ตอนที่สาม ลุกขึ้นสู้
“คนของทางการเองใช่ว่าจะทำอันใดได้ อย่างมากก็จับพวกนักเลงไปขังไว้สักคนสองคน แต่พวกเราคงต้องอยู่อย่างอกสั่นขวัญแขวน ตราบใดที่พวกเขายังอยากได้ที่ดินตรงนี้
เฮ้อ...เดิมทีพวกเขาส่งคนมาขอซื้อ แต่หว่านล้อมอย่างไรตาเฒ่าก็ไม่ยอมขาย สุดท้ายจึงต้องสังเวยชีวิต” ยายเหลียนก้มลงเช็ดน้ำตา
“ชั่วชาติจริงๆ” ไข่มุกในร่างเซียงเจินจูเผลอด่าออกมาจนยายเหลียนซึ่งกำลังหลั่งน้ำตาอย่างทดท้อต้องมองจ้องด้วยหลานสาวผู้เคยอ่อนแอและเรียบร้อย ยามนี้แลดูแปลกออกไป
“พวกเรายังมีเงินทองอีกมากหรือไม่เจ้าคะ” เซียงเจินจูถามถึงเรื่องสำคัญ การจะทำสิ่งใดย่อมต้องใช้เงินทองหว่านลงไป
“มีมากทีเดียว พวกเราเก็บเอาไว้ให้เจ้านะอาจู เจ้าไม่ต้องกังวลว่าจะยากลำบาก” ยายเฒ่าแปลความไปอีกด้าน
“เช่นนั้นขอให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้าจะทำสิ่งใดหรือ”
“ข้าจะนำไปซื้อของตอบแทนให้ผู้ที่นำซองมาให้ในงานของท่านตาเจ้าค่ะ” สาวน้อยยกข้ออ้าง
“อืม...จริงด้วย ข้ามัวแต่เศร้าหมองจนหลงลืมธรรมเนียมไป เอ้านี่เงิน...อาจู หาซื้อขนมเปี๊ยะอย่างดีล่ะ” ยายเหลียนกำชับ ก่อนจะรีบสั่งเด็กในร้านซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียวให้เดินตามหลานสาวไปเพื่อช่วยเหลือ
เซียงเจินจูได้เงินมาแล้วจึงรีบออกจากร้านเพื่อไปตามหาชายสองคนซึ่งกล่าววาจาเข้าข้างพวกนางในงานพิธีวันนี้ นางพบพวกเขาคนหนึ่งเปิดแผงขายบะหมี่ อีกคนเปิดร้านขายรองเท้าอยู่ใกล้กันจึงรีบเข้าไปพูดคุยเพื่อปรึกษา
“ท่านอา ข้าไม่อยากปิดร้านชาเซียงซือ แต่คงไม่อาจสู้นักเลงกลุ่มนั้นได้ หากข้าจะขอร้องให้ช่วยหาคนดีมีฝีมือสักหลายคนไปช่วยคุ้มครองจะได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ย่อมได้สิหลานสาว ร้านบะหมี่ของข้าเป็นแหล่งชุมนุมของคนมีฝีมือมากมาย ข้าจะทาบทามคนนิสัยดีมีฝีมือเก่งกาจให้ เจ้าเอง ดีจริง ข้าล่ะอยากจะสั่งสอนนักเลงพวกนั้นให้หลาบจำ บังอาจทำร้ายคนจนตายแล้วยังเดินลอยหน้าไม่ถูกจับกุม หากต่อไปพวกเขาอยากได้ร้านบะหมี่ของข้ามิใช้วิธีเดียวกันบีบคั้นจนคนทั้งตลาดต้องหนีกลับบ้านนอกกันหมดหรือ” ชายขายบะหมี่ออกท่าออกทาง
“นั่นสิเจ้าคะ พวกเขาช่างชั่วช้านัก ยิ่งคนเบื้องหลังยิ่งชั่วชาติกว่า แต่ยามนี้ข้าคงต้องป้องกันตัวก่อน แล้วค่อยคิดหาทางสู้กับคนเบื้องหลังอีกทีหนึ่ง” สาวน้อยรีบผสมโรง
เมื่อเจรจาสำเร็จ เซียงเจินจูจึงเดินวนเพื่อเสาะหาข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องนำไปทดแทนของที่เสียหายไป แล้วกลับไปจดลงกระดาษจัดทำบัญชีรายการและจำนวนเงินอย่างละเอียด
วันรุ่งขึ้น เจ้าของร้านบะหมี่เดินนำชายท่าทางดุดันมาที่หน้าประตู4คน โดยแนะนำว่าพวกเขาเป็นผู้คุ้มกันซึ่งผ่านทางมาจึงอยากรับงานนี้ หญิงสาวตกลงค่าจ้างและให้คนงานสาวซึ่งเหลืออยู่เพียงคนเดียวจัดหาที่พักให้ก่อนจะเข้าไปเกลี้ยกล่อมยายเหลียนอีกครั้ง
“ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะสืบสานร้านชาเซียงซือต่อให้ได้ ขอท่านยายสนับสนุนข้าด้วย”
“อาจูเอ๊ย เรื่องนี้ทั้งยุ่งยากและอันตรายเกินไป เจ้าเป็นเพียงเด็กสาวจะทำอันใดได้”
“นั่นจึงต้องขอให้ท่านยายช่วยอย่างไรเจ้าคะ”
“เจ้าแน่ใจหรือว่าผู้คุ้มกันไม่กี่คนนี่จะต้านทานนักเลงพวกนั้นได้”
“คงต้องรอดูก่อนเจ้าค่ะ หากไม่ได้ก็หาใหม่”
เซียงเจินจูตอบอย่างง่ายๆด้วยนางเองก็ยังไม่เห็นฝีมือของชายทั้งสี่นั่นเช่นกัน
ตอนพิเศษห้า เชื่อมสัมพันธ์กัวจื่อหานออกเดินทางไปเมืองหลวงด้วยความอาลัยห่วงหาภรรยาสาว แต่ความก้าวหน้าของหน้าที่การงานย่อมสำคัญเช่นกัน เมื่อถึงเมืองหลวงเขาจึงตั้งหน้าตั้งตาลงชื่อเข้าสอบและก้มหน้าก้มตาทบทวนตำราอย่างคร่ำเคร่งเขาจะทำให้ซีซีน้อยของเขาได้เชิดหน้าชูตาให้ได้ ไม่ให้ผู้ใดมาดูหมิ่นนางอีกต่อไป ด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจประกอบกับพื้นฐานเดิมที่มี ส่งให้กัวจื่อหานสอบผ่านจนติดหนึ่งในสามสิบคนสุดท้ายข้อสอบชุดสำคัญถูกส่งออกมาให้ผู้เข้าสอบได้ทำอย่างคร่ำเคร่ง กว่าจะเสร็จก็เกือบค่ำแล้วกัวจื่อหานไม่รั้งรออยู่ที่เมืองหลวงอีกแต่รีบสั่งให้ออกเดินทางกลับโดยทันทีหากเขามีตาด้านหลังคงได้เห็นสายตาแห่งความห่วงใยถูกส่งออกมาจากเสนาบดีกัวผู้เป็นบิดาซึ่งเฝ้าแอบดูอยู่ตั้งแต่เขาย่างเท้ามาถึง“หานหาน เจ้ากลับมาแล้ว” หลี่หยู่ซีกระโดดกอดสามีหนุ่มโดยไม่แยแสสายตาผู้อื่นด้วยความคิดถึงนางเกรงว่าเขาจะโดนจับตัวกักขังไว้อีกจนไม่ได้กลับมา ทุกคืนจึงได้แต่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาไม่อาจหลับตาลง
เจ้าเมืองหยางยื่นมือมารับหลักฐานจากกัวจื่อหานพลางส่ายหน้าให้กับความโง่เง่าไม่รู้ความของคนสกุลจวง ขณะจวงเห่ยกังทิ้งตัวลงก้มหน้าด้วยความละอายใจหยางหมิงเจ๋อเอื้อมมือมาหยิบหลักฐานในมือบิดาขึ้นดูจากนั้นจึงสาดสายตาดุดันใส่สองแม่ลูกสกุลจวงตอนพิเศษสี่ อยู่ดีไม่ว่าดี“นางไม่เคยระรานพวกเจ้า แทบไม่เคยพบหน้ากันด้วยซ้ำ เหตุใดร้ายกาจถึงเพียงนี้ ท่านแม่ ข้าคงไม่อาจแต่งงานกับสตรีซึ่งมีนิสัยชั่วร้ายเช่นนี้ได้” หยางหมิงเจ๋อหันไปกล่าวแก่มารดาคุณหนูจวงได้ยินว่าความฝันที่วาดไว้พังลงมาเพียงชั่วพริบตาถึงกับกรีดร้อง“ไม่นะ...พี่หมิงเจ๋อ พวกเราต้องแต่งงานกัน ข้ารอพี่มานานมาก เฝ้ารักเฝ้ารอทุกคืนวัน แต่พี่กลับมัววุ่นวายอยู่กับนังจิ้งจอกนี่ นางมีดีอันใด งามหรือก็ไม่เท่าข้า ฐานะก็ต่ำต้อย ถูกบิดาขับออกจากสกุล แถมยังเคยถูกโจรย่ำยีมาแล้ว พี่เห่ยกังก็อีกคน แทนที่จะมาช่วยข้า กลับมาวุ่นวายกับนางเช่นกัน ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอม กรี๊ดดดดดด” คุณหนูจวงกรีดร้องราวบ้าคลั่ง ตะโกนโหวกเหวกโวยวายคล้ายเสียสติจนจวงเห่ยกังต้องทุบนางจนสลบแล้วแบ
ตอนพิเศษสี่อยู่ดีไม่ว่าดีหลี่หยู่ซีมองเห็นจวงเห่ยกังซึ่งนั่งอยู่ติดกันดึงแขนเสื้อคล้ายห้ามปราม“ท่านแม่ เหตุใดกล่าวเช่นนั้น ข้าแวะมาด้วยอาหารที่นี่รสชาติดีเลิศ หรือท่านแม่ไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น”“ดีเลิศหรือ ก็งั้นงั้น หากมิใช่หยางฮูหยินและหยางกงจื่อเชื้อเชิญ ข้าหรือจะยอมเหยียบเข้ามาในร้านที่มีแต่กลิ่นเหม็นเพียงนี้ ดูสิ เสื้อผ้าหน้าผมของข้าเหม็นจนต้องกลับไปชำระล้างเสียยกใหญ่” หญิงซึ่งคาดว่าเป็นมารดาของจวงเห่ยกังแสดงท่าทีรังเกียจ“หากไม่ชื่นชอบ ข้าคงต้องขอโทษ ด้วยร้านนี้ข้ามีหุ้นด้วยส่วนหนึ่ง” หยางหมิงเจ๋อลุกขึ้นมากล่าวหน้านิ่ง“มิใช่ท่านแม่ไม่ชอบหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่กลิ่นออกจะแรงไปสักหน่อย ความจริงอาหารต่างๆก็รสชาติดี จริงไหมเจ้าคะ ท่านแม่” หญิงสาวซึ่งนั่งถัดมารีบเอ่ยแก้ต่างให้มารดาอ้อ...คนนี้น่าจะเป็นคุณหนูจวง ว่าที่คู่หมั้นหมายของหยางหมิงเจ๋อ หน้าตางดงามชวนมองอย่างที่พี่ชายโอ้อวดเอาไว้ 
ตอนพิเศษสามผู้ใดกันแน่ที่หาเรื่องผ่านเหตุการณ์ที่มีผู้ว่าจ้างให้นักเลงมาหาเรื่องทำลายชื่อเสียงยังร้านห่าวซือหมาล่าหม้อไฟมานานนับเดือน แต่จวงเห่ยกังยังคงไม่มีความคืบหน้าใดมาบอกกล่าวแก่หลี่หยู่ซีเขาอ้างว่าสอบสวนลูกกระจอกที่จับมาได้อย่างหนักแล้ว แต่พวกเขาไม่รู้เห็นเกี่ยวกับผู้บงการแต่อย่างใดนั่นย่อมทำให้กัวฮูหยินน้อยหรือหลี่หยู่ซีซึ่งแม้จะมีความสุขกับการแต่งงานและร้านค้าซึ่งกำลังทำเงินไม่อาจหยุดครุ่นคิดด้วยเกรงจะมีผู้มาก่อเรื่องอีก“ซีซี เจ้าไม่ต้องกังวล หากมีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องพวกเราอีก ข้าจะสั่งสอนมันให้เข็ดหลาบ” กัวจื่อหานซึ่งไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์คราวที่แล้ว จึงรู้สึกละอายใจที่ไม่ได้ช่วยเหลือภรรยา แต่กลับเปิดโอกาสให้ชายอื่นได้แสดงฝีมือ“ข้าเพียงอยากรู้ว่าผู้ใดกันที่แค้นเคืองถึงกับว่าจ้างคนมาทำร้ายทั้งร้านและตัวข้าเช่นนี้ หากยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของผู้บงการ ชาตินี้ข้าคงไม่อาจนอนหลับตาได้อย่างสนิทใจ” หลี่หยู่ซีเอ่ยเสียงเข้มแม้นางจะหายโกรธนักเลงพวกนั้นแล้ว แต
ตอนพิเศษสอง ปั้นก้อนแป้งน้อย ด้วยช่องทางรักของนางยังคับแคบอยู่มาก เขาจึงไม่กล้าตอกย้ำซ้ำๆหลายครา ที่ผ่านมาเพียงหลั่งได้น้ำเดียวเขาก็จำต้องปล่อยให้นางได้พักผ่อนแล้วแต่คืนนี้ เขาจะทำให้นางได้พบความสุขจนลืมไม่ลงทีเดียวชายหนุ่มเลื่อนกายขึ้นจุมพิตร้อนแลกลิ้นจนน้ำใสไหลย้อยลงข้างปาก จากนั้นจึงจับแท่งกายแข็งเข้าจ่อยังปากทางฉ่ำน้ำใส“วันนี้น้ำของเจ้าออกมามากทีเดียว คงไม่เจ็บแล้ว” เสียงปลอบประโลมเอ่ยบอกก่อนของแข็งจะค่อยๆมุดแทรกเข้ามาจนเต็มโพรงอุ่นอย่างเชื่องช้า“อืม...ไม่เจ็บแล้วจริงด้วย” หญิงสาวร้องบอกสามี“เช่นนั้นข้าจะเร่งแรงขึ้นดีหรือไม่”“ดี” หญิงสาวคล้อยตามคำเชิญชวนท่อนเอ็นหนาผลุบเข้าผลุบออกในช่องทางสีชมพูหวานเป็นจังหวะเชื่องช้า ก่อนจะเร่งแรงจนกลายเป็นตอกกระแทกถี่รัวเมื่อความเสียวซ่านเริ่มกำซาบมากขึ้น“อื้อ...ดี...หานหาน...อ้า...ซี๊ดดด ดี...”“เสียวหรือไม่ ซีซี”“เสียว ยิ่งแรงยิ่งเสียว”เสียงเนื้อกระท
ตอนพิเศษหนึ่ง คืนเข้าหอ “อย่าได้ดูถูกข้าเช่นนั้น ข้าจะจับเจ้ากินไม่ให้ได้นอนทีเดียว” “อย่าคุยโม้คุยโตไป ดื่มสุรามงคลแล้วถอดเสื้อผ้าเข้านอนเถอะ ทั้งตัวมีแต่กลิ่นสุราเช่นนี้ ข้าคงนอนไม่หลับ” หลี่หยู่ซียกจอกสุรามงคลเพื่อดื่มร่วมกันตามธรรมเนียม จากนั้นจึงช่วยถอดเสื้อผ้าให้สามี “ซีซี ข้าถอดให้เจ้าเอง” กัวจื่อหานพยายามวุ่นวายกับชุดรุ่มร่ามของภรรยาสาว แต่มะงุมมะงาหราอยู่นานก็ยังถอดไม่ออกสักชิ้น “เฮ้อ...หานหาน ข้าถอดเองดีกว่า ไม่งั้นคงได้นอนทั้งชุดนี้แน่” หญิงสาวผลักร่างสามีให้นอนลงรอ ส่วนตนเองยืนขึ้นถอดชุดเจ้าสาวออกทีละชิ้นจนหมด หญิงสาวเดินทั้งร่างเปลือยเปล่าขึ้นเตียงไปนอนประกบเคียงข้างร