้งหย่งซีรีบเข้ามาถามอีกฝ่ายด้วยความร้อนใจ“หนิงเหอเป็นอย่างไรบ้าง?”หมอหลวงเกามองหน้าอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ก่อนจะรายงานอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว“เรียนท่านอ๋อง ในครรภ์ของพระชายายังมีเด็กอยู่อีกหนึ่งคนขอรับ และพระชายาเลือกที่จะคลอดเด็กออกมาให้ได้”เจิ้งหย่งซีและคนอื่นๆ ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ต่างตื่นตะลึงและลุกขึ้นเดินมาหาเขาอีกที“ข้าจำเป็นต้องต้มยาขับเลือดเพื่อให้คลอดเด็กคนที่สามออกมาได้โดยไว ไม่เช่นนั้นอาจเป็นอันตรายกับทั้งสองได้”“นางจะเป็นอันตรายหรือไม่?”เจิ้งหย่งซีถามอีกฝ่ายด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้ออีกฝ่าย ทำให้หมอหลวงเกาไม่อาจตอบคำถามอีกฝ่ายได้ในตอนนั้นเอง หมอหลวงลู่ก็ได้เดินออกมา“หมอหลวงเกา ท่านไปต้มสมุนไพรเถิด… ท่านอ๋อง พระชายามีคำพูดหนึ่