Share

บทที่ 13

Author: หูเทียนเสี่ยว
ตำหนักหย่งโซ่ว

เมื่อครึ่งเดือนก่อน ไทเฮาจู่ ๆ ก็ล้มป่วยลงอย่างกะทันหันและตกอยู่ในอาการขั้นร้ายแรง

เมื่อฮองเฮาพาคนมาที่ตำหนักหย่งโซ่ว แม่นมยวี่ที่อยู่เคียงข้างไทเฮาก็ระมัดระวังมากขึ้น

เมื่อนางรู้ว่า จั๋วซือหรานมาที่นี่เพื่อวินิจฉัยและรักษาไทเฮา ดวงตาของแม่นมยวี่เป็นประกาย แต่ก็หรี่ลงอย่างรวดเร็ว

ฮองเฮาจะใจดีขนาดนี้ได้อย่างไร

นางยังเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณหนูจั๋วจิ่วมาก่อน คนเล่ากันว่า คุณหนูจั๋วจิ่วมีความอัจฉริยะ แต่น่าเสียดายที่คุณหนูจั๋วจิ่วเป็นคนของตระกูลจั๋ว มีใครหรือที่มิทราบว่า แท้จริงแล้วตระกูลเหยียนเป็นหมอเทวดาตั้งแต่บรรพบุรุษหรือ ตระกูลจั๋วไม่เคยมีใครรับตำแหน่งเป็นคุณหมออย่างจริงจังเลย

เหยียนชาง ผู้เป็นหัวหน้าของห้องหมอหลวงยืนอยู่ข้าง ๆ "จั๋วจิ่ว เจ้าพูดเบาเลยนะ เจ้ามีวิชาหมอด้วยหรือ"

เขาเชื่อจั๋วจิ่วไม่มีปัญญารักษาไทเฮาได้ และเนื่องจากเรื่องอื้อฉาวเมื่อไม่นานมานี้ เหยียนชางดูถูกจั๋วซือหรานอย่างมาก

จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า "ข้าพอรู้มานิดหน่อย ขอแสดงฝีมืออันน่าอับอายเสียหน่อย"

นางยกแขนเสื้อขึ้นแล้วยื่นมือออก มือของนางขาวราวหยก นิ้วของนางอยู่ห่างจากผิวหนังข้อมือของไทเฮาประมาณหนึ่งนิ้ว นางหยุดนิ่ง

ทันทีที่การเคลื่อนไหวหยุดลง สีหน้าของเหยียนชางก็เปลี่ยนไปทันที

แม้แต่เหยียนฉีที่เพิ่งเข้ามา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มตกตะลึงไปครู่หนึ่ง "นางทำได้อย่างไร..."

มีคนตกใจและพูด "นั่นเป็นวิชาการตรวจชีพจรโดยไม่สัมผัสผิวหนังมิใช่หรือ"

วิชาการตรวจชีพจรโดยไม่สัมผัสผิวหนังเป็นวิธีการวินิจฉัยชีพจรของบรรพบุรุษของตระกูลเหยียน และผู้ที่ได้รับการยกย่องจากตระกูลเท่านั้นถึงมีโอกาสเรียนวิชาการตรวจชีพจรโดยไม่สัมผัสผิวหนัง

แต่นางเป็นลูกสาวของตระกูลจั๋ว นางเป็นได้อย่างไร

ร่องรอยของความตื่นตระหนกแวบขึ้นมาในดวงตาของเหยียนชาง จั๋วจิ่วมีทักษะความสามารถหมอจริงหรอกนะ

ใบหน้าที่สง่างามของฮองเฮาก็มีสีหน้าแข็งทื่อเช่นกัน ฮองเฮาคิดในใจ แย่แล้ว หากนางรักษาหญิงชราคนนี้ได้จริง ๆ...

จั๋วซือหรานสังเกตแววตาที่แม่นมยวี่มองฮองเฮา นางสังเกตถึงสีหน้าอันแข็งทื่อของฮองเฮาในขณะนี้ด้วย

ดูท่าที ความเจ็บป่วยของไทเฮาอาจมีบางสิ่งซ่อนอยู่เบื้องหลัง

เวลาผ่านไปไม่มาก จั๋วซือหรานก็หยุดนิ้วของนาง ซึ่งแตกต่างไปจากที่นางคาดไว้อย่างสิ้นเชิง ไทเฮาไม่ได้ป่วย แต่ไทเฮาถูกยาพิษเรื้อรัง ด้วยเหตุนี้ ไทเฮาจึงสลบมิได้สติจนถึงตอนนี้ หากมิได้รับการรักษาอีก อวัยวะภายในคงเสียหมด จนกระทั่งเสียชีวิตแน่ ๆ

เมื่อแม่นมยวี่เห็นนางหยุด แม่นมยวี่รีบถาม "คุณจั๋วจิ่ว เป็นอย่างไรบ้าง ช่วยรักษาอาการป่วยของท่านได้หรือไม่"

จั๋วซือหรานยิ้มเบา ๆ และตอบ "ข้าทำได้"

เมื่อจั๋วหรูซินเห็นจั๋วซือหรานใช้วิชาการตรวจชีพจรโดยไม่สัมผัสผิวหนัง นางตื่นตระหนกอย่างมาก เวลานี้ นางรีบพูด "หมอหลวงในวังยังรักษาความเจ็บป่วยของไทเฮามิได้เลย เจ้าไม่เคยเรียนทักษะสำหรับทางการรักษาใด ๆ วันนี้เจ้าจะรักษาได้อย่างไร อย่าอวดอีกเลย อาการของไทเฮาให้เจ้าเสียเวลามิได้”

เหยียนชางยิ้มอย่างแข็งขัน "ใช่สิ คุณหนูจิ่วโปรดอย่าทำให้อาการของไทเฮาเลวร้ายไปกว่านี้"

ฮองเฮาค่อนข้างสงบอารมณ์ได้ "เอาล่ะ แม่นางจั๋วจิ่ว เจ้าแค่อยากได้พระราชโองการการหมั้นระหว่างเจ้าและท่านอ๋องเฟิงไม่ใช่หรือ ข้าจะเสนอเรื่องนี้ต่อฝ่าบาท อย่าเอาอาการของไทเฮามาเล่นหรอกน่ะ"

เฟิงเหยียนยืนอยู่ด้านหลังสุด เขามองคนหน้าซื่อใจคดเหล่านี้ด้วยสายตาเย็นชา เมื่อเขาได้ยินคำพูดของฮองเฮา มุมปากของเขาก็โค้งงอแหลมคม และสีหน้าของเขาก็เย็นชาทันที

เดิมทีเขาไม่สนใจความลับของการสมรู้ร่วมคิดของราชวงศ์เหล่านี้ แต่หากฮองเฮากล้าใช้เรื่องส่วนตัวของเขาเป็นเครื่องต่อรอง ก็อย่าตำหนิเขาหาเรื่องละกัน

ขณะที่เฟิงเหยียนกำลังจะพูด เขาก็เห็นหญิงสาวสวยที่สวมชุดขาวยิ้มหวาน แววตาของนางเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์และความเย่อหยิ่ง ราวกับว่านางไม่สนใจคำพูดของคนข้างกายของนางเลย

จั๋วซือหรานรู้ดี นางอาจเข้าไปพัวพันกับเรื่องส่วนตัวของราชวงศ์ นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้น แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่นางต้องยอมรับว่านางไม่เก่งด้านการแพทย์

จั๋วซือหรานพูด "พวกท่านไม่จำเป็นต้องรีบหาข้ออ้างให้ข้า หากข้ารักษาไทเฮามิได้ ข้าจะยอมรับการลงโทษโดยสมัครใจ แส้หนามของตระกูลจั๋วยังไม่สารมาถทำให้กระดูกสันหลังของข้าหัก จะมีกลอุบายใหม่อะไรล่ะที่สามารถหักกระดูกสันหลังของข้าได้"

ขณะที่นางพูด ไม่มีใครสังเกตเข็มทองคู่หนึ่งปรากฏขึ้นในมือของนางได้เมื่อไร

จั๋วซือหรานเองก็ประหลาดใจเช่นกัน เพราะนางนึกว่าแหวนเสวียนเหยียนนหายไปแล้ว แต่แหวนเสวียนเหยียนปรากฏขึ้นในมือของนางอย่างกะทันหัน จากนั้น นางแอบสั่งในใจและหยิบเข็มทองออกมา

ไม่มีใครมีเวลาสังเกตแหวนสีแดงเข้มบนนิ้วชี้ของนาง

ทุกคนเห็นแต่นางเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วปาน เพียงหายใจไม่กี่ครั้ง นางก็เจาะเข้าเข็มไปในจุดฝังเข็มของไทเฮาหลายตำแหน่ง เหลือเพียงหางของเข็มที่สั่นเล็กน้อย

แม่นมยวี่ตื่นเต้น ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตา และนางรีบคุกเข่าลงต่อหน้าจั๋วซือหราน "หากแม่นางรักษาไทเฮาได้ ข้าจะยอมทำทุกอย่างให้เจ้า"

"กึ่ก--!"

ทุกคนตกใจและหายใจเข้าลึก ๆ วิชาการตรวจชีพจรโดยไม่สัมผัสผิวหนังที่จั๋วซือหรานแสดงก่อนหน้านี้ เมื่อรวมกับวิชาการฝังเข็มนี้ แสดงให้เห็นว่า นางไม่ใช่รู้แค่ผิวผืนของการแพทร์

เหยียนชางรีบขยิบตาให้ฮองเฮา

ฮองเฮาดุด้วยน้ำเสียงทุ้มทันที “จั๋วซือหราน เจ้าบังอาจ เจ้าไม่มีแม้แต่ป้ายประจำหมอ แต่เจ้ายังกล้าฝังเข็มให้ไทเฮาอีก เจ้ารู้ผิดหรือไม่”

จั๋วซือหรานพูด "หากหม่อมฉันรักษาไม่ได้ ท่านจะลงโทษหม่อมฉัน ก็ไม่สายเพคะ"

“เจ้า” ฮองเฮาเหลือบมองผู้หญิงผมขาวที่นอนอยู่บนเตียง “เห็นได้ชักว่า เจ้าทำพลาดไปแล้ว ไทเฮาไม่ได้ดีขึ้นเสียหน่อย”

จั๋วซือหรานเหลือบมองนางและเหยียนชาง จากนั้นยกมุมปากของขึ้น ดูเหมือนมือของนางไร้เรี่ยวแรง นางยืนมือปัดแข็มทอง

ขณะที่นางปัด เหยียนชางตกใจจนม่านตาของเขาเปิดกว้างขึ้น เป็นไปได้อย่างไร

เฟิงเหยียนเลิกคิ้วเล็กน้อย มองดูเหยียนฉีด้วยความสนใจ และถามว่า "นี่เป็น...ของตระกูลเจ้ามิใช่หรือ"

เหยียนฉีจ้องมองการเคลื่อนไหวของหญิงสาว ดวงตาของเขามีประกายแวววาว “วิชาการกระตุ้นเข็มทางอากาศ นางรู้วิชาการตรวจชีพจรโดยไม่สัมผัสผิวหนัง ยังไม่เป็นไร แต่นางรู้วิชาการกระตุ้นเข็มทางอากาศด้วย จั๋วจิ่วเป็นใครกันแน่ เคยถูกทำร้ายด้วยเสน่ห์หนอนพิษกู่มา แล้วเก่งทุกเรื่องเลยหรือ"

หลังจากนั้นไม่นาน

“เอิ่ม...แค่ก แค่ก แค่ก แค่ก”

ผู้หญิงผมขาวที่ยังคงหมดสติและไม่เคลื่อนไหว เวลานี้ จู่ ๆ ไอขึ้นมาอย่างรุนแรง

แม่นมยวี่คุกเข่าลงและขยับตัวไปที่ข้างเตียง น้ำตาไหลอาบแก้ม “ไทเฮา ไทเฮา ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว”

ไทเฮามีอาการไออย่างหนัก ดูเหมือนนางอยากไอปอดออกมาให้ได้ หลังจากนางพ่นเลือดสีดำออกมาสองสามคำ สีหน้าของนางจึงค่อย ๆ ดีขึ้น

“ไทเฮาถูก...ถูกวางยาพิษ...”

ไม่รู้ใครเป็นคนพูดประโยคนี้

ราวกับว่าชี้ให้เห็นสิ่งที่ไม่ควร ทันใดนั้นบรรยากาศในห้องก็เงียบ

ฮองเฮาเดินไปที่เตียง เวลานี้นางมีสีหน้าซีดเซียว นางกล่าว“ในที่สุดเสด็จแม่ฟื้นแล้ว หม่อมฉันจะให้คนไปแจ้งฝ่าบาทเดี๋ยวนี้ หากท่านได้ข่าว ต้องดีใจอย่างยิ่ง”

ดวงตาของไทเฮายังมึนงงเล็กน้อย แต่นางก็ฟื้นคืนความสงบอย่างรวดเร็ว นางเหลือบมองไปผู้คนจำนวนมากที่อยู่ในตำหนักของนาง

จากนั้นนางถามแม่นมยวี่ด้วยน้ำเสียงมั่นคงว่า “ข้าหลับไปนานเท่าไรแล้ว”

แม่นมยวี่ร้องไห้ "ไทเฮา ท่านสลบมาครึ่งเดือนแล้ว หมอหลวงในวังจนปัญญารักษา หากไม่ใช่เป็นเพราะแม่นางจิ่วของตระกูลจั๋วมีพรสวรรค์ขั้นเทพ คงจะแย่"

ดวงตาของไทเฮาเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย แต่ในที่สุดนางสงบอารมณ์ลง

เมื่อมองไปที่จั๋วซือหราน ดวงตาของนางก็อ่อนโยนมาก "เจ้าช่วยข้าไว้หรือ"

“หม่อมฉันเพียงฝังเข็มเท่านั้น ที่จริงเพราะท่านมีบุญวาสนาล้นฟ้า” จั๋วซือหรานกล่าว

แม่นมยวี่เช็ดน้ำตาแล้วพูดว่า "ไทเฮา แม่นางจั๋วจิ่วได้ขอฮองเฮาประทานพระราชโองการการหมั้นเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการรักษาท่าน"

ไทเฮามองฮองเฮาโดยไม่ให้คนอื่นสังเกต “เหตุใดต้องรบกวนฮองเฮา ข้าประทานพระราชโองการกาสมรสแก่เจ้าเอง”

ไทเฮาเม้มริมฝีปากแล้วถามจั๋วซือหราน “เจ้าอยากแต่งงานกับผู้ใด”

ครึ่งเดือนที่แล้ว เมื่อไทเฮายังไม่หมดสติ นางได้ยินว่าจั๋วซือหรานเต็มใจที่จะต่อต้านครอบครัวเพื่อครองคู่กับบัณฑิต จากนั้นไทเฮาก็ตกอยู่ในอาการหมดสติ และไม่รู้เรื่องภายหลังของจั๋วซือหราน

ดังนั้นไทเฮาจึงคิดว่า "กับบัณฑิตผู้นั้นหรือ"

แม่นมยวี่รีบไปข้างหูของไทเฮาและเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ให้ไทเฮาฟัง ไทเฮารู้ทุกเหตุการณ์ "เป็นเช่นนี้เอง เช่นนั้นวันนี้เจ้าและท่านอ๋องเฟิงต่างมาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าขอตัดสินใจว่า... "
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Fonnyna Fon
เนื้อเรื่อง สนุก แต่ปลได้ห่วยมาก
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1401

    ชิ่งหมิงได้ยินคำนี้ สายตาก็ชะงักไปตอนที่เงยหน้าขึ้นมองปันอวิ๋น ก็ไม่ได้รู้สึกตกตะลึงอะไร ดูสงบนิ่งมาก "ฝีมือก็ดีขึ้นมากจริงๆ เพียงแต่ว่า...ข้ากับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันมากมายนัก"ปันอวิ๋นไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้ เขาโบกไม้โบกมือ "ไม่เป็นไร ถึงยังไงพวกเราก็ไม่ได้มีพ่อที่ดีกันนักหรอก"จั๋วซือหรานขมวดคิ้วมองเขา "เจ้ามองออกตั้งแต่เมื่อไรกัน?""ข้าไม่ได้ตาบอดนะ เหล่าจวงเองก็แอบมองจวงชิ่งหมิงอยู่ตลอด ทั้งสองคนสกุลจวงเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้นในแววตาของเหล่าจวงกับจวงชิ่งหมิงก็คล้ายคลึงกันด้วย แค่มองเฉยๆ อาจไม่รู้สึก แต่ถ้าสองคนอยู่ในภาพเดียวกัน ก็จะสัมผัสได้เลย"ปันอวิ๋นบางครั้งดูแล้วก้เหมือนเป็นคนขี้เกียจที่เหมือนไม่ใส่ใจกับอะไรเลยแต่อันที่จริง เขาเป็นคนละเอียดอ่อนและเฉียบแหลมมากมีหลายเรื่อง ที่แม้เขาจะไม่พูด แต่อันที่จริงในใจก็รู้แจ้งเห็นจริงทุกอย่างปันอวิ๋นเอ่ยต่อ "ไม่เป็นไร ถ้าไม่ชอบฟังคราวหลังจะไม่พูดอีก"แต่เขาคิดๆ จากนั้นก็เสริมมาอีกคำหนึ่ง "น่าจะเพราะว่า ข้ากับเฟิงเหยียนแต่ก่อนรู้ว่าตนเองต้องแบกภาระโชคชะตาแบบไหนไว้ ดังนั้นจึงค่อยๆ ปรับความเข้าใจกับตนเอง จะพูดถึงยังไงก็ได้

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1400

    ถึงยังไงการทำงานในโรงคณิกา บ่อยครั้งที่จะตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกแม่เล้ากลอกตาไปมา "ทั้งสามท่านมาที่นี่เพื่อหาความสำราญแบบใดหรือ? เคาะประตูดีดีก็พอนี่นา ไม่เห็นต้องพังประตูใหญ่แบบนี้..."นางจ้องปันอวิ๋นไม่วางตา "แขกท่านนี้ต้องการจะฟังดนตรี หรือจะค้างคืนกันล่ะ? ต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่ม?"ปันอวิ๋นฟังครึ่งประโยคแรก ก็ขมวดคิ้วแล้ว พอได้ยินครึ่งประโยคหลังก็หนักเลย "อะไรนะ?"แม่เล้าเห็นความเย็นชาในสายตาเขา ก็รู้สึกสันหลังวาบ สั่นเทาไปทั้งตัวจั๋วซือหรานที่อยู่ข้างๆ ฟังแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ ปันอวิ๋นหน้าตาดี ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นความงามเฉพาะตัวด้วย บุคลิกเย้ายวนชวนหลงใหลแต่กำเนิดนั่น ก็ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะอดคิดไม่ได้ว่าเขาจะต้องการแม่นาง...หรือว่าต้องการชายหนุ่มกันแน่...จั๋วซือหรานกระแอมแล้วอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เอ่ยขึ้นว่า "...แค่ก พวกเรามากินข้าวน่ะ พวกเจ้าที่นี่มีกับข้าวและสุราอะไรที่อร่อยก็ยกมาให้หมดเลย"หลังจากที่แม่เล้าได้ยิน เดิมทียังคิดจะถามอยู่ว่าพวกเขาต้องการแม่นางหรือชายหนุ่มไหม แต่ก็รู้สึกว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะเหมือนว่าตนเองเบื่อชีวิตแล้วก็เลยอ้าปากพะ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1399

    ทั้งซื่อหนานล้วนเป็นขอบเขตขั้วอำนาจของเนี่ยคุน ดังนั้นข่าวของบ่อนพนัน ไม่นานนักก็ส่งไปถึงหูของเนี่ยคุนแล้วเขาโมโหจนแทบกระอักเลือด!ใครจะคิดว่าหญิงสาวคนนี้ เอาจวนของเขาไปแล้วก็ยังไม่พอตอนนี้ยังคิดจะทำลายกิจการของเขาอีก!เนี่ยคุนทำได้แค่รีบกำชับออกไป "หญิงสาวคนนี้น่าจะจงใจเล่นงานข้า เร็ว กำชับออกไป ให้โรงคณิกาทางนั้นวันนี้ปิดประตูไม่รับแขก จะได้ไม่ให้นังมารร้ายนั่นพอเบื่อบ่อนพนันแล้วหันไปเล่นทางโรงคณิกาต่อ"คนใช้รู้สึกว่าเนี่ยคุนจะคิดมากเกินไป "ท่านเจ้าเมือง คงไม่หรอกกระมัง? นางเป็นหญิงสาวนะ จะไปโรงคณิกาทำไมกัน..."นั่นมันที่ที่ชายหนุ่มไปเล่นกับหญิงสาวนะ!เนี่ยคุนหัวเราะเย็นชา "นางเป็นโหว ขนาดบ่อนพนันยังไปได้ ยังมีเรื่องอะไรที่นางไม่กล้าทำอีกกัน...?"ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกเขาว่า หญิงสาวคนนี้บินได้!เนี่ยคุนก็อาจจะรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรด้วยซ้ำ!ส่วนอีกด้านหนึ่ง จั๋วซือหรานก็พาปันอวิ๋นกับชิ่งหมิงมาอยู่หน้าประตูโรงคณิกาอย่างสบายอารมณ์"เจ้ามาจริงๆ ด้วยแฮะ" ปันอวิ๋นขมวดคิ้ว จมูกก็ย่นลง เหมือนได้กลิ่นเครื่องประทินเข้มข้นลอยออกมาจากในโรงคณิกา"เจ้าเด็กนี่ยังเด็กอยู่เลยนะ" ป

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1398

    "ได้"จั๋วซือหรานมองเขา ถามขึ้นว่า "ถ้างั้น ใครจะมาเขย่าล่ะ?"ผู้ดูแลเอ่ยขึ้น "ข้า ข้าเอง ข้าเขย่าเอง...ข้าเขย่าเสร็จจะปล่อยมือทันที ไม่มีโอกาสทำอะไรแน่นอน!"จั๋วซือหรานพยักหน้ายิ้มๆ "ได้ได้ งั้นเจ้าเขย่าเลย"ผู้ดูแลให้คนเอากระบอกเขย่าลูกเต๋ามาด้านในมีลูกเต๋าไม้สามลูกวิธีการก็เหมือนกับกติกาในชาติที่แล้วของจั๋วซือหราน เป็นวิธีเล่นที่ง่ายที่สุดจริงๆจั๋วซือหรานไม่ได้ติดใจที่จะเล่นกับเขาสักตา ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเขามือสะอาดจริง ชนะก็ชนะแพ้ก็แพ้ นางก็ไม่ใช่จะเล่นไม่ได้แต่ใครจะรู้ ว่าก็ยังมีวิะีการโกงอยู่จริงๆคนผู้นี้น่าจะรู้สึกว่าตัวเขามั่นในใจในแรงควบคุมลูกเต๋าเป็นพิเศษ ดังนั้นพริบตาที่นางตอบตกลงให้เขามาเขย่าลูกเต๋า บนหน้าเขาก็มีสีหน้าถอนใจโล่งออกมาอย่างชัดเจนมันชัดเสียจนทำให้จั๋วซือหรานมองข้ามไปไม่ได้เลยจั๋วซือหรานดูท่าทางเขย่าลูกเต๋าของเขา น่าจะเป็นท่าทางบวกกับการสร้างขึ้นเป็นพิเศษของลูกเต๋า ดังั้นพอรวมกับการเคลื่อนไหวที่พิเศษของเขา สามารถหมุนไปตามที่เขาคิดได้และสามารถทำให้เขาได้แต้มที่เขาต้องการแม้จั๋วจะไม่ได้ดูล้ำสมัยเหมือนพวกอุปกรณ์การพนันที่จั๋วซือหรานรู้ในชาติ

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1397

    น่าจะเพราะกลุ่มของหญิงสาวคนนี้ พอเข้ามาถึงก็มีแรงคุกคามมหาศาลกระทั่งท่าทีของผู้ดูแลที่มีต่อพวกเขาก็ยังหวาดหวั่นมากเขาเป็นแค่คนแจกไพ่ แน่นอนว่าไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามแต่ก็ไม่กล้ามองสายตาของผู้ดูแลด้วย จึงทำได้แค่เปิดไพ่อย่างว่าง่ายไปจั๋วซือหรานจึงชนะสองตาของผู้ดูแลดำเมี่ยมไปแล้ว ถ้าปล่อยให้นางชนะต่อไป...แล้วยังมีสหายที่เก่งกาจเรื่องพนันของนางกวาดเรียบที่โต๊ะอื่นด้วยแบบนี้ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้พวกนางไม่เอาชีวิตเขา หลัจากนี้เนี่ยคุนก็เล่นเขาตายอยู่ดีดังนั้นสีหน้าผู้ดูแลจึงบิดเบี้ยวขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังกลัดกลุ้มกับเรื่องที่ตัดสินใจได้ยากมากมองออกว่าค่อนข้างลำบากใจแล้วจั๋วซือหรานยืนขึ้นมา เดินไปทางโต๊ะของปันอวิ๋น บอกกับเขาว่า "เอาล่ะ พอจบตาของเจ้าแล้ว พวกเราก็พอเถอะ"ปันอวิ๋นมองตั๋วทองบนมือจั๋วซือหราน ตาก็เป็นประกาย "ถ้างั้นข้าก็ชนะแล้วสิ?"จั๋วซือหรานยิ้มๆ "ได้ได้ ข้ายอมแพ้แล้ว"เดิมทีนางก็ไม่คิดจะเอาชนะปันอวิ๋นอยู่แล้ว ก็แค่ให้เขาได้เป็นพ่อทูนหัวอย่างสมใจอยากก็เท่านั้นเห็นท่าทางนี้ของเขา จั๋วซือหรานรู้สึกว่าเขาน่าจะไม่คิดมีลูกหลานสืบทอดอะไรแล้วเห

  • ยอดหญิงแกร่งของเฟิงอ๋อง   บทที่ 1396

    "เอาล่ะไม่พูดแล้ว ข้าต้องรีบหน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวปันอวิ๋นได้ชนะพอดี เขาดูแล้วก็ไม่ใช่พวกเคี้ยวง่ายด้วยนี่สิ"ไม่นานนักบรรยากาศในบ่อนพนันก็ผิดปกติไปแล้วโต๊ะที่ปันอวิ๋นอยู่ อารมณ์ของทุกคนก็เหมือนจะไม่ไหวแล้ว...ไม่มีใครรู้ว่าชายหนุ่มหน้าตางดงามคนนี้ทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงราวกับมีเนตรสวรรค์อย่างไรอย่างนั้น ไม่แพ้เลยสักตาเดียว?ส่วนหญิงสาวที่อยู่อีกโต๊ะคนนั้นเองก็สุดยอดมาก...ไม่แพ้เลยสักครั้งเดียวเหมือนกันแต่พวกเขาก็ดูเป็นแค่นักพนันเท่านั้น...มาขลุกอยู่แต่ในบ่อนพนันคับแคบแบบนี้ ไม่ได้เข้าใจและไม่คิดจะไปทำความเข้าใจโลกภายนอกเลยว่าเป็นอย่างไรบ้าง...ดังนั้นพวกเขาจึงไม่รู้ตัวตนฐานะของจั๋วซือหรานกับปันอวิ๋นและคนอีกหลายคนก็ไม่ค่อยจะรู้ ว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน สังหารคนที่ประตูเมืองไปแล้วเท่าไร...และผู้ดูแลบ่อนพนันที่ถูกตั๋วทองทำให้เคลิ้มก่อนหน้าคนนั้น ตอนนี้ก็คลายลงมาจากสภาพนั้นแล้วเสียใจ ตอนนี้คือความสำนึกเสียใจขีดสุดเขารีบตรงไปข้างโต๊ะของจั๋วซือหราน เอ่ยอย่างอ้อนวอนว่า "แม่นาง เอ่อไม่ใช่สิ ใต้เท้า...ใต้เท้า! กิจการของเราเล็กๆ มีทุนน้อย ไม่ทราบว่าท่าน..."เขาชูตั๋วทองขึ้นมาสองใบ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status