จอมขวัญสะลัดความคลางแคลงใจออกไป หันมาก้มสำรวจตัวเองจัดเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทางเสียใหม่ และก่อนที่จะเอื้อมมือไปกดปิดลิฟต์ พลันรู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่น ๆ ไหลออกมาจากจมูก วิ่งลงมาสู่ริมฝีปากบางด้านบน รู้สึกเค็ม ปะแล่ม ๆ เมื่อลองแลบลิ้นเลียแค่แตะๆ ที่ปลายลิ้น เอาแล้วสิ! อ้ายเจ้าอาการเลือดกำเดาไหลไม่รู้สาเหตุ กลับมาเล่นงานเธออีกครั้ง หลังจากที่มันหายไปนานแล้วตั้งแต่เด็ก หรือจะเป็นเพราะเข้าใกล้ผู้ชายหล่อคนนั้นเข้า แถมยังเข้ามาแนบชิด สนิทเนื้อ จนทำให้เลือดกำเดาไหลออกมาแบบนี้ โดยลืมนึกไปว่าจมูกตัวเองกระแทกกับอกแข็ง ๆ ของเขาไปจังเบ้อเริ่ม!
แต่...เอ๊ะ! เมื่อครู่นี้ เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าเสื้อราคาแพงส่งมาให้ ก็เพราะเขาเห็นเลือดที่มันไหลออกมาจากจมูกของเธอนะสิ โอ๊ย! คิดแล้วน่าอายนัก อยากแทรกแผ่นดินหนี แต่ก็ยังโชคดีที่ตอนนั้นไม่มีใครมาเห็นเข้า ไม่อย่างนั้นวันนี้คงเป็นวันอัปยศอดสูที่สุดในชีวิตของหล่อนทีเดียวเชียว จอมขวัญหันซ้ายแลขวา ทำท่าเลิ่กลั่กก่อนจะวิ่งรี่ไปเข้าห้องน้ำจัดการกับตัวเองให้ดูเรียบร้อยอีกครั้ง เหมือนขามา และกลับเข้ามาอยู่ในลิฟต์อีกรอบ
คงไม่ได้เจอเขาอีกหรอกมั้ง ดูจากการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าราคาแพงอย่างนั้น คงเป็นแบบกลุ่มแรก ๆ ที่เดินออกมาก่อน น่าจะอยู่ในระดับบิ๊กของบริษัทแน่นอน ผู้คนระดับนั้นคงไม่เข้าบริษัทบ่อยนักหรอก แค่สั่งงานทางโทรศัพท์ หรือไม่ก็กดคอมพิวเตอร์แกร๊กเดียวก็เรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัทให้เสียเวลา แล้วนี่หล่อนจะคืนผ้าเช็ดหน้า ให้เขาได้ยังไงล่ะทีนี้
ใจยังเต้นอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่ไม่หายดีเลย ก็ต้องมาเต้นตุ๊บ ๆ ต่อม ๆ อีกรอบ เมื่อย่างเท้าเข้ามายังแผนกบุคคล หญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าเคาน์เตอร์แย้มยิ้มทันทีเมื่อเจอหน้าเอ่ยทักหล่อนอย่างเป็นกันเอง
“คุณจอมขวัญหรือเปล่าคะ?” โอ้โห!อย่าบอกนะ ว่าที่พี่สาวคนนี้จำเธอได้เพราะชุดเก่ง ที่สวมใส่อยู่ถึงได้เรียกชื่อของหล่อนถูกเผงเลยทีเดียว
“เอ่อ..ใช่ค่ะ” จอมขวัญตอบออกไปทั้งที่ยังสงสัยอยู่ครามครัน“งั้นเชิญเลยค่ะ คุณปาริฉัตรรออยู่ค่ะ” ถึงบางอ้อ คงมีคนสั่งให้พี่สาวคนนี้รอหล่อนอยู่แน่เลย มิน่าล่ะ ถึงได้เรียกชื่อถูก เฮ้อ..โล่งอกไปหน่อย นึกว่าเป็นเพราะชุดเก่งของเราเสียอีก พี่สาวคนสวยเดินนำหล่อนไปอย่างกระฉับกระเฉง เธอเดินอย่างคล่องแคล่ว แม้จะอยู่บนรองเท้าสูงปรี๊ดขนาดนั้น จอมขวัญมองตามการเยื้องย่างของอีกฝ่าย พลางคิดในใจว่า ถ้าได้งานคงต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ได้แบบนี้บ้าง พี่สาวขาสวยพาเธอมาหยุดอยู่ที่ประตูไม้บานหนึ่ง ซึ่งแปะตัวหนังสือหนาสามารถอ่านได้ระดับสายตาว่า
ผู้จัดการฝ่ายบุคคล พี่สาวคนเมื่อครู่เคาะประตูสองครั้ง แล้วเปิดเข้าไป พร้อมกับรายงานคนด้านในว่า หล่อนมาถึงแล้ว จากนั้นก็กลับออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หล่อนยืนเกร็งเขม็ง ไม่กล้าขยับเขยื้อนกายไปไหน เพราะยังไม่ชินกับสถานที่แปลกใหม่เท่าใดนัก
“เชิญนั่งได้เลยค่ะน้อง” หญิงวัยสามสิบค่อนไปทางปลายนิด ๆ น่าจะประมาณ สามสิบหก ถึงสามสิบเจ็ดปี แต่งตัวกระฉับกระเฉงด้วยเสื้อเชิ้ตสีขาวชายเสื้อถูกเหน็บไว้กับกางเกงสีดำ สวมทับด้วยเสื้อสูทสีน้ำตาล ทำให้มองเหมือนผู้หญิงทำงานทั่วไปที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ผมที่ซอยสั้น ทำให้เห็นลำคอระหงดูสง่าไปในตัว และยิ่งเสริมให้หล่อนเป็นสาวมั่นไปเลยทีเดียว
“ขอบคุณค่ะ” จอมขวัญตอบกลับออกไปเสียงเบา ทำใจดีสู้เสือ รู้สึกผ่อนคลายในเวลาต่อมาเมื่อคุณปาริฉัตรส่งยิ้มมาให้
“ยินดีด้วยนะคะ ที่จะได้ร่วมงานกัน”
“..!..!..!..” จอมขวัญตะลึงอ้าปากหวอ ทำปากขมุบขมิบ พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ“อ้าว! ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ มีอะไรหรือเปล่าคะ?” คุณปาริฉัตร พูดกับหล่อนอยู่ฝ่ายเดียว จะไม่ให้อึ้ง จนอ้าปากพะงาบ ๆ ราวกับเพิ่งเจอผีมาสด ๆ ร้อน ๆ ได้อย่างไรเล่า ที่พี่แกบอกเมื่อครู่ว่า 'ยินดีด้วยนะคะที่จะได้ร่วมงานกัน'
นั่นน่ะ มะ..หมายความว่า หล่อนจะได้งานทำโดยไม่ต้องสอบข้อเขียน หรือสอบสัมภาษณ์ใด ๆ เลยน่ะสิ คุณปาริฉัตร คงเห็นปฏิกิริยาตอบสนองของหล่อนก็เลยเอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง“ตกลง เป็นอะไร หรือเปล่าคะน้อง”
“อ๊ะ!ปล่ะ..เปล่าค่ะ” จอมขวัญละล่ำละลัก ตอบกลับไป ขยับตัวจัดระเบียบร่างกายเสียใหม่ พยายามฟังอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ
“อ้อ! ดีค่ะทางเราจะขอทำความเข้าใจกับน้องเสียก่อนนะคะ” คุณปาริฉัตรคงเห็นว่าหล่อนผ่อนคลายลงบ้างแล้ว จึงเอ่ยประโยคถัดมา เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลานาน
“คือว่าตอนนี้ ทางบริษัทของเรา ยังไม่มีตำแหน่งไหนว่าง และยังหาตำแหน่งที่ตรงตามสาขาที่น้องจบมาให้ไม่ได้”
เสียงเปิดและปิดประตูอย่างแผ่วเบา สักพักเตียงอีกฝั่งก็ยวบลงช้า ๆ ตามด้วยมือใหญ่เรียวยาวค่อยๆ สอดมาใต้หมอนเอื้อมมาคว้าไหล่บอบบางของเมียสาวที่ตอนนี้นอนหันหลังให้ พลางออกแรงแกมบังคับให้พลิกมาทางเขาอย่างเบามือ“จะรีบนอนไปไหนล่ะครับ ฮึ” เสียงพึมพำ ทำให้หล่อนลืมตาขึ้นมามอง พร้อมกับส่งสายตาขุ่นขวางกลับไปให้“ง่วงแล้ว..คนจะนอนมาปลุกทำไมเนี่ย ทำไมไม่ไปนอนกับคนอื่นโน่น” ชายหนุ่มหัวเราะหึ ๆ อย่างเป็นสุข กลับจ้องมองตอบดวงตาเขียวปั๊ดที่ส่งมาอย่างไม่เกรงกลัว“งอนหรือนี่ คุณหึงผมใช่ไหม ดีใจจัง นึกว่ามีแต่ผมเท่านั้นที่คอยแต่จะหึงหวงคุณอยู่ฝ่ายเดียว” ไม่พูดเปล่า ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงคลอเคลียอยู่แถวข้างแก้ม และเลยไปตามซอกคอขาวละมุน ลมหายใจอุ่นร้อนจากปลายจมูกโด่งทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างสูงค่อย ๆ ดันตัวเองให้แนบชิดกับร่างเล็กน่ากอดให้เอนนอนราบลงไปกับเตียงนอนหนานุ่มช้าเนิบอย่างใจเย็น“คุณ..เอ่อ..คุณมาร์คคะ คือว่า..จอม”“อะไรอีกครับที่รัก จะหาข้ออ้างอะไรอีก เมื่อสองสามวันก่อนคุณก็บอกว่าเป็นรอบเดือน แล้วคราวนี้คุณจะบอกว่าเป็นอะไรอีกครับ..ฮึ” จอมขวัญแทบจมลงไปกับเตียงนอนหนานุ่ม เมื่อร่างที่ใหญ่กว่าทิ้งตัว
แม้ในใจจะรู้สึกโล่ง แต่อีกใจหนึ่งกลับอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เท้าบางจึงเดินออกมาหาที่ห้องนั่งเล่นด้านนอก เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย ร่างสูงนอนเหยียดยาวทอดกายไปกับโซฟา เปิดทีวีค้างไว้ คงหลับไปแล้ว ฮึ..รอไม่ไหวล่ะสิ คงเพลียจากงานเมื่อกลางวันที่เขาต้องรับบทหนักกว่าหล่อนมากก็ไหนจะคอยต้อนรับญาติ ๆ ทางมารดาเขา ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และไหนจะเพื่อนฝูงสมัยเรียน เพื่อนร่วมธุรกิจอีก จอมขวัญนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาที่มีคนตัวสูงนอนอย่างสบายใจ พลางยื่นปลายนิ้วไปเขี่ยตรงต้นแขน กะว่าจะปลุกให้เข้าไปนอนที่เตียงนอนเสียหน่อย เพราะดูจากที่เขานอนอยู่คงไม่สบายเท่าใดนัก“อืมม์..ไม่ต้องมาสะกิดเลย คืนนี้ยกให้ ผมไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วง่วง..” พูดจบเจ้าบ่าวก็ลุกขึ้น เดินโซซัดโซเซกลับมาล้มตัวลงนอนที่เตียงกว้างด้านในอย่างงอน ๆ จอมขวัญย่นจมูก อย่างนึกหมั่นไส้ แลบลิ้นแถมไปให้ด้วย เฮอะ..ผู้ชายอะไรงอนก็เป็นด้วยตลกชะมัด แต่ก็น่ารักไปอีกแบบเมื่อคนอย่างเขาทำ ฮิ ๆ หญิงสาวก้าวขึ้นเตียงนอนใหญ่หนานุ่ม อย่างแผ่วเบา ด้วยเกรงว่าคนข้าง ๆ จะตื่น ก่อนจะตะแคงมองสามีที่น่ารักยิ่งนักเมื่อยามหลับ โน้มใบหน้าบางใส ไปจุ๊บราตรีสวัสดิ์ ให้
งานวิวาห์ระหว่าง นายมัฆวัฒน์ ก้องกังวาลไกล นักธุรกิจหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงกับเลขาสาวนางสาวจอมขวัญ มงคลเกียรติ ถูกจัดขึ้นที่โรงแรมหรูใจกลางกรุงเมืองหลวง เป็นวันที่ทั้งสองรอคอยว่าจะให้มีวันนี้ นับตั้งแต่ผ่านช่วงปีใหม่มาแล้วร่วมสองเดือน ซึ่งฝ่ายเจ้าบ่าว บ่นอิดออดว่าทำไมฤกษ์ที่มารดาเจ้าสาวหาให้ ถึงได้ล่าช้านัก ไม่มีใครรู้หรอกว่าเขาต้องทรมานขนาดไหนที่ต้องทนรอให้ถึงวันนี้อย่างใจจดใจจ่อเพียงใด“วันนี้คุณสวยจัง” เจ้าบ่าวกระซิบข้างใบหูเล็กของเจ้าสาว อย่างเอาใจ เมื่อทั้งหล่อนและเขาออกมายืนต้อนรับแขกเหรื่อหน้าประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยง ที่ถูกจัดขึ้นอย่างวิจิตร ตระการตา เจ้าสาวของเขาอยู่ในชุดสีขาวบริสุทธิ์ ผมยาวสลวยถูกเกล้าขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าขาวใส ที่ตอนนี้ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางบางเบา เท่านั้นก็ช่วยให้หล่อนสวยใสไร้ที่ติจนเขาต้องเอ่ยปากชมออกมา“ไม่ต้องมาพูดเอาใจหรอกน่า..ยังไง ๆ ก็รับผิดชอบในตัวคุณอยู่แล้วล่ะค่ะ” จอมขวัญตอบกลับไป พลางยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ แถมแลบลิ้นแบบเด็ก ๆ ส่งไปให้เจ้าบ่าวของหล่อน ที่วันนี้เขาก็ดูหล่อสมาร์ตกว่าใคร ๆ ในงานเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเวลาธรรมดา เขาก็ดูดีไม่มีที่ติอยู่แล้ว“แน่นอน
บ่อยครั้งเข้าต้นน้ำถึงกับร้องครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อหญิงสาวเริ่มตอบสนองเขาอย่างเต็มใจ ลำแขนเรียวเล็กเลื่อนขึ้นมาโอบรอบคอแข็งแรงของเขาไว้อย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยวเมื่อชายหนุ่มถอนริมฝีปากออก ล้อมดาวถึงกับหายใจหอบเล็กน้อย ก้มหน้ามุดเข้าไปหาความอบอุ่นในอ้อมอกเขาอย่างเอียงอาย ไม่พูดไม่จา“ ดูเหมือนว่า เราจะเกิดมาคู่กันเสียแล้วสิ..คุณว่าไหม”“ บ้าน่ะสิ คนบ้า! พาฉันกลับบ้านเดี๋ยวนี้นะ”“ อ๋อ..อยากให้ถึงที่บ้านเร็ว ๆ จะได้ฟ้องทุกคนงั้นสิ คราวนี้ถ้าคุณไม่ฟ้องจริง ๆ ผมจะเป็นฝ่ายบอกกับทุกคนเองเลยเป็นไง ว่าเรารู้สึกยังไงต่อกัน” “ อี๋..ใครไปมีความรู้สึกอะไรกับคุณกันล่ะแล้วก็ห้ามบอกเรื่อง..เรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด!”“ อะไรนะเรื่องจูบนี่น่ะหรือ ที่ห้ามบอกฮ่า ๆ”“ นี่คุณ!ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะ” หญิงสาวตวาดแว๊ดใส่ชายหนุ่มใบหน้าแดงก่ำด้วยความขัดเขินปนขุ่นเคืองเป็นกำลัง ต้นน้ำหัวเราะให้กับความไร้เดียงสาของหล่อนนัก ดวงหน้าขาวใสที่ออกเป็นสีแดงจาง ๆ แล้วตอนนี้ พร้อมด้วยการค้อน แสดงความเป็นธรรมชาติที่ไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด มันช่างถูกใจนัก สงสัยว่าเขาจะต้องไปเกี่ยวดองกับตระกูลไฮโซอีกคนเสียแล้วสิ เฮ้อ!“
แสงแดดยามเช้าส่งลงมายังสวนผลไม้ ทำให้บรรยากาศตอนนี้ช่างรื่นรมย์เหลือเกิน ล้อมดาวชอบบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติอย่างนี้ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หญิงสาวออกมาช่วยคนงานเก็บผลส้มอย่างเพลิดเพลิน จนไม่รู้ว่าได้เดินลึกเข้าไปในไร่อย่างไม่รู้ตัว พลางเขย่งเท้าเพื่อที่จะปลิดผลส้มที่อยู่สูงเกินมือจะเอื้อมถึง จึงมองหาบันไดที่คนงานเขามักจะใช้กันเมื่อเก็บลูกที่อยู่สูงขึ้นไป“ ทำอะไรน่ะ! เดี๋ยวก็ตกลงมาหรอก!” เพราะเสียงเข้มดุนั้นทีเดียวเล่นเอาเธอสะดุ้งตกใจ และไม่ทันตั้งตัวขณะที่ล้อมดาว ก้มลงไปมองยังเสียงเข้มดุคล้ายรำคาญเต็มทน สาวต่างถิ่นจึงตัดสินใจก้าวขาลงมา แต่กลับก้าวพลาด ทำให้ร่างของหล่อนร่วงจากบันไดทันที!“ ว๊ายยย!!” ตุ๊บ!! “ โอ้ย!..”“ เฮ้ย! ว่าแล้วเชียวต้องเป็นแบบนี้พูดยังไม่ทันขาดคำเลย โธ่เอ๊ย!ลุกไหวไหมล่ะทีนี้”“ ไม่ต้องมายุ่งเลยคนใจร้าย เมื่อไหร่จะหยุดแกล้งฉันเสียที ที่ผ่านมายังไม่พอใจอีกหรือ” คนอะไร ไม่อยากมองหน้าเลย ใบหน้าที่ดุดัน นัยน์ตาที่แฝงไปด้วยความร้ายกาจ ทั้งปาก ทั้งจมูก หล่อนเกลียดนัก ทำไมจะต้องมาเจอคนอย่างเขาด้วยนะ แล้วทำไมต้องมายุ่มย่ามกับหล่อนด้วยไม่เข้าใจเลยจริง ๆ“ พูดอะไรของคุณเนี่ย
“ คุณเข้ามาในห้องนี้ได้ยังไง นี่อย่าบอกนะว่า..คุณจะมาแก้แค้นเรื่องเมื่อวาน แล้วที่..ที่คุณทำกับฉันเมื่อวานยังไม่พอใจอีกเหรอ คน..คนไม่ดี..คนพาล ออกไปนะ ออกไป! ฉันเกลียดคุณ คนบ้า! ฮือ ๆ ฉันจะฟ้องทุกคนเลยคอยดู ฮือ ๆ ที่คุณกล้าทำกับฉันแบบนี้ ฮือ ๆ”เมื่อได้สติหญิงสาวก็กระโดดผลุงลงจากเตียง วิ่งไปหลบชิดกำแพงห้อง ราวกับว่ามันจะช่วยหล่อนได้กระนั้น พลางชี้หน้าด่าคนที่บังอาจเข้ามาในห้องที่หล่อนนอนอยู่ พูดไปร้องไห้ไป อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ต้นน้ำลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองจ้องไปยังหญิงสาวที่บัดนี้ตัวสั่นงันงกอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง ปากก็พร่ำว่าเขา พูดไปร้องไห้ไปอย่างกับเด็ก เอะอะก็จะฟ้องคนโน้นคนนี้ ก็เอาสิ ลองดูว่าจะทำอย่างที่พูดได้หรือเปล่า“ ก็เอาสิ ฟ้องก็ฟ้องเลย คราวนี้ล่ะเขาจะได้รู้กัน ว่าเราน่ะ..มีความลับต่อกันอยู่หึ ๆ” ชายหนุ่มกอดอก พูดเนิบ ๆ อย่างใจเย็น มองตอบกลับไปยังใบหน้าขาวสะอาดที่บัดนี้เปื้อนไปด้วยน้ำตา อย่างท้าทาย ก่อนจะเดินออกจากห้องมาหน้าตาเฉย หากในใจกลับอดรู้สึกสงสารเจ้าของใบหน้าที่ดูหวาดระแวง วิตกกังวล ใบหน้าอ่อนใสค่อนข้างแดงก่ำจะเพราะพิษไข้ หรือจากที่โ