สิ่งที่วายุได้รับรู้ทำให้เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังพังถล่มทลายลงมาต่อหน้าต่อตาเขา ร่างบางยืนตัวแข็งทื่อ จ้องมองไปที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงที่ดูสง่างาม ผู้มีท่าทางทรงอำนาจที่เรียกตัวเองว่า องค์รัชทายาทหลี่หยาง ภายในหัวของวายุตอนนี้ตีกันอย่างบ้าคลั่ง ข้อมูลใหม่ที่ได้รับไม่อาจเข้าใจได้เข้ามาถาโถม แต่สิ่งหนึ่งที่คุณหมอหนุ่มแน่ใจคือ นี่ไม่ใช่ความฝัน มันเป็นความจริงที่โหดร้ายมากสำหรับเขา ถ้าตอนนี้ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นเรื่องจริง แล้วโลกยุคปัจจุบันของเขาล่ะ เขาจำได้แต่ว่าเขาประสบอุบัติเหตุแสดงว่าเขาตายจากโลกนั้นแล้วอย่างนั้นหรือ
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเรา” นายแพทย์วายุได้แต่คิดในใจ พลางยกมือจับศีรษะที่ยังเจ็บปวดจากการกระแทก มันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับที่ศีรษะเขากระแทกกับพวงมาลัยรถ ถึงแม้จะมีอาการปวดอยู่ แต่อาการเจ็บปวดเหล่านั้นไม่อาจเทียบเท่ากับความสับสนที่รุมเร้าจิตใจเขาอยู่ตอนนี้
สายตาคมของวายุมองไปรอบ ๆ ห้องหรูหราที่ไม่คุ้นเคย มันช่างแตกต่างจากทุกอย่างในชีวิตปัจจุบันที่เขาเคยรู้จัก ตั้งแต่ห้องผ่าตัดสมัยใหม่ที่เขาเคยทำงาน รวมทั้งบ้านตลอดไปจนถึงชีวิตประจำวันที่เป็นศัลยแพทย์หนุ่มในยุคปัจจุบัน แต่ตอนนี้ เขายืนอยู่ในยุคจักรพรรดิจีนโบราณ แถมยังอยู่ในร่างของชายร่างบาง หน้าตางดงามยิ่งกว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อ องค์ชายหวังหยู่ เเถมยังเป็นพระชายาขององค์รัชทายาทอีก
“บ้าไปแล้ว…” วายุคิดในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่เมื่อสติเขาเริ่มกลับมา เขาก็จำสิ่งสำคัญได้ หากเพียงแต่ว่าเขาแสดงออกมาว่าตัวเองจำเหตุการณ์ในปัจจุบันได้ และไม่ได้เป็นหวังหยู่ตามที่อีกคนบอกเขา คนที่นี่ก็จะหาว่าเขาเสียสติหรือฟั่นเฟือน ในยุคนี้มีโอกาสสูงที่เขาอาจถูกลงโทษด้วยความโหดร้าย เขาเคยอ่านเคยได้ยินเกี่ยวกับบทลงโทษในราชสำนักโบราณ และตอนทำงานพวกพี่ๆพยาบาลก็ชอบเล่าซีรีย์จีนโบราณย้อนยุคให้เขาได้ยินบ่อยๆ บทลงโทษโดยเฉพาะหากเป็นพระชายาของรัชทายาทที่แสดงพฤติกรรมแปลกประหลาด ไม่ใช่แค่ความอัปยศ แต่ชีวิตของเขาอาจจะจบสิ้นทันทีด้วย อนาถเหลือเกินนะวายุนอกจากจะตายด้วยอุบัติเหตุโดนรถชนแล้ว ยังต้องมาตายด้วยถูกประหารเพราะคนยุคนี้คิดว่าเขาสติฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
“ถ้าขืนเราทำตัวแปลก พวกเขาอาจจะคิดว่าเราบ้า และในยุคนี้ คนบ้าอาจถูกประหาร” วายุคิดอย่างเร่งรีบ หัวใจเต้นแรงด้วยความตื่นตระหนก ไม่รู้จะเอายังไงกับชีวิตดี
“เราคงต้องเล่นบทพระชายาหวังหยู่ ต้องทำให้เนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อความอยู่รอด” วายุบอกตัวเอง หัวใจของเขายังสั่นคลอน แต่เขาพยายามระงับความกลัวและความสับสนไว้ไม่ให้แสดงออกมาให้อีกคนได้เห็น
องค์รัชทายาทหลี่หยางยังคงยืนทำตัวหล่ออยู่ข้างหน้าเขา องค์ชายคนนี้หล่อจริงๆ ถ้ายังอยู่ในยุคปัจจุบันวายุเชื่อเลยว่าสามารถเป็นดาราได้สบาย ยิ่งถ้าเป็นซีรีย์วายสมัยนี้รับรองรวยเละ องค์รัชทายาทยังคงจ้องมองเขาด้วยสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนัก รัชทายาทหนุ่มดูเหมือนจะไม่พอใจหรือสงสัยหรือจับผิดอะไรบางอย่างในตัวของวายุหรือ “หวังหยู่” ที่เพิ่งฟื้นจากการหมดสติอยู่เป็นแน่
“เจ้าดูประหลาด เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่ ตอบข้ามาหน่อย” หลี่หยางถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความสงสัยและหงุดหงิดเล็กน้อยกับท่าทีประหลาดของพระชายาผู้อ่อนแอของเขา ที่เพิ่งฟื้นจากการหมดสติเพราะฝีมือของเขาเอง แม้ตอนแรกจะรู้สึกผิดที่ทำให้อีกคนเจ็บแต่ตอนนี้พอเห็นอีกคนทำตัวประหลาดเหมือนจะจำเขาไม่ได้ยิ่งทำให้เขาหมั่นไส้ ไม่เหมือนกับหวังหยู่ที่จ้องอยากจะจับเขาแต่งงานเลย
วายุพยายามปรับลมหายใจให้สงบ หันไปมองหลี่หยางอย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “ข้า ข้าเพียงรู้สึกมึนหัวอยู่บ้าง อาจเป็นเพราะบาดแผลที่ข้าได้รับมา แต่ข้าจำท่านได้ดีเลยทีเดียว ท่านคือ องค์รัชทายาทหลี่หยาง พระสวามีของข้าไง” เขาตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามให้เป็นปกติที่สุด แม้ภายในใจจะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวว่าอีกคนจะจับได้ถึงความผิดปกติ
หลี่หยางยังคงมองเขาด้วยแววตาเฉียบคม ราวกับพยายามจะอ่านใจเขา จนวายุต้องกลั้นใจพยายามทำหน้าตาให้สงบนิ่งที่สุด ไม่ให้หลุดท่าทีที่ดูไม่เป็นธรรมชาติออกไป
“ดี ” หลี่หยางกล่าวเพียงสั้น ๆ ก่อนจะหันไปนั่งบนเก้าอี้ใกล้ ๆ ร่างสูงสง่าของเขาทำให้วายุต้องรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างเงียบ ๆ จากชายผู้เต็มไปด้วยความมีอำนาจและเสน่ห์ตรงหน้า
วายุกลับมานั่งนิ่งอยู่บนเตียง พยายามเก็บความตื่นตระหนกในใจไว้ภายใน ตอนนี้เขาต้องเล่นบท พระชายาหวังหยู่อย่างแนบเนียนที่สุด แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหวังหยู่เป็นคนอย่างไร มีนิสัยแบบไหน หรือพูดจาอย่างไร แต่วายุรู้ว่าเขาไม่สามารถแสดงออกถึงความแตกต่างได้มากนักในตอนนี้
หลี่หยางที่นั่งเงียบอยู่นาน ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวขึ้น “เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ บาดแผลของเจ้าอาจยังต้องการเวลาฟื้นตัวมากกว่าที่ข้าคิด ข้าจะเฝ้าดูเจ้าเอง หากมีสิ่งใดผิดปกติ ข้าจะเรียกหมอหลวงให้” องค์ชายหนุ่มลุกมานั่งลงข้างพระชายา ก่อนที่จะดันร่างบางให้นอนลงและดึงผ้ามาห่มให้
วายุได้แต่พยักหน้าตอบ แม้ในใจจะยังคงสับสน แต่เขาก็รู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ เขาต้องอดทนและรอคอยความชัดเจน สิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการอยู่รอดในร่างของ พระชายาหวังหยู่ โดยไม่ให้ใครจับพิรุธได้ การหลับพักผ่อนเป็นอีกวิธีที่จะหลบสายตาคนเหมือนจับพิรุธนี้
เมื่อหลี่หยางลุกขึ้นยืนและเดินออกจากห้อง วายุถอนหายใจอย่างโล่งอกเบา ๆ ขณะที่หลี่หยางไม่ได้สังเกตอาการผิดปกติของเขามากนัก แต่ในใจของเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมาย “เราต้องหาคำตอบให้ได้... เราจะทำอย่างไรต่อไป”
ท่ามกลางความสงบสุขและความรักที่แน่นแฟ้นขึ้นระหว่าง องค์รัชทายาทหลี่หยางและพระชายาหวังหยู่กลับมีเงาแห่งความอิจฉาแฝงอยู่ในมุมมืดของราชสำนัก ผู้ที่รู้สึกขัดเคืองใจและเต็มไปด้วยความอิจฉาคือโอรสจากพระสนมที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งสำคัญในราชสำนัก องค์ชายหลี่จิ้งพระโอรสของพระสนมฉินฮวา ที่เติบโตขึ้นมาด้วยความทะเยอทะยาน และรู้สึกว่าตัวเองสมควรได้รับตำแหน่งที่สูงกว่า เขามักจะเห็นว่าหลี่หยางได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้อยู่เสมอ อีกทั้งยังได้รับการสนับสนุนจากขุนนางต่าง ๆ จนเป็นรัชทายาทผู้ที่เหมาะสมจะสืบทอดบัลลังก์ แต่ในสายตาของหลี่จิ้ง สิ่งนี้ช่างไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย เขามองว่าตนเองมีความสามารถและควรคู่ที่จะได้รับตำแหน่งรัชทายาทเช่นกัน ความทะเยอทะยานที่ล้นเกินกลายเป็นความอิจฉาริษยา จนในที่สุดเขาก็เริ่มวางแผนที่จะโค่นล้มหลี่หยางและขึ้นเป็นรัชทายาทแทน องค์ชายหลี่จิ้งใช้เวลาหลายคืนเฝ้าคิดหาทางทำลายชื่อเสียงขององค์รัชทายาทหลี่หยาง และลอบวางแผนที่จะก่อการบางอย่าง แผนเเรกที่ตำหนักนอกเมืองพลาด เขาเริ่มหาพันธมิตรจากเหล่าขุนนางที่ไม่พอใจในอำนาจของรัชทายาท และรู้ดีว่ามีหลายคนในราชสำนักที่ไม่พอ
หลังจากใช้เวลาหลายวันพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และการผ่อนคลายทางกาย หวังหยู่รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกสดชื่นและมีพลังมากขึ้น ความอ่อนเพลียจากอาการป่วยหายไปจนหมดสิ้น และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรักและความสุขจากการได้ใช้เวลาร่วมกับหลี่หยาง ส่วนองค์รัชทายาทหลี่หยางไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้สุขยิ่งกว่าไหนๆ เพราะชวนพระชายาทำเรื่องผ่อนคลายทุกคืน การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้หวังหยู่ฟื้นตัว แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรักและความผูกพันระหว่างพวกเขาทั้งสองได้แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม ในช่วงเย็นขณะที่องค์รัชทายาทและพระชายากำลังพากันเดินเล่นอยู่รอบตำหนักเพื่อชมความงามของธรรมชาติท่ามกลางเสียงน้ำไหลและสายลมที่พัดผ่าน อย่างเป็นส่วนตัวเพียงสองคน แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้ทั้งสองหยุดชะงัก ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวง ทันใดนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคนปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้ พวกเขาถือดาบในมือและพุ่งเข้ามาใกล้ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดที่เริ่มคืบคลานเข้ามา กลุ่มคนร้ายเข้าโจมตี
หลังจากใช้เวลาหลายวันพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม และการผ่อนคลายทางกาย หวังหยู่รู้สึกว่าร่างกายของเขาเริ่มฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกสดชื่นและมีพลังมากขึ้น ความอ่อนเพลียจากอาการป่วยหายไปจนหมดสิ้น และหัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรักและความสุขจากการได้ใช้เวลาร่วมกับหลี่หยาง ส่วนองค์รัชทายาทหลี่หยางไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้สุขยิ่งกว่าไหนๆ เพราะชวนพระชายาทำเรื่องผ่อนคลายทุกคืน การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้หวังหยู่ฟื้นตัว แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ความรักและความผูกพันระหว่างพวกเขาทั้งสองได้แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม ในช่วงเย็นขณะที่องค์รัชทายาทและพระชายากำลังพากันเดินเล่นอยู่รอบตำหนักเพื่อชมความงามของธรรมชาติท่ามกลางเสียงน้ำไหลและสายลมที่พัดผ่าน อย่างเป็นส่วนตัวเพียงสองคน แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังขึ้นจากพุ่มไม้ที่อยู่ใกล้เคียง ทำให้ทั้งสองหยุดชะงัก ก่อนจะหันมองไปรอบ ๆ ด้วยความระแวง ทันใดนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ในชุดดำหลายคนปรากฏตัวออกมาจากพุ่มไม้ พวกเขาถือดาบในมือและพุ่งเข้ามาใกล้ทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความมืดที่เริ่มคืบคลานเข้ามา กลุ่มคนร้ายเข้าโจมตี
หลังจากที่หวังหยู่ ฟื้นตัวจากอาการป่วยตามลำดับด้วยการดูแลอย่างใกล้ชิดจากหลี่หยาง แต่ทว่าพระสวามีอย่างหลี่หยางยังคงเป็นห่วงสุขภาพของพระชายาอยู่ แม้อาการไข้จะทุเลาลง แต่ร่างกายของหวังหยู่ยังคงดูอ่อนเพลียและต้องการการฟื้นฟูมากกว่านี้ เพื่อให้พระชายาของเขาฟื้นตัวขึ้น หลี่หยางจึงตัดสินใจพาหวังหยู่ออกไปพักผ่อนในสถานที่ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่งดงามและบริสุทธิ์ เพื่อให้หวังหยู่ได้ผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจตามคำเเนะนำของฮองเฮา เมื่อเห็นว่าหวังหยู่ดีขึ้นน่าจะสามารถเดินทางไหว องค์รัชทายาทก็มอบหมายให้เหล่าข้ารับใช้เตรียมการออกเดินทางไปยังตำหนักนอกเมืองซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่งดงาม บริเวณรอบ ๆ มีภูเขาและลำธารไหลผ่าน เป็นสถานที่ที่เงียบสงบและเหมาะแก่การพักผ่อน หลี่หยางตั้งใจจะพาหวังหยู่ไปที่นั่นเพื่อให้ร่างกายของเขาฟื้นตัวได้เร็วขึ้น “ข้าคิดว่าเจ้าต้องการพักผ่อนในที่ ที่มีอากาศบริสุทธิ์” หลี่หยางกล่าวขณะกำลังเตรียมการเดินทาง “ที่ตำหนักนอกเมืองแห่งนี้จะช่วยให้เจ้าผ่อนคลาย และข้าจะอยู่ข้างเจ้าเสมอ เราสองคนจะได้ใช้ชีวิตด้วยกันที่นั่น” หวังหยู่มองหลี่หยางด้วยสายตาอ่อนโยน “ขอบคุณที่ท่านใส่ใ
หลังจากที่องค์รัชทายาทหลี่หยางได้ป้อนอาหารและยาบำรุงให้ พระชายาด้วยความใส่ใจ พระชายาของเขาก็เริ่มมีอาการดีขึ้นอย่างช้า ๆ แต่ถึงกระนั้น หลี่หยางยังคงกังวลในสุขภาพของหวังหยู่ เขาตัดสินใจจะไม่ละสายตาจากพระชายาของเขาแม้เพียงสักวินาทีเดียว และตัดสินใจที่จะเฝ้าไข้หวังหยู่ด้วยตนเอง ค่ำคืนนั้น หลังจากที่หวังหยู่ทานยาและอาหารบำรุงเรียบร้อยแล้ว ร่างกายของเขายังอ่อนแรงอยู่มาก หลี่หยางจึงจัดเตรียมที่นอนข้างเตียงของพระชายาเพื่อคอยเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด หากเกิดอะไรขึ้นเขาจะสามารถช่วยเหลือได้ทันที หวังหยู่ที่นอนอยู่บนเตียงมองดูการกระทำของพระสวามีด้วยความรู้สึกซาบซึ้งและอบอุ่นใจ เขารู้ดีว่าหลี่หยางมีภาระหน้าที่มากมายในฐานะองค์รัชทายาท แต่การที่หลี่หยางเลือกจะอยู่ข้างกายเขาในเวลานี้ แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจและความรักที่เขาไม่เคยคาดหวังมาก่อน “ท่านไม่ต้องอยู่ที่นี่ก็ได้ ข้าจะพักผ่อนและคงดีขึ้นในไม่ช้า” หวังหยู่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงแต่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง เขาไม่อยากให้หลี่หยางต้องเหนื่อยล้าจากการเฝ้าดูแลเขาทั้งวัน “ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวแน่” หลี่หยางตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อเป็นการ
เมื่อพระชายาเริ่มฟื้นตัวจากไข้ที่ทำให้เขาอ่อนแรง หลี่หยางยังคงไม่หยุดที่จะใส่ใจในรายละเอียดเพื่อให้พระชายาของตนฟื้นตัวอย่างรวดเร็วที่สุด หลังจากดูแลหวังหยู่ทั้งคืน หลี่หยางตัดสินใจลงไปที่ห้องเครื่องด้วยตนเอง เพื่อดูแลเรื่องอาหารบำรุงสำหรับหวังหยู่ องค์รัชทายาทหลี่หยางไม่เคยทำสิ่งเช่นนี้มาก่อน การที่องค์รัชทายาทผู้สง่างามและทรงอำนาจจะเดินลงมาถึงห้องเครื่องเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องครัว เหล่าแม่ครัวพ่อครัวและนางกำนัลต่างตกใจและรีบก้มศีรษะคำนับด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท ท่านมีสิ่งใดให้พวกข้ารับใช้” พ่อครัวใหญ่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย หลี่หยางมองไปยังพ่อครัวด้วยสายตาเฉียบคม น้ำเสียงทุ้มก็แจ้งกับแม่ครัว “เจ้าเป็นซั่งซู ใช่หรือไม่ ข้าต้องการให้พวกเจ้าทำอาหารบำรุงร่างกายที่ดีที่สุดสำหรับพระชายา เขาเพิ่งฟื้นตัวจากไข้และต้องการสารอาหารที่เหมาะสม ข้าต้องการให้ทุกจานที่ออกไปมีคุณค่าทางอาหารและช่วยให้พระชายาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว” ซั่งซูหรือพ่อครัวใหญ่พยักหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกับตอบกลับอย่างสุภาพ “พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ข้าจะจัดเตรียมอาหารบำรุ