ห้องทำงานเอริค
ประตูห้องทำงานถูกเปิดออกอย่างวิสาสะ พร้อมร่างสูงที่เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น เจ้าของห้องเงยหน้ามองคนมาใหม่ ด้วยความรู้สึกเคืองเล็กน้อย เมื่อ อยู่ ๆ ก็เข้ามาในห้องโดยที่เขายังไม่ได้รับอนุญาต
“พวกมึงนี่ว่างกันจังเลยนะ” เอริคพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ พร้อมจ้องมองคนมาใหม่ด้วยสายตาเบื่อหน่าย
“เพื่อนอุตส่าห์มาเที่ยวหา ทำไมพูดแบบนี้ละครับคุณเอริค” ไซออนเดินมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าเอริค แล้วเอ่ยพูดยั่วออกไปด้วยสีหน้าทะเล้น
เพื่อนมาหาทั้งทีทำหน้ามันให้ดี ๆ หน่อยไม่ได้หรือไงนะไอ้เพื่อนคนนี้ ไซออนเพื่อนสนิทของเอริค พวกเขาคบกันมาแล้วตั้งแต่ตอนเรียนมหาลัย เลยสนิทกันมากและรู้จักนิสัยใจคอกันเป็นอย่างดี เมื่ออาทิตย์ก่อนไซออนพึ่งได้รับโทรศัพท์จากมังกร ที่เป็นเพื่อนสนิทอีกคน มังกรโทรมาบ่นเรื่องของเอริคให้ฟังอยู่นาน ไซออนเลยรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เพราะเขาม่มีว่าเพื่อนสนิทของนี้ จะอาการหนักกว่าที่คิดมากขนาดนี้
คืนนั้นที่เอริคพาเด็กของมังกรขึ้นห้องไป แต่พอเข้าไปได้ไม่นาน อยู่ ๆ เอริคก็ไล่ตะเพิด เด็กคนนั้นออกจากห้องมาซะอย่างั้น ทำให้มังกรงงกับการกระทำของเพื่อนตัวเองมาก เอริคดูผิดปกติไปจากเดิมจริง ๆ มังกรรู้สึกเป็นห่วงสภาพของเอริค เลยโทรไปปรึกษาไซออน
“วันนี้กูไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวไหนทั้งนั้น ไม่ต้องมาชวน” เอริคพูดขึ้นอย่างใส่อารมณ์ เมื่อรู้ทันว่าเพื่อนจะต้องมาชวนไปเที่ยวไหนอีกแน่
“นี่มึงแดกเหล้าแต่หัววันเลยเหรอวะ ไอ้ริค”
ไซออนสังเกตเห็นขวดเหล้าวางอยู่ข้าง ๆ เอริค ก็พูดขึ้นอย่างสงสัย ดูเหมือนเพื่อนเขาอาการหนักขึ้นทุกวันนะเนี่ย
“...” เอริคนั่งเงียบไม่สนใจคำถามของไซออน แล้วยกแก้วเหล้าดื่มโชว์แทนคำตอบ เขาจะดื่มตอนไหนแล้วเกี่ยวอะไรกับมันด้วย
“มึงนี่อาการหนักเหมือนที่ไอ้มังกรบอกจริง ๆ ด้วยนะเนี่ย” ไซออนเห็นสภาพเพื่อนตรงหน้าแล้ว ก็อดพูดบ่นขึ้นมาไม่ได้ แค่ผู้ชายคนเดียวทำให้เพื่อนของเขา เป็นได้มากขนาดนี้เหรอวะเนี่ย!!
“ไอ้มังกร” พอเอริคได้ยินชื่อของเพื่อนอีกคน ในหัวของเขาก็อดคิดถึงเรื่อง ที่ผับในคืนนั้นขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้
คืนนั้นพอบอนขึ้นไปนอนรอบนเตียงตามคำสั่ง เอริคก็จัดการถอดกางเกง แล้วขึ้นไปนั่งคร่อมคนบนเตียงเอาไว้ เขาค่อย ๆ ก้มลงซุกไซร้คอขาวเพื่อปลุกเร้าอารมณ์ ทำเหมือนทุกครั้งที่เคยผ่านมา แต่อยู่ ๆ มันก็เกิดเรื่องผิดปกติขึ้นกับเขา เมื่อเอริคพยายามรูชักแท่งเนื้อของตัวเอง ไปมาอยู่หลายครั้งเพื่อเตรียมตัว แต่มันกับไม่ยอมตั้งผงาดแข็งตัวเหมือนกับทุกที เอริคก้มมองแท่งเนื้อที่ยังอ่อนตัวของตัวเองอย่างหัวเสีย เพราะมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“เวรเอ๊ย” เสียงสบถดังขึ้นอย่างหัวเสีย เมื่อร่างกายไม่ยอมเป็นอย่างที่ต้องการ เอริครู้สึกหงุดหงิดกับสภาพของตัวเองในตอนนี้มาก
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” บอนถามขึ้นเมื่อเห็นเอริคหยุดชะงักไม่ทำต่อ
“ออกไป” เอริคขยับออกมานั่งตรงปลายเตียง แล้วพูดสั่งออกไปเสียงเรียบ
“ครับ” เด็กหนุ่มถามกลับงุนงง เพราะไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูด
“กูบอกว่า ใส่หัวไปไง”
เอริคหันไปตะคอกใส่เด็กหนุ่มอย่างสุดเสียง เวลานี้เขาไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว ยิ่งพอก้มดูที่หว่างขาตัวเอง ใบหน้ายิ้มระรื่นของบาร์เทนเดอร์หนุ่ม ก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาเต็มไปหมด ทำให้เอริคยิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้นเป็นเท่าตัว
“ครับ ครับ” เด็กหนุ่มที่ถูกตะคอกใส่ ก็ตกใจกลัวรีบพยักรับ แล้วลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าอย่างงง ๆ ก่อนจะรีบออกไปจากห้องด้วยความกลัว
“ไอ้เฟย เป็นเพราะมึงทำให้กูต้องอยู่ในสภาพนี้”
พอเอริคคิดถึงเรื่องในคืนนั้นเมื่อไหร่ มือหนาทั้งสองข้างก็อดกำหมัดแน่น ด้วยความรู้สึกโกรธแค้นขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ ที่ร่างกายของเขาต่อต้าน ไร้ความรู้สึกกับคู่นอนแบบนี้ ก็เพราะไอ้จีนหื่นคนนั้นคนเดียวเลย หลังจากผ่านคืนนั้นมาเอริคได้ให้ลูกน้อง หาเด็กหนุ่มคนอื่นมาให้ลองเพิ่ม เผื่อว่าร่างกายของตัวเองจะกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่ไม่ว่าจะพาใครมาให้ลอง สภาพร่างกายของเอริคก็คงยังเป็นเหมือนเดิม แท่งเนื้อที่เคยตั้งแข็งชูชันอย่างว่าง่าย ตอนนี้กลับไร้ความรู้สึกไม่ตั้งผงาดอีกเลย
ไอ้เฟย! เป็นเพราะมึงที่ทำให้ร่างกายกูอยู่ในสภาพนี้ คอยดูเถอะ กูจะต้องจับตัวมึงมาทรมานให้สาสมกับสิ่งที่มึงทำให้ได้!!
ไซออนนั่งส่ายหัวไปมาอย่างเอือมระอา เมื่อเห็นเอริคยกแก้วเหล้าดื่มรวดเดียวจนหมด ดูเหมือนเพื่อนของเขาจะอาการแย่มากแล้วจริง ๆ
“แล้วมาที่นี่มีธุระอะไร ถ้าไม่มีก็ไสหัวไป” เอริคทำเป็นไม่สนใจท่าทางของเพื่อน พูดถามกลับไปเสียงเรียบ เวลานี้เขาไม่อยากเจอหน้าหรือพูดคุยกับใครทั้งนั้น
“อ้าววว...พูดแบบนี้กูกลับเลยดีไหม คนอุตส่าห์เอาข่าวดีมาบอกแท้ ๆ” ไซออนพูดขึ้นอย่างน้อยใจที่ถูกไล่ เพื่อนอุตส่าห์มาหาทั้งที แต่ดูพูดเข้า มันหน้าปล่อยให้ตายคาขวดเหล้า อยู่ในห้องนี้คนเดียวซะจริง ๆ
“ข่าวดี...” คิ้วหนาขมวดเป็นปมอย่างสงสัย เอริคเงยหน้าขึ้นมองไซออนอย่างข้องใจ ข่าวดีอย่างงั้นเหรอ ไอ้เพื่อนบ้านี่ มันจะมาไม้ไหนอีกนะ
“ให้ทายครับ” ไซออนยื่นหน้าทำทะเล้นใส่เอริคอย่างกวน ๆ
“ไอ้ไซ” เอริคชักสีหน้าไม่พอใจใส่เพื่อนสนิท พร้อมเรียกชื่อออกมาเสียงดุ
สีหน้าของเอริคเริ่มบึ้งบูดขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเริ่มจะไม่สบอารมณ์กับท่าทางของเพื่อนตัวเอง มันใช่เวลาเล่นไหมวะ คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่ ไอ้เพื่อนเวรนี่!!
“เอ่อ...นี่ไงข่าวดีที่กูบอก”
ไซออนเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเพื่อน เลยเลิกล้อเล่น แล้วยกของบางอย่างในมือชูขึ้นให้เอริคดู ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเอง
“เรือสำราญ กูบอกแล้วไง ว่าไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวไหนกับมึงทั้งนั้น” เอริคพูดขึ้นอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ในมือของไซออนแบบชัด ๆ ‘ตั๋วล่องเรือสำราญ’
ครั้งก่อนที่ไปเที่ยวล่องเรือสำราญกัน มันพึ่งผ่านมาได้สองเดือนกว่าเอง แถมเอริคยังไม่ทันได้เอาคืนกับตัวต้นเหตุ ที่ทำให้เขาอยู่สภาพนี้เลย แล้วนี่อะไรจะมาชวนเขาไปอีกแล้วเหรอ วัน วัน พวกมันไม่คิดจะทำงานกันบ้างเลยหรือไง เห็นหน้าก็ชวนเที่ยวกันอย่างเดียวเลย
“ไม่มีอารมณ์จริง ๆ เหรอ แต่เห็นเขาบอกว่า บาร์เทนเดอร์เรือลำนี้เป็นลูกครึ่งไทยจีนด้วยนะโว้ย” ไซออนไม่สนคำพูดของเอริค พูดขึ้นต่ออีกครั้งด้วยสีหน้าระรื่น หึหึ ดูสิว่าพอได้ยินแบบนี้ ยังจะไม่มีอารมณ์ไปเที่ยวกับเขาอยู่อีกไหม
“บาร์ เทน เดอร์ ลูกครึ่งไทยจีน” เอริคชะงักค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันหน้ามาหาไซออน ด้วยสายตาเป็นประกาย
ลูกครึ่งไทยจีนอย่างงั้นเหรอ หรือว่า จะเป็น...ไอ้เฟย!!
“ใช่ครับ คุณเพื่อน” ไซออนยักคิ้วขึ้นลง แล้วพูดตอบกลับไปอย่างมั่นใจ ไซออนได้ลองให้ลูกน้องตัวเองไปสืบดูมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ผิดอย่างแน่นอน
“ไอ้เฟย”
เอริคจ้องมองใบตั๋วเรือสำราญนิ่ง พร้อมเอ่ยชื่อคนที่ตัวเองพยายามตามหาอยู่หลายเดือน ออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ใบหน้าหล่อคมปรากฏรอยยิ้มแสนชั่วร้ายขึ้นทันที เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของเพื่อนสนิท
ในที่สุดก็หาตัวไอ้จีนหื่นเจอสักที ไอ้เฟยเดี๋ยวมึงกับกูได้เจอกันแน่ แล้วรอบนี้อย่าหวังว่าจะหนีรอดเงื้อมมือของเขาไปได้ง่าย ๆ ด้วย
“ไง รู้สึกมีอารมณ์อยากไปเที่ยวขึ้นมาบ้างหรือยังครับคุณเพื่อน”
“หาตัวเจอสักทีนะ คุณบาร์เทนเดอร์”
พอได้ใบหน้าที่บึ้งตึงของเพื่อนสนิท ค่อย ๆ เปลี่ยนกลายเป็นรอยยิ้มขึ้นมาแทน ไซออนก็อดพูดแซวออกมาไม่ได้ หึหึ ดูถ้างานนี้จะมีคนสละโสดแล้วสินะ แค่บอกว่าหาคู่นอนเจอแล้ว ก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ดูอารมณ์ดีขึ้นมาทันทีสักขนาดนี้
ไซออนที่พอรู้ว่าเพื่อนสนิทของตัวเอง คิดถึงคู่นอนบนเรือสำราญมาก ถึงขั้นให้ลูกน้องออกตามหาบาร์เทนหนุ่มไปทั่ว แต่เวลาผ่านไปหลายเดือนแล้วก็ยังหาไม่เจอ ทำให้เอริคหงุดหงิดโวยวายใส่ลูกน้องไม่หยุด ไซออนเห็นว่าเพื่อนตัวเองดูจะอาการหนักขึ้นทุกวัน เลยให้ลูกน้องของตัวเองช่วยตามหาบาร์เทนเดอร์ตัวปัญหานั่นอีกแรง
...จนในที่สุดก็หาร่องรอยของอีกฝ่ายเจอ แต่กว่าจะหาเจอก็เล่นทำพวกเขาเสียเวลาไปเป็นครึ่งเดือนอยู่เหมือนกัน คนอะไรหาตัวยากชะมัด ความจริงไซออนยังคงรู้สึกงงกับเรื่องนี้อยู่เลย เพราะทั้งที่ลูกน้องของเขากับเอริค พยายามหาตัวบาร์เทนเดอร์คนนี้มาตั้งนาน แต่กลับไม่มีวี่แววอะไรเลยสักนิด แต่อยู่ ๆ เมื่อวานก็มีข้อมูลปรากฏขึ้นมาซะดื้อ ๆ ราวกับว่าจงใจให้พวกเขาหาเจอยังไงก็ไม่รู้...
ร้านอาหารจีนร้านอาหารจีนชื่อดังกลางใจเมือง ที่ถูกตกแต่งเต็มไปด้วยสีแดงอย่างหรูหราสะดุดตา เป็นเสมือนศูนย์รวมผู้คนที่มีเชื้อสายจีน หรือบางคนที่รู้สึกเบื่ออาหารรสชาติจัดจ้าน ก็หันมานั่งกินเปลี่ยนรสชาติและบรรยากาศกัน โต๊ะอาหารมุมหนึ่งของร้านมีหนุ่มจีนใส่เสื้อเชิ้ตสีขาว นั่งอยู่เพียงลำพัง บนโต๊ะมีแก้วน้ำเปล่าวางอยู่ข้าง ๆ นาฬิกาข้อมือเรือนหรูถูกยกขึ้นมาดูหลายครั้งติดต่อกัน ใบหน้าขาวซีดหันมองทางเข้าร้านเป็นระยะราวกับว่าเขากำลังนั่งรอใครบางคนอยู่และแล้วใบหน้าขาวซีดของหนุ่มจีนก็ค่อย ๆ ฉีกยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเห็นคนที่ตัวเองรอคอยมานาน กำลังก้าวเดินเข้ามาในร้าน แต่รอยยิ้มก็อยู่บนใบหน้าของหนุ่มจีนได้เพียงครู่เดียว ก็ต้องละลายหายไปในที่สุด เมื่อสายตาของเขามองเห็นว่าคนที่ตัวเองกำลังนั่งรออยู่นั้น ไม่ได้เดินมาเพียงคนเดียวอย่างที่เขาคิดไว้“อ้าวเฟยมาแล้วเหรอ นั่งก่อนสิ” ชุนหนุ่มจีนที่นั่งอยู่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ หันไปเอ่ยทักทายอดีตบอดี้การ์ดหนุ่ม ของตัวเองออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ครับ” เสียงนุ่มทุ้มตอบ
ท้องทะเลสีคราม หาดทรายสีขาวสะอาดตา สายลมทะเลพัดเอื่อย ๆ พาเอาความสดชื่นเข้ามาปะทะใบหน้า บวกกับเสียงคลื่นกระทบเข้าฝั่ง ที่ไพเราะราวกับบทเพลงกล่อมให้ชวนหลับ ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วทำให้รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก หลังจากจบศึกระลึกความหลังที่ยาวนานติดต่อกันเกือบสามวัน ในที่สุดเฟยก็ยอมปล่อยให้เอริค ได้พักผ่อนแบบจริงจังตามที่หวังเอริคนั่งจ้องมองวิวทิวทัศน์สุดลูกหูลูกตา เบื้องหน้าอย่างเคลิบเคลิ้มและหลงใหล นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขามัวแต่หมกมุ่นทำแต่งาน จนแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนจริง ๆ จัง ๆ แบบนี้ เอริคนั่งคิดย้อนอดีตถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของตัวเอง ถ้าคืนนั้นเขาไม่ได้เจอกับเฟย เวลานี้ชีวิตของเขาจะเป็นยังไง มันจะดีขึ้นหรือจะแย่ลงกันนะเอริคที่กำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความคิดอยู่นั้น ก็ต้องถูกเสียงสั่นของโทรศัพท์เครื่องหรูตัวเอง ปลุกให้ตื่นกลับมาสู่โลกแห่งความจริง เอริคหันมองโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้าง ๆ แล้วขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อเห็นว่าชื่อที่ขึ้นโชว์อยู่นั้นเป็นเบอร์ของเซ็นลูกน้องของตัวเองครืน ครืน ครืน!!“อืม มีอะไร&rd
รีสอร์ตติดทะเลสุดหรูรีสอร์ตสุดหรูที่เป็นห้องพักติดทะเล มีดีไซน์สวยงามทุกมุมเหมาะสมกับคู่รักที่พากันมาสวีท เพื่อเพิ่มความหวานให้แก่กันเป็นอย่างมาก ส่วนด้านหลังก็สามารถนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกดิน สุดแสนโรแมนติกได้แบบใกล้ชิดหาดทรายสีขาวท้องทะเลสีคราม กับท้องฟ้าสีสดใสไร้เมฆ มองไปสุดลูกหูลูกตา เป็นภาพที่เห็นแล้วชวนให้ผ่อนคลาย รู้สึกมีความสุขและจิตใจสงบอย่างบอกไม่ถูกแต่!!สองหนุ่มในห้องนอนรีสอร์ตสุดหรูห้องหนึ่ง ตอนนี้กับอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดแบบสุด ๆ“คุณเอริคจะอยู่ท่านั่นอีกนานไหมครับ”“หนวกหู ขอทำใจหน่อยไม่ได้หรือไง”เสียงพูดของสองหนุ่มโต้เถียงกันดังอยู่บนที่นอน คนหนึ่งนั่งหลังพิงหัวเตียง ส่วนอีกคนก็กำลังนั่งคร่อมอยู่บนตัก ร่างกายของทั้งคู่เปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้าสวมใส่หลังจากที่พูดเคลียร์เรื่องของเรนจบลงในคืนนั้น เอริคกลัวว่าเด็กหนุ่มยังจะมาวุ่นวายกับคนของตัวเองไม่เลิกอีก เขาเลยลากเฟยหนีออกมาเที่ยวไกลกันสองคน และถือโอกาสมาเปลี่ยนบรรยากาศ มานั่งรับลมทะเล ดื่มด่ำกับธรรมชาติ
“ฮัลโหล”(เฮียเฟย)“เรน!”พอโทรศัพท์เครื่องหรูถูกกดรับ เสียงที่คุ้นเคยจากปลายสาย ก็ร้องเรียกชื่อเจ้าของโทรศัพท์ดังลอดออกมาเฟยที่ได้ยินน้ำเสียงหวานหยดย้อยนั้นเรียกชื่อตัวเอง ก็รู้ได้ทันทีว่าใครกำลังอยู่ในสาย เลยพูดชื่อของอีกฝ่ายออกไปด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าคนในสายจะมีเบอร์ติดต่อของตัวเองด้วยตั้งแต่ที่เฟยเลิกเป็นบอดี้การ์ด เขาก็ได้ตัดสินใจทิ้งอดีตไว้ด้านหลัง รวมถึงได้เปลี่ยนเบอร์ติดต่อทุกอย่างด้วย เพื่อที่จะได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง เบอร์โทรที่เฟยใช้อยู่ตอนนี้เลยมีแต่เพื่อนสนิท กับเพื่อนที่เป็นบาร์เทนเดอร์ด้วยกันเท่านั้นที่รู้ พอเฟยได้ยินเสียงของเรนในสายเลยตกใจมาก เขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้เบอร์ของตัวเองได้(เรนไม่สบาย เฮียมาหาเรนหน่อยได้ไหม เรนลุกไม่ไหว) เสียงแหบแห้งราวกับคนไร้เรี่ยวแรง ดังลอดออกมาจากปลายสายอีกครั้งเรนที่ยังไม่ยอมตัดใจเรื่องของเฟยง่าย ๆ เลยโทรมาเพื่อเรียกร้องความสงสารจากอีกฝ่าย เพราะเขารู้จักนิสัยของอดีตแฟนหนุ่มดี ว่าเป็นคนขี้สงสารและเอ็นดูตัวเองมาก ถ้าเฟยรู้ว่าเขานอนโทรมไม่สบายอยู่บนเตียงค
“โอ๊ย! มันเจ็บนะ”เสียงร้องโอดโอยดังขึ้นด้วยความเจ็บปวด เมื่อร่างเล็กถูกเหวี่ยงติดผนังอย่างแรง จนล้มพับไปกองอยู่กับพื้น เรนชักสีหน้าไม่พอใจใส่เอริคที่ยืนกอดอกมองตัวเองอยู่อย่างไม่เกร็งกลัว“แค่นี้มันยังน้อยไป ถ้ามึงยังไม่เลิกมาตอแยเมียกูอีก มึงได้เจ็บตัวมากกว่านี้แน่” เอริคยืนกอดอกดูผลงานตัวเองอย่างชอบใจ ก่อนจะพูดขู่ออกไปอีกครั้ง ทำแค่นี้ทำมาเป็นร้องโวยวายสำออยจริง ๆ“อย่ามาโกหกซะให้ยากเลย ผมไม่เชื่อหลอกว่าเฮียเฟยเป็นเมียของคุณจริง ๆ” เรนยันตัวเองลุกขึ้นยืนประจันหน้า แล้วพูดเถียงกลับอย่างไม่ยอมเรนรู้จักนิสัยของเฟยดีว่าเป็นคนยังไง ในอดีตเพราะหน้าตาสวยราวกับผู้หญิง เลยทำให้มีผู้ชายมากมายมาสนใจในตัวของเฟย แต่ไม่ว่าคนพวกนั้นจะเอาเงินหรือของมาให้มากเท่าไหร่ เฟยก็ไม่เคยสนใจและมีความคิดเปลี่ยนมาเป็นรับ เพื่อสนองอารมณ์ของผู้ชายพวกนั้นเลยสักครั้ง แล้วตอนนี้จะมาบอกว่าเฟยเป็นเมีย ใครมันจะเชื่อลง“แล้วทำไมกูจะต้องโกหกมึงด้วย” เอริคชักสีหน้าใส่คนเถียง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะเชื่อคำพูดของตัวเองเลยสักนิด“คนอย่างเฮียเฟย ให้ตายก็ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจมาเป็นรับหลอก” เรนพูดขึ้นอย่างมั่นใจ เขารู้จ
ตุบ!เสียงกำปั้นทุบลงโต๊ะทำงานด้วยความโกรธเกรี้ยว จนคนที่ยืนพูดรายงานอยู่ สะดุ้งตกใจรีบก้าวถอยหนีคนโมโหอย่างงง ๆ แซมไม่เข้าใจว่าเอริคโกรธตัวเองเรื่องอะไร เขาแค่มารายงานตามปกติเองนี่นา“ไอ้เด็กบ้า เดี๋ยวมึงได้เจอดีแน่” เอริคสถบด่าออกอย่างไม่พอใจ กล้ามาหาผู้ชายของเขาถึงที่นี่เลยเหรอ“เออ…” แซมยืนนิ่งค้างทำตัวไม่ถูก เมื่ออยู่ ๆ เจ้านายตัวเองก็แสดงท่าทีฉุนเฉียวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ“แล้วเฟยล่ะ ตอนนี้อยู่ที่ไหน” เอริคถามขึ้นเสียงแข็ง เมื่อนึกถึงตัวต้นเหตุของเรื่องขึ้นมาได้“อ๋อ พึ่งเดินลงไปหาเด็กคนนั้นเมื่อกี้เองครับ” แซมตอบกลับไปตรง ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มอย่างไม่ได้คิดอะไร“ใครบอกมัน”เอริคถามต่ออย่างสงสัย เพราะตามปกติแล้วเฟยจะอยู่แต่ชั้นบน ไม่ห้องพักก็จะมาช่วยงานเขาที่ห้องนี้เท่านั้น เฟยไม่มีทางรู้ได้เลยว่ามีคนมาหา ถ้าไม่มีใครขึ้นมาบอก“ผมบอกเองครับ”แซมชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง แล้วพูดบอกเอริคออกไปตรง ๆ พร้อมปั้นหน้ายิ้มแป้นรอรับคำชมจากอีกฝ่าย เมื่อคิดว่าตัวเองพึ่งทำเรื่องดี ๆ ไปแต่…สิ่งที่ได้มากับไม่ใช่คำชมเชย แต่กลับเป็นแฟ้มเอกสารเล่มหนา ปามาทางเขาแทน“ไอ้แซม มึงนี่มัน” เอริคตะคอกว่าลูกน้อ