แชร์

ตอนที่ 3 แสงที่ถูกบดบัง 

ผู้เขียน: MoonDust
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-16 20:29:43

ฉันยืนก้มหน้านิ่งในห้องทำงานของคุณพิชิตผู้เป็นบิดา...ในนาม บรรยากาศห่างเหินอย่างเห็นได้ชัด ภายในห้องทำงานเงียบเชียบ ได้ยินเพียงเสียงขีดเขียนกระดาษของชายวัยกลางคนที่นั่งที่โต๊ะทำงานเท่านั้น

“หายดีหรือยัง?”

ฉันชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะรีบตอบกลับ แม้จะยังไม่เข้าใจว่านั่นคือคำถามด้วยความห่วงใยหรือเพียงแค่ต้องการให้ฉันกลับมาทำงาน

“คะ? เอ่อ... หายดีแล้วค่ะ” คุณพิชิตพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“ดี... จะได้กลับมาทำงานต่อ รายงานล่ะ?”

ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อย รายงาน? รายงานอะไร

“รายงาน...” ฉันทวนคำโดยไม่ตั้งใจ สมองยังคงประมวลผลกับบทสนทนาที่เกิดขึ้น

คุณพิชิตเงยหน้าขึ้นจากเอกสารเล็กน้อย แววตาเรียบนิ่งแต่ทรงอำนาจ

“รายงานตัวเลขของบริษัทที่แกบอกว่าจะส่งให้ฉัน”

ฉันเม้มริมฝีปากแน่น

นั่นหมายความว่าที่วราลีเป็นที่ปรึกษาลับ ๆ ให้พิชิต... เป็นเรื่องจริงสินะ

ฉันอาจไม่ใช่วราลีคนเดิม แต่สถานการณ์ในตอนนี้บังคับให้ฉันต้องรับบทนี้ต่อไป

“อ้อ...” ฉันพยายามตอบให้เป็นธรรมชาติที่สุด “อยู่ในห้องนอนค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะไปเอามา”

“อืม”

แค่คำตอบสั้น ๆ ฉันก็ได้รับอนุญาตให้ออกจากห้อง

ฉันหมุนตัวเดินออกไป ทิ้งให้บรรยากาศเงียบงันกลับเข้ามาครอบคลุมห้องนั้นอีกครั้ง เขาไม่ได้เรียกฉันเข้ามาดุด่า หรือซักถามเรื่องเมื่อครู่... เขาเพียงแค่ต้องการ ‘รายงาน’ จากฉัน

นั่นหมายความว่า วราลีไม่ได้เป็นเพียงลูกเมียน้อยที่ถูกมองข้าม...

แต่เธอคือมันสมองที่อยู่เบื้องหลังธุรกิจของเขาจริง ๆ

ฉันเดินกลับมาที่ห้อง มองหาแฟ้มเอกสารที่น่าจะเป็นไปได้ แล้วก็พบเข้ากับสมุดบัญชีและสมุดบันทึกจำนวนหนึ่งบนชั้น ฉันรีบคว้ากองสมุดเหล่านั้นออกมาดู ทันทีที่มือเปิดสมุดบันทึกเล่มแรก ภาพความทรงจำก็แวบเข้ามา เหมือนภาพยนตร์ที่ฉายซ้อนทับกับความเป็นจริง...

คืนหนึ่ง

วราลีในวัยเพียง 18 ปี นั่งคุดคู้อยู่มุมห้องทำงานของนายพิชิต แอบฟังการประชุมระหว่างพ่อกับทีมผู้บริหารโรงสีอย่างตั้งใจขณะทำความสะอาด เธอจดบันทึกตัวเลขและปัญหาต่างๆ ลงในสมุดเล่มเล็กที่ซ่อนไว้ในกระเป๋ากระโปรง

"เราขาดทุนติดต่อกันสามไตรมาสแล้ว" เสียงผู้จัดการใหญ่รายงาน "ต้นทุนพุ่งสูงขึ้น แต่ราคาขายถูกกดดันจากคู่แข่ง"

"แล้วจะให้ฉันทำยังไง!?" พิชิตตวาด ขว้างแก้วน้ำลงพื้น วราลีสะดุ้ง แต่รีบก้มหน้าเก็บเศษแก้ว

เช้าวันต่อมา วราลีเข้ามาที่ห้องทำงาน เธอวางแฟ้มเอกสารตรงหน้าผู้เป็นบิดา

“นี่เป็น... การวิเคราะห์ปัญหาและแนวทางแก้ไขปัญหาการขาดทุน....ที่อาจจะช่วยคุณได้ค่ะ” วราลีก้มหน้างุด

นายพิชิตปรายตามองหญิงสาวอย่างดูถูกก่อนจะพูดออกมาเพียงหนึ่งคำ

“อวดดี” เขาเปิดอ่านอย่างไม่ใส่ใจ แต่ยิ่งอ่านก็ยิ่งทึ่ง การวิเคราะห์ลึกซึ้ง มองเห็นจุดอ่อนที่คนอื่นมองข้าม และเสนอวิธีแก้ปัญหาที่ปฏิบัติได้จริง

"แกเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน?" นายพิชิตถาม

"หนู... หนูแอบฟังการประชุมค่ะ" วราลีตอบเสียงสั่น "แล้วหนูก็…เรียนรู้จากหนังสือในห้องสมุด หนูขอโทษที่แอบ..."

"พรุ่งนี้ มาที่นี่ตอนห้าโมงเย็น" เขาพูดตัดบท "ฉันมีงานให้ทำ"

นั่นคือจุดเริ่มต้น วราลีกลายเป็นที่ปรึกษาลับของพ่อ เธอวิเคราะห์ตัวเลข หาจุดรั่วไหล และเสนอแนวทางแก้ไข

"คุณชายต้องปรับระบบจัดการสต๊อกใหม่ค่ะ" วราลีอธิบายในวันหนึ่ง "ตอนนี้เราสูญเสียข้าวเปลือกระหว่างขนส่งเกือบ 20% แต่ถ้าปรับระบบตามนี้ จะลดลงเหลือไม่เกิน 5%"

นายพิชิตพยักหน้า อ่านรายงานที่เธอเตรียมมาอย่างละเอียด 

"แกฉลาดเหมือนกัน" เขาพึมพำ แต่ไม่เคยพูดออกมาดัง ๆ

ภายในสามเดือน โรงสีเริ่มพลิกฟื้น ยอดขาดทุนลดลง และเริ่มมีกำไรในไตรมาสถัดมา ทุกคนสงสัยว่านายพิชิตทำได้อย่างไร แต่ไม่มีใครรู้ว่าคนอยู่เบื้องหลังคือลูกสาวนอกสมรสที่เป็นเพียงคนรับใช้

ภาพตัดไปตอนที่วราลีอายุ 19 ปี นั่งขดตัวอยู่มุมห้องสมุดที่เต็มไปด้วยฝุ่น เธอแอบมาที่นี่ทุกคืนหลังเสร็จงานบ้าน ในมือถือหนังสือการเงินและการบัญชีที่หยิบมาจากชั้นหนังสือเก่า

"มันไม่ยากเลย..." เธอพึมพำ จดบันทึกลงในสมุดเล่มเล็ก "ถ้าเข้าใจหลักการพื้นฐาน ทุกอย่างก็เชื่อมโยงกันหมด"

กองเอกสารเก่าวางอยู่ข้าง ๆ รายงานการเงิน บันทึกการประชุม สัญญาธุรกิจ ทั้งหมดถูกทิ้งไว้ในห้องสมุดที่ไม่มีใครใช้แล้ว แต่สำหรับวราลี นี่คือขุมทรัพย์แห่งความรู้ เธอใช้ห้องสมุดเป็นมหาวิทยาลัยส่วนตัว อ่านทุกอย่างที่หาได้ การบริหารธุรกิจ การเงิน การตลาด กฎหมาย บัญชี

วราลีเริ่มทำความเข้าใจธุรกิจของครอบครัว วิเคราะห์ปัญหา คิดหาทางแก้ไข จดบันทึกทุกอย่างไว้ในสมุดหลายเล่ม

ภาพตัดไปอีกครั้ง วราลียืนอยู่ในห้องทำงานของนายพิชิต

"คุณชายคะ..." วราลียื่นกระดาษแผ่นหนึ่งให้นายพิชิต "หนูได้ทุนเรียนฟรีที่คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาลัย A ค่ะ"

นายพิชิตเหลือบมองผลการเรียนเกรดเฉลี่ย 4.00 และจดหมายรับรองการได้ทุนเรียนฟรีตลอดหลักสูตรในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ

"เรียนไปทำไม?" นายพิชิตถามเสียงเย็น "แกมีหน้าที่ดูแลบ้าน ทำงานใช้หนี้บุญคุณที่ฉันเลี้ยงแกมา"

"แต่หนูได้ทุนฟรีเลยนะคะ" น้ำตาเริ่มคลอ "ไม่ต้องใช้เงินคุณด้วยซ้ำ..."

"ไม่!" นายพิชิตตวาด

แต่แล้วนางแพรวก็กล้าพูดขึ้น "คุณชายคะ... ถ้าวราลีได้เรียน เธออาจช่วยงานบริษัทได้..."

นายพิชิตชะงัก นึกถึงปัญหาในโรงสีที่กำลังเผชิญและความสามารถของเธอที่ช่วยบริษัทก่อนหน้า

"งั้นเรามาตกลงกัน..." เขาหันมาหาวราลี "ฉันจะให้แกเรียน แต่มีเงื่อนไข"

"อะไรก็ได้ค่ะ" วราลีตอบทันที

"หนึ่ง แกต้องปิดเป็นความลับว่าเป็นลูกฉัน ต้องไม่มีใครที่มหาวิทยาลัยรู้ สอง แกต้องช่วยงานโรงสีทุกวันหลังเลิกเรียน และสาม... ทุกความสำเร็จของแก ต้องเป็นของฉัน"

วราลีพยักหน้ารับทุกข้อ ขอเพียงได้เรียน

สี่ปีต่อมา

วราลีจบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เธอได้รับการทาบทามจากบริษัทใหญ่หลายแห่ง แต่ทุกข้อเสนอถูกปฏิเสธโดยนายพิชิต

"แกต้องอยู่ช่วยงานที่นี่" เขาบอก

วราลีพลิกฟื้นธุรกิจด้วยความรู้ที่เรียนมา ทั้งปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ วางระบบบัญชีและการเงินที่ทันสมัย พัฒนาแผนการตลาดที่แข่งขันได้ แต่ทุกความสำเร็จถูกนำเสนอในนามของนายพิชิต

"พ่อเก่งจังเลยนะคะ" พลอยไพลินชม หลังการประชุมผู้ถือหุ้น "สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้"

นายพิชิตยิ้มรับคำชม ขณะที่วราลียืนถือถาดน้ำชาอยู่มุมห้อง ไม่มีใครสังเกตรอยยิ้มขื่น ๆ บนใบหน้าเธอ

ฉันกะพริบตาถี่เมื่อความทรงจำเก่าเลือนหายไป เหลือเพียงความรู้และความเข้าใจที่ตกผลึกขึ้นมาแทน ภาพข้อมูล ตัวเลข แผนงานต่างๆ ไหลเข้ามาในหัวราวกับฉันเป็นวราลีคนนั้นมาตั้งแต่แรก

ฉันลูบสมุดบันทึกเก่าของเธอ ไล่สายตาไปตามตัวหนังสือที่จดเรียบเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ ทั้งการวิเคราะห์ธุรกิจ โอกาสในการลงทุน และจุดอ่อนของโรงสี

"เธอเก่งมาก..." ฉันพึมพำกับตัวเอง มองไปที่สมุดบันทึกหน้าแรกที่เธอเขียนเป้าหมายของเธอเอาไว้

Goal : ทำให้บริษัทของพ่อเจริญรุ่งเรือง ให้แม่ได้อยู่สุขสบาย! พร้อมหน้ายิ้มและมือชูสองนิ้วที่เธอวาดเอง

 

หากได้รับโอกาสที่เท่าเทียมกว่านี้ เธอคงไปได้ไกลกว่านี้มาก และอาจไม่มีใครกล้าดูแคลนเธอแบบที่ผ่านมา

ฉันลุกขึ้นยืน กำสมุดบันทึกไว้แน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงหนักแน่น

"ฉันจะทำเป้าหมายของเธอให้เป็นจริงเอง"

"คุณชายคะ" ฉันวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะของนายพิชิต สายตาของเขาตวัดมองมาครู่หนึ่งก่อนจะหยิบแฟ้มขึ้นมาเปิด

แฟ้มหนากว่าเดิมเกือบสองนิ้ว ภายในมีทั้งรายงานตัวเลข สถิติ และการวิเคราะห์เชิงลึกที่ตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว

"ดิฉันตรวจสอบตัวเลขทั้งหมดแล้วค่ะ" ฉันกล่าวเสียงเรียบ

นายพิชิตกวาดตามองสรุปผลที่ฉันเรียบเรียงไว้ กราฟตัวเลขชี้ให้เห็นชัดว่าสถานการณ์ของบริษัทเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

"ยอดขายเพิ่มขึ้น 15% ต้นทุนลดลง 20% แต่..."

"แต่อะไร?" เสียงเขาเย็นชาเช่นเคย

"เรายังต้องการเงินทุนอีกอย่างน้อย 500 ล้านเพื่อประคองสภาพคล่อง" ฉันพลิกไปอีกหน้า "ธนาคารปฏิเสธการปล่อยกู้เพิ่มเพราะเรามีหนี้เสียสะสม และ..."

ฉันชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป

"พูดมา" นายพิชิตเงยหน้าขึ้นมองฉันนิ่ง

“และถ้าเราไม่หาเงินทุนมาได้เร็ว ๆ นี้" ฉันพูดต่อ "โรงสีจะไม่มีเงินจ่ายค่าข้าวเปลือกในเดือนหน้า ชาวนาที่รอเงินอยู่จะเดือดร้อนหนัก"

เขายืนนิ่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเข้ม

"มีข้อเสนออะไรไหม?"

"เราต้องหาพันธมิตรที่แข็งแกร่งมาร่วมลงทุน... แต่ต้องเป็นคนที่เราไว้ใจได้"

"ใครจะมายุ่งกับโรงสีที่กำลังมีปัญหา?" เขาหัวเราะเยาะเบา ๆ ดวงตาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย "แต่...ฉันจะลองหาทางดู"

...ไม่รู้ว่าการเสนอทางออกในวันนี้จะกลายมาเป็นเชือกรัดคอฉันในวันหน้าหรือเปล่านะเนี่ย...

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนพิเศษ 2 ครั้งหนึ่งเคยเจอกัน

    เลือดอุ่น ๆ ไหลผ่านแผลที่หน้าท้อง เปื้อนเสื้อพรางจนไม่รู้ว่าสีจริงของมันเป็นสีอะไรกันแน่อลิสากัดฟันแน่น พิงตัวกับโขดหินในป่ารก หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ“บ้าเอ๊ย…ล่อพวกเราเข้าไปตายชัด ๆ”เสียงปืนที่เคยดังสนั่นเมื่อชั่วโมงก่อนยังดังก้องอยู่ในหัวเธอจำภาพตอนที่ลูกทีมคนหนึ่งล้มทั้งยืนได้ชัด คำสั่งล่าถอยถูกขัดจังหวะด้วยระเบิดแรงสูง และหลังจากนั้น...ก็ไม่มีเสียงของใครอีกเลย นอกจากลมหายใจตัวเอง ตอนนี้เธอหนีมาไกลหลายกิโลเมตรจากจุดที่ปะทะครั้งสุดท้ายอลิสาขยับตัวอีกนิด ร่างกายประท้วงทันทีด้วยความเจ็บและเหนื่อยล้าเธอแตะวิทยุสื่อสารที่อยู่ด้านในเสื้อ...ไร้สัญญาณไม่มีเสียงตอบ ไม่มีอะไรนอกจากเสียงของลมกับนก“ฉันต้องไม่ตายที่นี่…ฉันจะไม่ตายในป่าเงียบ ๆ แบบนี้แน่”เธอเริ่มคลานต่อ มือจับปืนไว้แน่นข้างตัว ทุกย่างก้าวคือการต่อรองกับความอดทน ภาพรอบตัวเริ่มเบลอจากเลือดที่เสียไป แต่สัญชาตญาณยังผลักให้เธอไปข้างหน้าจนกระทั่ง...เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นกร๊อบ...กร๊อบ...เสียงกิ่งไม้หัก เสียงเท้าเดินบนพื้นใบไม้ชื้น เสียงนั้นเบา แต่ไม่เบาพอจะรอดหูของเธอไปได้ อลิสากระชับปืน ปรับทิศสายตาดึงพลังเฮือกสุดท้ายให้

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนพิเศษ 1 ความอดทนของสามี

    ช่วงนี้ภูริรู้ตัวว่า…เขากำลังเข้าสู่โหมด ‘กลั้นใจ’ เต็มรูปแบบเพราะตั้งแต่แต่งงานกันมา พูดกันตรง ๆ เลยว่าเขาก็หื่น แต่หื่นแบบ รักมาก หลงมาก มองเมียทีไรก็อยากกระโจนใส่ทุกครั้งแต่ใช่ว่าวราลีจะไม่รู้ เมื่อไม่กี่วันก่อน เธอหันมามองเขาตอนเช้าแล้วพูดเสียงอ่อนว่า“พี่ภูคนดีคนเดิมหายไปไหน…”พร้อมทำตาแป๋ว ๆ นอนกอดผ้าห่มอยู่บนเตียง ในขณะที่เขายืนใส่กางเกงนอนอยู่ข้างหน้า…“ทำไมเหลือแต่คนหื่น…”แค่คำนั้นคำเดียว ทำเอาเขารู้สึกเหมือนหมาตัวโต ๆ ที่โดนตีหัวเบา ๆ ด้วยไม้เรียวเมียตั้งแต่นั้นมา เขาก็พยายาม ‘เป็นคนดีคนเดิม’ ไม่รุก ไม่ปล้ำ ไม่ซุกซนยามดึกแม้จะนอนเตียงเดียวกันทุกคืน…แม้จะได้เห็นเธอใส่ชุดนอนสายเดี่ยวตัวหลวมที่ชอบหล่นจากไหล่ แม้จะมีบางคืนที่เธอเอาขามากอดเขาทั้งตัว…แต่เขาก็อดทนคืนแรก…เขาหันหลังให้คืนที่สอง…เขาเปิดพอดแคสต์วิธีฝึกสมาธิก่อนนอนคืนที่สาม…เขาสวดบทภาวนาขอพรจากจักรวาลให้เขาผ่านคืนนี้ไปได้แต่แล้วก็…คืนนี้...เขาเห็นวราลีก้มลงหยิบของจากพื้น โดยที่เสื้อยืดคอกว้างเผยให้เห็นเนินอกอิ่มเต็มตา เสี้ยววินาทีนั้นเขาเหมือนโดนตบหน้าโดยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เพิ่งขอพรไป“อดทนไว้ภูริ…อดทนเพื

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   บทส่งท้าย

    เสียงเพลงบรรเลงแผ่วเบาดังคลอภายในโบสถ์หินอ่อนที่ประดับด้วยดอกไม้โทนขาวครีมและเขียวอ่อน สะอาดตาและอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก แสงแดดจากหน้าต่างกระจกสีที่สูงจรดเพดานสาดลงมาอย่างอ่อนโยนราวกับพระเจ้ากำลังอวยพรฉันยืนอยู่หลังประตูไม้ของโบสถ์ ลมหายใจตื่นเต้นจนต้องกลั้นเอาไว้ มือแน่นิ่งอยู่ในอ้อมแขนของคุณพิชิตผู้เป็นบิดา ที่วันนี้มารับหน้าที่จูงฉันเข้าไปในโบสถ์“พร้อมไหม” เขาถามเสียงเบาฉันพยักหน้า กลั้นยิ้มอย่างเกร็งนิด ๆ“พร้อมค่ะ”ประตูโบสถ์เปิดออก เสียงเปียโนท่อนแรกของ Canon in D ดังขึ้นทุกสายตาหันมามองฉันในชุดเจ้าสาวสีงาช้างที่ตัดเข้ารูปอย่างสง่างาม ผ้าคลุมยาวลากพื้นพลิ้วไหวตามจังหวะก้าวเดินคุณหญิงสมศรียิ้มกว้างสุดหัวใจ น้ำตาคลอจนต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดบ่อยครั้ง แต่ไม่วายหันไปกระซิบกับนาลันว่า“สวยเหมือนย่าตอนสาว ๆ เลยใช่ไหมล่ะ”นาลันหัวเราะเบา ๆ ยกนิ้วโป้งให้ฉันแทนคำชม ข้าง ๆ เธอ ภาวินท์และชนกันต์ยกกล้องขึ้นถ่ายช็อตสำคัญไม่หยุด ส่วนพลอยไพลินที่นั่งเงียบ ๆ อยู่ข้างแม่ฉัน ก็ยิ้มบา

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 46 ฤกษ์ดี

    แสงเจิดจ้าระยิบระยับจากแชนเดอเลียร์หรูหราขนาดใหญ่ภายห้องโถงใหญ่ในโรงแรมระดับห้าดาวกลางใจเมืองดูจะแพ้แสงแฟลชจากเหล่ากล้องสื่อมวลชนที่เข้าประจำการตั้งแต่เช้า ด้านหน้าตึกแน่นขนัดไปด้วยผู้คน ทั้งสื่อ นักข่าว แขกผู้มีเกียรติ และหุ้นส่วนธุรกิจจากทั่วเอเชียที่ต่างเดินทางมาเพื่อร่วมเป็นพยานในวันสำคัญของ ‘ภูริ ทรัพย์ไพศาลอนันต์’ข่าวการขึ้นรับตำแหน่งผู้นำสูงสุดของ TP กรุ๊ป ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนผ่านภายในตระกูล แต่คือ ‘เหตุการณ์ระดับชาติ’ สำหรับวงการธุรกิจสื่อทุกแขนงถ่ายทอดสด บรรยายตื่นเต้นราวกับกำลังดูฟุตบอลนัดชิง พาดหัวข่าวเตรียมไว้ล่วงหน้าแล้วทั้งคำว่า‘ทายาทหมื่นล้านเปิดตัวอย่างสง่างาม’‘ภูริ ผู้นำอาณาจักรทรัพย์ไพศาลอนันต์สู่อนาคตใหม่’หรือแม้แต่ ‘จับตา! ยุคใหม่ของ TP กรุ๊ปจะไปทางไหนเมื่ออยู่ภายใต้ผู้นำคนใหม่’แต่ในห้องรับรองชั้นบนสุดของตึก…โลกทั้งใบของภูริกลับเงียบงัน มีเพียงเสียงสูดหายใจลึก ๆ ของเขา กับมือเล็ก ๆ ที่กำลังช่วยจัดปกสูทให้เข้าที่“แน่ใจเหรอครับว่าพี่ไม่ดูต

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 45 ยิ้มกว้าง

    เสียงเครื่องวัดชีพจรเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอในห้องสีขาวสะอาดตาฉันรู้สึกถึงความเย็นของผ้าปูเตียง และกลิ่นแอลกอฮอล์จาง ๆ ลอยเข้าจมูกเมื่อค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพแรกที่เห็นคือเพดานโรงพยาบาล และแสงแดดอ่อนยามเช้าส่องลอดผ้าม่าน“ฟื้นแล้วเหรอครับ ลูกพี่”เสียงคุ้นเคยดังขึ้นข้างเตียง ก่อนที่ใบหน้าของชนกันต์จะโผล่เข้ามาในสายตาฉันพยายามยันตัวขึ้น เขารีบช่วยประคองทันที“ใจเย็นครับ เพิ่งได้สติไม่ถึงชั่วโมงเอง”ฉันยิ้มบาง พลางหลุบตาลง“…เรา…ชนะแล้วเหรอ?”ชนกันต์พยักหน้า“ครับ พวกผมเข้าเคลียร์พื้นที่ทั้งหมดหลังเสียงปืนนัดสุดท้าย ฝ่ายเราเข้าควบคุมโกดังได้หมดแล้ว พวกของจงเหวินที่เหลือถูกจับเรียบ พร้อมของกลางเป็นอาวุธเถื่อนล็อตใหญ่…ตอนนี้เป็นข่าวใหญ่ระดับประเทศเลยล่ะครับ”ฉันถอนหายใจยาว ความโล่งอกแล่นวาบไปทั่วร่างแม้จะยังอ่อนแรง“แล้ว…ภูริล่ะ?”ชนกันต์ยิ้ม“ห้องตรงข้ามนี้เองครับ พักฟื้นอยู่เหมือนกัน ผมว่าจะไปเยี่ย

  • วราลีคนนี้ไม่เหมือนเดิม   ตอนที่ 44 ปิดฉาก

    สายตาฉันเหลือบไปเห็นมอเตอร์ไซค์อีกคันนอนตะแคงอยู่ข้างถนน ห่างออกไปไม่ถึงสิบเมตร...คันนั้นยังดูใช้งานได้ฉันกัดฟันแน่น ฝืนพาร่างตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยถลอกลุกขึ้นยืน มือขวากำปืนไว้แน่น ส่วนมือซ้ายลากขาเปื้อนเลือดค่อย ๆ พาตัวเองไปยังมอเตอร์ไซค์“ฟื้นตัวให้ไวนะ…ฉันยังต้องลุยต่อ” ฉันบ่นกับตัวเอง ขณะยกรถขึ้นและลองบิดเครื่อง เสียงเครื่องยนต์คำรามเบา ๆ ขึ้นมาทันทีราวกับตอบรับฉันคว้าหมวกกันน็อกเก่า ๆ ใบหนึ่งที่แขวนอยู่ข้างเบาะ สวมมันอย่างรวดเร็ว แล้วบิดคันเร่งออกตัว บนถนนที่เริ่มว่างเปล่า เป้าหมายของฉันคือ...ลินามือข้างหนึ่งของฉันล้วงเครื่องมือสื่อสาร พยายามติดต่อหาชนกันต์ด้วยเสียงหอบแฮก[ลูกพี่!?] ในที่สุดชนกันต์ก็ตอบกลับมาเสียที ฉันถอนหายใจโล่ง“กันต์…พวกมันได้ตัวพี่ภูไปแล้ว!” ฉันเร่งเสียง “ฉันติดเครื่องติดตามไว้ในเสื้อเขา ส่งพิกัดที่ได้มาให้ฉันด่วน!”[เวรเอ๊ย! พวกมันรู้ได้ยังไง!?] เขาสบถ [เดี๋ยวส่งพิกัดให้ภายในสิบวินาที]ฉันตัดสายไป แล้วเร่งเครื่องอย่างเต็มแรงฝ่าเส้นทางสลับซ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status