ด้านมารียาที่มาอยู่ที่ดูไบได้หลายวันแล้วเธอก็เริ่มจะเข้าใจวัฒนธรรมของที่นี่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นประเทศมุสลิมที่ค่อนข้างเปิดกว้างเลยทีเดียว เธอล่ะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดูไบถึงเป็นเมืองที่เจริญแบบนี้ หลังจากที่เธอนั้นไปตระเวนเที่ยวกับพี่สาวของเธอมา
“กลับมากันแล้วเหรอ ผมอยากจะเจอพวกคุณสองคนอยู่พอดีเลย…พรุ่งนี้เพื่อนผมจัดงานแข่งรถที่ทะเลทราย คุณสองคนอยากจะไปด้วยไหม” จาซุสเอ่ยถามออกไป เพราะไม่รู้ว่าสองสาวจะสนใจหรือเปล่า
“ไปสิคะ ฉันอยากจะไปเห็นทะเลทรายแบบกว้างๆใหญ่ๆค่ะ” มารียารีบตอบไปแบบดีใจด้วยสายตาลุกวาว จนจาซุสนั้นอมย้ำขำๆ เพราะมันเหมือนกับตอนที่เขาชวนกวินตาไปเที่ยวทะเลทรายยครั้งแรกเลย เธอก็ดีใจแบบนี้แหละ แต่พอจบทริปนั้นเขาชวนเธอทีไรเธอก็ปฏิเสธเขาทุกทีเพราะอากาศมันค่อนข้างจะร้อนมากเลยทีเดียว
“แต่มันร้อนมากเลยนะมีน…มันไม่ได้ไปแบบสบายๆอย่างที่เราคิดเลยนะ พี่ว่าเราไม่ไปดีกว่ามั้ง” กวินตาพูดออกไปด้วยสีหน้าที่ขยาดเต็มที เมื่อได้ยินคำว่าทะเลทราย
“ไปเถอะค่ะพี่กวาง มีนมาดูไบทั้งทีก็ต้องไปให้ถึงทะเลทรายสิคะ น่านะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเองค่ะ อดทนเพื่อน้องหน่อยนะคะ นะคะพี่สาวคนสวย…”มารียาพูดอ้อนๆอย่างขอร้องพี่สาวของเธอไป
“น้องคุณเขาก็พูกขอร้องซะขนาดนี้แล้วคุณก็พาเขาไปเถอะ ถ้าคุณร้อนก็นั่งตากแอร์ในรถกก็แล้วกัน…เดี๋ยวผมจะเอารถไปสองคัน” จาซุสพูดบอกไปแบบอ่อนโยน เพราะเขารู้ว่าเธอไม่ชอบอากาศร้อนๆ แต่ที่แข่งก็พอจะมีเต้นท์แอร์ให้อยู่แล้ว ซึ่งเขาสามรถพาสองสาวเข้าไปนั่งพักกับพวกเพื่อนๆของเขาได้
“ทำไมต้องเอาไปสองคันคะ หรือว่าคุณจะแข่งรถกับพวกเพื่อนๆอีก” กวินตาเอ่ยถามออกไปเพราะคราวก่อนเขาก็แข่งมาจนเธอนั้นใจหายใจคว่ำไปหมดเลย
“อืม…พอดีฮัสลานมันลงแข่งน่ะ ผมกับราชิดก็ต้องลงแข่งด้วยน่ะสิ…ผมเลยอยากให้คุณไปให้กำลังใจผมไง แล้วคุณก็จะได้พาน้องสาวของคุณไปเปิดหูเปิดตาด้วยไง” จาซุสพูดบอกไปก็ยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน
มารียาที่ได้ยินทั้งสองพูดคุยกันนั้นมองแล้วยิ้มอย่างชอบใจ เพราะตั้งแต่เธอมาอยู่กับพี่สาวที่นี่ เธอก็เห็นจาซุสนั้นพูดจาและปฎิบัติกับพี่สาวของเธอดีมาก ดีจนไม่น่าเชื่อว่าพี่สาวของเธอจะเป็นแค่นางบำเรอของเขา เพราะการกระทำของจาซุสนั้นคือทำราวกับคนรักกันก็ไม่ปาน
“โอเคค่ะ ไปก็ไป…พูดกันขนาดนี้แล้วฉันก็ต้องไปไหมล่ะคะ” กวินตาพูดบอกไปแบบยอมๆ เพราะขอร้องกันขนาดนี้เธอจะไม่ยอมได้ยังไงกันล่ะ
“โอเค พรุ่งนี้ผมจะได้มีกำลังใจแข่งหน่อย แล้วถ้าผมชนะสองคนนั้นล่ะก็ ผมจะพาคุณกับน้องไปเลี้ยงฉลองแบบจัดเต็มเลย ฮ่าๆ” จาซุสพูดไปแล้วก็หัวเราะออกมา เพราะทุกการแข่งขันย่อมมีการเดิมเสมอและมันก็ไม่ใช่น้อยๆเลยด้วย
“งั้นเราสองคนจะเชียร์คุณเต็มที่เลยค่ะ…” กวินตาพูดบอกไปแล้วก็ยิ้มให้เขาไปอย่างเอาใจ เมื่อเห็นเขาได้ดูท่าทางมีความสุขแบบนี้
วันต่อมา ณ ทะเลทรายอาหรับในดูไบ
มารียาพอมาถึงก็เดินตามจาซุสและพี่สาวของเธอไปนั่นไปนี่จนเธอร้อนจนไม่รู้จะร้อนยังไงแล้ว ทำให้เธอเข้าใจเลยว่าทำไมพี่สาวของเธอไม่อยากจะมาอีกเป็นครั้งที่สองที่สามน่ะ แต่พอจาซุสพาพวกเธอเข้ามาในกระโจมใหญ่ๆนี่แล้วเธอก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันทีเลยเมื่อในนี้มันมีแอร์อยู่
“ไงวะจาซุส วันนี้ควงสาวมาสองคนเลยเหรอวะเนี่ย…เอ๊ะ..คนนี้หน้าคุ้นๆเหมือนคนที่แกเอามาด้วยตอนแข่งคราวก่อนนี่หว่า…” ราชิดที่นั่งอยู่เอ่ยทักทายเพื่อนหนุ่มไปแล้วมองสาวสวยทั้งสองคนที่เพื่อนหนุ่มพามาด้วยอย่างจำได้ว่าผู้หญิงคนที่ผอมเพรียวนั้นคือกวินตาซึ่งมันเคยพามาก่อน แต่คนที่อวบอิ่มมีน้ำมีนวลอีกคนนี่สิ แม่ง…น่าฟัดมากเลย ราชิดคิดในใจอย่างอดไมได้
“อืม..ก็คนเดิมนั่นแหละ ส่วนนี่มีนเขาเป็นน้องสาวของกวางเขา…” จาซุสพูดบอกไปด้วยสีหน้าเข้มๆ เพราะเขารู้ว่าเพื่อนหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ในหัว เขาจึงพูดแกมอธิบายให้มันได้รู้ว่าเขานั้นไม่ได้ควงสองมากแบบที่มันคิดอกุศล
“อ้อ น้องสาวของผู้หญิงของแกนี่เอง ฉันก็นึกว่าแกจะควบสองแล้วซะอีก ฮ่าๆ… คนนี้อยู่นานนิวะจาซุส…” ราชิดพูดไปก็หัวเราะออกมาอย่างขำๆ เพราะไม่คิดว่าเพื่อนหนุ่มจะอยู่กับคนนี้นานขนาดนี้ถ้านับตั้งแต่ที่เขาเจอตอนแข่งคราวก่อน
ด้านกวินตาที่ได้ยินแบบนั้นก็ทำหน้านิ่งๆออกไปเพราะคนพวกนี้นั้นชอบดูถูกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และนี่แหละคือหุตผลที่เธอนั้นไม่ค่อยอยากจะมา เพราะเธอไม่ใช่สาวๆที่จะมาคอยพูดเอาใจแบบคนอื่นๆ
ส่วนมารียาพอได้ยินเพื่อนของจาซุสพูดออกมาแบบนั้นก็ทำหน้าบึ้งออกมาทันที เพราะไม่ให้เกียรติผู้หญิงเอาซะเลย คิดว่ารวยแล้วจะพูดยังไงก็ได้เหรอ มารียาคิดในใจไปแบบโมโหที่เจอคนแบบนี้
“หุบปากของแกไปเลยราชิด…นี่มันเรื่องส่วนตัวของฉัน และฉันก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งวุ่นวายหรือว่าให้ผู้หญิงของฉันด้วย….” จาซุสพูดออกไปด้วยเสียงเข้มพร้อมกับทำสีหน้าดุๆออกไป
“โอเคๆ ฉันก็แค่พูดล้อเล่นน่า แกอย่าสนใจคนปากหมาแบบฉันเลยดีกว่า ส่วนคุณสองคนเชิญตามสบายเลยครับ อาหารเครื่องดื่มในนี้ทานได้ทุกอย่างเลย…” ราชิดได้ยินเพื่อนหนุ่มพูดแบบนั้นก็รู้เลยว่าเขาพูดไม่เข้าหูซะแล้ว เขาจึงพูดแบบนั้นออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดราม่านี้ทันที
“กวาง เดี๋ยวคุณพาน้องไปหาอะไรทานก่อนนะ ผมขอคุยกับเพื่อนของผมก่อน” จาซุสหันไปพูดบอกกวินตาไป แล้วเขาก็มองหน้าสบตากับเธออย่างเข้าใจ ก่อนจะหันไปมองหน้าของเพื่อนหนุ่มแบบเอาเรื่อง
“ค่ะ…มีน ไปกันเถอะ..” กวินตาพยักหน้าตอบไปก็ชวนน้องสาวของเธอเดินไปหาอะไรมาทานรองท้องรอการแข่งขันทันที พอสองสาวเดินไปจาซุสก็ขี้หน้าเพื่อนหนุ่มทันที
“ราชิด ต่อไปแกอย่ามาพูดดูถูกผู้หญิงของฉันอีก กวางเขาไม่ได้เหมือนกับคนอื่นๆที่แกเคยเห็น” จาซุสพูดบอกไปแบบจริงจัง เพราะเขาจะไม่ให้เพื่อนหนุ่มมาพูดเสียดสีอะไรใส่ผู้หญิงของเขาอีก
“ตอนแรกฉันก็คิดว่าแกเลี้ยงไว้เล่นๆแบบที่ผ่านมา แต่นี่แกเอาจริงเหรอวะเนี่ย…แกกำลังโกรธฉันเพียงเพราะฉันพูดแค่นั้นกับเขาเนี่ยนะ”ราชิดถามไปอย่างอยากรู้ เพราะเพื่อนเขาไม่เคยพูดแบบนี้กับเขาเลย แต่เพราะผู้หญิงคนนี้ทำให้เพื่อนเขาทำหน้าไม่พอใจใส่เขาได้ มันก็ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
“ใช่…และฉันหวังว่าฉันจะไม่ได้ยินอะไรแบบนั้นจากปากของแกอีกนะราชิด…” จาซุสพูดออกไปก็มองเพื่อนหนุ่มด้วยสายตาจดจ้อง
“โอเคๆ ฉันขอโทษ ต่อไปฉันจะระมัดระวังคำพูดของตัวเองมากกว่านี้…มาๆ มานั่งคุยกันรอฮัสลานมันมาดีกว่า อย่ามาเสียเวลากับเรื่องเมื่อกี้เลย” ราชิดพูดบอกไปแล้วก็เอามือตบที่เบอะเรียกเพื่อนหนุ่มออกไป
จาซุสก็เดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ข้างๆเพื่อนหนุ่มด้วยสีหน้าเซ็งๆ แล้วเขาก็ถูกเพื่อนหนุ่มสอบสวนเรื่องของกวินตาไป ซึ่งเขาก็เลือกที่จะพูดความจริงไปเลยว่าเขานั้นเลี้ยงกวินตามาปีกว่าๆแล้ว แล้วตอนนี้เขาก็พาเธอเข้าไปอยู่ในบ้านด้วย ทำให้ราชิดนั้นตกใจมากที่เพื่อนหนุ่มทำถึงขนาดนั้น
ด้านฮัสลานก็ขับรถมาจอดที่หน้ากระโจมใหญ่ของเพื่อนหนุ่มก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในกระโจมแบบเท่ห์ๆ แต่ระหว่างที่เขานั้นเอามือแหวกผ้าจะเข้าไป กลับมีคนจากด้านในแหวกผ้าออกมาเช่นกัน ทำให้เขานั้นยื่นหน้าไปใกล้กับคนที่เปิดผ้านั้นอย่างไม่ตั้งใจ
มารียาเองก็ตกใจแล้วทำตาโตมองคนตรงหน้าอย่างเกร็งๆเลยทีเดียว เพราะอีกแค่นิดเดียวหน้าเธอจะชนกับเขาอยู่แล้ว และมันก็ทำให้เธอนั้นได้มองสบตากับเขา จนเธอนั้นรีบถอยตัวเองออกมาอย่างเขินอาย
เช้าวันใหม่….ฮัสลานก็ตื่นขึ้นมาแล้วเห็นสภาพกางเกงของเขาถูกถอดแล้วท่อนเอ็นนอนนิ่งอยู่พร้อมกับคราบสีขาวๆติดท่อนเอ็นก็รู้เลยว่าเมื่อคืนเขาถูกมารียาจัดการแล้วแน่ๆ เขาก็หันไปมองข้างๆที่มีเธอนอนหลับอยู่เขาก็ยิ้มออกมาอย่างขำๆเลยทีเดียว“หึๆ นับวันยิ่งหื่นขึ้นเรื่อยๆ นี่ขนาดผมเมาคุณก็ยังจะมาขย่มผมอีกเหรอมีน คุณนี่มันสุดยอดเลยจริงๆ” ฮัสลานพูดออกมาเบาๆแล้วก็ยิ้มออกมาอย่างชอบใจเลยทีเดียว“ไม่ได้ ผมจะยอมให้คุณหื่นกว่าผมไม่ได้…ผมต้องเอาคืนหน่อยแล้ว” ฮัสลานพูดไปแล้วเขาก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ออกมา ก่อนจะค่อยๆขยับตัวออกจากเธอ แล้วเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นมา จากนั้นเขาก็มองเธอแล้วยิ้มอย่างอดขำไม่ได้เลย เมื่อเธอยังอยู่ในชุดเจ้าสาวที่หลุดหลุ่ยอยู่เลย เขาจึงเอามือดันกระโปรงเธอขึ้นไปแล้วเขาก็จัดการหมุดหน้าลงไปดูดเลียร่องสาวของเธอทันทีมารียาก็ได้แต่ครางออกมาเบาๆอย่างไม่รู้ตัว พอมามารู้ตัวตื่นอีกเธอเธอก็โดนเขาเสียบร่องสาวไปซะแล้วทำให้เธอต้องรับศึกษาหนักจากฮัสลานแต่เช้าตรู่เลยทีเดียวผ่านไปจนช่วงเย็นมารียาและฮัสลานก็ไม่มีวี่แววว่าจะออกมาจากห้องหอของทั้งสองเลย ทำให้ทุกคนที่คิดว่าทั้งสองนั้นเมาอาจะตื่นมาในช่วงบ่ายเลยไม่ม
จากนั้นประตูก็เปิดออกพร้อมกับไฟที่มืดสนิทก่อนจะมีแสงสว่างเป็นทางยาวไปที่เวทีที่ตอนนี้มีฮัสลานนั้นยืนรออยู่ มารียาก็มองอย่างตื่นเต้นเลยทีเดียว แล้วลูกๆของเธอก็ค่อยๆเดินนำเข้าไปช้าๆพร้อมกับโปรยดอกไม้เข้างานไป โดยมีหลานๆของเธอที่เดินตามนั้นช่วยกันโปรยตามเช่นกันพอมารียาเดินเข้ามาแสงไฟมันก็สาดส่องมาที่ขบวนของเธอเท่านั้นและไฟทั่วห้องจัดเลี้ยงก็ปิดลง พร้อมกับดอกไม้สีขาวก็ร่วงหล่นลงมาราวกับหิมะ ทำให้แขกที่มางานได้เห็นความสวบงามของขบวนเจ้าสาวที่เหมือนกับเทพนิยายเลยฮัสลานก็ยืนรอรับตัวมารียาด้วยรอยยิ้ม ยิ่งเขาเห็นลูกๆของเขาเดินนำมาด้วยรอยยิ้มสดใสในขณะที่โปรยดอกไม้ เขาก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขที่พยานรักของเขาและเธอนั้นได้เติบโตมาจนถึงวันสำคัญของเขาและมารียา พอถึงเวทีแล้วลูกๆของเขาก็รู้งานมาก รีบเดินจับมือกันแล้วยื่นกล่องแหวนมาให้เขา ทำให้แขกที่มางานนั้นพากันยิ้มเลยทีเดียว“แด๊ดดี้ครับ / แด๊ดดี้คะ ” อดัมและมารีม่าก็ยื่นกล่องแหวนให้ผู้เป็นพ่อไป…ฮัสลานก็คุกเข่าลงมาหาลูกๆของเขา แล้วเขาก็รับกล่องแหวนเอาไว้“ขอบคุณครับคนเก่งของแด๊ดดี้ จุ๊บ…จุ๊บ…มา..มายืนกับแด็ดดี้ตรงนี้นะครับ…” ฮัสลานพูดไปแล้วเขาก็หอมแก้ม
พอเช้าวันใหม่…มารียาก็ต้องออกไปลองชุดกับมุกดาและกวินตาพี่น้องของเธอทั้งสองคนที่จะมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้กับเธอ ซึ่งทั้งสองก็ต้องไปลองชุดที่สั่งตัดมาให้ ทำให้พวกหนุ่มๆนั้นว่างจึงเอาเด็กๆฝากคุณปู่คุณย่าและคุณยายให้ช่วยกันเลี้ยงชั่วคราว เพราะพวกเขาก็ต้องไปเต้นเช่นกันโดยฮัสลานก็เอาอดัมไปเต้นกับเขาด้วย ส่วนจาซุสก็เอาฟาดีนไปเต้นคู่กับอดัมด้วยเช่นกันณ งานแต่งงานของมารียาและฮัสลาน…ก็ถูกจัดขึ้นมาอย่างสวยงามและอลังการไปด้วยดอกไม้ที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นกำแพงเลย พร้อมกับมีรูปช่วงเวลาที่ผ่านมาของทั้งสองนั้นตั้งเรียงไปเป็นทางเข้าอย่างสวยงาม ทำให้แขกเรื่อยที่มาได้เห็นความรักของทั้งสองจนกระทั่งมีลูกคนแรกจนถึงลูกคนที่สามเลยทีเดียว พอเดินผ่านประตูงานเข้าไปด้านในเพดานก็ไฟห้อยเป็นทางราวกับในเทพนิยายเลย“อื้อหือ….คุณฮัสลานนี่เขาทุ่มเพื่อมีนจริงๆ…ยิ่งใหญ่และอลังการสุดๆไปเลย…” ปรมินทร์อุ้มลูกสาวตัวน้อยมาแล้วพูดออกไปเมื่อได้เข้ามาในงานแต่งงานของมารียาและฮัสลานแล้ว ซึ่งมันใหญ่แล้วก็อลังการมากๆ มากจนเขาเองก็คงจัดไม่ได้ถึงขนาดนี้หรอก“ก็คุณฮัสลานเขาระดับไหนล่ะคะพี่ปาล์ม ดูแขกที่มาแต่ล่ะคนสิคะ ใส่เครื่องเพรชประโคม
เวลาผ่านไปจนกระทั่งเย็นครอบครัวของมุกดาก็เดินทางมาถึงดูไบโดยมีมารียาและฮัสลานกับลูกๆนั้นไปรับ ก่อนจะพากันเอาของไปไว้กันที่โรงแรมของฮัสลาน จากนั้นก็ไปทานอาหารเย็นที่บ้านของฮัสลาน เพราะจะได้มีพี่เลี้ยงหลายๆคนช่วยดูแลเด็กๆด้วย พอเด็กๆเจอห้องของเล่นเข้าไปก็ไม่มีใครสนใจพ่อแม่อีกเลย ทำให้พวกผู้ใหญ่นั้นได้คุยกันมากขึ้น“พี่มีนทำไมไม่มาอยู่บ้านของพ่อแม่คุณฮัสลานเขาล่ะคะ ใหญ่แล้วก็กว้างขวางขนาดนี้แล้วยังมีแม่บ้านแล้วก็พี่เลี้ยงช่วยดูแลลูกอีกเป็นสิบ…ดีออกค่ะ จะไปอยู่เพ้นท์เฮ้าท์ทำไมคะ” มุกดาพูดออกไปเพราะบ้านพ่อแม่ของฮัสลานน่ะเรียกว่าเป็นคฤหาสน์เลยก็ว่าได้ แต่พี่สาวเธอกลับไม่มาอยู่ที่นี่ ทั้งที่มันก็สะดวกสบายทุกอย่างเลย“พี่น่ะอยากจะมานะ แต่คุณฮัสลานน่ะเขาไม่อยากจะมาอยู่ที่นี่ เพราะเขาอยากจะมีความเป็นส่วนตัว ไม่ใช่คนพลุกพล่านแบบที่นี่ แต่มันก็ดีนะพี่กับเขาจะได้ใช้เวลาอยู่กับลูกให้เต็มที่ไง…” มารียาพูดบอกไปตามตรง“มันก็ดีค่ะ…แต่เท่าที่มุกเห็นพ่อแม่คุณฮัสลานก็สปอยหลานกันใช่ย่อยเลยนะคะ ถึงขั้นมีห้องของเล่นใหญ่ขนาดนั้นให้หลานเลย ถือว่าพี่มีนน่ะโชคดีแล้วล่ะค่ะที่มีพ่อแม่สามีดีแบบนี้น่ะ มุกดีใจด้วยนะค
“ไม่สำคัญแต่รีบซ่อนทันทีที่เห็นฉันเนี่ยนะคะ…จะคุณหลบหรือไม่หลบคะคุณฮัสลาน! อย่าทำให้ฉันต้องโมโหคุณนะคะ ฉันจะนับหนึ่งถึงสามเท่านั้น ถ้าคุณไม่หลบ แสดงว่าคุณไม่มีอะไรปิดบังฉัน…หนึ่ง….สะ” มารียาพูดออกไปแล้วเธอก็มองเขาแบบดุๆ“โอเคๆ ผมหลบแล้ว คุณอยากจะดูก็ดูเลย แต่ดูแล้วต้องฟังคำอธิบายจากผมด้วยนะ ห้ามงอน ห้ามโกรธผม” ฮัสลานพูดบอกไปอย่างรู้เลยว่าถ้าเธอเห็นแล้วเขาจะต้องเจออะไร แต่ถ้าเขายิ่งห้ามไม่เธอเห็นน่ะ เธอก็จะยิ่งโกรธเขาน่ะสิ เขาจึงต้องค่อยๆขยับตัวหลบไป“ก็ให้มีนดูก่อนสิคะว่าคุณซ่อนอะไรเอาไว้…ไหนดูสิคะ…พรึบ….” มารียาพูดไปก็เอามืออุ้มลูกข้างหนึ่งแล้วเธอก็เอามืออีกข้างไปดุงลิ้นชักของฮัสลานออกมา แล้วเธอก็เห็นภาพถ่ายของผู้หญิงสามสี่รูปถูกยัดใส่ลิ้นชักนี่ เธอก็หยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วมองอย่างจดจ้องเลยทีเดียว กับภาพของหญิงสาวชาวอาหรับที่ดูสวยและดูเป็นผู้ลากมาดีเอามากๆ ดูจากการแต่งตัวก็รู้ว่าเป็นผู้หญิงสูงศักดิ์หรือมีฐานะ“คุณจะอธิบายรูปพวกนี้ยังไงคะคุณฮัสลาน…ทำไมคุณถึงได้มีรูปของผู้หญิงคนนี้ไว้ในลิ้นชักของคุณได้คะ เขาเป็นใคร ” มารียาเอามือหยิบรูปขึ้นมาแล้วเอ่ยถามเขาไปด้วยสีหน้าจดจ้องอย่างโมโห เพ
ด้านฮัสลานและมารียาที่อยู่ด้วยกันมาก็เข้าปีที่ห้าแล้วและตอนนี้ทั้งสองก็มีลูกด้วยกันถึงสามคนนั่นก็คืออดัมวัยสี่ขวบ มารีม่าวัยสามขวบและอัลลาในวัยขวบครึ่ง และเธอก็ทำหน้าที่ภรรยาและแม่ของลูกได้อย่าง จนฮัสลานนั้นรักเธอแบบหัวปักปรำชนิดที่สาวคนไหนเข้าหาเขาก็ไม่คิดที่จะสนใจใครเลยสักคน“คุณฮัสลาน ผมได้ข่าวว่าคุณกำลังจะแต่งงานกับภรรยาเร็วๆนี้แล้ว…แต่ผมก็ยังอยากจะขอร้องคุณให้ช่วยรับลูกสาวของผมเป็นภรรยาของคุณอีกคนได้ไหม….ผมอยากจะตอบแทนที่คุณช่วยผมไว้ครั้งนี้…” มัลเดลีนักธุรกิจผู้มั่งคั่งพูดออกไป เพราะเขาอยากจะเอาลูกสาวมาเชื่อมความสัมพันธ์กับฮัสลานให้มันแนบแน่นมากยิ่งขึ้นหลังจากที่ฮัสลานได้ช่วยธุรกิจน้ำมันของเขา“ผมต้องการที่จะมีภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น….ดังนั้นผมคงจะรับความหวังดีจากคุณไม่ได้…” ฮัสลานพูดบอกไปแบบไม่สนใจ เพราะแค่มารียาคนเดียวเขาก็เพียงพอแล้ว เขาไม่ได้ต้องการใครอีก“ก่อนที่คุณจะปฎิเสธ คุณดูรูปลูกสาวของผมก่อนเถอะ บางทีคุณอาจจะถูกใจลูกสาวของผมก็ได้…นี่บีนาลีลูกสาวของผม…” มัลเดลีพูดไปก็เอารูปลูกสาวของเขาส่งให้ฮัสลานดูหลายรูปเพื่อให้เขาพิจารณา และเขามั่นใจว่าลูกสาวของเขานั้นสวยและเป็นที